รีวิวนี้พิมพ์ขึ้นมาในวันหยุดยาวในห้องร้อนๆ หลังจบทริปสิงคโปร์ไปได้ราวๆ 5 วัน
แต่ตอนนี้อยากไปเที่ยวอีกแล้ว ไม่น่าเลยดันไปเที่ยวมาก่อนหยุดยาว พอตอนนี้เค้าหยุดยาวกัน ไม่มีเงินไปเที่ยวแล้วอ่ะ
เริ่ม...
จากการจองตั๋วเครื่องบินแบบฉุกเฉิน ช่วง แอร์เอเชียมีโปร (งงสินะ เพราะตอนไหนแอร์เอเชียก็มีโปร)
เห็นโปรปุ๊ปปั๊บ ก็กดจองกันไปเซทแรก 6 คน เพื่อนอีกเซทนึง 4 คนจองตามกันมาเดือนอื่น
ค่าตั๋วไปกลับรวมแล้ว *คนละ 2,177 บาท ถือว่าถูกอยู่มั้ง
การจองตั๋วถูกรู้กันอยู่แล้วว่าเปนการรอคอยที่เนิ่นนาน ลืมไปเลยว่าต้องต่นเต้น จนมารู้สึกตื่นตัวอีกทีเดือนหน้า เอ้าเมิงงงต้องไปแล้ว เลยสรรหาและจองที่พักกันที่ Mori Hostal เพราะเท่าที่อ่านดูก็ติด Top 10 ของโฮลเทลที่คนไทยไปใช้บริการนะ เราตกลงปลงใจจองห้องกันทั้งหมด 4 คืน ผ่านเว็บไซต์ Booking จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตเพื่อนสาวแสนซน
ค่าห้อง 4 คนรวมแล้ว *คนละ 2,010 บาท คืนละประมาณ 500 ถูกใช้ได้
ซึ่งก่อนจะไปก็อ่านรีวิวเพียบจนทำให้รู้ว่าซื้อตั๋วที่ท่องเที่ยวหลายอย่างของสิงคโปร์ได้ที่ไทย ร้าน Singapore Fanclub อยู่ชั้นใต้ดินของห้าง Getway เอกมัย ลงบันไดเลื่อนไปเจอเลยร้านอยู่ตรงหน้าเราเลย จัดการซื้อตั๋ว มา 2 อย่าง
1.Universul 1,600 กว่าๆ
2.Garden by the bay 400 กว่าๆ
(ข้อดีครือ...ลดเวลาการเดินหาซื้อตั๋วที่สิงคโปร์ได้นะ จะได้เอาเวลาไปเดินหาที่เที่ยวแทน)
*ที่ร้านนี้มีพวกซิมการ์ด และบัตร mrt ด้วยนะถ้าจำไม่ผิด ลองไปถามดู พนักงานอาจจะหน้านิ่งๆดุๆหน่อย แต่ก็ถามได้แหละ
มามา รวบรัดมาถึงวันเดินทางดีกว่า เพื่อนที่จองตั๋วให้นางเลือกเวลาเป็น 4 โมงเย็น กะว่าจะทำงานกันก่อนค่อยออกมา สุดท้ายลาเลยดีกว่ากลัวติดพันจนตกเครื่องเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่รวมเครื่องบินดีเลย์) ก็มาถึงสิงคโปร์ตอน 5 ทุ่ม (สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชม.)
