หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[SR] มาเอ้อระเหยที่ เออ Err ท่าเตียน
กระทู้รีวิว
ร้านอาหาร
อาหารคาว
เครื่องดื่ม
อาหาร
อาหารไทย
ขึ้นชื่อว่าร้านอาหารไทย ก็มีหลายแบบหลายสไตล์ แต่ร้านอาหารไทยที่ซ่อนลูกเล่น เท่ และ ความสนุกสนานไว้ในทีในสไตล์ไทยๆ แบบ เออ (Urban Rustic Thai) ไม่ได้มีอยู่มากนัก โดยร้านนี้แอบซ่อนอยู่ในซอย เล็กๆ ย่านท่าเตียน ใกล้ๆ กับวัดโพธิ์ ปากทางมีธนาคารกรุงเทพ เป็นจุดสังเกตุ เดินเข้ามาไม่กี่เมตร ก็จะเจอร้านเออทางด้านซ้ายมือ ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แตกต่างจากบริเวณโดยรอบ ทำให้ร้านสไตล์โมเดิร์นวินเทจนี้หาไม่ยากแน่นอน เอาล่ะ…ก้าวแรก ที่มาถึงเออ เห้ย…เราเหมือนๆ มาอยู่ในบ้าน เพื่อนเก่าที่มีความสนุกสนานจาก การตกแต่งแบบไทย ที่คุ้นเคย อาทิ ของเล่นวัยเด็กอย่าง น้ำเต้าปูปลา ตู้ไข่หยอดเหรียญ รวมทั้งภาพโปสเตอร์แบบ ไทยๆ และภาพบนฝาผนังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อเดินขึ้นมาชั้น 2 ก็จะมีกลิ่นอายความเป็น ไทยประยุกต์ซ่อนอยู่ คือ ไม่ใช่ไทยที่ดูเชย แต่ดูร่วมสมัย ไม่น่าเบื่อ ชิลมากกกก
เออ…เริ่มเข้าท่าแฮะ ชื่อร้านนี้ก็เป็นอีกลูกเล่นนึงที่คุณดีแลนซ์ เจ้าของร้านได้ตั้งใจไว้ให้ดู เป็นกันเองตามความหมายของมัน ประจวบเหมาะที่วันนี้ตั้งใจมางาน ไทยทำ ไทยดื่ม ไทยเจริญ บุฟเฟ่ต์เบียร์ที่กินได้ไม่อั้น ที่ทางร้านจัดขึ้น 2 วันคือ 2-3 กรกฏาคม จุดประสงค์หลักของผม ที่ตั้งใจมาวันนี้คือ อยากมาชิมดราฟเบียร์สไตล์ไทยๆ จากคนกลุ่มหนึ่งที่มีความฝันอยากทำเบียร์ ไทยที่มีรสชาตและมาตรฐานทัดเทียมกับต่างชาติ วันนี้เลยมีเบียร์มาให้ชิมกันหลากหลายแบบ เดี๋ยวจะมาสาธยายให้ฟัง ทำให้บรรยากาศที่ร้านเออวันนี้ เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อยตรงที่มี คอเบียร์ทั้งไทยและเทศมารวมตัวกัน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ จากคนที่ไม่รู้จักกันก็มา แลกเปลี่ยน ขอเบอร์ ขอไลน์กันวันนี้ไปหลายราย นี่คือเสน่ห์อีกอย่างนึงในวงเหล้าที่มักจะมี เหตุการณ์หรือโมเม้นท์ บางอย่างไม่เหมือนช่วงเวลาอื่นนั่นเอง
แต่สิ่งสำคัญของความเป็นร้านอาหารไทยอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ อาหารไทยรสชาต คุ้นเคย โดยหยิบเอาตำราอาหารโบราณมาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน ซึ่งจะใช้วัตถุดิบที่มีในประเทศ 100% โดยอาหารที่ร้านเออ จะเน้นเป็นอาหารจานไม่ใหญ่ เหมาะเป็น กับแกล้มมากกว่า ที่เตรียมมา วันนี้จะมีอยู่ทั้งหมด เมนู เอาไว้กินแกล้มกับเบียร์ อาทิ ผักดองรวมเสียบไม้ เม็ดแตงโมอบใบมะกรูด ที่มาในจานเดียวกัน ผักดองของทางร้านจะหมัก และดองเองทุกขั้นตอนเลย กินแกล้มเหล้าหรือเบียร์ได้ดีทีเดียว / ปลาหมึกทอดขมิ้น อันนี้อร่อย ทานง่าย ยิ่งตอนร้อนๆ หอมอร่อยกินได้เรื่อยๆ เลย สะเต๊ะไก่บ้าน อีกเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ เสิร์ฟพร้อมอาจาดและขนมปังไว้จิ้ม ข้าวทอดยำปลาอินทรีย์ เป็นอีกเมนูที่ไม่เคยกินที่ไหน มาก่อน กรอบนอก นุ่มใน ให้ความรู้สึกเหมือนกินอาหารทางเหนือหรืออีสานบอกไม่ถูก แต่ก็อร่อย ไปอีกแบบ ที่เหลือก็จะมีไส้อั่ว หมูแดดเดียว ยำไข่ดาวอินทรีย์ แต่ที่สั่งมาเพิ่มคือ ปลาหมึกกับ ไก่บ้านสะเต๊ะ เพราะรู้สึกกินง่ายและคุ้นปาก
