โอลิมปิกฤดูหนาวที่โซชี ประเทศรัสเซียปี 2014 นักกีฬารัสเซียสามารถครองความเป็นจ้าวกีฬาระดับโลกได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการเปิดเผยเบื้องหลังอันน่าขยะแขยง โดยอดีตผู้อำนวยการของแล็บที่มีหน้าที่ในการตรวจสารกระตุ้น ได้ออกมากล่าวหารัฐบาลของประเทศตัวเองว่า โอลิมปิกครั้งนั้นเป็นการจัดฉากสร้างภาพครั้งมโหฬารที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ผู้อำนวยการคนนั้นคือ Grigory Rodchenkov ผู้ซึ่งอำนวยการตรวจสารกระตุ้นให้กับนักกีฬากว่าพันคนที่เข้าร่วมแข่งขัน เขายอมรับว่ามีการสร้างส่วนผสมจากสารกระตุ้นหลายตัว ผสมกับเหล้าเพื่อแจกจ่ายให้กับนักกีฬา เพื่อช่วยให้นักกีฬาทำผลงานได้ดี นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับวงการกีฬารัสเซีย ไม่มีนักกีฬาของรัสเซียคนไหนถูกจับได้ว่าใช้สารกระตุ้น สิ่งที่สำคัญ คือการที่รัสเซียสามารถเอาชนะเป็นเจ้าเหรียญทองนำหน้าประเทศคู่อริอย่างสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ
"คนทั้งประเทศ ฉลองกับชัยชนะของนักกีฬา ในขณะที่เราวิ่งกันหัวหมุน สับเปลี่ยนปัสสาวะนักกีฬาคนนั้น เชื่อไหมล่ะ นี่แหละคือมหกรรมโอลิมปิก" หลังจากที่ New York Times ได้ตีพิมพ์บทความนี้ไป แทบจะในทันที รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาของรัสเซีย Vitaly Mutko ได้โจมตีบทความนี้และกล่าวว่า เป็นการใส่ร้ายป่ายสีให้กับวงการกีฬาของรัสเซีย
ถ้าสิ่งที่ Dr. Rodchenkov พูดเป็นการกล่าวหาลอยๆคงจะไม่มีความน่าเชื่อถือเลย แต่สิ่งที่เขาทำคือแสดงหลักฐานเอกสารมากมายให้กับสำนักพิมพ์ ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นเอกสารที่มาจากกระทรวง และเอกสารเหล่านั้นก็มีรายชื่อนักกีฬาที่ใช้สารกระตุ้น เขากล่าวว่างานของเขาคือ "การทดลองเพื่อทำให้สำเร็จ" กล่าวคือ รัสเซียวางแผนที่จะใช้สารกระตุ้นอย่างแยบยลในการแข่งขันกีฬามาตั้งนานแล้ว และครั้งนี้คือบททดสอบในกีฬาระดับสูงสุด "เรามีพร้อม ทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ ความรู้ ประสบการณ์และเตรียมพร้อมมาอย่างดีสำหรับการแข่งขันที่โซชี ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบราวกับนาฬิกาของสวิสต์เลยทีเดียว"
หลังจากการแข่งขันโซชี 2014 จบเขาได้รับเกียรติรางวัล Order of Friendship จากประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องออกมาแฉ เริ่มต้นจาก เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสนับสนุนการใช้สารกระตุ้นให้กับวงการกีฬารัสเซีย รวมถึงเรียกสินบนจากนักกีฬาเพื่อแลกกับผลการตรวจ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่จับเขาเซ็นสัญญาบังคับลาออก เขากลัวว่าชีวิตตนเองจะไม่ปลอดภัย จึงหลบหนีมาที่ Los Angeles โดยความช่วยเหลือจากเพื่อน ในช่วงนั้นที่รัสเซียเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดสองคน เสียชีวิตแบบเป็นปริศนาในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลาใกล้เคียงกัน ทั้งสองคนก็ถูกบังคับให้เซ็นลาออกหลังจากที่เขาหลบหนีจากประเทศในเวลาไม่นาน
อะไรที่ทำให้รัสเซียอยากเอาชนะ?
