"สมคิด"จี้ออกมาตรการดูแลสังคมสูงอายุ เร่งเอกชนจ้างคนแก่ทำงานหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า

สังคมคนแก่ของจริงแหะ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1468571559

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเรื่องสังคมสูงอายุ (Aging Society) ที่กระทรวงการคลัง ว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องสังคมชราภาพ ตนจึงได้นัดหมายกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องมาหารือร่วมกัน เพื่อเตรียมมาตรการไว้ ซึ่งอยากทำให้สำเร็จในรัฐบาลชุดนี้
    
โดยจะเน้นในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ 1) การทำให้คนชรามีความมั่นคงในชีวิต 2) สุขภาพแข็งแรง และ 3) มีศักดิ์ศรีในชีวิต ซึ่งทางกระทรวงการคลังนำเสนอว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่มีทั้งเรื่องมาตรภาษีเพื่อให้มีการจ้างงานคนชรามากขึ้น ทั้งนี้ ส่วนที่จะต้องแก้ไขกฎหมายจะมีการหารือกับกระทรวงแรงงานอีกที


"ส่วนการออกมาตรการสร้างแรงจูงใจ เช่น บริษัทไหนก็แล้วแต่ ที่จะจ้างงานคนชราเพิ่มขึ้น เขาจะมีหลักเกณฑ์ว่า ถ้าเงินเดือนไม่เกินเท่านี้ ๆ ถ้ามีการจ้างงานต่อ จะให้นำรายจ่ายค่าจ้างไปหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าเป็นต้น หรืออาจจะมีการไปซับพอร์ตผู้ประกอบการบางส่วนเพื่อให้มาทำสิ่งเหล่านี้ เป็นต้น" นายสมคิดกล่าว
    
ขณะที่กระทรวงแรงงานได้รายงานว่า ในอนาคตจะมีศูนย์กลาง เปิดรับลงทะเบียนข้อมูลคนชรา ว่าต้องการทำงานด้านไหน ขณะเดียวกันบริษัทใดที่ต้องการคนทำงานแต่ละด้านก็สามารถประสานงานกันได้
    
นอกจากนี้ ในด้านที่อยู่อาศัยสำหรับคนชรา หน่วยงานของรัฐอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) การเคหะแห่งชาติ (กคช.) จะต้องมีโครงการพิเศษสำหรับคนชราด้วย ซึ่งต้องไม่ใช่เพียงแต่สร้างห้องให้อยู่ แต่ต้องสร้างสิ่งแวดล้อมสำหรับคนชราด้วย
    
"ขณะเดียวกัน เมื่อมีการสร้างที่อยู่อาศัยให้คนทั่วไปซื้อ แต่ถ้าคนเหล่านั้นเอาพ่อแม่ ปู่ย่าตายายไปเลี้ยงดูด้วย ก็ต้องมีสิทธิพิเศษให้ก่อนครอบครัวที่มีปู่ย่าตายาย แต่ไม่เลี้ยงดู เพื่อจูงใจให้สังคมไทยดูแลพ่อแม่ ดูแลคนชราควบคู่กันไป พูดง่าย ๆคือใครกตัญญูมากหน่อยก็ได้สิทธิพิเศษหน่อย ผมให้นโยบายไปแล้ว ธนาคารออมสินก็จะไปคิดสินเชื่อสำหรับคนชรา" นายสมคิดกล่าว
    
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังยังนำเสนอแนวทางการดำเนินการที่เรียกว่า reverse mortgage คือ คนที่อายุเกิน 60 ปี มีบ้านอยู่ แต่ไม่มีรายได้ สามารถนำบ้านไปจำนองกับสถาบันการเงิน แล้วสถาบันการเงินจะให้สินเชื่อเลี้ยงดูไปตลอดชีวิต
    
ส่วนกระทรวงสาธารณสุขได้ให้นโยบายไปจัดทำแพ็กเกจด้านสุขอนามัยไปสู่ท้องถิ่น โดยทำร่วมกับ พม.
    
"มาตรการเหล่านี้จะทยอยออกมา ผมบอกว่าให้ทยอยออกมาเป็นกลุ่ม ๆ เช่น ให้เรื่องภาษีออกมาก่อน ที่อยู่อาศัยตามมา แรงงานตามมา จะได้เป็นชิ้นเป็นอัน แล้วแต่ละเรื่องก็อยากให้มีเอกชนมาร่วมกับเรา เพราะเอกชนเป็นกำลังสำคัญ" นายสมคิดกล่าว
    
รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ คือการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ซึ่งทางกระทรวงการคลังเตรียมการใกล้เสร็จแล้ว
    
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การเปิดให้ลงทะเบียนคนจน หรือลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จะเป็นช่องทางหนึ่งให้แยกแยะคนชราออกมาได้ ว่ามีระดับรายได้เท่าไหร่ และต้องมีรายได้เท่าไหร่จึงจะอยู่ได้ ซึ่งกระทรวงการคลังจะต้องหาแหล่งเงินทุนในการรองรับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่