มาขอเข้าเรื่องวันนี้อีกนิดนึง อย่างที่บอกไปว่าเราเป็นคอเบียร์คนนึง คือ นิยมทานเบียร์มาก กว่าเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ เลยทำให้รู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจนิดๆ ที่ได้มางานนี้ เกือบทั้งหมดจะเป็นเบียร์ที่หมักบ่มกันเอง จำนวนไม่เยอะ ไม่ได้เป็นโรงเบียร์เหมือนแบรนด์ดังๆ เริ่มแรกของการชิม ผมเปิดหัวด้วยเบียร์เข้มๆ สไตล์เท่ๆ อย่าง ชาละวัน ให้รสเข้มๆ แอบแรงนิดๆ หลังจากตระเวนถ่ายรูปจนครบ ก็มานั่งโต๊ะที่ชั้น 2 เป็นโซนนั่งกับพื้น ชิลๆ จากนั้นไม่นานกับแกล้ม ต่างๆ ก็ทยอยมาเสิร์ฟกันครบ คราวนี้ก็มาชิมเบียร์กันต่อ ตามด้วยเบียร์ดำ ที่ไม่แน่ใจยี่ห้อนัก แต่ตรงเคาเตอร์เขียนไว้ว่า Golden Coins เจ้านี้เอามา 2 ชนิด แต่ชนิดแรกที่ผมกินจะเป็นเบียร์ ดำรสหอมช็อคโกแลต ติดปลายลิ้นด้วยถั่วไหม้ๆ หน่อยๆ ตัวต่อมาเป็นซุ้มข้างๆ กัน ชื่อแบรนด์ น่าสนใจคือ ผีบอก (Pheebok) มีมา 3 ชนิด ตั้งแต่เบาไปจนเข้มสุด ได้แก่ วีทส์ (สีเหลือง) รสชาตละมุน ดื่มง่าย คล้ายๆ ฮูการ์เด้น เซแซง (สีส้ม) รสชาตจะแรงขึ้นมาอีกนิดนึง เหมือนเกม ฟุตบอลเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่หอมใช่ย่อยเช่นกัน คนที่ชอบแรงๆ แนะนำตัวนี้ ส่วนตัวสุดท้ายคือ สเตราท์ (สีดำ) อันนี้ก็แรงขึ้นมาอีกระดับ เพราะถ้าใครที่เคยกินเบียร์ดำมาก่อน จะรู้ว่าจะมี กลิ่นไหม้ๆ หรือขมๆ ติดที่ปลายลิ้นเวลาดื่มอยู่แล้ว สำหรับตัวผมชอบวีทส์ที่สุด เพราะเป็นคนชอบ ดื่มเบียร์เบาๆ สไตล์ฮูการ์เด้น เลยต้องขอเติมอีก 1 แก้ว ก่อนไปชิมตัวอื่น
เอาล่ะ คราวนี้วนกลับมาชั้นล่าง มาพูดคุยกับซุ้ม Sand Port หรือถ้าแปลตรงตัวเลยคือ ท่าทราย ซึ่งของยี่ห้อนี้นำมาทั้งแบบดราฟเบียร์และแบบขวด มาถึงตรงนี้ผมว่าบทสนทนาต่างๆ มันเริ่มออกรสออกชาติไม่น้อยแล้ว จากการที่เราดื่มมาหลายขนาน อีกทั้งยังมีชาวต่างชาติที่สนใจ มาร่วมวงพูดคุยด้วย ในฐานะคอเบียร์ด้วยกัน ผมว่ามันเป็นเสน่ห์ที่ทำการพูดคุยตรงนั้นมันสนุก สนานและดูสนิทสนมกันเร็วกว่าปกติ ซึ่งตัวผมเองยืนอยู่ที่ซุ้มนี้ค่อยฃนข้างนาน เพราะความที่คุยกัน ถูกคอ ประกอบกับมีเพื่อนร่วมวงมาสมทบอีก ทำให้บรรยากาศที่เออวันนี้ครื้นเครงไม่หยอก แถมได้ ความรู้สารพัดเรื่องเบียร์ที่ไม่เคยรู้มาก่อนไปอีกเพียบ โดยเฉพาะคอมมูนิตี้เล็กๆ ของคนทำเบียร์ที่ บางเจ้านั้นมีความรักที่จะทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ได้ทำเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ บางเจ้าส่งให้กับร้านอาหาร เพียงร้านเดียว หากใครติดใจก็หาซื้อที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น งานนี้เลยมีความพิเศษแบบที่หาโอกาส แบบนี้ได้ไม่บ่อยนัก