ตามคำบอกเล่าของ Dr. Rodchenkov เดือนกันยายนที่ผ่านมา WADA หรือองค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้น ได้แบนนักกีฬารัสเซียจากการแข่งขันลู่และลาน จากนั้นต่อมาผู้นำของวงการกีฬากำลังหารือกันว่าจะแบนนักกีฬารัสเซียจากการแข่งขันโอลิมปิกที่ริโอด้วยเลยหรือไม่ อย่าลืมว่ารัสเซียจะเป็นเจ้าภาพ World Cup ในปี 2018
ก่อนหน้านั้นรัสเซียได้แค่ที่ 6 ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Vancouver ประเทศแคนาดา รัฐบาลรัสเซียมีความกระหายที่จะแสดงอำนาจในระดับโลก เงินกว่าพันล้านถูกใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงเมืองรีสอร์ทเล็กและโทรมให้กลายเป็นสวรรค์แห่งการแข่งขันกีฬาอันสวยงาม ประธานาธิบดีปูตินเป็นตัวตั้งในการประมูลการจัดการแข่งขันโอลิมปิกด้วยตนเอง แถมด้วยการวางแผนงานไว้หลายส่วนด้วยตนเอง แน่นอนว่ารัสเซียไม่ได้อยากให้ผู้ชมทั่วโลกสนุกสนานกับแค่พิธีเปิดหรือการแข่งขันสกีที่ราบลื่น
สำนักพิมพ์ได้ส่งจดหมายตั้งคำถามและขอให้เปิดเผยข้อมูบถึงกระทรวงการกีฬาและอีก 6 สมาคมของรัสเซีย ซึ่งนักกีฬาถูกตรวจพบสารกระตุ้นจำนวนมาก รัฐมนตรี Mutko จัดข่าวแถลงสื่อมวลชน กล่าวหาสำนักพิมพ์ไร้ซึ่งหลักฐานอ้างอิง และเป็นการทำลายวงการกีฬารัสเซีย "วงการกีฬาของเราโปร่งใส ทุกอย่างถูกควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ"
Dr. Rodchenkov กล่าวว่า ทางกระทรวงเองมีคำสั่งเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้น 6 เดือนก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น โดยเขาได้พบกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งชื่อว่า Yuri Nagornykh อาทิตย์ละครั้งที่สำนักงานประจำเมืองมอสโคว์ เขามีหน้าที่รับประกันให้รัสเซียได้เหรียญมากที่สุด และถ้าเป็นไปได้ ต้องเหรียญทองด้วย
ในช่วงเวลานั้น Dr. Rodchenkov เป็นผู้อำนวยการห้องแล็บตรวจสารกระตุ้นมาตั้งแต่ปี 2005 เขาเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในความเชี่ยวชาญ เขาถึงกับขนาดเคยทดลองใช้สารกระตุ้นแล้วตรวจกับตัวเอง เขาตีพิมพ์ผลงานลงวารสารมากมายและได้เข้าร่วมประชุมต่างประเทศหลายครั้ง เขาเป็นแขกพิเศษสำหรับการเข้าร่วมประจำปีขององค์กรตรวจหาสารกระตุ้นของสหรัฐ ซึ่งเขาเข้าร่วมครั้งล่าสุด สิบเดือนก่อนถูกบีบให้ลาออก
สำหรับความสามารถ เขาจบปริญญาเอกด้านเคมีการวิเคราะห์ และเชี่ยวชาญด้านการใช้สารกระตุ้นอย่างไรไม่ให้โดนตรวจจับ เขากล่าวว่าทำไปก็เพราะช่วยรัฐบาลรัสเซีย หลังจากที่เขาลองผิดลองถูกหลายครั้ง เขาก็ค้นพบสูตรสารกระตุ้นของตัวเอง ซึ่งประกอบด้วย Anabolic Steroids สามตัว metenolone, trenbolone และ oxandrolone เขากล่าวว่า นักกีฬารัสเซียชื่อดังหลายคนใช้สูตรของเขาในกีฬาโอลิมปิกลอนดอน 2012 และโซชี 2014 เขาบอกว่าไม่ได้ควบคุมการใช้งานให้กับนักกีฬาโดยตรง แต่แค่จัดหาให้
