เพิ่งจะสูญเสียแม่ไปค่ะ เลยตกลงกันในครอบครัวว่าจะตั้งศพไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง มีคนคอยช่วยติดต่อกับทางวัดให้
ถึงเวลาสวดเย็นนั้น ก็ใส่ซองตามปกติค่ะ ตามที่มีคนมาแนะนำไว้ ซองละ 200 วันต่อมาก็มีเรื่องมาเข้าหูว่า " เจ้าอาวาสบอกกับทางแม่ครัวว่า เราใส่ซองไม่สมมาพาควรทั้งที่พ่อแม่ก็ทำงานทำการดี "
เราเริ่มคิดมาก เลยไปถามคนที่จัดการในวัด ว่าใส่ซองเท่านี้น่าเกลียดไปมั้ย เค้าก็ว่าไม่น่าเกลียดหรอก เราก็เลยเริ่ม งงๆ
วันต่อมาสวดเย็น เราเลยใส่ให้เจ้าอาวาส 500 + สวดยอดมุกอีกหนึ่งซอง 200 รวมเป็น 700 บาท ( ไม่รวมซองตอนถวายเพลอีก 200 )
คราวนี้ไม่ได้ยินอะไรอีก จนมาถึงตอนที่เราจะบูชา กองบุญ และ ผ้าไตรในวันเผา เราตัดสินใจใส่ซองกองบุญให้พระไป 2,000 อันนี้ไม่มีปัญหา ... ใส่ซองบูชาผ้าไตรอีก 2,000 ถวายให้กับมือ
พอฉันเพล เจ้าอาวาสไม่อยู่ เราเลยถวายซองให้พระรูปอื่นจนครบ มีคนมาทักให้ใส่ซองให้เจ้าอาวาสด้วย ท่านไม่อยู่ก็ต้องใส่ให้ เราเลยใส่ให้ซองนึง ...ตกเย็นมามีคนถือซองมาถามเรา ว่าเจ้าอาวาสถามว่าซองบูชาผ้าไตรอะไรทำไมใส่ 200 เราเลยเริ่มกังวล ตกใจมาก บอกไปว่า ไปถามท่านใหม่ได้มั้ย อันนี้มันซองตอนเพลที่ท่านไม่อยู่แล้วเราฝากไว้ให้ ส่วนซองผ้าไตรเราถวายให้เมื่อเช้านี้ไง สรุปแล้วได้ความว่าเจ้าอาวาสหลงลืมเอง แต่เราเริ่มไม่โอเคละค่ะ พอจะถึงวันเผา คนจัดการช่วยงานเราก็มากำกับบอกว่าเตรียมซองวันเผา ซึ่งให้เราจดรายละเอียดว่ามีอะไรบ้าง แล้วแต่ละซองใส่เท่าไหร่ พอมาถึงซองบำรุงวัด เราเลยเขียนไป 10,000 แต่นางเห็นตรงนี้ นางบอกให้เราใส่ 20,000 นะ เราเลยถามไปว่าอันนี้ไม่ใช่แล้วแต่ศรัทธาของเจ้าภาพเหรอคะ นางตอบกลับมาว่า มันเป็นธรรมเนียมของที่นี่ เรางี้เถียงอะไรไม่ได้เลย จำใจต้งใส่ตามที่เค้าบอก
ตั้งแต่วันแรกที่จัดงานที่วัด เรามักจะรู้สึกอึดอัด เหมือนโดนเอาเปรียบ โดนรุมกินโต๊ะ ตั้งแต่เรื่องแม่ครัวที่มารับจ้างในงานแล้วค่ะ คือเค้าอ้างว่าเป็นคนพื้นที่ รู้จักเรื่องอุปกรณ์ในครัวดี เราก็เลยปล่อยเลยตามเลย แล้วก็มีบิลยอดค่าจ้างพร้อมลายเซ็นกำกับจากเจ้าอาวาสมาให้เรา ว่ามีค่าแม่ครัวกี่คน คนละเท่าไหร่ ล้างจานกี่คน ล้างแก้วกี่คน ล้างห้องน้ำ.. ค่าคนงานผู้ชาย สี่คน คนละ สามร้อย คูณสี่วัน ...เราเลยสงสัยตรงนี้ ว่าผู้ชาย คืออะไร แล้วเค้าอยู่ไหน เรางี้ยกของกันเอง หาโต๊ะกันเอง มาสองวัน เลยแค่อยากรู้
