บทที่ ๑๔
แขกสาวจากเมืองไทยตัดสินใจได้ไม่ยาก พอปิดการขายได้ตามหลักการก็ต้องรีบเผ่น คิดดังนั้นจึงตั้งใจจะรีบกล่าวคำอำลาเพื่อกลับเข้าห้องพัก
แต่จะทำแบบปุ๊ปปั๊ปได้สมใจแล้วเปิดแน่บก็กระไรอยู่ มันจะดูไม่ดี ฮื่อ ใช่ ไม่ดี เธอจึงต้องทำเนียนชวนคุยอีกเล็กน้อย คิดแล้วมือเรียวก็พับเก็บแผนที่ ก่อนจะเอ่ยกับเจ้าภาพใหญ่อย่างสำรวมสุดฤทธิ์
“ ขอบพระคุณสำหรับอาหารมื้อค่ำนี้ค่ะ อาหารอร่อยมาก "
" ด้วยความยินดี " เสียงเจ้าภาพตอบขรึมๆ
" มีดีแค่อาหารหรือครับ อย่างนี้อันวาร์ก็เสียใจแย่ ลงมือจัดโต๊ะเองเลยนะครับ วันนี้น่ะ" คุณเลขาหล่อเข้มพูดยิ้มๆ
แขกรับเชิญรีบฉีกยิ้มแฉ่งเป็นการเอาใจ"คนจัดโต๊ะ"
" โต๊ะดินเนอร์วันนี้ก็น่ารักมากค่ะ บรรยากาศดีมาก ขอบคุณนะคะอันวาร์ คุณอาซิสด้วยค่ะ"
ตาใสแจ่มจรัสกวาดมองบนโต๊ะ เชิงเทียนสวย และดอกไม้สีขาวถูกจัดพราวประดับอยู่บนโต๊ะและกระจายทั่วไปในสิ่งแวดล้อม ดอกไม้ช่อยาว ก้านเขียวอ่อนและกลีบดอกขาวสวยสดแลดูทั้งบอบบางและแข็งแกร่งอยู่ในที
สาวไทยไม่คุ้นตากับดอกไม้ชนิดนี้ มือเรียวเอื้อมออกไปเพื่อจะคว้าแจกันแก้วทรงแคบสูงบอบบางที่มีดอกไม้ขาวช่อยาวถูกปักไว้ ตั้งใจจะเอามาดูใกล้ๆ แต่แขนเธอสั้นไปหน่อย เอื้อมไม่ถึง จึงตั้งท่าจะขยับลุก ทว่าคนตัวโตที่สุดในโต๊ะนั้นคงจะรำคาญตาจึงช่วยหยิบส่งมาให้ สาวไทยอุบอิบขอบคุณเบาๆ
"ลองดมดูสิครับ หอมนะ ดอกไม้นี้ได้รับความนิยมมากในบังกลาเทศครับ เมืองไทยมีไหมครับดอกแบบนี้" เสียงอาซิสอธิบายตบท้ายด้วยคำถาม
" ไม่แน่ใจค่ะ ไม่คุ้นเท่าไหร่ อาจจะมีนะคะ แต่ว่าฉันไม่เคยเห็น" สาวไทยนึกถึงดอกซ่อนกลิ่น มันจะคล้ายแบบนี้หรือไม่เธอก็ไม่แน่ใจนัก เพราะเคยเห็นแต่ในรูป ก็เธอรู้จักแค่ไม่กี่อย่างเองนี่นะ พวกมะลิ โมก จำปี จำปา พุด ที่เห็นบ่อยๆ
หยิบแจกันมาดูแล้วอดยกขึ้นมาดมไม่ได้" หอมดีนะคะ" สาวไทยเชยชมดอกไม้อย่างถูกใจ กลิ่นหอมอ่อนจาง ไม่รุนแรงจนฉุนชวนปวดหัว
"ผมให้เอาจัดใส่แจกันไปตั้งไว้ในห้องคุณด้วย ไม่แพ้นะครับ"
" ไม่แพ้ค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับดอกไม้ และขอบคุณสำหรับดินเนอร์วันนี้ค่ะ"
แขกรับเชิญยกมือพนมไหว้สวยให้แก่เจ้าภาพใหญ่และอีกสองคนก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์เพื่อขอตัวกลับเข้าห้องพัก โดยมีสุภาพบุรุษทั้งสามลุกขึ้นยืนส่งเธอด้วยมารยาทสากลอันงดงาม
ธีรดาปิดประตูห้องเบาๆ เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าที่ประตูด้านใน วันนี้มีโซ่คล้องใหม่เอี่ยมมาติดตั้งให้แล้ว
.......................................................