ยาที่เขาจัดหาให้ทำให้นักกีฬาฟื้นตัวได้เร็วขึ้นในการฝึกซ้อม และสามารถเข้าแข่งขันโดยทำผลงานได้ดี เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้รวดเร็วและช่วงเวลาในการโดนจับได้สั้นลง เขาผสมสูตรยาเข้ากับเหล้า Chivas สำหรับนักกีฬาชายและ Martini vermouth สำหรับนักกีฬาหญิง นักกีฬาจะต้องดื่มโดยการกลิ้งยาไปใต้ลิ้นเพื่อให้ร่างกายดูดซึม แต่ก็มีข้อน่าสงสัย แม้เขาจะบอกว่าสูตรยาของเขายอดเยี่ยม แต่ตามรายงานปี 2014 ของ WADA นักกีฬารัสเซียเป็นชาติที่ถูกตรวจพบการใช้สารกระตุ้นมากที่สุด Dr. Rodchenkov กล่าวว่า นักกีฬาบางคนใช้สารกระตุ้นตัวอื่นที่เขาไม่อนญาตทำให้เสี่ยงต่อการโดนจับได้ "นักกีฬาก็เหมือนเด็ก อะไรอยู่ใกล้มือก็เอาใส่ปากไปซะหมด"
เขายกตัวอย่าง Elena Lashmanova เป็นนักวิ่งเหรียญทองโอลิมปิกที่ลอนดอน 2012 เธอถูกตรวจพบสารกระตุ้นและถูกแบน 2 ปี เขากล่าวว่าในช่วงเวลานั้นมีผู้สังเกตการณ์อยู่ในแล็บทำให้เขาไม่สามารถเปลี่ยนปัสสาวะเพื่อช่วยเธอได้ เพราะอาจทำให้ความแตก เขาแสดงอีเมล์ ในวันที่ 18 เมษายน 2014 เขาเขียนอีเมล์ถึง Nagornykh ว่าเขาไม่สามารถช่วยเหลือนักกีฬาคนนี้ได้
การเตรียมตัว ก่อนกีฬาโอลิมปิก
Dr. Rodchenkov กล่าวว่าช่วงปี 2013 มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานลับ เข้ามาที่แล็บขอตัวอย่างขวดสำหรับเก็บปัสสาวะไปหลายร้อยขวด เจ้าหน้าที่เหล่านั้นเข้ามาถามข้อมูลเรื่องขวดตัวอย่างโดยอ้างว่าเข้ามาปกป้องห้องแล็บ แม้ว่าคำถามจะเป็นเรื่องทั่วไป และการสนทนาเป็นไปอย่างสุภาพ แต่เจ้าหน้าที่ในแล็บก็เดาออกว่าผู้ถาม ต้องการข้อมูลเพื่อเปิดขวด
การแข่งขันจะมีการตรวจสารกระตุ้นในรูปแบบต่างๆกัน แต่สำหรับโอลิมปิกแล้วนักกีฬาจะต้องส่งมอบตัวอย่างปัสสาวะให้กับเจ้าหน้าที่ ปัสสาวะจะถูกแบ่งออกสองขวด ขวด A ถูกนำไปตรวจทันที ขวด B จะถูกปิดผนึกและเก็บไว้ตรวจได้ถึง 10 ปี สำหรับเผื่อกรณีมีการสอบสวนในอนาคต บริษัท Berlinger ของสวิสต์เซอร์แลนด์เป็นผู้ผลิตขวดที่สามารถล็อคตัวเองได้
กฎระเบียบนี้ทำให้นักกีฬาทั่วไปต้องหยุดใช้สารกระตุ้นนานพอสมควรก่อนการแข่งขัน แต่การแข่งขันโซชี ตัวแปรต่างไป เพราะรัสเซียเป็นเจ้าของแล็บเองทำให้นักกีฬาสามารถใช้สารกระตุ้นได้ตามใจชอบตลอดการแข่งขัน การเข้าถึงขวดในแล็บคือกุญแจสำคัญ สิ่งที่ Dr. Rodchenkov ยังมองว่าเป็นปริศนาคือขวดเก็บตัวอย่างปัสสาวะ ซึ่งเจ้าหน้าที่สายลับนำมาให้เขาดูแม้ว่าของภายในถูกสับเปลี่ยน แต่ฝาของมันปิดสนิทราวกับไม่มีการถูกเปิดมาก่อน
"ตอนที่ผมเห็นขวดครั้งแรก ผมไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ผมเชื่อมาตลอดชีวิตว่า ฝาขวดถูกเปิดออกไม่ได้"
การสับเปลี่ยนปัสสาวะ
ในช่วงการแข่งขันกีฬาที่โซชี มีพนักงานกว่า 100 คนที่แล็บของ Dr. Rodchenkov รวมไปถึงผู้เชียวชาฐจากทั่วโลก ระบบความปลอดภัยหนาแน่น มีกล้องวงจรปิดตลอดทางและผู้ที่ต้องการเข้าแล็บต้องมีบัตรผ่าน มีการสุ่มช่วงเวลาเฝ้าหน้าจอตลอดวัน แต่ช่วงกลางดึกจะมีน้อยมาก