เซื้อตั๋ว Mrt กันจ้ะ บอกเลย first impression ดีมาก พนักงานขายตั๋ว เหวี่ยงสุดอะไรสุด ถอนหายใจใส่เรา ยาวเหมือนถนน 5 แยกลาดพร้าว คือเราอาจจะภาษาอังกฤษอ่อนแอ ทำให้เค้ารำเราก็ได้ กราบขอโทษที่อก สรุปคุยมั่วจนได้บัตรมา รวมมัดจำและเติมเงินเพิ่มแล้วตก*คนละ 22 เหรียญ 570 กว่าบาทไทย
*Ez link ระบบการเดินทางที่นี้ดีงามกราบ teen คือซื้อตั๋ว Ez link ใบเดียว ก็ขึ้น mrt ได้ทุกสาย Bus ทุกคัน
*Bus ขึ้นประตูหน้า(ทางเดียว) แล้วตื๊ดบัตร ลงประตูหลัง(หรือหน้าก็ได้) แล้วตื๊ดอีกที
*ถ้าลืมบัตร mrt ให้ขึ้นไปถามคนขับว่า ฮาวมัชนางจะถามชื่อป้ายที่เราจะลง เราก็บอกไป นางก็จะให้หยอดเหรียญในกล่องเหล็กเล็กๆข้างหน้า (ไม่มีเงินทอนนะจ้ะ เตรียมพอดี) สำหรับคนจ่ายเงินสดไม่ใช้บัตร ตอนลงก็ลงไปเลยไม่ต้องตื๊ดอะไรแล้ว ค่าโดยสารประมาณ 1.40 ดอล เกือบทุกป้าย ทริปนี้เราเดินทางเกือบทั่วประเทศสิงคโปร์ แล้วก็นั่ง express ไป Universal อีก เลยต้องเติมเงินกัน 2 รอบ ไม่งั้นบ๊งแน่
อ่ะ พอได้ตั๋วเสร็จก็เดินทางเข้าที่พัก คือ Mori hostal อยู่สถานี Farrer Park เส้นทางการมายากแต่มาได้ ขอขยายตรงนี้
1.มาถึงสนามบินแล้วให้เดินไปที่ Terminal 2 ยังไม่มีให้ซื้อตั๋วนะอย่าพึ่ง งง
2.โดดขึ้นไปบนรถไฟเลย แล้วลงที่สถานีแรก (จำชื่อไม่ได้)
3.พอถึงก็หาทางลงไปข้างล่างสถานี แล้วจะมีเคาน์เตอร์ให้ซื้อตั๋ว
4.เริ่มเดินทางไปตามแผนที่ที่พักของเรา
ตัดภาพมาที่ถึงโรงแรมแล้ว มาถึงเจ้าหน้าที่ก็ยัวเวลคัมอะไรว่าไป แล้วก็เซอร์ไพร้เราด้วยการให้จ่ายเพิ่มอีก 400 เหรียญ!!!!!!!!! (ค่ามัดจำคีย์การ์ด 100 เหรียญ) เป็นเงินไทย 10,382 บาท sas อะไรกันเนี้ย เพื่อนยื่นบัตรเครดิตให้เพราะจะเก็บเงินสดไว้ใช้ นางบอกไม่...ฉันจะเอาเงินสด ชิบจ๋อย-กันไป งั้นก็จ่ายไปแล้วขึ้นมาคุยกัน เพื่อนบอกว่าตอนจองที่ไทยผ่านเว็บ booking มันหักไปแค่ 2,000 กว่าบาท คืออะไรงงมาก มารู้ทีหลังเพื่อนเซท2ที่ตามมาบอกว่า ถ้าจองผ่าน booking มันจะแค่จองให้แล้วให้เรามาจ่ายเองหน้างาน มันคือคอนเซปนางอ่ะ ก็แค่จองให้ อ่าวววว ฮือ (ภาษาอังกฤษจำเป็นมากนะหนูๆ) หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ปลอบกันไปกันมา แล้วก็ตื่นมาวันที่ 2 ของทริป
วันที่ 2 ชิวๆ ร้อนๆ ที่การ์เด้นและไชน่า
เพื่อนตามมาสมทบกันครบแก๊งค์แล้วจ้ะ ครึกครื้น เริ่มวันด้วยการหาไรกินที่ไชน่าทาวน์ เพื่อนเสิร์ทมา ว่าร้านนี้อร่อยดี ไปถึงก็สั่งๆ อร่อยดีนะ ชอบที่สั่งได้เยอะดี หารกันตกคนละ 200 กว่าบาทเท่าน้านนน
ต่อด้วยเดินเล่นไชน่าทาวน์ , วัดสีแดงน่าจะชื่อว่า พระเคี้ยวแก้วนะ
ไหว้พระเสร็จก็นั่ง taxi ไปที่ Garden by the bay ความดีงามให้ 7 เต็ม 10 ไม่ได้อลังการขนาดนั้นแฮ่...
