ขอเกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับจขกท.และแม่ของจขกท.เองค่ะ ไม่ได้น่ากลัวหรือเห็นจะจะแต่อย่างใด แต่เหตุการณ์นี้ทำให้คนแบบเราซึ่งเคยไม่เชื่อเรื่องผีและไม่กลัวมาตลอดชีวิต ได้เปลี่ยนความคิดและเข้าใจมากขึ้นเลยค่ะ ก็เลยอยากมาแบ่งปันอยากให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกัน บางทีเพื่อนๆอาจจะเจอแบบเราก็ได้ คำที่ว่า "ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก" นี่เรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นเลยค่ะ
บ้านของจขกท.เป็นครอบครัวที่ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจมาก เราจะไปเที่ยวปีใหม่ด้วยกันทุกปี พยายามเก็บให้ครบทุกภาคในประเทศไทย เราไปที่เยอะค่ะ 8-10 คนเลย ช่วงกำลังขึ้นปี 2014 บ้านเราวางแผนไปเที่ยวภาคอีสานกันค่ะ ขับรถเองอาเราเป็นคนขับอึดมากๆ เราเรียกว่าการเที่ยวครั้งนี้ว่า "อีสานทัวร์" เราไปตามจังหวัดต่างๆตามแนวแม่น้ำโขงค่ะ เมืองไทยนี่สวยจริงๆ เราชอบมาก แน่นอนค่ะ บ้านชอบเที่ยวแบบนี้นอนโรงแรมมาไม่รู้กี่ร้อยที่แล้ว ปกติเวลาเราไปนอนที่โรงแรมไหนด้วยความที่เราศาสนาพุทธก็ต้องสวดมนต์ก่อนนอนทุกครั้ง (ซึ่งแม่เราจะบอกว่าให้ทำไว้เพื่อความสบายใจ) ครั้งนี้เราทัวร์อีสานเกือบอาทิตย์เลยค่ะ ใกล้ๆจะจบทริปเราไปเที่ยวที่ จ.สกลนคร เราเที่ยวกันมาทั้งวันจนมืดและก็เลยจะหาโรงแรมพักใน จ.สกลนครแหล่ะค่ะ เราไปทานข้าวเย็นกันก่อนและก็ถามร้านค้าว่าแถวนี้พอมีโรงแรมมั้ย เค้าก็แนะนำมาที่นึงซึ่งไม่ไกลจากร้านข้าวที่เรากินนี่แหล่ะค่ะ เราก็โอเคไปกัน ปกติเราจะไม่จองห้องพักล่วงหน้าค่ะ ไปหาเอาเวลาจะพักเลย
ขอย้อนนิดนึงว่าเคยมีใครหลายๆคนพูดว่า "อีสานเป็นถิ่นที่แรงมาก" เราก็ได้ฟังมาบ่อยๆแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเราบริสุทธิ์ใจและก็แค่ไปเที่ยวเท่านั้น (บวกกับตัวเองไม่กลัวอยู่แล้ว) เวลาไปไหนก็ไม่เคยพูดหลบหลู่แต่อย่างใด เข้าวัดเข้าวาก็ไหว้ตลอด เพราะเราก็เข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้และเรามองไม่เห็น