Dr. Rodchenkov กล่าวว่าทุกคืน จะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกีฬาส่งรายชื่อนักกีฬาที่เขาต้องเปลี่ยนขวดปัสสาวะ นักกีฬาจะถ่ายรูปหมายเลข 7 หลักที่แบบฟอร์มการตรวจจากนั้นส่งให้กับทางกระทรวงจากนั้นกระทรวงจะจัดหาปัสสาวะที่ปลอดสารกระตุ้นให้ เมื่อเขาได้รับสัญญาณ เขาจะเปลี่ยนเสื้อจากชุดแล็บเป็นชุดปกติ มองว่าทางไม่มีคนจากนั้นเข้าห้อง 124 ที่ซึ่งจะเป็นห้องแล็บลับที่เขาและทีมของเขารออยู่
เพื่อนร่วมงานของเขาจะส่งขวดตัวอย่างปัสสาวะที่ถูกต้องมาทางช่องวงกลมที่เจาะผ่านผนัง ช่องนี้ในช่วงกลางวันจะถูกบังไว้ด้วยตู้ไม้ขนาดเล็ก เขาจะต้องนำขวดนั้นไปส่งให้เจ้าหน้าที่สายลับข้างล่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเอาขวดเหล่านั้นไปที่ตึกข้างๆ ภายในไม่กี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่คนนั้นจะกลับมาพร้อมขวดที่เปิดฝาเรียบร้อยแล้ว เขายังเตรียมปัสสาวะของนักกีฬาหลายเดือน ก่อนที่นักกีฬาจะเริ่มใช้สารกระตุ้น Dr. Rodchenkov บอกว่าปัสสาวะบางทีก็มาในขวดแป้ง ขวดนมเด็ก หรือภาชนะอื่นๆ
ในห้องน้ำที่ปิดไฟ Dr. Rodchenkov กับเพื่อนร่วมงานทิ้งปัสสาวะที่มีสารกระตุ้นลงโถส้วม ล้างขวด เช็ดด้วยกระดาษแล้วเติมด้วยปัสสาวะปลอดสารกระตุ้นแทน เขาอาจเติมน้ำหรือเกลือเพื่อให้ดูเหมือนกับขวดปัสสาวะอีกขวด เพราะนักกีฬาสองช่วงเวลามีเกลืออยู่ในปัสสาวะต่างกัน การเปลี่ยนขวดปัสสาวะนี้บางทีทำกันจนเช้า
โซชี 2014 ที่ผ่านมา รัสเซียได้เหรียญรางวัลรวม 33 เหรียญ 13 เหรียญเป็นเหรียญทอง ถือว่าได้มากกว่าครั้งก่อน 10 เหรียญ กว่า 1 ใน 3 ของรายชื่อนักกีฬาที่ได้รับเหรียญ ปรากฎอยู่ในเอกสารของ Dr. Rodchenkov แต่ก็ไม่ใช่นักกีฬาที่ใช้สารกระตุ้นจะได้เหรียญไปทั้งหมด ทีมฮ็อกกี้หญิงของรัสเซียได้เพียงแค่ที่ 6 ทั้งๆที่ใช้สารกระตุ้นกันทั้งทีมตลอดการแข่งขัน ทุกสมาคมที่เกี่ยวข้องต่างออกมาปฏิเสธและไม่พูดถึงเรื่องนี้ โดยกล่าวเพียงว่า ได้ทำตามขั้นตอนกระบวนการถูกต้องทุกอย่างแล้ว
คณะกรรมการโอลิมปิก หลังจากได้รับเรื่องนี้แล้ว "รายงานถือว่ามีข้อมูลเบื้องลึกชัดเจนมาก เรารู้สึกกังวล เราได้ขอให้ WADA ทำการสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง"
หลังจากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 จบลง WADA ชื่นชมว่าเป็น "ก้าวหลักใหม่สำหรับการปฏิวัติการตรวจสารกระตุ้นของโอลิมปิกเกมส์" แต่ปีต่อมา WADA ตีพิมพ์รายงานถึงความไม่ชอบมาพากล เกิดขึ้นจากการตรวจพบการใช้สารกระตุ้นของนักกีฬาลู่และลานของรัสเซียที่ทำกันเป็นระบบ ทำให้ Dr. Rodchenkov กลายเป็นจุดสนใจเต็มๆ ด้วยข้อหาคบคิดเพื่อประเทศของตนเอง
ในตอนนี้เมื่อย้อนถาม Dr. Rodchenkov ว่าทำไมถึงเรื่องน่าอายแบบนี้ เขากล่าวว่ามันจำเป็น การที่เขาจะได้รับเงินทุนหรือความช่วยเหลือเพื่อแล็บของเขาเอง นั่นหมายความว่าต้องทำในสิ่งที่รัฐบาลสั่งให้ทำ เขาไม่กล้าลองดีกับรัฐบาล เขาเองเคยเกือบต้องโทษโดนจับข้อหาลำเลียงสารกระตุ้น เขาคิดตอนนั้นชัดเจนว่าคงได้เข้าคุกเป็นแน่ แต่กลับกลายเป็นว่าน้องสาวของเขาโดนจับในข้อหานี้แทน โดยที่การสอบสวนของเขายุติไปเฉยๆ
