[CR] ขุนพันธ์ (2559) แอคชั่นไทยใจกล้าเล่นใหญ่ ความท้าทายของทีมสร้างและคนดู

ขุนพันธ์ ( 2559 )

ขุนพันธ์ (2559) จากฝีมือกำกับของก้องเกียรติ โขมศิริ นำแสดงโดย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ในบทบาทขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจผู้มีอาคม และกฤษดา สุโกศล แคลปป์ ( น้อย วงพรู ) ในบทอัลฮาวียะลู มหาโจรผู้ฆ่าไม่ได้ตายไม่เป็น หนังแอคชั่นไทยอาคมเหนืออาคมที่เป็นที่กล่าวขานกันอย่างมากในตอนนี้ บ้างก็ว่าดีบ้างก็ว่าไม่ดี อันนี้ก็อยู่ที่รสนิยมและความคาดหวังของคนดูหนังแต่ละคน



ขุนพันธ์ ( 2559 ) เล่าเรื่องราวของนายตำรวจมือปราบผู้มีอาคมแรงกล้า ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า ขุนพันธ์ ผู้ได้รับคำสั่งให้แฝงตัวมาจับอัลฮาวียะลู โจรใหญ่ทางใต้ของแคว้นแดนสยามผู้มีมนต์ดำอาคมแรงกล้าไม่ต่างกัน การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างสองผู้มีอาคมที่ฆ่าไม่ตายทั้งคู่จึงอุบัติขึ้น

“ภาพยนตร์ขุนพันธ์ได้เค้าโครงเรื่องจากเรื่องจริงเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับ ก็บอกชัดเจนว่าหนังเรื่องนี้ถูกสร้างมาเพื่อให้ความบันเทิง ไม่ใช่หนังสารคดีแต่อย่างใด”


ผู้เขียนจึงอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า หากหนังมีเนื้อหาหรืออะไรก็ตามที่ไม่ตรงกับความจริงทางประวัติศาสตร์ ก็อย่าไปซีเรียสว่ามันไม่เป็นความจริงอย่างนั้นอย่างนี้ จะหน้าแตกเปล่า ๆ เพราะผู้กำกับต้องการให้หนังเป็นหนังแอคชั่นให้ความบันเทิง เพราะฉะนั้นหากจะมีอะไรโอเว่อร์เกินจริง นั่นก็คือความตั้งใจของทีมผู้สร้าง ซึ่งหนังหลายเรื่องทั้งของไทยและต่างประเทศ ที่ใช้ตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงมาเป็นตัวละครหลัก ก็มักจะถูกปรุงแต่งไม่มากก็น้อยทั้งสิ้น นั่นก็เพื่อให้เรื่องราวมีความเป็นภาพยนตร์และสามารถให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมได้มากขึ้น



หนังไทยในช่วงเวลานี้อาจพูดได้ว่าค่อนข้างซบเซาและหาหนังคุณภาพจริง ๆ ได้ยาก ด้วยราคาตั๋วที่เท่ากันทำให้คนดูหนังส่วนใหญ่เลือกที่จะดูหนังต่างชาติมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็การันตีคุณภาพได้มากกว่าหนังไทย หนังไทยที่ทำได้ดีและฮิตกันในกลุ่มคนดูหนังมักจะเป็นหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ หรือไม่ก็หนังผีจากค่ายหนังใหญ่ ๆ และนาน ๆ ครั้งที่จะมีหนังแอคชั่นของไทยเข้ามาฉาย โดยผู้เขียนคิดว่า สเกลหนังแอคชั่นของไทยที่พูดได้ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ จะเป็นหนังพวกองค์บาก (2546) , ต้มยำกุ้ง (2548), อันธพาล (2555) หรือก็คือหนังแอคชั่นที่ไม่ต้องพึ่ง CG และ Special Effect มากนัก

“งานภาพที่ต้องใช้ความรู้ ผีมือ และงบประมาณเหล่านี้อาจจะตึงมือทีมสร้างหนังชาวไทยพอสมควร เพราะถ้าเสี่ยงทำออกมาแล้วทำไม่ดีก็จะโดนคนดูหนังด่าเอาเปล่า ๆ แต่ ขุนพันธ์ (2559) ดูเหมือนจะยอมเสี่ยงโดนด่า ( ซึ่งก็มีบางคนด่าจริง ๆ ) ทำหนังแอคชั่นที่มีฉากใหญ่ที่ใช้ CG ค่อนข้างมากอย่างฉากไล่ล่ากันบนรถไฟ ถึงจะไม่ได้เป็นงานที่เนียนกริ๊บระดับหนัง HOLLYWOOD แต่ผู้เขียนก็คิดว่าหนังทำออกมาได้ดีมาก ๆ หรืออย่างน้อยก็สมความคาดหวังที่ตั้งไว้”