โอเคค่ะกลับมาต่อ 5555 เราตกลงว่าจะไปพักที่รีสอร์ทแห่งนั้นที่เค้าแนะนำ (เราไม่ขอเอ่ยชื่ออำเภอหรือละแวกนะคะ) พอไปถึงมันมึดมากแล้ว รีสอร์ทแห่งนี้ไฟน้อยมากแต่ก็เห็นได้ เค้าใช้ไฟสีส้มน่ะค่ะ ไม่มีไฟตามทางเดินมีแต่ไฟที่ติดกับตัวบ้านห้องพัก สลัวมากๆ อาเราโทรเข้าไปตกลงราคาและห้องพักก่อนแล้วตอนอยู่ที่ร้านอาหาร พอมาถึงก็มีคุณลุงคนนึงปั่นจักรยานเอากุญแจมาให้ บอกว่าห้องพักอยู่ตรงไหน พอเราหาเจอแล้วแกก็ไป เราก็ทะยอยเอากระเป๋า สัมภาระต่างๆลงจากรถ กองไว้หน้าห้อง ห้องพักทำเป็นบ้านหลังเป็นแถวๆ ด้านหน้ามีบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก มีหงส์(หรือห่านไม่แน่ใจเราแยกไม่ค่อยออก 5555) อยู่ฝูงนึงเล่นน้ำส่งเสียงเป็นระยะๆ ห้องเราติดๆกัน เรานอนกับแม่สองคน ทีนี้พอเราจะเข้าห้อง ไขกุญแจได้แล้วแต่เปิดไม่ออก ทำยังไงก็ไขไม่ออก ให้น้าเราเป็นผู้ชายตัวใหญ่ๆมาไข มาดูให้ก็ยังไขไม่ออก น้าเราเดินไปเรียกหาคุณลุงคนเมื่อครู่นี้มาช่วยดูให้ แกมาทำอยู่แปปๆนึงก็ไขออก เราก็เลยขนของเข้าไป เรามาดูที่ลูกบิดประตูด้านในห้อง ปรากฏว่า มันยุบอยู่ค่ะ เหมือนโดนอะไรกระแทกซึ่งต้องแรงมากๆ ทำให้ลูกบิดหยุบลงไปได้
ก้าวแรกที่เราย่างเข้าไปในห้อง เรารู้สึกทันทีเลยค่ะ "มันอึดอัดมาก" แบบเหมือนมีมวลอะไรแน่นๆอยู่ในห้อง ทั้งๆที่ห้องโล่งมีแค่เตียงกับทีวีหนึ่งเครื่อง เราก็เลยคิดว่า เพราะห้องไม่ได้เปิดใฃ้นานหรือเปล่า แต่มันมีพัดลมระบายอากาศอยู่นะ เออแปลกๆ เราเป็นพวกชอบสำรวจค่ะ อย่างแรกเลยคือห้องน้ำ ข้างห้องน้ำจะเป็นซอกเล็กๆเอาไว้วางตู้เย็นพอดี เราเปิดไฟเพื่อเช็คห้องน้ำว่าโอเคมั้ย พอเราเอาตัวเข้าไปในห้องน้ำปุ๊ป มันอึดอัดกว่าเดิมอีกค่ะ ทั้งๆที่พัดลมระบายอาศก็อยู่ในห้องน้ำนั่นแหล่ะ มันอึดอัดแบบเหมือนจะไม่มีอากาศหายใจ หงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้ไม่สบายตัวเลย เราเลยออกมา แต่เปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้
แล้วมาขนของต่อให้เสร็จ ที่นี้มาและวิกฤตของชั้น .... ช่วงเวลาแห่งการอาบน้ำ เราอาบน้ำก่อนแม่ค่ะ คือมันใช่มากค่ะ ตอนอยู่นอกห้องน้ำว่าอึดอัดแล้ว ห้องน้ำนี่คือที่สุดแห่งที่สุด อารมณ์เหมือนตัวเองอาบน้ำในรถไฟฟ้าบีทีเอสตอนที่คนอัดยัดกันเป็นปลากระป๋องแบบนั้นเลย ทั้งๆที่ ... ห้องน้ำกว้างและโล่งมาก