เขาคิดเสมอว่าเป็นเพราะว่าเขาถูกวางหมากให้ทำเรื่องนี้ในโอลิมปิกโซชีเกมส์ "มันคือการแก้ตัว ผมต้องทำให้รัสเซียชนะ ไม่งั้นก็ไปนอนในคุก"
เครดิต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.nytimes.com/2016/05/13/sports/russia-doping-sochi-olympics-2014.html?_r=1
[แปล] ข้อกล่าวหาการใช้สารกระตุ้น สั่นสะเทือนวงการกีฬาของรัสเซีย
ผู้อำนวยการคนนั้นคือ Grigory Rodchenkov ผู้ซึ่งอำนวยการตรวจสารกระตุ้นให้กับนักกีฬากว่าพันคนที่เข้าร่วมแข่งขัน เขายอมรับว่ามีการสร้างส่วนผสมจากสารกระตุ้นหลายตัว ผสมกับเหล้าเพื่อแจกจ่ายให้กับนักกีฬา เพื่อช่วยให้นักกีฬาทำผลงานได้ดี นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับวงการกีฬารัสเซีย ไม่มีนักกีฬาของรัสเซียคนไหนถูกจับได้ว่าใช้สารกระตุ้น สิ่งที่สำคัญ คือการที่รัสเซียสามารถเอาชนะเป็นเจ้าเหรียญทองนำหน้าประเทศคู่อริอย่างสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ
"คนทั้งประเทศ ฉลองกับชัยชนะของนักกีฬา ในขณะที่เราวิ่งกันหัวหมุน สับเปลี่ยนปัสสาวะนักกีฬาคนนั้น เชื่อไหมล่ะ นี่แหละคือมหกรรมโอลิมปิก" หลังจากที่ New York Times ได้ตีพิมพ์บทความนี้ไป แทบจะในทันที รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาของรัสเซีย Vitaly Mutko ได้โจมตีบทความนี้และกล่าวว่า เป็นการใส่ร้ายป่ายสีให้กับวงการกีฬาของรัสเซีย
ถ้าสิ่งที่ Dr. Rodchenkov พูดเป็นการกล่าวหาลอยๆคงจะไม่มีความน่าเชื่อถือเลย แต่สิ่งที่เขาทำคือแสดงหลักฐานเอกสารมากมายให้กับสำนักพิมพ์ ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นเอกสารที่มาจากกระทรวง และเอกสารเหล่านั้นก็มีรายชื่อนักกีฬาที่ใช้สารกระตุ้น เขากล่าวว่างานของเขาคือ "การทดลองเพื่อทำให้สำเร็จ" กล่าวคือ รัสเซียวางแผนที่จะใช้สารกระตุ้นอย่างแยบยลในการแข่งขันกีฬามาตั้งนานแล้ว และครั้งนี้คือบททดสอบในกีฬาระดับสูงสุด "เรามีพร้อม ทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ ความรู้ ประสบการณ์และเตรียมพร้อมมาอย่างดีสำหรับการแข่งขันที่โซชี ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบราวกับนาฬิกาของสวิสต์เลยทีเดียว"
หลังจากการแข่งขันโซชี 2014 จบเขาได้รับเกียรติรางวัล Order of Friendship จากประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องออกมาแฉ เริ่มต้นจาก เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสนับสนุนการใช้สารกระตุ้นให้กับวงการกีฬารัสเซีย รวมถึงเรียกสินบนจากนักกีฬาเพื่อแลกกับผลการตรวจ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่จับเขาเซ็นสัญญาบังคับลาออก เขากลัวว่าชีวิตตนเองจะไม่ปลอดภัย จึงหลบหนีมาที่ Los Angeles โดยความช่วยเหลือจากเพื่อน ในช่วงนั้นที่รัสเซียเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดสองคน เสียชีวิตแบบเป็นปริศนาในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลาใกล้เคียงกัน ทั้งสองคนก็ถูกบังคับให้เซ็นลาออกหลังจากที่เขาหลบหนีจากประเทศในเวลาไม่นาน
อะไรที่ทำให้รัสเซียอยากเอาชนะ?
