สวัสดีค่ะ เราบังเอิญเรามาเที่ยวอิสตันบูลคนเดียว 1คืน ก็ได้ความตื่นเต้นจากรัฐบาลตุรกีที่เป็น breaking news ไปทั่วโลกในคืนที่ผ่านมาจะมาเล่าให้ฟังในสถานการณ์จริงเลยค่ะ นี่ค่ะ Timeline ชีวิตของฉัน 1 วันใน Istanbul
15 jul เป็นนักท่องเที่ยวเต็มตัว เดินเที่ยวสะพายกล้องในย่านเมืองเก่า เข้าไปดู Ayasofya ( Hagia Sofia) และ Blue Mosque ตามแผนการ เดินตามทางมีคนตุรกีทักทายตลอดเวลา... ในใจยิ้ม รู้สึกคนที่นี่ friendly มาก ถ้าไม่นับพวกร้านอาหารที่ทักทายเรียกให้หยุดคุยตลอดทางแล้ว ยังมีที่เจอตามถนน เดินเข้ามาคุยเฉยเลย คงเป็นเพราะเราเป็นสิ่งแปลกปลอม ผญ เอเชียเดินคนเดียว แน่นอนว่าที่เจอเข้ามาคุยส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย คำถามแรกคือ where are you from? Japan? China? หนีห่าว... ถ้าเราตอบว่า Thailand เกือบทุกคนจะบอกว่าเคยไปเมืองไทย และชอบมากๆ บางคนแค่เข้ามาบอกว่าให้ผมพาเที่ยวไหม พวกนี้เราต้องทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง เค้าจะfade ไปเอง ที่แปลกคือมีคนนึงเจอ 2 ครั้ง คนละสถานที่ ครั้งแรกเค้ามาถามว่ามาจากไหน พอบอก Thailand ฮีก็ โอว เมืองไทย อยากไปจัง ถามเราต่อว่าไปกรุงเทพหรือภูเก็ตดี?? ผ่านไปอีก 30 นาที เราเดินไปไกลแล้ว ประมาณจากราชดำเนินไปท่าพระจันท์ อยู่ดีๆ มีคนยิ้มให้ และทักว่า I am lucky, I see you again!! remember me??? เรายิ้มเจื่อน รีบบอกปัดไม่อยากคุยยาวเพราะเหนื่อยที่มีคนทักตลอดทางที่เดินมา... แต่ที่สุดของแจ้คือ ตอนเรากางแผนที่ metro หาสายรถเชื่อมกลับบ้านอยู่ มีผู้หญิงหน้าตา local โผล่เข้ามาถามว่าให้ช่วยบอกทางไหม เรารีบบอก Thank you. I am ok. สรุปในใจเราคิดว่าคนที่นี่ดี friendly น่ารัก มากๆ ไม่น่ากลัวเท่ากลิ่นตัวเลย พวกร้านขายของ เราเข้าไปดูไม่ซื้อก็ไม่ตื๊อเหมือนหลายๆ ที่ในเอเชีย เราเดินยิ้มกลับบ้านดื่มด่ำกับ Istanbul
5 ทุ่ม เมื่อคืนนี้ เรายังเดินเที่ยวอยู่ที่แถว Taksim Square ใกล้ๆ ที่พัก ตรงนี้เป็นถนนช้อปปิ้ง คล้ายๆ แถวสยาม มีร้านขายของ 2 ข้างทาง เดินอีก 100 ม. ก่อนถึงโรงแรม ได้ยินเสียงรถหวอค่อยๆ ดังขึ้น หันไปมองเห็นรถหวอ 1 คัน วิ่งไปในซอยที่ไปเชื่อมถนนใหญ่ แล้วแวบไปเห็นสีหน้าผู้หญิงคนนึงที่ก่อนหน้ากำลังช้อปปิ้งของ sale อย่างเมามัน ชีทำหน้าตกใจเป็นกังวล ...เรายังไม่อยากคิดอะไรมากรีบเดินกลับโรงแรมก่อนดีกว่า