แต่ว่าไปวิวตรงกระจก ที่มองเห็นชิงช้าสวรรค์ (Singapore flyer) ก็เริ่ดดี
และชอบส่วนของ cloud forest มากที่สุด (เดินออกมาจากเรือนกระจกจะเป็นทางบังคับเดินไปที่ คลาวน์ฟอเรสเลยจ้า เดินบนทางสูงๆ ชุ่มชื่นเปียกน้ำ
วันที่ 3 วันนี้เราถวายชีวิตให้ Universul กันเถอะ
การเดินทาง นั่ง mrt หรือ busมาลง ห้าง vivo ขึ้นไปชั้น 3 จะมี mrt สถานีพิเศษ เหมือนพาไปลงที่เที่ยวไฮไลท์ของ สิงคโปร์ อันได้แก่ beach station (ทะเลสร้างใหม่) / water front (universul) / santosa
ใช้บัตร Mrt ตื๊ดไปได้เลย 4 เหรียญ รวมไปกลับ(ถ้าเกิดจะไป unaiversal แล้วจะไป ทะเลด้วยในวันเดียว ไม่ต้องตี๊ด mrt เพิ่ม ไปได้เลยจ้า)
มาถึง universal เพื่อนบอกว่า เมิงงเราอัพตั๋วให้เป็น express กันมั้ย วันอาทิตย์แบบนี้แถวยาวเป็นลาดพร้าว+สุขุมวิทเลยนะ จะได้ไม่ต้องรอนานให้บั่นทอนหัวใจ เลยไปถามดู ราคาอัพมี 2 แบบจ๊ะ 50 เหรียญ กับ 70 เหรียญ T_T ต่างกันคือ
- 50 จะ express ได้เครื่องเล่นละ1รอบ ถ้าเกิดจะเล่นอีกก็ต้องไปเข้าแถวรอแบบตั๋วธรรมดา
- 70 จะ express ก็ครั้งก็ตามสบายพ่อเถอะจ้ะ
ชาวแก๊งค์บอกเลือกอัพเป็น 50 แล้วกันนนนน เอาแค่มันส์ๆเสียวๆ เที่ยวเดียวไม่ต้องเสร็จ 555
กับ universul ใช้เวลากับที่นี้ทั้งวัน ปกติ จขกท ไม่ชอบความท้าทายอะไรทั้งสิ้น แต่พออัพตั๋วไป คิดว่า
แพงมาก me จะต้องเอาให้คุ้มจะอ้วกพุ่งแค่ไหนก็ต้องเล่น เริ่มจาก transformer ดีงามมมมโคตร เล่นรอบแรกลืมใส่เว่น 3d เจ้าหน้าที่ให้เล่นใหม่อีกรอบฟรีจร้าาา <3
ต่อมาที่ Battlestar (สายสีน้ำเงิน) รถไฟเหาะแบบคว่ำหน้า ความเสียวเอาไป 600+ ตลอดการเหาะบ่าวเกือบตายเพคะ กรี๊ดไม่ออก ร้องไห้ไม่ไหว ขามันลอยไม่ติดพื้น จินตนาการตอนตกไปต่างๆนาๆ ช่วงหมุนนี้คิดว่ากรูต้องตายแน่นอน หลับตาตลอด 5 นาที นึกถึงหลวงพ่อที่บ้านแบบจริงจัง คิดดูแค่นอนแล้วฝันว่าตกจากที่สูงกรูก็ใจหายแล้ว...