ตามคำบอกเล่าของ Dr. Rodchenkov เดือนกันยายนที่ผ่านมา WADA หรือองค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้น ได้แบนนักกีฬารัสเซียจากการแข่งขันลู่และลาน จากนั้นต่อมาผู้นำของวงการกีฬากำลังหารือกันว่าจะแบนนักกีฬารัสเซียจากการแข่งขันโอลิมปิกที่ริโอด้วยเลยหรือไม่ อย่าลืมว่ารัสเซียจะเป็นเจ้าภาพ World Cup ในปี 2018
ก่อนหน้านั้นรัสเซียได้แค่ที่ 6 ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Vancouver ประเทศแคนาดา รัฐบาลรัสเซียมีความกระหายที่จะแสดงอำนาจในระดับโลก เงินกว่าพันล้านถูกใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงเมืองรีสอร์ทเล็กและโทรมให้กลายเป็นสวรรค์แห่งการแข่งขันกีฬาอันสวยงาม ประธานาธิบดีปูตินเป็นตัวตั้งในการประมูลการจัดการแข่งขันโอลิมปิกด้วยตนเอง แถมด้วยการวางแผนงานไว้หลายส่วนด้วยตนเอง แน่นอนว่ารัสเซียไม่ได้อยากให้ผู้ชมทั่วโลกสนุกสนานกับแค่พิธีเปิดหรือการแข่งขันสกีที่ราบลื่น
สำนักพิมพ์ได้ส่งจดหมายตั้งคำถามและขอให้เปิดเผยข้อมูบถึงกระทรวงการกีฬาและอีก 6 สมาคมของรัสเซีย ซึ่งนักกีฬาถูกตรวจพบสารกระตุ้นจำนวนมาก รัฐมนตรี Mutko จัดข่าวแถลงสื่อมวลชน กล่าวหาสำนักพิมพ์ไร้ซึ่งหลักฐานอ้างอิง และเป็นการทำลายวงการกีฬารัสเซีย "วงการกีฬาของเราโปร่งใส ทุกอย่างถูกควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ"
Dr. Rodchenkov กล่าวว่า ทางกระทรวงเองมีคำสั่งเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้น 6 เดือนก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น โดยเขาได้พบกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งชื่อว่า Yuri Nagornykh อาทิตย์ละครั้งที่สำนักงานประจำเมืองมอสโคว์ เขามีหน้าที่รับประกันให้รัสเซียได้เหรียญมากที่สุด และถ้าเป็นไปได้ ต้องเหรียญทองด้วย
ในช่วงเวลานั้น Dr. Rodchenkov เป็นผู้อำนวยการห้องแล็บตรวจสารกระตุ้นมาตั้งแต่ปี 2005 เขาเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในความเชี่ยวชาญ เขาถึงกับขนาดเคยทดลองใช้สารกระตุ้นแล้วตรวจกับตัวเอง เขาตีพิมพ์ผลงานลงวารสารมากมายและได้เข้าร่วมประชุมต่างประเทศหลายครั้ง เขาเป็นแขกพิเศษสำหรับการเข้าร่วมประจำปีขององค์กรตรวจหาสารกระตุ้นของสหรัฐ ซึ่งเขาเข้าร่วมครั้งล่าสุด สิบเดือนก่อนถูกบีบให้ลาออก
สำหรับความสามารถ เขาจบปริญญาเอกด้านเคมีการวิเคราะห์ และเชี่ยวชาญด้านการใช้สารกระตุ้นอย่างไรไม่ให้โดนตรวจจับ เขากล่าวว่าทำไปก็เพราะช่วยรัฐบาลรัสเซีย หลังจากที่เขาลองผิดลองถูกหลายครั้ง เขาก็ค้นพบสูตรสารกระตุ้นของตัวเอง ซึ่งประกอบด้วย Anabolic Steroids สามตัว metenolone, trenbolone และ oxandrolone เขากล่าวว่า นักกีฬารัสเซียชื่อดังหลายคนใช้สูตรของเขาในกีฬาโอลิมปิกลอนดอน 2012 และโซชี 2014 เขาบอกว่าไม่ได้ควบคุมการใช้งานให้กับนักกีฬาโดยตรง แต่แค่จัดหาให้