5 ทุ่ม 15 เปิดทีวีเช็คหน่อยซิ โอ้ว ข่าวอะไรฟังไม่ออก ที่ Istanbul มีทหารมายืนตรงสะพานข้ามทะเล ตรงที่เชื่อมฝั่งยุโรป กะเอเชีย เราอยู่ฝั่งยุโรป เลย google ดูเห็นข่าว cnn เพิ่งขึ้นมา บอกว่าตอนนี้ทหารออกมาคุมรัฐบาลแล้ว รอดูว่าจะมี coup หรือไม่ ...ในใจคิดว่าเรื่องใหญ่แน่ ลองคิดถึงตอนที่ไทยเรามีทหารเอารถถังออกมากลางเมืองดูว่านักท่องเที่ยวจะแตกตื่นขนาดไหน ตัดสินใจยังไม่บอกทางบ้านเพราะเป็นเวลานอน รอเมืองไทยตอนเช้าเค้าตื่นมาแล้วน่าจะรู้เอง เราเลยนอนดูข่าวภาษา turkish ที่มีคลิบภาพทหารปิดถนนวนไปมา แล้วเผลอหลับไป
ตี 2 สะดุ้งตื่นมา ได้ยินเสียงเครื่องบินรบดังมาก ตามด้วยเสียงคนโวยวายที่ถนนข้างนอก โรงแรมเราอยู่ในซอยเล็กๆ ย่านresidential ไม่โฉ่งฉ่าง แต่ก็ไม่ไกลจาก taksim square ที่มีคนรวมตัว ออกไปดูในโรงแรมไม่มีพนักงานอยู่เลย เสียงเครื่องบิน ตามมาอีก2-3ครั้ง ดังเหมือนฟ้าถล่ม
ตี 3 พี่ที่สนิทคนหนึ่ง line มาว่ามีรัฐประหาร ให้ลองติดต่อไปสถานทูตดู ไปลงชื่อไว้ เราเช็คแล้วสถานทูตไทยอยู่ที่เมืองหลวง Angara รีบส่ง fb message ไปหา สอบถามสถานการณ์ คนที่ตอบชื่อคุณตั้ว ตอบเร็วทันใจ หายกังวล ตอนนี้คือ 7 โมงเช้าเมืองไทย คนไทยเริ่มตื่น เราเริ่มได้ข้อความถามไถ่มา เราบอกที่บ้านว่าปลอดภัยดี และคิดว่าโพส fb เลยดีกว่า เพราะก่อนหน้าโพสรูปเที่ยวตุรกีรัวๆ อีกครั้งที่ต้องสะดุ้งกับเสียงเครื่องบินรบคราวนี้มาหลายลำ กระหึ่ม หน้าต่างห้องนอนสั่นเลย
ตี 3.30 ได้ยินเสียงคนเข้ามาในบ้าน (โรงแรมนี้เล็กเท่าบ้าน มี 5ห้อง) พนักงานโรงแรมนั่นเอง คนนี้ไม่เคยเจอเพราะเป็นคนเฝ้ากะดึก เค้าถามเราว่า "Are you scared?" เราตอบ yes ฮีก็บอก "I am scared too!! Do you want some tea??" เอาแล้ว ต่อม friendly คนตุรกีเริ่มทำงาน "I'll make you some tea. Come." pantry และdining room ของโรงแรมอยู่ที่ดาดฟ้า บนชั้น4 เราเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับเสียงครื่องบินรบที่ดังมากเหมือนมันจะมาตกบนหัวเรา ได้ยินเสียงที สัญชาติญาณสั่งให้ก้มตัวลงต่ำ ในเวลานี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากแต่ขึ้นไปจิบ turkish tea ร้อนๆ ตี 4 เสียงเครื่องบินเริ่มสงบลง ขณะที่เรานั่งจิบชา ใต้ท้องฟ้าอิสตันบูล เพื่อนส่งข่าวมาใน Line บอกว่ามีคนตาย 12 คนแล้ว เราเช็คดูคือน่าจะเป็นที่เมืองหลวง Angara ที่มีรัฐสภา ส่วนที่ Istanbul แค่ปิดสะพาน จิตใจไม่ได้อยากดูข่าวเท่าไรแล้ว พนักงานโรงแรมเริ่มชวนคุยว่ามาเที่ยว อะไรยังไง พวกเราพูดถึงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่สวยๆ ในตุรกี ฮีเปิด fb โชว์รูปสถานที่ที่เคยไปเที่ยวให้ดู รวมถึงที่ Cappadogia ที่มี landscape น่าทึ่งจริงๆ เราบอกว่า คราวหน้าไว้จะไปขึ้นบอลลูนที่ Cappadogia