เราไม่เคยเปิดเพลงในห้องน้ำเวลาไปพักโรงแรมแต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ ต้องเปิด เอาแบบกระหึ่มให้ลำโพงหลุด เราไม่ไหวจนอยากรู้ว่ามันมีอะไรกันแน่ ยอมเสี่ยงเลยค่ะ อาบน้ำหน้ากระจกไปเลย วัดดวงไปเลยเอาสิ ถ้าจะเห็นก็ให้เห็นมันไปเลย คิดในใจนะคะ เวลาอาบน้ำไอมันจะเกาะกระจกใช่มั้ยคะ เราเอามือปัดออกตลอดให้เห็นตลอดเวลา เห็นหน้าตัวเอง จ้องอยู่ที่กระจกแบบนั้น ไม่ว่าจะถูสบู่แปรงฟัน สระผมจ้องอยู่แบบนั้นแหล่ะค่ะ มันก็อึดอัดมากๆๆๆ แต่ก็ไม่มีอะไรให้เห็น นอกจากตัวเองจริงๆ อาบน้ำเสร็จเราก็ก้มดู โน้นนี่นั่นให้ห้องน้ำ ฝ้าเพดานเก่าๆเหลืองๆมีคราบน้ำจะเป็นน้ำฝนทะลุฝ้าทำให้เกิดคราบ ย้ำอีกทีว่าอึดอัดมาก แต่เราก็อยากรู้มาก อาบเสร็จยังยืนต่อในห้องน้ำตั้งนานจนแม่ตะโกนถามว่าเสร็จรึยัง เราก็ถึงได้ออกไป ก็นั่นแหล่ะค่ะพอออกจากห้องน้ำฟีลอึดอัดมันลดลงจริงๆนะคะ แต่ยังมีอยู่เหมือนเดิม
ตอนนี้เราเริ่มหวั่นๆบ้างแล้ว พอก่อนจะนอนเลยเราบอกแม่ว่า "แม่ วันนี้เปิดไฟนอนเน๊าะ" แม่เราก็อืมเปิดก็ได้ (ปกติเราปิดไฟนอนทุกที่) เรานอนหลับๆตื่นๆบ้าง แต่โอเคไม่ฝันอะไร เราตื่นอีกทีตอน 6 โมงเช้าเสียงหงส์หรือห่านนี่แหล่ะปลุกเรา เชื่อมั้ยคะ ความอึดอัดนั้นยังคงอยู่ แต่มันบางลงมาก และเราดีใจมากที่จะได้ออกจากที่นี่ รีบขนของน้ำไม่อาบล้ะ ล้างหน้าแปรงฟันพอ พอทุกคนพร้อมเราก็ไปเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ แล้วไปเที่ยวจังหวัดต่อไป ตลอดทางเรานั่งสงสัยมาตลอดว่า "นี่เราเจอแล้วจริงๆใช่มั้ย นี่หรือคือความรู้สึกที่ใครหลายๆคนว่าเจอกันมา" เราไม่บอกใครเลยนั่งคิดอยู่คนเดียว แม่เราเราก็ไม่บอก จนมาเที่ยวอีกจังหวัดนึงแล้วมาพักที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง เราทนสงสัยความรู้สึกนี้ไม่ไหวแล้ว กลัวว่าตัวเองคิดไปเองรึป่าว เราเลยตัดสินใจเล่าให้แม่ฟัง
แม่เราฟังมองหน้าเราแล้วพูดสั้นๆว่า "แม่ก็รู้สึกเหมือนกัน หนูก็รู้สึกด้วยสินะ" ป๊าดดดดดดดดดดดดดดด แม่!!! แม่เราเป็นคนเฉยๆกับเรื่องพวกนี้มาก และแม่ไม่โกหกเราแน่นอน ขนาดแม่ยังโดน เราว่าเราชัวร์ล้ะ แน่ๆ โดนแน่ๆ แม่เราเล่าว่า แม่ก็รู้สึกแบบเราเลย แต่แม่ก็ไม่พูด แม่บอกว่าทีจริงแม่กะจะบอกเราว่าให้เปิดไฟนอนอยู่แล้ว (แต่เราขอแม่ก่อนไง) แม่บอกว่านอนไม่หลับเลย รู้สึกนอนหัวตกตลอด ทั้งๆที่หมอนก็โอเค เหมือนนอนเอาหัวลง เหมือนหัวต่ำกว่าเท้า และแม่ก็อึดอัดมาก อะโห่นี่เจอดับเบิ้ลเลยแม่ลูก