ยาที่เขาจัดหาให้ทำให้นักกีฬาฟื้นตัวได้เร็วขึ้นในการฝึกซ้อม และสามารถเข้าแข่งขันโดยทำผลงานได้ดี เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้รวดเร็วและช่วงเวลาในการโดนจับได้สั้นลง เขาผสมสูตรยาเข้ากับเหล้า Chivas สำหรับนักกีฬาชายและ Martini vermouth สำหรับนักกีฬาหญิง นักกีฬาจะต้องดื่มโดยการกลิ้งยาไปใต้ลิ้นเพื่อให้ร่างกายดูดซึม แต่ก็มีข้อน่าสงสัย แม้เขาจะบอกว่าสูตรยาของเขายอดเยี่ยม แต่ตามรายงานปี 2014 ของ WADA นักกีฬารัสเซียเป็นชาติที่ถูกตรวจพบการใช้สารกระตุ้นมากที่สุด Dr. Rodchenkov กล่าวว่า นักกีฬาบางคนใช้สารกระตุ้นตัวอื่นที่เขาไม่อนญาตทำให้เสี่ยงต่อการโดนจับได้ "นักกีฬาก็เหมือนเด็ก อะไรอยู่ใกล้มือก็เอาใส่ปากไปซะหมด"
เขายกตัวอย่าง Elena Lashmanova เป็นนักวิ่งเหรียญทองโอลิมปิกที่ลอนดอน 2012 เธอถูกตรวจพบสารกระตุ้นและถูกแบน 2 ปี เขากล่าวว่าในช่วงเวลานั้นมีผู้สังเกตการณ์อยู่ในแล็บทำให้เขาไม่สามารถเปลี่ยนปัสสาวะเพื่อช่วยเธอได้ เพราะอาจทำให้ความแตก เขาแสดงอีเมล์ ในวันที่ 18 เมษายน 2014 เขาเขียนอีเมล์ถึง Nagornykh ว่าเขาไม่สามารถช่วยเหลือนักกีฬาคนนี้ได้
การเตรียมตัว ก่อนกีฬาโอลิมปิก
Dr. Rodchenkov กล่าวว่าช่วงปี 2013 มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานลับ เข้ามาที่แล็บขอตัวอย่างขวดสำหรับเก็บปัสสาวะไปหลายร้อยขวด เจ้าหน้าที่เหล่านั้นเข้ามาถามข้อมูลเรื่องขวดตัวอย่างโดยอ้างว่าเข้ามาปกป้องห้องแล็บ แม้ว่าคำถามจะเป็นเรื่องทั่วไป และการสนทนาเป็นไปอย่างสุภาพ แต่เจ้าหน้าที่ในแล็บก็เดาออกว่าผู้ถาม ต้องการข้อมูลเพื่อเปิดขวด
การแข่งขันจะมีการตรวจสารกระตุ้นในรูปแบบต่างๆกัน แต่สำหรับโอลิมปิกแล้วนักกีฬาจะต้องส่งมอบตัวอย่างปัสสาวะให้กับเจ้าหน้าที่ ปัสสาวะจะถูกแบ่งออกสองขวด ขวด A ถูกนำไปตรวจทันที ขวด B จะถูกปิดผนึกและเก็บไว้ตรวจได้ถึง 10 ปี สำหรับเผื่อกรณีมีการสอบสวนในอนาคต บริษัท Berlinger ของสวิสต์เซอร์แลนด์เป็นผู้ผลิตขวดที่สามารถล็อคตัวเองได้
กฎระเบียบนี้ทำให้นักกีฬาทั่วไปต้องหยุดใช้สารกระตุ้นนานพอสมควรก่อนการแข่งขัน แต่การแข่งขันโซชี ตัวแปรต่างไป เพราะรัสเซียเป็นเจ้าของแล็บเองทำให้นักกีฬาสามารถใช้สารกระตุ้นได้ตามใจชอบตลอดการแข่งขัน การเข้าถึงขวดในแล็บคือกุญแจสำคัญ สิ่งที่ Dr. Rodchenkov ยังมองว่าเป็นปริศนาคือขวดเก็บตัวอย่างปัสสาวะ ซึ่งเจ้าหน้าที่สายลับนำมาให้เขาดูแม้ว่าของภายในถูกสับเปลี่ยน แต่ฝาของมันปิดสนิทราวกับไม่มีการถูกเปิดมาก่อน
"ตอนที่ผมเห็นขวดครั้งแรก ผมไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ผมเชื่อมาตลอดชีวิตว่า ฝาขวดถูกเปิดออกไม่ได้"
การสับเปลี่ยนปัสสาวะ
ในช่วงการแข่งขันกีฬาที่โซชี มีพนักงานกว่า 100 คนที่แล็บของ Dr. Rodchenkov รวมไปถึงผู้เชียวชาฐจากทั่วโลก ระบบความปลอดภัยหนาแน่น มีกล้องวงจรปิดตลอดทางและผู้ที่ต้องการเข้าแล็บต้องมีบัตรผ่าน มีการสุ่มช่วงเวลาเฝ้าหน้าจอตลอดวัน แต่ช่วงกลางดึกจะมีน้อยมาก
Dr. Rodchenkov กล่าวว่าทุกคืน จะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกีฬาส่งรายชื่อนักกีฬาที่เขาต้องเปลี่ยนขวดปัสสาวะ นักกีฬาจะถ่ายรูปหมายเลข 7 หลักที่แบบฟอร์มการตรวจจากนั้นส่งให้กับทางกระทรวงจากนั้นกระทรวงจะจัดหาปัสสาวะที่ปลอดสารกระตุ้นให้ เมื่อเขาได้รับสัญญาณ เขาจะเปลี่ยนเสื้อจากชุดแล็บเป็นชุดปกติ มองว่าทางไม่มีคนจากนั้นเข้าห้อง 124 ที่ซึ่งจะเป็นห้องแล็บลับที่เขาและทีมของเขารออยู่