ตี 4.45 เสียงนกนางนวลเริ่มร้องดังทั่วฟ้า พวกมันคงตื่นกันแล้ว ส่วนตัวเรายังไม่ได้นอนคงติดต่อกับทางบ้านอยู่ ชีวิตเราจะเป็นยังไงต่อไป คิดคำถามนี้ขึ้นมาได้ ก็นึกถึงการดูดวงด้วยกาแฟของชาวตุรกีทันที!! "Hey, can you do coffee fortune reading?" เราถามพนักงานที่เริ่มจะกลายเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่ยังไม่รู้ชื่อกันเลย ได้ยินมาว่าคนที่นี่รู้หลักการดูดวงด้วยกาแฟ เลยลองถามดู ฮีตอบว่า "Do you want coffee? You don't sleep??" แหม ใครจะหลับได้เวลานี้ เรียกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราบอกขึ้นมาเองว่าอยากดูดวง จริงๆ เป็นคนไม่ค่อยเชื่อดวง แต่ที่เคยไปดูดวงคือไปตามเพื่อนเท่านั้นเอง เวลานี้อยากหาอะไรทำไปก่อน และคงไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่า coffee fortune reading อีกแล้ว ถ้าได้ทำก็จะครบแผนการที่คิดไว้เล่นๆ กับการมาเที่ยวในครั้งนี้ ดื่ม turkish tea ไป 1.5 แก้ว ตอนนี้มี turkish coffee มาเสิร์ฟเคียงข้างกับขนมหวาน turkish delight คลุกเคล้าข่าว turkish coup... ที่ตามข่าวดูเหมือนทางการควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ข่าวออกว่าไม่มี coup แล้วให้คนกลับไปดำเนินชีวิตเป็นปรกติ
ตี 5.30 coffee reading มันน่าทึ่งดีนะ เค้าบอกว่าเห็นเราเป็นคน positive แต่ชีวิตจะไม่ค่อย happy ใน 3 ปีนี้ รอบตัวมีคน jealous มากมาย... คงอิจฉาที่ตอนนี้เห็นท้องฟ้าสวยงามยามพระอาทิตย์ขึ้นใช่ไหม?? ไม่ทันไรเรื่องไม่ happy ก็เกิดขึ้นทันที เพราะเราลองใช้โทรศัพท์โทรไปบ้านดู เผื่อตอนออกไปสนามบินมีปัญหาเลยลองใช้โทรดูก่อน ปรากฏว่าโทรออกไม่ได้โดน call baring คาดว่าน่าจะมาจากระบบอ่านค่าบิลโทรศัพท์ที่มากกว่าปรกติ แล้วก็ตัดการสื่อสารเราเลย ไม่มีการเตือนใดๆ ตอนนี้โทรศัพท์ที่ roaming มาโทรออก รับสายอะไรไม่ได้ โทรเข้า call center ก็ไม่ได้ กลายเป็นเครื่องเล่นเนตจาก wifi เท่านั้น ทั้งๆ ที่ก่อนมาเที่ยวเราได้โทรไปขอเพิ่มวงกับทาง...(ไม่ขอเอ่ยชื่อเครือข่าย) แล้ว ยังดีที่เรารู้ตัวก่อน เลยบอกที่บ้านเมืองไทยให้โทรเข้า call center รีบแจ้งเปิดสัญญานให้ ลองคิดดูว่าถ้าเกิดเรื่องตอนเราอยู่บนท้องถนนที่เราตัวคนเดียว โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ และไม่มี wifi จะเป็นอย่างไร?? ยังดีที่เรามีสติ เตรียมวางแผนการเอาไว้ก่อน เรียกว่าได้ฝึกใช้ความนิ่งของจิตสยบความวุ่นวายภายนอกจริงๆ