สรุปเลย…เออ มันน่าเอ้อระเหยได้ เออ มันนั่งชิลกับเพื่อนได้มันๆ เออเว้ย มันมีร้าน หรือสถานที่แบบนี้อยู่หรอวะ เออ วันหลังจะมาใหม่นะ …แต่ตอนนี้เราเมาแล้วนะเออ 555 แล้วพบกันใหม่ครับ
ชื่อสินค้า:
ERR Urban Rustic Thai
คะแนน:
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ร้านอาหาร
อาหารคาว
เครื่องดื่ม
อาหาร
อาหารไทย
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 19
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[SR] มาเอ้อระเหยที่ เออ Err ท่าเตียน
เออ…เริ่มเข้าท่าแฮะ ชื่อร้านนี้ก็เป็นอีกลูกเล่นนึงที่คุณดีแลนซ์ เจ้าของร้านได้ตั้งใจไว้ให้ดู เป็นกันเองตามความหมายของมัน ประจวบเหมาะที่วันนี้ตั้งใจมางาน ไทยทำ ไทยดื่ม ไทยเจริญ บุฟเฟ่ต์เบียร์ที่กินได้ไม่อั้น ที่ทางร้านจัดขึ้น 2 วันคือ 2-3 กรกฏาคม จุดประสงค์หลักของผม ที่ตั้งใจมาวันนี้คือ อยากมาชิมดราฟเบียร์สไตล์ไทยๆ จากคนกลุ่มหนึ่งที่มีความฝันอยากทำเบียร์ ไทยที่มีรสชาตและมาตรฐานทัดเทียมกับต่างชาติ วันนี้เลยมีเบียร์มาให้ชิมกันหลากหลายแบบ เดี๋ยวจะมาสาธยายให้ฟัง ทำให้บรรยากาศที่ร้านเออวันนี้ เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อยตรงที่มี คอเบียร์ทั้งไทยและเทศมารวมตัวกัน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ จากคนที่ไม่รู้จักกันก็มา แลกเปลี่ยน ขอเบอร์ ขอไลน์กันวันนี้ไปหลายราย นี่คือเสน่ห์อีกอย่างนึงในวงเหล้าที่มักจะมี เหตุการณ์หรือโมเม้นท์ บางอย่างไม่เหมือนช่วงเวลาอื่นนั่นเอง
แต่สิ่งสำคัญของความเป็นร้านอาหารไทยอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ อาหารไทยรสชาต คุ้นเคย โดยหยิบเอาตำราอาหารโบราณมาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน ซึ่งจะใช้วัตถุดิบที่มีในประเทศ 100% โดยอาหารที่ร้านเออ จะเน้นเป็นอาหารจานไม่ใหญ่ เหมาะเป็น กับแกล้มมากกว่า ที่เตรียมมา วันนี้จะมีอยู่ทั้งหมด เมนู เอาไว้กินแกล้มกับเบียร์ อาทิ ผักดองรวมเสียบไม้ เม็ดแตงโมอบใบมะกรูด ที่มาในจานเดียวกัน ผักดองของทางร้านจะหมัก และดองเองทุกขั้นตอนเลย กินแกล้มเหล้าหรือเบียร์ได้ดีทีเดียว / ปลาหมึกทอดขมิ้น อันนี้อร่อย ทานง่าย ยิ่งตอนร้อนๆ หอมอร่อยกินได้เรื่อยๆ เลย สะเต๊ะไก่บ้าน อีกเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ เสิร์ฟพร้อมอาจาดและขนมปังไว้จิ้ม ข้าวทอดยำปลาอินทรีย์ เป็นอีกเมนูที่ไม่เคยกินที่ไหน มาก่อน กรอบนอก นุ่มใน ให้ความรู้สึกเหมือนกินอาหารทางเหนือหรืออีสานบอกไม่ถูก แต่ก็อร่อย ไปอีกแบบ ที่เหลือก็จะมีไส้อั่ว หมูแดดเดียว ยำไข่ดาวอินทรีย์ แต่ที่สั่งมาเพิ่มคือ ปลาหมึกกับ ไก่บ้านสะเต๊ะ เพราะรู้สึกกินง่ายและคุ้นปาก
