ไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์แล้วหาที่พักใกล้ๆ ดันแจ๊กพ็อตไปจองม่านรูดโดยไม่ได้ตั้งใจ

บอกเลยค่ะว่านึกถึงทุกวันนี้แล้วยังขำตัวเองไม่หายเลยค่ะว่า เผลอหลงไปกับแฟนเข้าไปในสถานที่แบบนี้ได้ยังไงเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกนะคะที่ได้มีโอกาสตั้งกระทู้ใน Pantip นะคะ แต่แค่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์แนวนี้ให้ทุกคนได้ฟังค่ะ

เริ่มแรกสุดก็คือว่า เมื่อประมาณปี 2557 ดิฉันกับแฟนกำลังคิดว่า ช่วงวันหยุดที่เป้นช่วงวันปิยะฯค่ะ ตอนเดือนตุลาคม ก็คิดว่าอยากจะไปเที่ยวดูอะไรบ้างเพราะทำงานกันมาก็เหนื่อยแล้วพอดีว่า แฟนเป็นคนชอบไปดูพวกสิงสาราสัตว์ค่ะ ก็เลยคิดว่า ถ้าไปเขาเขียวก็ไกลเกิน ถ้าเขาดินก็ต้องฝ่าดงรถติดตรงช่วงใกล้ๆเจตวังสวนจิตรฯ ก็เลยตัดสินใจว่า งั้นไป ซาฟารีเวิลด์ก็แล้วกันนะ เพราะไม่เคยไปที่นี่กันเลยค่ะ ก็กะว่าจะไปถ่ายรูปถ่ายวิดีโอกันด้วย สัตว์ที่นี่เยอะดี แต่ทีนี้มันเกิดปัญหาตรงที่ว่า ช่วงนี้รถก็เข้าอู่ซ่อมอยู่ค่ะ จะเดินทางก็คงลำบาก แล้วก็กว่าจะกลับอีก แบบนี้จะทำอย่างไรดี เพราะคอนโดที่พักก็อยู่ทางพระประแดง ส่วนซาฟารีเวิลด์ อยู่ทางโซนมีนบุรีนู่นเลยค่ะ

แฟนก็เลยเสนอว่า งั้นเอาแบบนี้ เราลองหาที่พักไว้นอนพักคืนนึงก่อนก็ได้ จะไม่ต้องเหนื่อยในการเดินทาง พอเที่ยวเสร็จก็กลับมานอนพักแล้ววันต่อมาก็ค่อยกลับกันก็ได้ เราจะได้ไม่เหนื่อยกันค่ะ เราก็เลยรีบค้นหาที่พักเลยค่ะว่าแถวนั้นมีตรงไหนบ้างที่พอเหมาะ ส่วนใหญ่ที่เจอก็คือ จะเจอแบบห้องพักรายวันค่ะ คืนละ 600 ซึ่งอยู่ไกลจากซาฟารีเวิลด์มาก ทีนี้ก็ควาญหาจนกระทั่งไปเจอที่พักในเว็บไซตืแห่งหนึ่งค่ะ

เว็บเค้าทำแลนดิ้งเพจ กับหน้าตาเว็บที่ค่อนข้างดูเป้นมาตรฐานสากลมากค่ะ คือทำออกมาดีในระดับเดียวกันกับพวกเว็บไซต์ของโรงแรมระดับสามดาว ถึง ห้าดาวในเมืองไทยหลายๆแห่งเลยค่ะ เราก็เลยเข้าไปดูรายละเอียดกัน ก็เจอว่า โอเค พักหนึ่งคืนราคา 700 บาท  ใกล้ซาฟารีเวิลด์มากเลยด้วยค่ะ แฟนก้เลยโทรศัพท์ติดต่อไปเพื่อสอบถามรายละเอียดกับการจอง แฟนก้ตกลงแล้วก็รีบโอนค่าที่พักจาก internet banking ให้ไปเลยค่ะ 700

พอถึงวันเดินทางนะคะ เรานั่งรถตู้ไปต่อรถแท๊กซี่เพื่อเข้าไปทาง ถนนหทัยราษฎร์ค่ะ เพราะที่พักที่ว่าอยู่ตรงโซนนั้น แล้วพอให้แท๊กซี่เลี้ยวเข้าที่พัก โอเคนะคะ ที่พักดูโอเคมาก (รอบนอก) แต่ทีนี้มันเริ่มแปลกๆคือตอนที่ว่า มีคนมารับแล้วพาแท๊กซี่วนไปยังที่พักที่เป็นห้องที่จองนี่สิคะ คนที่มารับแต่งตัวเหมือนแนวๆ คนสวนนะคะ แล้วก็มองหน้าดิฉันกับแฟนแบบแปลกๆค่ะ แต่ช่างเถอะ พอเรามาถึงห้องนะคะ นี่แหละค่ะ จุดเริ่มต้นของการที่เราเจออะไรที่เรียกว่า จำจนตายค่ะ