ยอมรับว่าไปมากี่ร้อยเอเคอร์กี่ย่านน้ำกี่โรงแรม ทั้งดอยทั้งชนบททั้งในเมืองทั้งในป่า ไปมาหมดไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้จริงๆ ที่แรกที่อยากให้เป็นแค่ทีเดียวในชีวิต การได้สัมผัสกับอะไรแบบนี้มันทำให้เราเปลี่ยนความคิดไปเลยค่ะ พลังงานของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนี่เอาแน่เอานอนกับเค้าไม่ได้จริงๆ ยังโชคดีที่พี่เราไม่ได้ไปด้วย นางเป็นคนมีเซนส์ไม่รู้ว่าถ้ามาด้วยจะป๊ะกันจะจะเลยหรือเปล่า แม่บอกว่าขนาดเราจิตแข็งๆแบบนี้ยังรู้สึกได้เยอะเลย พอมาเล่าๆกันสรุปมีแค่เรากับแม่ที่โดนคนอื่นไม่เป็นอะไรหลับปกติ แต่อาเราก็บอกว่าเรื่องแบบนี้เค้าก็เคยโดน เค้าเป็นคนขับรถไปมาทั่วไทยนอนโรงแรมเยอะกว่าเราอีก อาเราบอกว่าบางที่นอนไม่ได้เลยต้องออกไปหาที่อื่นนอน
จนถึงตอนนี้เราก็ไม่รู้นะคะว่าเคยมีอะไรเกิดขึ้นหรือมีใครอยู่ที่รีสอร์ทนั้นรึเปล่า เราไม่รู้นะว่ามันคืออะไรกันแน่แต่เราคิดว่าคงเป็นพลังงานอะไรซักอย่างที่หนาแน่นหรือแรงมากๆอย่างที่เค้าว่า แต่ถ้าถามว่าเราเชื่อเรื่องพวกนี้หรือยัง เราว่าเรา "เชื่อ" แล้วล่ะค่ะ
ความแรงมีจริง ... และเราที่คิดว่าตัวเองจิตแข็งยัง..เชื่อ
บ้านของจขกท.เป็นครอบครัวที่ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจมาก เราจะไปเที่ยวปีใหม่ด้วยกันทุกปี พยายามเก็บให้ครบทุกภาคในประเทศไทย เราไปที่เยอะค่ะ 8-10 คนเลย ช่วงกำลังขึ้นปี 2014 บ้านเราวางแผนไปเที่ยวภาคอีสานกันค่ะ ขับรถเองอาเราเป็นคนขับอึดมากๆ เราเรียกว่าการเที่ยวครั้งนี้ว่า "อีสานทัวร์" เราไปตามจังหวัดต่างๆตามแนวแม่น้ำโขงค่ะ เมืองไทยนี่สวยจริงๆ เราชอบมาก แน่นอนค่ะ บ้านชอบเที่ยวแบบนี้นอนโรงแรมมาไม่รู้กี่ร้อยที่แล้ว ปกติเวลาเราไปนอนที่โรงแรมไหนด้วยความที่เราศาสนาพุทธก็ต้องสวดมนต์ก่อนนอนทุกครั้ง (ซึ่งแม่เราจะบอกว่าให้ทำไว้เพื่อความสบายใจ) ครั้งนี้เราทัวร์อีสานเกือบอาทิตย์เลยค่ะ ใกล้ๆจะจบทริปเราไปเที่ยวที่ จ.สกลนคร เราเที่ยวกันมาทั้งวันจนมืดและก็เลยจะหาโรงแรมพักใน จ.สกลนครแหล่ะค่ะ เราไปทานข้าวเย็นกันก่อนและก็ถามร้านค้าว่าแถวนี้พอมีโรงแรมมั้ย เค้าก็แนะนำมาที่นึงซึ่งไม่ไกลจากร้านข้าวที่เรากินนี่แหล่ะค่ะ เราก็โอเคไปกัน ปกติเราจะไม่จองห้องพักล่วงหน้าค่ะ ไปหาเอาเวลาจะพักเลย