แต่ทางแม่ครัวมาอธิบายว่า เค้าเป็นคนช่วยงานในวัด เวลาไฟดับ เวลาอะไรเสีย เค้าก็ช่วย เก็บขยะด้วย ..ถ้าเจ้าภาพไม่เอาก็ได้ เจ้าภาพก็เก็บเอง !!! เรางี้สะอึกเลยค่ะ จะหันหน้าปรึดษาใครก็ไม่ได้ คนเค้าทั้งนั้น เราควักกระเป๋าใส่ซองต่างๆในวัด รวมๆแล้ว 70,000 กว่าบาท ค่าจ้างแม่ครัว 24,800 บาท ยังไม่รวม ค่าของสดที่พวกแม่ครัวเอาบิลมาให้เราจ่ายในแต่ละวัน ซึ่งบิลนี้พวกเค้าก็เขียนกันเอง ไม่ใช่บิลจากร้าน จากเขียงหมู ค่ะ เราไม่ได้เห็นของที่เค้าสั่งนะคะ เพราะต้องต้อนรับแขกข้างใน เรามีหน้าที่จ่ายอย่างเดียว ส่วนขิงเครื่องปรุงและผัก แม่ครัวให้เจ้าภาพเป็นคนซื้อมาเอง
สามสี่วันที่อยู่ในงาน เรางี้อัดอั้นตันใจมากที่สุดเลย ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะเรากำลังเสียใจที่แม่ตายด้วยอยู่แล้ว ดันมาเจอเรื่องพวกนี้ต่ออีก มาเจอพระที่วันๆ ไปสุมหัวคุยแต่กับกลุ่มแม่ครัว แล้วมองเราแปลกๆอีก สภาพจิตใจเราเลยแย่มากถึงมากที่สุดค่ะ การจัดงานของแม่ในครั้งนี้ทำให้เรามองวัด มองพระ ในอีกแง่มุมนึงเลย เลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆฟัง เวลาเจอเหตุการณ์แบบเรา จะได้มีเวลาศึกษาเกี่ยวกับ วัดต่างๆ ให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ
แต่ที่ฟังมา วัดในเขตกรุงเทพ จะไม่โหดเท่าที่นี่นะคะ ของเราอยู่ภาคอีสาน อยู่ต่างอำเภอไปอีก ไม่ได้จัดในเมืองค่ะ
รู้สึกเหมือนโดนทางวัดขูดรีดในการจัดงานศพค่ะ
ถึงเวลาสวดเย็นนั้น ก็ใส่ซองตามปกติค่ะ ตามที่มีคนมาแนะนำไว้ ซองละ 200 วันต่อมาก็มีเรื่องมาเข้าหูว่า " เจ้าอาวาสบอกกับทางแม่ครัวว่า เราใส่ซองไม่สมมาพาควรทั้งที่พ่อแม่ก็ทำงานทำการดี "
เราเริ่มคิดมาก เลยไปถามคนที่จัดการในวัด ว่าใส่ซองเท่านี้น่าเกลียดไปมั้ย เค้าก็ว่าไม่น่าเกลียดหรอก เราก็เลยเริ่ม งงๆ
วันต่อมาสวดเย็น เราเลยใส่ให้เจ้าอาวาส 500 + สวดยอดมุกอีกหนึ่งซอง 200 รวมเป็น 700 บาท ( ไม่รวมซองตอนถวายเพลอีก 200 )
คราวนี้ไม่ได้ยินอะไรอีก จนมาถึงตอนที่เราจะบูชา กองบุญ และ ผ้าไตรในวันเผา เราตัดสินใจใส่ซองกองบุญให้พระไป 2,000 อันนี้ไม่มีปัญหา ... ใส่ซองบูชาผ้าไตรอีก 2,000 ถวายให้กับมือ
พอฉันเพล เจ้าอาวาสไม่อยู่ เราเลยถวายซองให้พระรูปอื่นจนครบ มีคนมาทักให้ใส่ซองให้เจ้าอาวาสด้วย ท่านไม่อยู่ก็ต้องใส่ให้ เราเลยใส่ให้ซองนึง ...