6 โมงเช้า มีรุ่นน้องติดต่อว่ามีนักข่าวจากเนชั่นขอสัมภาษณ์ เราเอาเบอร์โทรของพนักงานโรงแรมให้ไป เพราะโทรศัพท์เรายังใช้ไม่ได้ ตอนนี้ฟ้าสว่าง เราเข้าห้องว่าจะนอนซักงีบ แต่ก็นอนไม่หลับหรอก เพราะการติดต่อสื่อสารกับญาติพี่น้อง ผองเพื่อนในไทยยังคุกรุ่นอยู่
7 โมงเช้า สถานทูตบอกใน message ว่าเรื่องน่าจะจบแล้ว ให้พักผ่อนเอาแรง ทำใจสบายๆ ก่อนนี้มีเพื่อนบางคนพยายามบอกเราว่าให้ไปรวมกลุ่มกะคนไทยไว้ คาดว่าข่าวในไทยออกมาแบบนั้น ทั้งๆ ที่สถานทูตบอกว่าให้อยู่ในโรงแรมก่อน บอกได้เลยว่าด้วยสัญชาติญานในสถานการณ์ครั้งนี้ เราไม่ออกไปข้างนอกแน่ๆ ภาพข่าวยังคงวนเวียนเสนอให้เห็นว่าบนถนนยังไม่ปกติ มีภาพม้อปที่ Taksim Square ที่เราต้องเดินผ่านไปขึ้น Airport shuttle อีกด้วยเพื่อนคงคิดว่าเราจะได้ไม่อยู่ตัวคนเดียว แต่ลืมคิดไปว่าแล้วเราจะเอาตัวคนเดียวออกไปข้างนอกไปตามหากลุ่มคนไทยเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่เรามีต๋วเครื่องบินกลับไทยคืนนี้แล้ว สื่งนี้น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางของการผจญ"ใจ" ในชั่วโมงนี้มากกว่า
8 โมง เช็ค flight status ในเว็บไซต์ Turkish Airlines บอกว่า On Time คือ flight เป็นปกติ แจ้งไปทางสถานทูต ให้สัมภาษณ์เนชั่นทางโทรศัพท์ และจิบ turkish tea อีก 1 แก้ว ลงมานอนเล่นซักพัก ได้ยินเสียงสวดของมุสลิมดังก้องเมืองอยู่เบาๆ คิดว่าเป็นการละหมาดปรกติ
8:30 โมง พนักงานโรงแรมมาเปลี่ยนกะ คนตอนเช้าพูดอังกฤษได้ดีกว่าเยอะ ความหล่อสองคนนี้บอกได้ว่าสูสีแต่คนละแนว 555 คนกลางคืนแนวอาหรับ คนกลางวันแนวยุโรป หน้าละอ่อน พอเจอเราก็มาบอกว่า Don't worry เราบอกว่าเราฟังข่าวไม่ออก ทางบ้านเราก็เป็นห่วง เห็นแม่บ้านมาถึงโรงแรมบอกว่านั่ง metro มาได้ ตามท้องถนนเริ่มมีเสียงผู้คนออกมา
9-11โมง พนักงานโทรเช็คว่า Airport bus วิ่งตามปรกติ เรามีเวลาเยอะมากในโรงแรม ถ้าไม่ออกไปไหน อาหารเช้าวางพร้อม แต่ไม่อยากกิน หยิบเชอร์รี่อร่อยๆมา1 กำ เข้าห้อง กลับมานั่งเรียบเรียงเหตุการณ์ หลังจากนี้จะแอบงีบ ตื่นมาแค่วางแผนเดินทางไปสนามบินช่วงบ่ายแล้วค่ะ
ติดตามเรื่อราวเพิ่มได้ในเพจค่ะ ลงรูปไม่ได้ไว้กลับถึงไทยแล้วจะมารีวิวต่อค่ะ