ที่ชอบสุดในเครื่องเล่นก็คงเป็นโรงหนัง 4 มิติของ เชร็ค สายแบ๊วอย่างเราแค่นี้พอ (ไม่มีรูปเด้อ เค้าไม่ให้ถ่าย)
อาหารแพงเช่นเดิม น้ำเปล่าก็ราวๆ 2 เหรียญ อาหารการกิน ก็ 4-14 เหรียญ ราคาเหมือนเราเที่ยวสวนสยาม , เมืองโบราณ , ดรีมเวอร์แหละ
เอ้อ ไปเล่นเอลโม่ แล้วเครื่องขัดข้องด้วยเค้าก็ให้เล่นใหม่ แต่ขี้เกียจล่ะ
จบวันนี้แบบอ่อนเพลียแต่คุ้มค่าอัพตั๋ว
ต่อกันวันที่ 4 อากาศดี ฝนตกหนัก
วันนี้อยากไป Red dot , Maxwell Food court , Henderson Waves
ไปถึง red dot ก็ถ่ายรูปกันแค่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปในมิวเซียม
แล้วก็ลงมติกันว่าหิวหนักมากอยากกินข้าวมันไก่ ของ maxwell ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน เดินไปปั๊บบบบ ปิดปรับปรุง! เก็บใจช้ำๆขึ้นรถเมล์ไป
Henderson Wave สะพานไม้ดัง Unseen Singapore
นั่ง Mrt มาลง Harbourfont แล้วต่อ Bus สาย 145 จากห้าง Vivo มาลงสถานี B14051
เดินลงหันหน้าเข้าถนน แล้วเดินไปทางขวามือตัวเอง จะมีแยกใหญ่ๆ เขียนบอกทางไว้ว่า Henderson Wave Bridge เราก็เดินขึ้นไปเลย มันเหมือนเป็นทางขึ้นเขาอ่ะ เหนื่อยอยู่นะ ฝนก็ตกปรอยๆ เราเดินขึ้นไปเกือบถึงทางลาดจะมีป้ายชี้บอกทาง ทางซ้ายมือ เราก็เดินขึ้นไปโลดผาดโผนสักหน่อยทริปนี้ เดินไปสุดจะเจอเหมือนเป็นที่พักเหมือนน้ำตกไทรโยค ก็แวะพักกดน้ำกินกันสักหน่อยราคา 0.8 - 1.5 ดอล บรรเทากระหาย แล้วก็เดินลงไปที่สะพานไม้แสนเก๋ของเราได้เลยที่รัก ซึ่งความสวยงามก็ประมาณนี้
หลายคนรู้จักสะพานนี้จากหนังเรื่อง equals ใช่มั้ยล่ะ
เราอ่านจากเว็บมาเค้าบอกว่าสะพานนี้ได้รับรางวัลสะพานคนข้ามที่แปลกที่สุดติดอันดับโลกด้วยนะ ดีงามสะพานไม้มากๆโชคดีเรามาวันธรรมดาคนน้อย ถ่ายรูปไม่ค่อยติดใคร บรรยากาศดีเห็นวิวเมือง วิวทะเล และปอดของประเทศสิงคโปร์ด้วย
จบจากสะพานเพื่อนเซท 2 ก็แยกบินกลับไทยไปก่อน เหลือ5คน เที่ยวต่อ และอีก 2 คนแยกตัวไป Sea Aquarium เหลือ 3 คนทำไรดีว่ะ...
ภาษาอังกฤษก็ง่อย เส้นทางก็พึ่งเพื่อนตลอด เอ้อไป ไปทะเลก็ได้ว่ะ ไปรอเพื่อน 2 คนกลับมาจาก อควอเรียม ... แต่เงินในบัตรหมดแล้วอ่ะ ไปเติมแปบ เติมที่ตู้ได้นะสำหรับคนที่ไม่อยากไปต่อแถวที่เคาน์เตอร์
ลางานเที่ยว'ทั้งประเทศ' Singapore
รีวิวนี้พิมพ์ขึ้นมาในวันหยุดยาวในห้องร้อนๆ หลังจบทริปสิงคโปร์ไปได้ราวๆ 5 วัน
แต่ตอนนี้อยากไปเที่ยวอีกแล้ว ไม่น่าเลยดันไปเที่ยวมาก่อนหยุดยาว พอตอนนี้เค้าหยุดยาวกัน ไม่มีเงินไปเที่ยวแล้วอ่ะ
เริ่ม...