ลักษณะของเตียงมันเป็นทรงกลม ... สาบานว่าไม่เคยนอนบนเตียงแบบนี้มาก่อนค่ะ เพดานก็เป็นกระจกด้วยค่ะ (ทำไมถึงต้องมีกระจก ตอนนั้นอินโนเซนส์สุดๆค่ะ) แล้วก็พอดีตอนนั้น อยากเข้าห้องน้ำค่ะก็เลยเข้าไป กะว่าพอเข้าห้องน้ำเสร็จก็จะเตรียมต่อรถเข้าซาฟารีเวิลด์กันเลย

ระหว่างนั้นแฟนก็เปิดทีวีดูอะไรไปเรื่อยเพื่อรอดิฉันค่ะ แล้วพอเปิดไปเปิดมา เสียงทีวีดังลั่นเลยค่ะ มันเป็นเสียงครางของผู้หญิงตอนที่กำลังมีอะไรกัน ดิฉันก็งงสิคะว่าแฟนดูคลิปโป๊อะไรในมือถือรึเปล่า พอออกจากห้องน้ำนี่ ตาเขียวปั้ดใส่เค้าเลยค่ะ แฟนก็บอกว่าเปล่า ลองดูบนจอทีวีดิ พอดิฉันเงยหน้ามอง โอ้โห หนัง AV สดๆแบบไม่มีเซนเซอร์ค่ะกำลังฉายเลย ดิฉันก็ถามว่า เคเบิ้ลแถวนี้มันมีหนังแบบนี้ฉายด้วยเหรอ พอแฟนลองกดเปลี่ยนช่อง คราวนี้เจอแบบเป็น หนัง AV ที่เป็นการ์ตูนแทนค่ะ พอเปลี่ยนอีกช่อง คราวนี้เจอภาพหน้าจอ Desktop ของคอมพิวเตอร์ค่ะ แฟนเลยคิดว่าน่าจะเป็นทางที่พักแหละปล่อยสัญญาณภาพออกมาเอง ไม่ใช่เคเบิ้ลท้องถิ่นอะไรหรอก

แล้วทีนี้ แฟนหิวน้ำค่ะอยากสั่งน้ำมากินหรือกินข้าวก่อนออกไปซาฟารีเวิลด์ ก็เลยพลิกดูเมนูอาหาร แฟนก็เปิดดูไปเรื่อยจนกระทั่งไปเจอหน้าหลังสุดของเมนูอาหารค่ะ ก็เจอหน้าที่เขียนว่า มีจำหน่าย ถุงยาง , ยาปลุกเซ็กซ์ และ ดิลโด้ (!?) แฟนถึงกับถามเลยว่า เดี๋ยวนี้พวกโรงแรมที่พักเขามีบริการของพวกนี้ขายให้แขกที่มาพักด้วยเหรอนั่น ไอ้เราตอนนั้นก็งงๆค่ะ ว่าเดี๋ยวบริการอะไรพวกนี้มันมีทุกที่แล้วเหรอนั่น เราสองคนมองหน้ากันแปลกๆเลยค่ะ สุดท้ายก็คิดว่า งั้น เรารีบไปกันเลยดีกว่า แต่ก่อนหน้าจะไป ดิฉันก็เดินไปดูที่ตรงประตูที่จะออกไปทางหลังบ้านพักค่ะ (ที่นี่ทำเป็นบ้านพักเป็นหลังๆไปค่ะ เหมือนรีสอร์ทตามต่างจังหวัด) ก็เห็นว่าด้านนอก มีอ่างน้ำแบบจากุชชี่ให้อาบด้วยกันด้านนอก แล้วที่นี้เค้าล้อมรั้วด้วยไม้ไผ่ค่ะ ก้เลยคิดว่า ตกลงที่นี่มันจะหรูหรือน่ากลัวกันแน่นะคะ แต่ตอนนั้นเรารีบไปดูสัตว์กันแล้วค่ะกลัวจะไม่ทัน