ขอย้อนนิดนึงว่าเคยมีใครหลายๆคนพูดว่า "อีสานเป็นถิ่นที่แรงมาก" เราก็ได้ฟังมาบ่อยๆแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเราบริสุทธิ์ใจและก็แค่ไปเที่ยวเท่านั้น (บวกกับตัวเองไม่กลัวอยู่แล้ว) เวลาไปไหนก็ไม่เคยพูดหลบหลู่แต่อย่างใด เข้าวัดเข้าวาก็ไหว้ตลอด เพราะเราก็เข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้และเรามองไม่เห็น
โอเคค่ะกลับมาต่อ 5555 เราตกลงว่าจะไปพักที่รีสอร์ทแห่งนั้นที่เค้าแนะนำ (เราไม่ขอเอ่ยชื่ออำเภอหรือละแวกนะคะ) พอไปถึงมันมึดมากแล้ว รีสอร์ทแห่งนี้ไฟน้อยมากแต่ก็เห็นได้ เค้าใช้ไฟสีส้มน่ะค่ะ ไม่มีไฟตามทางเดินมีแต่ไฟที่ติดกับตัวบ้านห้องพัก สลัวมากๆ อาเราโทรเข้าไปตกลงราคาและห้องพักก่อนแล้วตอนอยู่ที่ร้านอาหาร พอมาถึงก็มีคุณลุงคนนึงปั่นจักรยานเอากุญแจมาให้ บอกว่าห้องพักอยู่ตรงไหน พอเราหาเจอแล้วแกก็ไป เราก็ทะยอยเอากระเป๋า สัมภาระต่างๆลงจากรถ กองไว้หน้าห้อง ห้องพักทำเป็นบ้านหลังเป็นแถวๆ ด้านหน้ามีบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก มีหงส์(หรือห่านไม่แน่ใจเราแยกไม่ค่อยออก 5555) อยู่ฝูงนึงเล่นน้ำส่งเสียงเป็นระยะๆ ห้องเราติดๆกัน เรานอนกับแม่สองคน ทีนี้พอเราจะเข้าห้อง ไขกุญแจได้แล้วแต่เปิดไม่ออก ทำยังไงก็ไขไม่ออก ให้น้าเราเป็นผู้ชายตัวใหญ่ๆมาไข มาดูให้ก็ยังไขไม่ออก น้าเราเดินไปเรียกหาคุณลุงคนเมื่อครู่นี้มาช่วยดูให้ แกมาทำอยู่แปปๆนึงก็ไขออก เราก็เลยขนของเข้าไป เรามาดูที่ลูกบิดประตูด้านในห้อง ปรากฏว่า มันยุบอยู่ค่ะ เหมือนโดนอะไรกระแทกซึ่งต้องแรงมากๆ ทำให้ลูกบิดหยุบลงไปได้