เห็นโปรปุ๊ปปั๊บ ก็กดจองกันไปเซทแรก 6 คน เพื่อนอีกเซทนึง 4 คนจองตามกันมาเดือนอื่น
ค่าตั๋วไปกลับรวมแล้ว *คนละ 2,177 บาท ถือว่าถูกอยู่มั้ง
การจองตั๋วถูกรู้กันอยู่แล้วว่าเปนการรอคอยที่เนิ่นนาน ลืมไปเลยว่าต้องต่นเต้น จนมารู้สึกตื่นตัวอีกทีเดือนหน้า เอ้าเมิงงงต้องไปแล้ว เลยสรรหาและจองที่พักกันที่ Mori Hostal เพราะเท่าที่อ่านดูก็ติด Top 10 ของโฮลเทลที่คนไทยไปใช้บริการนะ เราตกลงปลงใจจองห้องกันทั้งหมด 4 คืน ผ่านเว็บไซต์ Booking จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตเพื่อนสาวแสนซน
ค่าห้อง 4 คนรวมแล้ว *คนละ 2,010 บาท คืนละประมาณ 500 ถูกใช้ได้
ซึ่งก่อนจะไปก็อ่านรีวิวเพียบจนทำให้รู้ว่าซื้อตั๋วที่ท่องเที่ยวหลายอย่างของสิงคโปร์ได้ที่ไทย ร้าน Singapore Fanclub อยู่ชั้นใต้ดินของห้าง Getway เอกมัย ลงบันไดเลื่อนไปเจอเลยร้านอยู่ตรงหน้าเราเลย จัดการซื้อตั๋ว มา 2 อย่าง
1.Universul 1,600 กว่าๆ
2.Garden by the bay 400 กว่าๆ
(ข้อดีครือ...ลดเวลาการเดินหาซื้อตั๋วที่สิงคโปร์ได้นะ จะได้เอาเวลาไปเดินหาที่เที่ยวแทน)
*ที่ร้านนี้มีพวกซิมการ์ด และบัตร mrt ด้วยนะถ้าจำไม่ผิด ลองไปถามดู พนักงานอาจจะหน้านิ่งๆดุๆหน่อย แต่ก็ถามได้แหละ
มามา รวบรัดมาถึงวันเดินทางดีกว่า เพื่อนที่จองตั๋วให้นางเลือกเวลาเป็น 4 โมงเย็น กะว่าจะทำงานกันก่อนค่อยออกมา สุดท้ายลาเลยดีกว่ากลัวติดพันจนตกเครื่องเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่รวมเครื่องบินดีเลย์) ก็มาถึงสิงคโปร์ตอน 5 ทุ่ม (สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชม.)
เซื้อตั๋ว Mrt กันจ้ะ บอกเลย first impression ดีมาก พนักงานขายตั๋ว เหวี่ยงสุดอะไรสุด ถอนหายใจใส่เรา ยาวเหมือนถนน 5 แยกลาดพร้าว คือเราอาจจะภาษาอังกฤษอ่อนแอ ทำให้เค้ารำเราก็ได้ กราบขอโทษที่อก สรุปคุยมั่วจนได้บัตรมา รวมมัดจำและเติมเงินเพิ่มแล้วตก*คนละ 22 เหรียญ 570 กว่าบาทไทย
*Ez link ระบบการเดินทางที่นี้ดีงามกราบ teen คือซื้อตั๋ว Ez link ใบเดียว ก็ขึ้น mrt ได้ทุกสาย Bus ทุกคัน
*Bus ขึ้นประตูหน้า(ทางเดียว) แล้วตื๊ดบัตร ลงประตูหลัง(หรือหน้าก็ได้) แล้วตื๊ดอีกที
*ถ้าลืมบัตร mrt ให้ขึ้นไปถามคนขับว่า ฮาวมัชนางจะถามชื่อป้ายที่เราจะลง เราก็บอกไป นางก็จะให้หยอดเหรียญในกล่องเหล็กเล็กๆข้างหน้า (ไม่มีเงินทอนนะจ้ะ เตรียมพอดี) สำหรับคนจ่ายเงินสดไม่ใช้บัตร ตอนลงก็ลงไปเลยไม่ต้องตื๊ดอะไรแล้ว ค่าโดยสารประมาณ 1.40 ดอล เกือบทุกป้าย ทริปนี้เราเดินทางเกือบทั่วประเทศสิงคโปร์ แล้วก็นั่ง express ไป Universal อีก เลยต้องเติมเงินกัน 2 รอบ ไม่งั้นบ๊งแน่
อ่ะ พอได้ตั๋วเสร็จก็เดินทางเข้าที่พัก คือ Mori hostal อยู่สถานี Farrer Park เส้นทางการมายากแต่มาได้ ขอขยายตรงนี้
1.มาถึงสนามบินแล้วให้เดินไปที่ Terminal 2 ยังไม่มีให้ซื้อตั๋วนะอย่าพึ่ง งง
2.โดดขึ้นไปบนรถไฟเลย แล้วลงที่สถานีแรก (จำชื่อไม่ได้)
3.พอถึงก็หาทางลงไปข้างล่างสถานี แล้วจะมีเคาน์เตอร์ให้ซื้อตั๋ว