การได้เห็นฉากไล่ล่าบนรถไฟที่ไม่ค่อยจะได้เห็นในหนังไทยเป็นความรู้สึกที่สนุกสนาน ผาดโผนอย่างบอกไม่ถูก การที่หนังสามารถออกแบบฉากแอคชั่นให้สนุกและระทึกได้แบบนี้ ก็ทำให้เรามองผ่านเรื่อง CG เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปได้ ซึ่งที่กล่าวมาก็ไม่ได้หมายความว่างาน CG ของขุนพันธ์จะห่วยแตก กลับกัน มันดีในระดับที่น่าพอใจทีเดียวครับ ไม่ได้รู้สึกขัดตาจนน่าหงุดหงิดเหมือนละครหรือหนังทุนต่ำบางเรื่อง ถ้าสามารถลงทุนและให้เวลากับงานเทคนิคพิเศษทางภาพเหล่านี้อีกนิด คิดว่าจะเพิ่มคุณภาพให้กับหนังไทยได้มากพอสมควร ( ถ้าใครบอกว่าหนังเอเซีย CG ห่วยแตก ให้ลองไปหาหนังเกาหลีหรือหนังอินเดียทุนสูง ๆ ดูครับ คนเอเซียฝีมือเฉียบขาดไม่ต่างกับ HOLLYWOOD นะครับ )



ขุนพันธ์เป็นหนังที่จัดเต็มฉากแอคชั่นมาก ทั้งปืน มีด ระเบิด มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง คอหนังแอคชั่นคงคุ้มค่าตั๋วไม่น้อย และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ขุนพันธ์น่าจดจำ นั่นคือ นักแสดงหลักทั้งสองคน อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม และน้อย วงพรู ในบทบาทขุนพันธ์และอัลฮาวียะลู ที่เล่นดี สมบทบาทมากทั้งคู่ คนดูรู้สึกได้ชัดเจนถึงความถูกต้องยุติธรรมของขุนพันธ์ และความน่ากลัวของอัลฮาวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอัลฮาวียะลูของ กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ที่ต้องยอมรับว่าเล่นดีจริง ๆ ทั้งท่าทาง จังหวะ น้ำเสียง แทบจะเป็นโจ๊กเกอร์นิด ๆ ได้เลย ถึงบทของหนังจะไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก แต่ตัวละครหลักทั้งสองก็ทำให้เราดูหนังสนุกได้

สิ่งที่ขุนพันธ์ควรปรับปรุงแก้ไขเห็นจะเป็นบทพูดของตัวละครบางตัวที่ดูขาดความสมจริง ถึงเราจะไม่รู้บริบททางภาษาในสมัยนั้นมากนัก แต่ก็มีบางฉากที่บทพูดมันช่างเหมือนการอ่านบทเหลือเกิน มันทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับสถานการณ์ไม่ได้เท่าที่ควร และจังหวะดราม่าของเรื่องที่ยังไม่สามารถทำให้เราสะเทือนใจได้เท่าไรนัก ความรู้สึกสูญเสีย สะเทือนใจอยู่กับเราไม่นานแล้วก็หายไป



โดยสรุปแล้วขุนพันธ์เป็นหนังแอคชั่นไทยที่คุ้มค่าตั๋ว งานโปรดักชั่นของหนังเรื่องนี้คุณภาพเต็มร้อย ทีมผู้สร้างใส่ใจในรายละเอียดทั้งฉากและตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครหลักทั้งสองตัวเล่นได้ดีมาก ทำให้บทที่ดูเป็นเส้นตรงธรรมดา ๆ มีความน่าติดตามเพิ่มขึ้นได้ หนังแอบมีความอาร์ตอยู่เล็กน้อยทำให้บางฉากคนดูบางคนที่ไม่มีความรู้ด้านภาพยนตร์หรือไม่ค่อยได้ดูหนังอาจจะไม่เข้าใจภาษาภาพที่หนังต้องการจะสื่อ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้หนังสนุกน้อยลงเท่าไร ขุนพันธ์ (2559) คือหนังแอคชั่นไทยที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% แต่ก็เป็นหนังแอคชั่นไทยคุณภาพอีกเรื่องหนึ่งที่ควรหาโอกาสรับชม

ปล. หนังมี End Credit ครับ และสำหรับผมมันฮามาก หนังจบอย่าเพิ่งรีบลุกกันนะ
ปล2. หนังเรื่องนี้ Reference เยอะมาก บางฉากดูแล้วรู้เลยว่าเอาแรงบันดาลใจมาจากเรื่องอะไร

หนังเรื่องนี้คนวิจารณ์ออกมาเป็นสองทิศทางจริง ๆ บ้างก็ว่าชอบบ้างก็ว่าไม่ชอบ ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความคาดหวังของแต่ละคนครับ ดูแล้วมาคุยกันครับ #Fullzine

---------------------------
ติดตามรีวิวอื่น ๆ และสกู๊ปภาพยนตร์น่าสนใจเพิ่มเติมได้นะครับ
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/fullzinethailand
เว็บไซต์ : http://www.fullzine.com
อ่านแบบ Original ได้ที่ : http://goo.gl/5fCiKX
ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   ขุนพันธ์ (2559)
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่