มาขอเข้าเรื่องวันนี้อีกนิดนึง อย่างที่บอกไปว่าเราเป็นคอเบียร์คนนึง คือ นิยมทานเบียร์มาก กว่าเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ เลยทำให้รู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจนิดๆ ที่ได้มางานนี้ เกือบทั้งหมดจะเป็นเบียร์ที่หมักบ่มกันเอง จำนวนไม่เยอะ ไม่ได้เป็นโรงเบียร์เหมือนแบรนด์ดังๆ เริ่มแรกของการชิม ผมเปิดหัวด้วยเบียร์เข้มๆ สไตล์เท่ๆ อย่าง ชาละวัน ให้รสเข้มๆ แอบแรงนิดๆ หลังจากตระเวนถ่ายรูปจนครบ ก็มานั่งโต๊ะที่ชั้น 2 เป็นโซนนั่งกับพื้น ชิลๆ จากนั้นไม่นานกับแกล้ม ต่างๆ ก็ทยอยมาเสิร์ฟกันครบ คราวนี้ก็มาชิมเบียร์กันต่อ ตามด้วยเบียร์ดำ ที่ไม่แน่ใจยี่ห้อนัก แต่ตรงเคาเตอร์เขียนไว้ว่า Golden Coins เจ้านี้เอามา 2 ชนิด แต่ชนิดแรกที่ผมกินจะเป็นเบียร์ ดำรสหอมช็อคโกแลต ติดปลายลิ้นด้วยถั่วไหม้ๆ หน่อยๆ ตัวต่อมาเป็นซุ้มข้างๆ กัน ชื่อแบรนด์ น่าสนใจคือ ผีบอก (Pheebok) มีมา 3 ชนิด ตั้งแต่เบาไปจนเข้มสุด ได้แก่ วีทส์ (สีเหลือง) รสชาตละมุน ดื่มง่าย คล้ายๆ ฮูการ์เด้น เซแซง (สีส้ม) รสชาตจะแรงขึ้นมาอีกนิดนึง เหมือนเกม ฟุตบอลเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่หอมใช่ย่อยเช่นกัน คนที่ชอบแรงๆ แนะนำตัวนี้ ส่วนตัวสุดท้ายคือ สเตราท์ (สีดำ) อันนี้ก็แรงขึ้นมาอีกระดับ เพราะถ้าใครที่เคยกินเบียร์ดำมาก่อน จะรู้ว่าจะมี กลิ่นไหม้ๆ หรือขมๆ ติดที่ปลายลิ้นเวลาดื่มอยู่แล้ว สำหรับตัวผมชอบวีทส์ที่สุด เพราะเป็นคนชอบ ดื่มเบียร์เบาๆ สไตล์ฮูการ์เด้น เลยต้องขอเติมอีก 1 แก้ว ก่อนไปชิมตัวอื่น
เอาล่ะ คราวนี้วนกลับมาชั้นล่าง มาพูดคุยกับซุ้ม Sand Port หรือถ้าแปลตรงตัวเลยคือ ท่าทราย ซึ่งของยี่ห้อนี้นำมาทั้งแบบดราฟเบียร์และแบบขวด มาถึงตรงนี้ผมว่าบทสนทนาต่างๆ มันเริ่มออกรสออกชาติไม่น้อยแล้ว จากการที่เราดื่มมาหลายขนาน อีกทั้งยังมีชาวต่างชาติที่สนใจ มาร่วมวงพูดคุยด้วย ในฐานะคอเบียร์ด้วยกัน ผมว่ามันเป็นเสน่ห์ที่ทำการพูดคุยตรงนั้นมันสนุก สนานและดูสนิทสนมกันเร็วกว่าปกติ ซึ่งตัวผมเองยืนอยู่ที่ซุ้มนี้ค่อยฃนข้างนาน เพราะความที่คุยกัน ถูกคอ ประกอบกับมีเพื่อนร่วมวงมาสมทบอีก ทำให้บรรยากาศที่เออวันนี้ครื้นเครงไม่หยอก แถมได้ ความรู้สารพัดเรื่องเบียร์ที่ไม่เคยรู้มาก่อนไปอีกเพียบ โดยเฉพาะคอมมูนิตี้เล็กๆ ของคนทำเบียร์ที่ บางเจ้านั้นมีความรักที่จะทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ได้ทำเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ บางเจ้าส่งให้กับร้านอาหาร เพียงร้านเดียว หากใครติดใจก็หาซื้อที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น งานนี้เลยมีความพิเศษแบบที่หาโอกาส แบบนี้ได้ไม่บ่อยนัก
สรุปเลย…เออ มันน่าเอ้อระเหยได้ เออ มันนั่งชิลกับเพื่อนได้มันๆ เออเว้ย มันมีร้าน หรือสถานที่แบบนี้อยู่หรอวะ เออ วันหลังจะมาใหม่นะ …แต่ตอนนี้เราเมาแล้วนะเออ 555 แล้วพบกันใหม่ครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น