" เฮ้ย อันวาร์ ตอนเราไปเกาหลีกัน คนที่นั่นเขาชอบใส่เสื้อเหมือนๆกัน จำได้ไหม ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร" อาซิสถามเพื่อนเสียงไม่เบานัก ก็ตั้งใจน่ะ อยากให้ใครบางคนได้ยิน
" เสื้ออะไร เสื้อคู่รัก น่ะเหรอ " เสียงคนตอบแจ่มใส สีหน้าสีตาไร้เดียงสาสุดๆ
"เออ นั่นล่ะ เสื้อคู่รัก ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรนะ นึกไม่ออก"
" Couple look มั้ง น่าจะใช่นะ ถามทำไมวะอาซิส"
" อ๋อ ไม่มีอะไร แค่วันนี้เห็นคุณธีรดาใส่เสื้อสีเดียวกับบอสเรา แบบก็คล้ายๆกันเลยนึกถึงตอนไปเกาหลีน่ะ ที่โน่นพวกคู่รักเขาชอบแต่งตัวเหมือนๆกันมากเลยนะ ฉันจำได้"
" เสร็จงานแล้ว จะไปไหนก็รีบไสหัวไปเลย" เสียงบอสของทั้งคู่คำรามไล่
"อันวาร์ นายจะไปกินข้าวกับพวกนั้นก็รีบไปดิ" อาซิสหันไปไล่เพื่อน
" ทั้งสองคน ไสหัวไปเลย ทั้งคู่นั่นแหละ "
เสียงลูกน้องสองคนหัวเราะเบาๆก่อนจะเผ่นแผล็วหายตัวลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ใครบางคนถอนหายใจยาว มีลูกน้องแค่สองคนนี้ที่มองเห็นเขาเป็นปุถุชนคนธรรมดา แถมพวกมันยังกล้าแหย่ให้เขาหัวเสียอีกด้วย ไม่บ่อย แต่ก็พอได้อารมณ์อยากอัดพวกมันให้น่วมเป็นระยะ
ชาห์เรียร์ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบ
ณ ที่แห่งนี้ คืนนี้ แม้เงียบงันไร้ซึ่งเสียงสนทนา แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่า เบื้องหลังบานประตูห้องหนึ่งในบ้านบนดาดฟ้าตึกแห่งนี้ คืนนี้ มีใครอีกคนหนึ่งที่อยู่เป็นเพื่อนกัน
มือเรียวแข็งแรงเอื้อมหยิบดอกไม้ขาวช่อยาวในแจกันแก้ว
เผลอตัวหรือไร เมื่อรู้สึกได้ ก็พบว่ายกดอกไม้ขึ้นจรดจมูกตัวเองเสียแล้ว เป็นดอกไม้ช่อเดียวกับที่ใครบางคนเพิ่งจะเชยชมดอมดมมันเสียด้วย
............................................................................
..... บังกลา ล่าหัวใจ .....(บทที่ ๑๔)
แขกสาวจากเมืองไทยตัดสินใจได้ไม่ยาก พอปิดการขายได้ตามหลักการก็ต้องรีบเผ่น คิดดังนั้นจึงตั้งใจจะรีบกล่าวคำอำลาเพื่อกลับเข้าห้องพัก
แต่จะทำแบบปุ๊ปปั๊ปได้สมใจแล้วเปิดแน่บก็กระไรอยู่ มันจะดูไม่ดี ฮื่อ ใช่ ไม่ดี เธอจึงต้องทำเนียนชวนคุยอีกเล็กน้อย คิดแล้วมือเรียวก็พับเก็บแผนที่ ก่อนจะเอ่ยกับเจ้าภาพใหญ่อย่างสำรวมสุดฤทธิ์
“ ขอบพระคุณสำหรับอาหารมื้อค่ำนี้ค่ะ อาหารอร่อยมาก "
" ด้วยความยินดี " เสียงเจ้าภาพตอบขรึมๆ
" มีดีแค่อาหารหรือครับ อย่างนี้อันวาร์ก็เสียใจแย่ ลงมือจัดโต๊ะเองเลยนะครับ วันนี้น่ะ" คุณเลขาหล่อเข้มพูดยิ้มๆ
แขกรับเชิญรีบฉีกยิ้มแฉ่งเป็นการเอาใจ"คนจัดโต๊ะ"
" โต๊ะดินเนอร์วันนี้ก็น่ารักมากค่ะ บรรยากาศดีมาก ขอบคุณนะคะอันวาร์ คุณอาซิสด้วยค่ะ"
ตาใสแจ่มจรัสกวาดมองบนโต๊ะ เชิงเทียนสวย และดอกไม้สีขาวถูกจัดพราวประดับอยู่บนโต๊ะและกระจายทั่วไปในสิ่งแวดล้อม ดอกไม้ช่อยาว ก้านเขียวอ่อนและกลีบดอกขาวสวยสดแลดูทั้งบอบบางและแข็งแกร่งอยู่ในที
สาวไทยไม่คุ้นตากับดอกไม้ชนิดนี้ มือเรียวเอื้อมออกไปเพื่อจะคว้าแจกันแก้วทรงแคบสูงบอบบางที่มีดอกไม้ขาวช่อยาวถูกปักไว้ ตั้งใจจะเอามาดูใกล้ๆ แต่แขนเธอสั้นไปหน่อย เอื้อมไม่ถึง จึงตั้งท่าจะขยับลุก ทว่าคนตัวโตที่สุดในโต๊ะนั้นคงจะรำคาญตาจึงช่วยหยิบส่งมาให้ สาวไทยอุบอิบขอบคุณเบาๆ