https://www.facebook.com/cloudislandwander/
[CR] ชีวิตฉัน 1 วัน ในอิสตันบูลตอนที่เกิดรัฐประหารพอดี
15 jul เป็นนักท่องเที่ยวเต็มตัว เดินเที่ยวสะพายกล้องในย่านเมืองเก่า เข้าไปดู Ayasofya ( Hagia Sofia) และ Blue Mosque ตามแผนการ เดินตามทางมีคนตุรกีทักทายตลอดเวลา... ในใจยิ้ม รู้สึกคนที่นี่ friendly มาก ถ้าไม่นับพวกร้านอาหารที่ทักทายเรียกให้หยุดคุยตลอดทางแล้ว ยังมีที่เจอตามถนน เดินเข้ามาคุยเฉยเลย คงเป็นเพราะเราเป็นสิ่งแปลกปลอม ผญ เอเชียเดินคนเดียว แน่นอนว่าที่เจอเข้ามาคุยส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย คำถามแรกคือ where are you from? Japan? China? หนีห่าว... ถ้าเราตอบว่า Thailand เกือบทุกคนจะบอกว่าเคยไปเมืองไทย และชอบมากๆ บางคนแค่เข้ามาบอกว่าให้ผมพาเที่ยวไหม พวกนี้เราต้องทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง เค้าจะfade ไปเอง ที่แปลกคือมีคนนึงเจอ 2 ครั้ง คนละสถานที่ ครั้งแรกเค้ามาถามว่ามาจากไหน พอบอก Thailand ฮีก็ โอว เมืองไทย อยากไปจัง ถามเราต่อว่าไปกรุงเทพหรือภูเก็ตดี?? ผ่านไปอีก 30 นาที เราเดินไปไกลแล้ว ประมาณจากราชดำเนินไปท่าพระจันท์ อยู่ดีๆ มีคนยิ้มให้ และทักว่า I am lucky, I see you again!! remember me??? เรายิ้มเจื่อน รีบบอกปัดไม่อยากคุยยาวเพราะเหนื่อยที่มีคนทักตลอดทางที่เดินมา... แต่ที่สุดของแจ้คือ ตอนเรากางแผนที่ metro หาสายรถเชื่อมกลับบ้านอยู่ มีผู้หญิงหน้าตา local โผล่เข้ามาถามว่าให้ช่วยบอกทางไหม เรารีบบอก Thank you. I am ok. สรุปในใจเราคิดว่าคนที่นี่ดี friendly น่ารัก มากๆ ไม่น่ากลัวเท่ากลิ่นตัวเลย พวกร้านขายของ เราเข้าไปดูไม่ซื้อก็ไม่ตื๊อเหมือนหลายๆ ที่ในเอเชีย เราเดินยิ้มกลับบ้านดื่มด่ำกับ Istanbul
5 ทุ่ม เมื่อคืนนี้ เรายังเดินเที่ยวอยู่ที่แถว Taksim Square ใกล้ๆ ที่พัก ตรงนี้เป็นถนนช้อปปิ้ง คล้ายๆ แถวสยาม มีร้านขายของ 2 ข้างทาง เดินอีก 100 ม. ก่อนถึงโรงแรม ได้ยินเสียงรถหวอค่อยๆ ดังขึ้น หันไปมองเห็นรถหวอ 1 คัน วิ่งไปในซอยที่ไปเชื่อมถนนใหญ่ แล้วแวบไปเห็นสีหน้าผู้หญิงคนนึงที่ก่อนหน้ากำลังช้อปปิ้งของ sale อย่างเมามัน ชีทำหน้าตกใจเป็นกังวล ...เรายังไม่อยากคิดอะไรมากรีบเดินกลับโรงแรมก่อนดีกว่า
5 ทุ่ม 15 เปิดทีวีเช็คหน่อยซิ โอ้ว ข่าวอะไรฟังไม่ออก ที่ Istanbul มีทหารมายืนตรงสะพานข้ามทะเล ตรงที่เชื่อมฝั่งยุโรป กะเอเชีย เราอยู่ฝั่งยุโรป เลย google ดูเห็นข่าว cnn เพิ่งขึ้นมา บอกว่าตอนนี้ทหารออกมาคุมรัฐบาลแล้ว รอดูว่าจะมี coup หรือไม่ ...ในใจคิดว่าเรื่องใหญ่แน่ ลองคิดถึงตอนที่ไทยเรามีทหารเอารถถังออกมากลางเมืองดูว่านักท่องเที่ยวจะแตกตื่นขนาดไหน ตัดสินใจยังไม่บอกทางบ้านเพราะเป็นเวลานอน รอเมืองไทยตอนเช้าเค้าตื่นมาแล้วน่าจะรู้เอง เราเลยนอนดูข่าวภาษา turkish ที่มีคลิบภาพทหารปิดถนนวนไปมา แล้วเผลอหลับไป
ตี 2 สะดุ้งตื่นมา ได้ยินเสียงเครื่องบินรบดังมาก ตามด้วยเสียงคนโวยวายที่ถนนข้างนอก โรงแรมเราอยู่ในซอยเล็กๆ ย่านresidential ไม่โฉ่งฉ่าง แต่ก็ไม่ไกลจาก taksim square ที่มีคนรวมตัว ออกไปดูในโรงแรมไม่มีพนักงานอยู่เลย เสียงเครื่องบิน ตามมาอีก2-3ครั้ง ดังเหมือนฟ้าถล่ม
ตี 3 พี่ที่สนิทคนหนึ่ง line มาว่ามีรัฐประหาร ให้ลองติดต่อไปสถานทูตดู ไปลงชื่อไว้ เราเช็คแล้วสถานทูตไทยอยู่ที่เมืองหลวง Angara รีบส่ง fb message ไปหา สอบถามสถานการณ์ คนที่ตอบชื่อคุณตั้ว ตอบเร็วทันใจ หายกังวล ตอนนี้คือ 7 โมงเช้าเมืองไทย คนไทยเริ่มตื่น เราเริ่มได้ข้อความถามไถ่มา เราบอกที่บ้านว่าปลอดภัยดี และคิดว่าโพส fb เลยดีกว่า เพราะก่อนหน้าโพสรูปเที่ยวตุรกีรัวๆ อีกครั้งที่ต้องสะดุ้งกับเสียงเครื่องบินรบคราวนี้มาหลายลำ กระหึ่ม หน้าต่างห้องนอนสั่นเลย
ตี 3.30 ได้ยินเสียงคนเข้ามาในบ้าน (โรงแรมนี้เล็กเท่าบ้าน มี 5ห้อง) พนักงานโรงแรมนั่นเอง คนนี้ไม่เคยเจอเพราะเป็นคนเฝ้ากะดึก เค้าถามเราว่า "Are you scared?" เราตอบ yes ฮีก็บอก "I am scared too!! Do you want some tea??" เอาแล้ว ต่อม friendly คนตุรกีเริ่มทำงาน "I'll make you some tea. Come." pantry และdining room ของโรงแรมอยู่ที่ดาดฟ้า บนชั้น4 เราเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับเสียงครื่องบินรบที่ดังมากเหมือนมันจะมาตกบนหัวเรา ได้ยินเสียงที สัญชาติญาณสั่งให้ก้มตัวลงต่ำ ในเวลานี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากแต่ขึ้นไปจิบ turkish tea ร้อนๆ ตี 4 เสียงเครื่องบินเริ่มสงบลง ขณะที่เรานั่งจิบชา ใต้ท้องฟ้าอิสตันบูล เพื่อนส่งข่าวมาใน Line บอกว่ามีคนตาย 12 คนแล้ว เราเช็คดูคือน่าจะเป็นที่เมืองหลวง Angara ที่มีรัฐสภา ส่วนที่ Istanbul แค่ปิดสะพาน จิตใจไม่ได้อยากดูข่าวเท่าไรแล้ว พนักงานโรงแรมเริ่มชวนคุยว่ามาเที่ยว อะไรยังไง พวกเราพูดถึงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่สวยๆ ในตุรกี ฮีเปิด fb โชว์รูปสถานที่ที่เคยไปเที่ยวให้ดู รวมถึงที่ Cappadogia ที่มี landscape น่าทึ่งจริงๆ เราบอกว่า คราวหน้าไว้จะไปขึ้นบอลลูนที่ Cappadogia