ข้ามมาหลังจากที่เราเที่ยวกันเสร็จแล้วเลยนะคะ พอเที่ยวเสร็จ เราก็ต้องหาแท๊กซี่กลับค่ะ เราก็เลยเดินไปจนเจอคิวแท๊กซี่ ที่มาจอดตรงที่เขาทำเป็นที่จอดรถของคนที่มาเที่ยว แฟนก็เข้าไปคุยกับแท๊กซี่ว่าจะให้ไปส่งที่ รีสอร์ทชื่อนี้นะครับ ปรากฏว่าแท๊กซี่แทบทุกคัน ส่ายหน้าไม่ค่อยมีใครอยากจะไปส่งครับ แฟนก็เลยถามว่าทำไมไม่ไป มันมีอะไรเหรอครับ พวกแท๊กซี่ก็เลยถามว่า หนุ่มไม่รู้เลยเหรอเกี่ยวกับที่นั่น แฟนก็ตอบว่าไม่รู้ มาเที่ยว มาไกลเลยคิดว่าจะพักที่นั่คืนนึงเท่านั้นเอง

สุดท้าย ลุงโชเฟอร์คนนึงแกก็ขับมาส่งค่ะ และระหว่างทาง เค้าก็เล่าเรื่องว่า รีสอร์ทนี้เนี่ย ตอนแรกมันก็ดีอยู่หรอก แต่ตอนหลัง มันมีพวกพี้ยามาซ่องสุมกันเยอะมาก มีพวกคนระดับบิ๊กๆ พาสาวมาอ๊อฟบ้าง มาเล่นเซ็กซ์หมู่บ้าง เหมือนกลายเป็นที่ที่มันล่อแหลมไปแล้ว มีเรื่องยาเสพติดด้วย ไม่ดีเลย ไม่ค่อยมีแท๊กซี่คนไหนอยากจะไปที่นั่นหรอก มันดูไม่ดี แล้วก็ มันกลายสภาพจากรีสอร์ทเป็น "ม่านรูด" แบบเต็มตัวไปแล้ว พอเราสองคนได้ยินแบบนั้นนี่ถึงกับใบ้กินเลยค่ะ แฟนเลยพูดออกมาเลยว่า มิน่าทำไมถึงมีหนังโป๊ฉายทางทีวีกับมีพวกยาปลุกเซ็กซ์ ถุงยางขาย นึกว่าโรงแรมสมัยนี้มีบริการครบวงจรซะอีก

พอได้ฟังเรื่องขจากลุงโชเฟอร์ เราสองคนเลยตัดสินใจว่า 700 ที่จ่ายไป ช่างมันละ กลับบ้านดีกว่า ยอมจ่ายเพิ่มอีกหน่อยค่ารถ ดีกว่านอนแล้วรู้สึกระแวง เกิดในห้องมีกล้องแอบถ่ายอะไรนี่ซวยเลยด้วย แฟนเลยขอให้ลุงคนขับช่วยรอก่อนและเอากระเป๋าเพื่อที่จะได้ให้ไปส่งเราที่บ้านเลยดีกว่า ไม่นอนกันแล้ว รู้มั้ยคะว่าตอนที่เรามาถึงที่พัก แฟนตัดสินใจคุยกับคนดูแลเลยค่ะโดยบอกว่า

แฟน : "พี่ครับ พอดีผมมีธุระด่วน คงจะไม่ได้พัก ขอเช็คเอาท์ ก่อนนะครับ"
คนดูแล : อ้าว อย่างนั้นเหรอคะ ?
แฟน : ครับ
คนดูแล : ว้า น่าเสียดายจัง ยังไม่ทันได้ทำอะไรกันเลย ...

ไอ้ประโยคนี้แหละค่ะ ทำเอาดิฉันกับแฟนนี่หน้าเจื่อนกันเลยค่ะ แถมเจ้าหน้าที่คนนี้มองแบบมีเลศนัยหน่อยๆด้วย ตอนนั้นรีบเก็บของแล้วกลับเลยค่ะ กลับมานอนบ้านยังสบายใจกว่าค่ะ เสียค่าแท๊กซี่ไม่กี่ร้อย ดีกว่านอนในที่แบบนี้แล้วระแวงทั้งคืนค่ะ

ก็จบเท่านี้ค่ะกับประสบการณ์ที่เคยเจอ อาจจะดูอินโนเซนส์ทั้งดิฉันและแฟนไปนิดก็ ขออภัยด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่