เพื่อนร่วมงานของเขาจะส่งขวดตัวอย่างปัสสาวะที่ถูกต้องมาทางช่องวงกลมที่เจาะผ่านผนัง ช่องนี้ในช่วงกลางวันจะถูกบังไว้ด้วยตู้ไม้ขนาดเล็ก เขาจะต้องนำขวดนั้นไปส่งให้เจ้าหน้าที่สายลับข้างล่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเอาขวดเหล่านั้นไปที่ตึกข้างๆ ภายในไม่กี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่คนนั้นจะกลับมาพร้อมขวดที่เปิดฝาเรียบร้อยแล้ว เขายังเตรียมปัสสาวะของนักกีฬาหลายเดือน ก่อนที่นักกีฬาจะเริ่มใช้สารกระตุ้น Dr. Rodchenkov บอกว่าปัสสาวะบางทีก็มาในขวดแป้ง ขวดนมเด็ก หรือภาชนะอื่นๆ
ในห้องน้ำที่ปิดไฟ Dr. Rodchenkov กับเพื่อนร่วมงานทิ้งปัสสาวะที่มีสารกระตุ้นลงโถส้วม ล้างขวด เช็ดด้วยกระดาษแล้วเติมด้วยปัสสาวะปลอดสารกระตุ้นแทน เขาอาจเติมน้ำหรือเกลือเพื่อให้ดูเหมือนกับขวดปัสสาวะอีกขวด เพราะนักกีฬาสองช่วงเวลามีเกลืออยู่ในปัสสาวะต่างกัน การเปลี่ยนขวดปัสสาวะนี้บางทีทำกันจนเช้า
โซชี 2014 ที่ผ่านมา รัสเซียได้เหรียญรางวัลรวม 33 เหรียญ 13 เหรียญเป็นเหรียญทอง ถือว่าได้มากกว่าครั้งก่อน 10 เหรียญ กว่า 1 ใน 3 ของรายชื่อนักกีฬาที่ได้รับเหรียญ ปรากฎอยู่ในเอกสารของ Dr. Rodchenkov แต่ก็ไม่ใช่นักกีฬาที่ใช้สารกระตุ้นจะได้เหรียญไปทั้งหมด ทีมฮ็อกกี้หญิงของรัสเซียได้เพียงแค่ที่ 6 ทั้งๆที่ใช้สารกระตุ้นกันทั้งทีมตลอดการแข่งขัน ทุกสมาคมที่เกี่ยวข้องต่างออกมาปฏิเสธและไม่พูดถึงเรื่องนี้ โดยกล่าวเพียงว่า ได้ทำตามขั้นตอนกระบวนการถูกต้องทุกอย่างแล้ว
คณะกรรมการโอลิมปิก หลังจากได้รับเรื่องนี้แล้ว "รายงานถือว่ามีข้อมูลเบื้องลึกชัดเจนมาก เรารู้สึกกังวล เราได้ขอให้ WADA ทำการสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง"
หลังจากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 จบลง WADA ชื่นชมว่าเป็น "ก้าวหลักใหม่สำหรับการปฏิวัติการตรวจสารกระตุ้นของโอลิมปิกเกมส์" แต่ปีต่อมา WADA ตีพิมพ์รายงานถึงความไม่ชอบมาพากล เกิดขึ้นจากการตรวจพบการใช้สารกระตุ้นของนักกีฬาลู่และลานของรัสเซียที่ทำกันเป็นระบบ ทำให้ Dr. Rodchenkov กลายเป็นจุดสนใจเต็มๆ ด้วยข้อหาคบคิดเพื่อประเทศของตนเอง
ในตอนนี้เมื่อย้อนถาม Dr. Rodchenkov ว่าทำไมถึงเรื่องน่าอายแบบนี้ เขากล่าวว่ามันจำเป็น การที่เขาจะได้รับเงินทุนหรือความช่วยเหลือเพื่อแล็บของเขาเอง นั่นหมายความว่าต้องทำในสิ่งที่รัฐบาลสั่งให้ทำ เขาไม่กล้าลองดีกับรัฐบาล เขาเองเคยเกือบต้องโทษโดนจับข้อหาลำเลียงสารกระตุ้น เขาคิดตอนนั้นชัดเจนว่าคงได้เข้าคุกเป็นแน่ แต่กลับกลายเป็นว่าน้องสาวของเขาโดนจับในข้อหานี้แทน โดยที่การสอบสวนของเขายุติไปเฉยๆ
เขาคิดเสมอว่าเป็นเพราะว่าเขาถูกวางหมากให้ทำเรื่องนี้ในโอลิมปิกโซชีเกมส์ "มันคือการแก้ตัว ผมต้องทำให้รัสเซียชนะ ไม่งั้นก็ไปนอนในคุก"
เครดิต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้