ตี 4.45 เสียงนกนางนวลเริ่มร้องดังทั่วฟ้า พวกมันคงตื่นกันแล้ว ส่วนตัวเรายังไม่ได้นอนคงติดต่อกับทางบ้านอยู่ ชีวิตเราจะเป็นยังไงต่อไป คิดคำถามนี้ขึ้นมาได้ ก็นึกถึงการดูดวงด้วยกาแฟของชาวตุรกีทันที!! "Hey, can you do coffee fortune reading?" เราถามพนักงานที่เริ่มจะกลายเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่ยังไม่รู้ชื่อกันเลย ได้ยินมาว่าคนที่นี่รู้หลักการดูดวงด้วยกาแฟ เลยลองถามดู ฮีตอบว่า "Do you want coffee? You don't sleep??" แหม ใครจะหลับได้เวลานี้ เรียกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราบอกขึ้นมาเองว่าอยากดูดวง จริงๆ เป็นคนไม่ค่อยเชื่อดวง แต่ที่เคยไปดูดวงคือไปตามเพื่อนเท่านั้นเอง เวลานี้อยากหาอะไรทำไปก่อน และคงไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่า coffee fortune reading อีกแล้ว ถ้าได้ทำก็จะครบแผนการที่คิดไว้เล่นๆ กับการมาเที่ยวในครั้งนี้ ดื่ม turkish tea ไป 1.5 แก้ว ตอนนี้มี turkish coffee มาเสิร์ฟเคียงข้างกับขนมหวาน turkish delight คลุกเคล้าข่าว turkish coup... ที่ตามข่าวดูเหมือนทางการควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ข่าวออกว่าไม่มี coup แล้วให้คนกลับไปดำเนินชีวิตเป็นปรกติ
ตี 5.30 coffee reading มันน่าทึ่งดีนะ เค้าบอกว่าเห็นเราเป็นคน positive แต่ชีวิตจะไม่ค่อย happy ใน 3 ปีนี้ รอบตัวมีคน jealous มากมาย... คงอิจฉาที่ตอนนี้เห็นท้องฟ้าสวยงามยามพระอาทิตย์ขึ้นใช่ไหม?? ไม่ทันไรเรื่องไม่ happy ก็เกิดขึ้นทันที เพราะเราลองใช้โทรศัพท์โทรไปบ้านดู เผื่อตอนออกไปสนามบินมีปัญหาเลยลองใช้โทรดูก่อน ปรากฏว่าโทรออกไม่ได้โดน call baring คาดว่าน่าจะมาจากระบบอ่านค่าบิลโทรศัพท์ที่มากกว่าปรกติ แล้วก็ตัดการสื่อสารเราเลย ไม่มีการเตือนใดๆ ตอนนี้โทรศัพท์ที่ roaming มาโทรออก รับสายอะไรไม่ได้ โทรเข้า call center ก็ไม่ได้ กลายเป็นเครื่องเล่นเนตจาก wifi เท่านั้น ทั้งๆ ที่ก่อนมาเที่ยวเราได้โทรไปขอเพิ่มวงกับทาง...(ไม่ขอเอ่ยชื่อเครือข่าย) แล้ว ยังดีที่เรารู้ตัวก่อน เลยบอกที่บ้านเมืองไทยให้โทรเข้า call center รีบแจ้งเปิดสัญญานให้ ลองคิดดูว่าถ้าเกิดเรื่องตอนเราอยู่บนท้องถนนที่เราตัวคนเดียว โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ และไม่มี wifi จะเป็นอย่างไร?? ยังดีที่เรามีสติ เตรียมวางแผนการเอาไว้ก่อน เรียกว่าได้ฝึกใช้ความนิ่งของจิตสยบความวุ่นวายภายนอกจริงๆ