"ลองดมดูสิครับ หอมนะ ดอกไม้นี้ได้รับความนิยมมากในบังกลาเทศครับ เมืองไทยมีไหมครับดอกแบบนี้" เสียงอาซิสอธิบายตบท้ายด้วยคำถาม
" ไม่แน่ใจค่ะ ไม่คุ้นเท่าไหร่ อาจจะมีนะคะ แต่ว่าฉันไม่เคยเห็น" สาวไทยนึกถึงดอกซ่อนกลิ่น มันจะคล้ายแบบนี้หรือไม่เธอก็ไม่แน่ใจนัก เพราะเคยเห็นแต่ในรูป ก็เธอรู้จักแค่ไม่กี่อย่างเองนี่นะ พวกมะลิ โมก จำปี จำปา พุด ที่เห็นบ่อยๆ
หยิบแจกันมาดูแล้วอดยกขึ้นมาดมไม่ได้" หอมดีนะคะ" สาวไทยเชยชมดอกไม้อย่างถูกใจ กลิ่นหอมอ่อนจาง ไม่รุนแรงจนฉุนชวนปวดหัว
"ผมให้เอาจัดใส่แจกันไปตั้งไว้ในห้องคุณด้วย ไม่แพ้นะครับ"
" ไม่แพ้ค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับดอกไม้ และขอบคุณสำหรับดินเนอร์วันนี้ค่ะ"
แขกรับเชิญยกมือพนมไหว้สวยให้แก่เจ้าภาพใหญ่และอีกสองคนก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์เพื่อขอตัวกลับเข้าห้องพัก โดยมีสุภาพบุรุษทั้งสามลุกขึ้นยืนส่งเธอด้วยมารยาทสากลอันงดงาม
ธีรดาปิดประตูห้องเบาๆ เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าที่ประตูด้านใน วันนี้มีโซ่คล้องใหม่เอี่ยมมาติดตั้งให้แล้ว
.......................................................
" เฮ้ย อันวาร์ ตอนเราไปเกาหลีกัน คนที่นั่นเขาชอบใส่เสื้อเหมือนๆกัน จำได้ไหม ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร" อาซิสถามเพื่อนเสียงไม่เบานัก ก็ตั้งใจน่ะ อยากให้ใครบางคนได้ยิน
" เสื้ออะไร เสื้อคู่รัก น่ะเหรอ " เสียงคนตอบแจ่มใส สีหน้าสีตาไร้เดียงสาสุดๆ
"เออ นั่นล่ะ เสื้อคู่รัก ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรนะ นึกไม่ออก"
" Couple look มั้ง น่าจะใช่นะ ถามทำไมวะอาซิส"
" อ๋อ ไม่มีอะไร แค่วันนี้เห็นคุณธีรดาใส่เสื้อสีเดียวกับบอสเรา แบบก็คล้ายๆกันเลยนึกถึงตอนไปเกาหลีน่ะ ที่โน่นพวกคู่รักเขาชอบแต่งตัวเหมือนๆกันมากเลยนะ ฉันจำได้"
" เสร็จงานแล้ว จะไปไหนก็รีบไสหัวไปเลย" เสียงบอสของทั้งคู่คำรามไล่
"อันวาร์ นายจะไปกินข้าวกับพวกนั้นก็รีบไปดิ" อาซิสหันไปไล่เพื่อน
" ทั้งสองคน ไสหัวไปเลย ทั้งคู่นั่นแหละ "
เสียงลูกน้องสองคนหัวเราะเบาๆก่อนจะเผ่นแผล็วหายตัวลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ใครบางคนถอนหายใจยาว มีลูกน้องแค่สองคนนี้ที่มองเห็นเขาเป็นปุถุชนคนธรรมดา แถมพวกมันยังกล้าแหย่ให้เขาหัวเสียอีกด้วย ไม่บ่อย แต่ก็พอได้อารมณ์อยากอัดพวกมันให้น่วมเป็นระยะ
ชาห์เรียร์ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบ
ณ ที่แห่งนี้ คืนนี้ แม้เงียบงันไร้ซึ่งเสียงสนทนา แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่า เบื้องหลังบานประตูห้องหนึ่งในบ้านบนดาดฟ้าตึกแห่งนี้ คืนนี้ มีใครอีกคนหนึ่งที่อยู่เป็นเพื่อนกัน
มือเรียวแข็งแรงเอื้อมหยิบดอกไม้ขาวช่อยาวในแจกันแก้ว
เผลอตัวหรือไร เมื่อรู้สึกได้ ก็พบว่ายกดอกไม้ขึ้นจรดจมูกตัวเองเสียแล้ว เป็นดอกไม้ช่อเดียวกับที่ใครบางคนเพิ่งจะเชยชมดอมดมมันเสียด้วย
............................................................................