4.เริ่มเดินทางไปตามแผนที่ที่พักของเรา
ตัดภาพมาที่ถึงโรงแรมแล้ว มาถึงเจ้าหน้าที่ก็ยัวเวลคัมอะไรว่าไป แล้วก็เซอร์ไพร้เราด้วยการให้จ่ายเพิ่มอีก 400 เหรียญ!!!!!!!!! (ค่ามัดจำคีย์การ์ด 100 เหรียญ) เป็นเงินไทย 10,382 บาท sas อะไรกันเนี้ย เพื่อนยื่นบัตรเครดิตให้เพราะจะเก็บเงินสดไว้ใช้ นางบอกไม่...ฉันจะเอาเงินสด ชิบจ๋อย-กันไป งั้นก็จ่ายไปแล้วขึ้นมาคุยกัน เพื่อนบอกว่าตอนจองที่ไทยผ่านเว็บ booking มันหักไปแค่ 2,000 กว่าบาท คืออะไรงงมาก มารู้ทีหลังเพื่อนเซท2ที่ตามมาบอกว่า ถ้าจองผ่าน booking มันจะแค่จองให้แล้วให้เรามาจ่ายเองหน้างาน มันคือคอนเซปนางอ่ะ ก็แค่จองให้ อ่าวววว ฮือ (ภาษาอังกฤษจำเป็นมากนะหนูๆ) หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ปลอบกันไปกันมา แล้วก็ตื่นมาวันที่ 2 ของทริป
วันที่ 2 ชิวๆ ร้อนๆ ที่การ์เด้นและไชน่า
เพื่อนตามมาสมทบกันครบแก๊งค์แล้วจ้ะ ครึกครื้น เริ่มวันด้วยการหาไรกินที่ไชน่าทาวน์ เพื่อนเสิร์ทมา ว่าร้านนี้อร่อยดี ไปถึงก็สั่งๆ อร่อยดีนะ ชอบที่สั่งได้เยอะดี หารกันตกคนละ 200 กว่าบาทเท่าน้านนน
ต่อด้วยเดินเล่นไชน่าทาวน์ , วัดสีแดงน่าจะชื่อว่า พระเคี้ยวแก้วนะ
ไหว้พระเสร็จก็นั่ง taxi ไปที่ Garden by the bay ความดีงามให้ 7 เต็ม 10 ไม่ได้อลังการขนาดนั้นแฮ่...
แต่ว่าไปวิวตรงกระจก ที่มองเห็นชิงช้าสวรรค์ (Singapore flyer) ก็เริ่ดดี
และชอบส่วนของ cloud forest มากที่สุด (เดินออกมาจากเรือนกระจกจะเป็นทางบังคับเดินไปที่ คลาวน์ฟอเรสเลยจ้า เดินบนทางสูงๆ ชุ่มชื่นเปียกน้ำ
วันที่ 3 วันนี้เราถวายชีวิตให้ Universul กันเถอะ
การเดินทาง นั่ง mrt หรือ busมาลง ห้าง vivo ขึ้นไปชั้น 3 จะมี mrt สถานีพิเศษ เหมือนพาไปลงที่เที่ยวไฮไลท์ของ สิงคโปร์ อันได้แก่ beach station (ทะเลสร้างใหม่) / water front (universul) / santosa
ใช้บัตร Mrt ตื๊ดไปได้เลย 4 เหรียญ รวมไปกลับ(ถ้าเกิดจะไป unaiversal แล้วจะไป ทะเลด้วยในวันเดียว ไม่ต้องตี๊ด mrt เพิ่ม ไปได้เลยจ้า)
มาถึง universal เพื่อนบอกว่า เมิงงเราอัพตั๋วให้เป็น express กันมั้ย วันอาทิตย์แบบนี้แถวยาวเป็นลาดพร้าว+สุขุมวิทเลยนะ จะได้ไม่ต้องรอนานให้บั่นทอนหัวใจ เลยไปถามดู ราคาอัพมี 2 แบบจ๊ะ 50 เหรียญ กับ 70 เหรียญ T_T ต่างกันคือ
- 50 จะ express ได้เครื่องเล่นละ1รอบ ถ้าเกิดจะเล่นอีกก็ต้องไปเข้าแถวรอแบบตั๋วธรรมดา
- 70 จะ express ก็ครั้งก็ตามสบายพ่อเถอะจ้ะ
ชาวแก๊งค์บอกเลือกอัพเป็น 50 แล้วกันนนนน เอาแค่มันส์ๆเสียวๆ เที่ยวเดียวไม่ต้องเสร็จ 555
กับ universul ใช้เวลากับที่นี้ทั้งวัน ปกติ จขกท ไม่ชอบความท้าทายอะไรทั้งสิ้น แต่พออัพตั๋วไป คิดว่า
ต่อมาที่ Battlestar (สายสีน้ำเงิน) รถไฟเหาะแบบคว่ำหน้า ความเสียวเอาไป 600+ ตลอดการเหาะบ่าวเกือบตายเพคะ กรี๊ดไม่ออก ร้องไห้ไม่ไหว ขามันลอยไม่ติดพื้น จินตนาการตอนตกไปต่างๆนาๆ ช่วงหมุนนี้คิดว่ากรูต้องตายแน่นอน หลับตาตลอด 5 นาที นึกถึงหลวงพ่อที่บ้านแบบจริงจัง คิดดูแค่นอนแล้วฝันว่าตกจากที่สูงกรูก็ใจหายแล้ว...