6 โมงเช้า มีรุ่นน้องติดต่อว่ามีนักข่าวจากเนชั่นขอสัมภาษณ์ เราเอาเบอร์โทรของพนักงานโรงแรมให้ไป เพราะโทรศัพท์เรายังใช้ไม่ได้ ตอนนี้ฟ้าสว่าง เราเข้าห้องว่าจะนอนซักงีบ แต่ก็นอนไม่หลับหรอก เพราะการติดต่อสื่อสารกับญาติพี่น้อง ผองเพื่อนในไทยยังคุกรุ่นอยู่
7 โมงเช้า สถานทูตบอกใน message ว่าเรื่องน่าจะจบแล้ว ให้พักผ่อนเอาแรง ทำใจสบายๆ ก่อนนี้มีเพื่อนบางคนพยายามบอกเราว่าให้ไปรวมกลุ่มกะคนไทยไว้ คาดว่าข่าวในไทยออกมาแบบนั้น ทั้งๆ ที่สถานทูตบอกว่าให้อยู่ในโรงแรมก่อน บอกได้เลยว่าด้วยสัญชาติญานในสถานการณ์ครั้งนี้ เราไม่ออกไปข้างนอกแน่ๆ ภาพข่าวยังคงวนเวียนเสนอให้เห็นว่าบนถนนยังไม่ปกติ มีภาพม้อปที่ Taksim Square ที่เราต้องเดินผ่านไปขึ้น Airport shuttle อีกด้วยเพื่อนคงคิดว่าเราจะได้ไม่อยู่ตัวคนเดียว แต่ลืมคิดไปว่าแล้วเราจะเอาตัวคนเดียวออกไปข้างนอกไปตามหากลุ่มคนไทยเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่เรามีต๋วเครื่องบินกลับไทยคืนนี้แล้ว สื่งนี้น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางของการผจญ"ใจ" ในชั่วโมงนี้มากกว่า
8 โมง เช็ค flight status ในเว็บไซต์ Turkish Airlines บอกว่า On Time คือ flight เป็นปกติ แจ้งไปทางสถานทูต ให้สัมภาษณ์เนชั่นทางโทรศัพท์ และจิบ turkish tea อีก 1 แก้ว ลงมานอนเล่นซักพัก ได้ยินเสียงสวดของมุสลิมดังก้องเมืองอยู่เบาๆ คิดว่าเป็นการละหมาดปรกติ
8:30 โมง พนักงานโรงแรมมาเปลี่ยนกะ คนตอนเช้าพูดอังกฤษได้ดีกว่าเยอะ ความหล่อสองคนนี้บอกได้ว่าสูสีแต่คนละแนว 555 คนกลางคืนแนวอาหรับ คนกลางวันแนวยุโรป หน้าละอ่อน พอเจอเราก็มาบอกว่า Don't worry เราบอกว่าเราฟังข่าวไม่ออก ทางบ้านเราก็เป็นห่วง เห็นแม่บ้านมาถึงโรงแรมบอกว่านั่ง metro มาได้ ตามท้องถนนเริ่มมีเสียงผู้คนออกมา
9-11โมง พนักงานโทรเช็คว่า Airport bus วิ่งตามปรกติ เรามีเวลาเยอะมากในโรงแรม ถ้าไม่ออกไปไหน อาหารเช้าวางพร้อม แต่ไม่อยากกิน หยิบเชอร์รี่อร่อยๆมา1 กำ เข้าห้อง กลับมานั่งเรียบเรียงเหตุการณ์ หลังจากนี้จะแอบงีบ ตื่นมาแค่วางแผนเดินทางไปสนามบินช่วงบ่ายแล้วค่ะ
ติดตามเรื่อราวเพิ่มได้ในเพจค่ะ ลงรูปไม่ได้ไว้กลับถึงไทยแล้วจะมารีวิวต่อค่ะ
https://www.facebook.com/cloudislandwander/