ตกเย็นมามีคนถือซองมาถามเรา ว่าเจ้าอาวาสถามว่าซองบูชาผ้าไตรอะไรทำไมใส่ 200 เราเลยเริ่มกังวล ตกใจมาก บอกไปว่า ไปถามท่านใหม่ได้มั้ย อันนี้มันซองตอนเพลที่ท่านไม่อยู่แล้วเราฝากไว้ให้ ส่วนซองผ้าไตรเราถวายให้เมื่อเช้านี้ไง สรุปแล้วได้ความว่าเจ้าอาวาสหลงลืมเอง แต่เราเริ่มไม่โอเคละค่ะ พอจะถึงวันเผา คนจัดการช่วยงานเราก็มากำกับบอกว่าเตรียมซองวันเผา ซึ่งให้เราจดรายละเอียดว่ามีอะไรบ้าง แล้วแต่ละซองใส่เท่าไหร่ พอมาถึงซองบำรุงวัด เราเลยเขียนไป 10,000 แต่นางเห็นตรงนี้ นางบอกให้เราใส่ 20,000 นะ เราเลยถามไปว่าอันนี้ไม่ใช่แล้วแต่ศรัทธาของเจ้าภาพเหรอคะ นางตอบกลับมาว่า มันเป็นธรรมเนียมของที่นี่ เรางี้เถียงอะไรไม่ได้เลย จำใจต้งใส่ตามที่เค้าบอก
ตั้งแต่วันแรกที่จัดงานที่วัด เรามักจะรู้สึกอึดอัด เหมือนโดนเอาเปรียบ โดนรุมกินโต๊ะ ตั้งแต่เรื่องแม่ครัวที่มารับจ้างในงานแล้วค่ะ คือเค้าอ้างว่าเป็นคนพื้นที่ รู้จักเรื่องอุปกรณ์ในครัวดี เราก็เลยปล่อยเลยตามเลย แล้วก็มีบิลยอดค่าจ้างพร้อมลายเซ็นกำกับจากเจ้าอาวาสมาให้เรา ว่ามีค่าแม่ครัวกี่คน คนละเท่าไหร่ ล้างจานกี่คน ล้างแก้วกี่คน ล้างห้องน้ำ.. ค่าคนงานผู้ชาย สี่คน คนละ สามร้อย คูณสี่วัน ...เราเลยสงสัยตรงนี้ ว่าผู้ชาย คืออะไร แล้วเค้าอยู่ไหน เรางี้ยกของกันเอง หาโต๊ะกันเอง มาสองวัน เลยแค่อยากรู้
แต่ทางแม่ครัวมาอธิบายว่า เค้าเป็นคนช่วยงานในวัด เวลาไฟดับ เวลาอะไรเสีย เค้าก็ช่วย เก็บขยะด้วย ..ถ้าเจ้าภาพไม่เอาก็ได้ เจ้าภาพก็เก็บเอง !!! เรางี้สะอึกเลยค่ะ จะหันหน้าปรึดษาใครก็ไม่ได้ คนเค้าทั้งนั้น เราควักกระเป๋าใส่ซองต่างๆในวัด รวมๆแล้ว 70,000 กว่าบาท ค่าจ้างแม่ครัว 24,800 บาท ยังไม่รวม ค่าของสดที่พวกแม่ครัวเอาบิลมาให้เราจ่ายในแต่ละวัน ซึ่งบิลนี้พวกเค้าก็เขียนกันเอง ไม่ใช่บิลจากร้าน จากเขียงหมู ค่ะ เราไม่ได้เห็นของที่เค้าสั่งนะคะ เพราะต้องต้อนรับแขกข้างใน เรามีหน้าที่จ่ายอย่างเดียว ส่วนขิงเครื่องปรุงและผัก แม่ครัวให้เจ้าภาพเป็นคนซื้อมาเอง
สามสี่วันที่อยู่ในงาน เรางี้อัดอั้นตันใจมากที่สุดเลย ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะเรากำลังเสียใจที่แม่ตายด้วยอยู่แล้ว ดันมาเจอเรื่องพวกนี้ต่ออีก มาเจอพระที่วันๆ ไปสุมหัวคุยแต่กับกลุ่มแม่ครัว แล้วมองเราแปลกๆอีก สภาพจิตใจเราเลยแย่มากถึงมากที่สุดค่ะ การจัดงานของแม่ในครั้งนี้ทำให้เรามองวัด มองพระ ในอีกแง่มุมนึงเลย เลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆฟัง เวลาเจอเหตุการณ์แบบเรา จะได้มีเวลาศึกษาเกี่ยวกับ วัดต่างๆ ให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ
แต่ที่ฟังมา วัดในเขตกรุงเทพ จะไม่โหดเท่าที่นี่นะคะ ของเราอยู่ภาคอีสาน อยู่ต่างอำเภอไปอีก ไม่ได้จัดในเมืองค่ะ