ที่ชอบสุดในเครื่องเล่นก็คงเป็นโรงหนัง 4 มิติของ เชร็ค สายแบ๊วอย่างเราแค่นี้พอ (ไม่มีรูปเด้อ เค้าไม่ให้ถ่าย)
อาหารแพงเช่นเดิม น้ำเปล่าก็ราวๆ 2 เหรียญ อาหารการกิน ก็ 4-14 เหรียญ ราคาเหมือนเราเที่ยวสวนสยาม , เมืองโบราณ , ดรีมเวอร์แหละ
เอ้อ ไปเล่นเอลโม่ แล้วเครื่องขัดข้องด้วยเค้าก็ให้เล่นใหม่ แต่ขี้เกียจล่ะ
จบวันนี้แบบอ่อนเพลียแต่คุ้มค่าอัพตั๋ว
ต่อกันวันที่ 4 อากาศดี ฝนตกหนัก
วันนี้อยากไป Red dot , Maxwell Food court , Henderson Waves
ไปถึง red dot ก็ถ่ายรูปกันแค่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปในมิวเซียม
แล้วก็ลงมติกันว่าหิวหนักมากอยากกินข้าวมันไก่ ของ maxwell ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน เดินไปปั๊บบบบ ปิดปรับปรุง! เก็บใจช้ำๆขึ้นรถเมล์ไป Henderson Wave สะพานไม้ดัง Unseen Singapore
นั่ง Mrt มาลง Harbourfont แล้วต่อ Bus สาย 145 จากห้าง Vivo มาลงสถานี B14051
เดินลงหันหน้าเข้าถนน แล้วเดินไปทางขวามือตัวเอง จะมีแยกใหญ่ๆ เขียนบอกทางไว้ว่า Henderson Wave Bridge เราก็เดินขึ้นไปเลย มันเหมือนเป็นทางขึ้นเขาอ่ะ เหนื่อยอยู่นะ ฝนก็ตกปรอยๆ เราเดินขึ้นไปเกือบถึงทางลาดจะมีป้ายชี้บอกทาง ทางซ้ายมือ เราก็เดินขึ้นไปโลดผาดโผนสักหน่อยทริปนี้ เดินไปสุดจะเจอเหมือนเป็นที่พักเหมือนน้ำตกไทรโยค ก็แวะพักกดน้ำกินกันสักหน่อยราคา 0.8 - 1.5 ดอล บรรเทากระหาย แล้วก็เดินลงไปที่สะพานไม้แสนเก๋ของเราได้เลยที่รัก ซึ่งความสวยงามก็ประมาณนี้
หลายคนรู้จักสะพานนี้จากหนังเรื่อง equals ใช่มั้ยล่ะ
จบจากสะพานเพื่อนเซท 2 ก็แยกบินกลับไทยไปก่อน เหลือ5คน เที่ยวต่อ และอีก 2 คนแยกตัวไป Sea Aquarium เหลือ 3 คนทำไรดีว่ะ...
ภาษาอังกฤษก็ง่อย เส้นทางก็พึ่งเพื่อนตลอด เอ้อไป ไปทะเลก็ได้ว่ะ ไปรอเพื่อน 2 คนกลับมาจาก อควอเรียม ... แต่เงินในบัตรหมดแล้วอ่ะ ไปเติมแปบ เติมที่ตู้ได้นะสำหรับคนที่ไม่อยากไปต่อแถวที่เคาน์เตอร์