ก้าวแรกที่เราย่างเข้าไปในห้อง เรารู้สึกทันทีเลยค่ะ "มันอึดอัดมาก" แบบเหมือนมีมวลอะไรแน่นๆอยู่ในห้อง ทั้งๆที่ห้องโล่งมีแค่เตียงกับทีวีหนึ่งเครื่อง เราก็เลยคิดว่า เพราะห้องไม่ได้เปิดใฃ้นานหรือเปล่า แต่มันมีพัดลมระบายอากาศอยู่นะ เออแปลกๆ เราเป็นพวกชอบสำรวจค่ะ อย่างแรกเลยคือห้องน้ำ ข้างห้องน้ำจะเป็นซอกเล็กๆเอาไว้วางตู้เย็นพอดี เราเปิดไฟเพื่อเช็คห้องน้ำว่าโอเคมั้ย พอเราเอาตัวเข้าไปในห้องน้ำปุ๊ป มันอึดอัดกว่าเดิมอีกค่ะ ทั้งๆที่พัดลมระบายอาศก็อยู่ในห้องน้ำนั่นแหล่ะ มันอึดอัดแบบเหมือนจะไม่มีอากาศหายใจ หงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้ไม่สบายตัวเลย เราเลยออกมา แต่เปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้
แล้วมาขนของต่อให้เสร็จ ที่นี้มาและวิกฤตของชั้น .... ช่วงเวลาแห่งการอาบน้ำ เราอาบน้ำก่อนแม่ค่ะ คือมันใช่มากค่ะ ตอนอยู่นอกห้องน้ำว่าอึดอัดแล้ว ห้องน้ำนี่คือที่สุดแห่งที่สุด อารมณ์เหมือนตัวเองอาบน้ำในรถไฟฟ้าบีทีเอสตอนที่คนอัดยัดกันเป็นปลากระป๋องแบบนั้นเลย ทั้งๆที่ ... ห้องน้ำกว้างและโล่งมาก เราไม่เคยเปิดเพลงในห้องน้ำเวลาไปพักโรงแรมแต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ ต้องเปิด เอาแบบกระหึ่มให้ลำโพงหลุด เราไม่ไหวจนอยากรู้ว่ามันมีอะไรกันแน่ ยอมเสี่ยงเลยค่ะ อาบน้ำหน้ากระจกไปเลย วัดดวงไปเลยเอาสิ ถ้าจะเห็นก็ให้เห็นมันไปเลย คิดในใจนะคะ เวลาอาบน้ำไอมันจะเกาะกระจกใช่มั้ยคะ เราเอามือปัดออกตลอดให้เห็นตลอดเวลา เห็นหน้าตัวเอง จ้องอยู่ที่กระจกแบบนั้น ไม่ว่าจะถูสบู่แปรงฟัน สระผมจ้องอยู่แบบนั้นแหล่ะค่ะ มันก็อึดอัดมากๆๆๆ แต่ก็ไม่มีอะไรให้เห็น นอกจากตัวเองจริงๆ อาบน้ำเสร็จเราก็ก้มดู โน้นนี่นั่นให้ห้องน้ำ ฝ้าเพดานเก่าๆเหลืองๆมีคราบน้ำจะเป็นน้ำฝนทะลุฝ้าทำให้เกิดคราบ ย้ำอีกทีว่าอึดอัดมาก แต่เราก็อยากรู้มาก อาบเสร็จยังยืนต่อในห้องน้ำตั้งนานจนแม่ตะโกนถามว่าเสร็จรึยัง เราก็ถึงได้ออกไป ก็นั่นแหล่ะค่ะพอออกจากห้องน้ำฟีลอึดอัดมันลดลงจริงๆนะคะ แต่ยังมีอยู่เหมือนเดิม
ตอนนี้เราเริ่มหวั่นๆบ้างแล้ว พอก่อนจะนอนเลยเราบอกแม่ว่า "แม่ วันนี้เปิดไฟนอนเน๊าะ" แม่เราก็อืมเปิดก็ได้ (ปกติเราปิดไฟนอนทุกที่) เรานอนหลับๆตื่นๆบ้าง แต่โอเคไม่ฝันอะไร เราตื่นอีกทีตอน 6 โมงเช้าเสียงหงส์หรือห่านนี่แหล่ะปลุกเรา เชื่อมั้ยคะ ความอึดอัดนั้นยังคงอยู่ แต่มันบางลงมาก และเราดีใจมากที่จะได้ออกจากที่นี่ รีบขนของน้ำไม่อาบล้ะ ล้างหน้าแปรงฟันพอ พอทุกคนพร้อมเราก็ไปเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ แล้วไปเที่ยวจังหวัดต่อไป ตลอดทางเรานั่งสงสัยมาตลอดว่า "นี่เราเจอแล้วจริงๆใช่มั้ย นี่หรือคือความรู้สึกที่ใครหลายๆคนว่าเจอกันมา" เราไม่บอกใครเลยนั่งคิดอยู่คนเดียว แม่เราเราก็ไม่บอก จนมาเที่ยวอีกจังหวัดนึงแล้วมาพักที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง เราทนสงสัยความรู้สึกนี้ไม่ไหวแล้ว กลัวว่าตัวเองคิดไปเองรึป่าว เราเลยตัดสินใจเล่าให้แม่ฟัง
แม่เราฟังมองหน้าเราแล้วพูดสั้นๆว่า "แม่ก็รู้สึกเหมือนกัน หนูก็รู้สึกด้วยสินะ" ป๊าดดดดดดดดดดดดดดด แม่!!! แม่เราเป็นคนเฉยๆกับเรื่องพวกนี้มาก และแม่ไม่โกหกเราแน่นอน ขนาดแม่ยังโดน เราว่าเราชัวร์ล้ะ แน่ๆ โดนแน่ๆ แม่เราเล่าว่า แม่ก็รู้สึกแบบเราเลย แต่แม่ก็ไม่พูด แม่บอกว่าทีจริงแม่กะจะบอกเราว่าให้เปิดไฟนอนอยู่แล้ว (แต่เราขอแม่ก่อนไง) แม่บอกว่านอนไม่หลับเลย รู้สึกนอนหัวตกตลอด ทั้งๆที่หมอนก็โอเค เหมือนนอนเอาหัวลง เหมือนหัวต่ำกว่าเท้า และแม่ก็อึดอัดมาก อะโห่นี่เจอดับเบิ้ลเลยแม่ลูก
ยอมรับว่าไปมากี่ร้อยเอเคอร์กี่ย่านน้ำกี่โรงแรม ทั้งดอยทั้งชนบททั้งในเมืองทั้งในป่า ไปมาหมดไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้จริงๆ ที่แรกที่อยากให้เป็นแค่ทีเดียวในชีวิต การได้สัมผัสกับอะไรแบบนี้มันทำให้เราเปลี่ยนความคิดไปเลยค่ะ พลังงานของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนี่เอาแน่เอานอนกับเค้าไม่ได้จริงๆ ยังโชคดีที่พี่เราไม่ได้ไปด้วย นางเป็นคนมีเซนส์ไม่รู้ว่าถ้ามาด้วยจะป๊ะกันจะจะเลยหรือเปล่า แม่บอกว่าขนาดเราจิตแข็งๆแบบนี้ยังรู้สึกได้เยอะเลย พอมาเล่าๆกันสรุปมีแค่เรากับแม่ที่โดนคนอื่นไม่เป็นอะไรหลับปกติ แต่อาเราก็บอกว่าเรื่องแบบนี้เค้าก็เคยโดน เค้าเป็นคนขับรถไปมาทั่วไทยนอนโรงแรมเยอะกว่าเราอีก อาเราบอกว่าบางที่นอนไม่ได้เลยต้องออกไปหาที่อื่นนอน
จนถึงตอนนี้เราก็ไม่รู้นะคะว่าเคยมีอะไรเกิดขึ้นหรือมีใครอยู่ที่รีสอร์ทนั้นรึเปล่า เราไม่รู้นะว่ามันคืออะไรกันแน่แต่เราคิดว่าคงเป็นพลังงานอะไรซักอย่างที่หนาแน่นหรือแรงมากๆอย่างที่เค้าว่า แต่ถ้าถามว่าเราเชื่อเรื่องพวกนี้หรือยัง เราว่าเรา "เชื่อ" แล้วล่ะค่ะ