ผมกับเพื่อนคนหนึ่งสนิทกันมาก สนิทจนเกินคำว่าเพื่อน แต่ก็ยังใช้แค่คำว่า เพื่อนสนิท
#ที่จะเล่าต่อไปนี้อาจจะยาวหน่อยแต่ผมก็พยานามย่อให้เข้าใจง่ายที่สุดแล้วครับ
ต้องบอกก่อนว่า เรื่องนี้ผ่านมา 5ปีแล้วครับและส่วนตัวแล้วผมเป็นเกย์ครับ ซึ่งก็เปิดเผยมาตลอด และเพื่อนสนิทของผมเองก็รู้ด้วยว่าผมเป็น แต่เค้าเป็นผู้ชายแท้ๆครับ เราสองคนเจอกันที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน เรียนคณะเดียวกัน และเป็นรูมเมทกัน นี่แหละครับ คือจุดเริ่มต้นของ สถานะที่ไม่ต้องการ
เราเจอกันวันแรกๆนะครับ ผมก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรด้วยหรอกครับ เพราะเค้าก็ไม่ได้หล่อขนาดเทพบุตร แต่ก็ถือว่าน่าตาดีใช่เล่นเลยครับ เค้าเป็นคนขอนแก่นครับ ส่วนผมเป็นคนปทุมธานี มีหลายๆอย่างที่ทำให้ผมต้องเรียนรู้จากเค้าเยอะแยะ เช่น วัฒนธรรม การเป็นอยู่ เพราะ ผมมาเรียนที่นี่คนเดียว โดยที่ไม่มีเพื่อนมาด้วยเลยสักคน เฮ้อออออออ
เค้าก็น่ารักนะครับ เค้าเป็นผู้ชายนิสัยดีมากๆเลย น่าตาก็โอเมาก มีรถขับ โทรศัพท์ไอโฟน แต่เสียดาย เค้าไม่ใช่แฟนผม 5555555
เข้าเรื่องเลยละกันครับ คือ พอเราเป็นรูมเมทกัน แน่นอนว่า ชีวิตประจำวันของเราค่อนข้างที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ลืมตาตื่นนอน ยันหลับตาลงฝัน แล้วอย่างนี้ไม่ให้ผมหวั่นไหวได้อย่างไรครับ ?
ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองชอบเค้าหรอกครับ ก็เพื่อนกันปกตินี่แหละ จนผ่านไปประมาณ 3เดือน เค้าก็มีแฟนเป็นรุ่นพี่ผู้หญิง ผมก็แบบ เออ! ก็ดีเพื่อนขายออกสักทีเนอะ (แต่ทำไมเรารู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกยินดีจริงๆ) แต่เค้าคบกันก็ไม่ได้อะไรมากครับ เพราะเหมือนพี่เค้าแค่คบเค้าคั่นเวลา เพราะอะไรหรอครับ เพราะว่า เค้าแค่ทะเลาะกับแฟนเก่า และกำลังจะคืนดีกันแล้ว
สุดท้ายเพื่อนผมก็เลิกกับรุ่นพี่ไป แต่ก็ไม่วาย เพราะด้วยความที่เป็นหนุ่มหล่อรวย ก็มีผู้หญิงต่างคณะเข้ามาจีบและตกลงกันเป็นแฟนกันอย่างรวดเร็ว ตอนเค้าสองคนเปิดตัวกัน ผมนี่ช็อคมากครับ งงไปเลย ก็ทำได้แต่เพียงฝืนยิ้ม (-_-') ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า เราไม่ควรที่จะรู้สึกกับมันมากกว่าเพื่อน เลยพยายามถอยห่างไปอีกก้าวนึง แต่ทำได้ไม่นาน เพราะเค้ากับแฟนก็ไม่ได้ตัวติดกันมาก แต่เค้าก็ตัวติดกับผม จนแฟนเค้าหึงเวลาที่เค้าไปไหนมาไหนกัน เช่น ไปดูหนัง ไปกินชาบูไรงี้ (คือแฟนเค้าค่อนข้างไร้สาระ)
สุดท้ายมันก็เลิกกัน เพราะ ผู้หญิงเยอะเกินไป จนเป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน เราหอมแก้มกันได้ เดินควงเวลาเที่ยวห้าง แต่งตัวคล้ายๆกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด นอนหนุนแขนกอดกัน แล้วก็หลับไป คือ หลังๆนี่เหมือนแฟนกันมาก จนคนในคณะ หรือคนอื่นๆที่รู้จักก็นึกว่าเป็นแฟนกัน บ้างก็จิ้นกัน
เราสองคนมีเวลาทำอะไรดีดีด้วยกันเยอะแยะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถ้ามันเริ่มต้นมาจากคำว่า เพื่อน มันก็คงเป็นได้แค่เพื่อนจริงๆแหละครับ ก่อนหน้านี้ที่เราจะแยกกัน เค้าก็มีเด็กต่างคณะมาจีบ แล้วก็คุยๆกันอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกของผมก็อยู่ในระดับที่ว่าเก็บไว้กับตัวเอง ก็คงไม่ไหวแล้ว จึงเลือกที่จะบอกไป ทั้งๆที่รู้ว่าเค้ากำลังจะเริ่มต้นใหม่กับอีกคน เพราะอะไรหลายๆอย่างมันฟ้องว่า เค้าก็รู้สึกดีมากๆกับเราครับ เค้าบอกกับเราเสมอว่า เค้าเป็นไบเซกซ์ชวล แต่ถ้าคนอื่นถาม เค้าก็บอกว่าเค้าคือผู้ชายแท้ๆ เราก็งง เหมือนเค้าจะสื่ออะไรหรือเปล่านะครับ
แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อทุกอย่างมันผิดคาดไปหมด หลังจากที่ผมเอง ได้สารภาพความในใจออกไปกับเค้าในเวลาที่ผิด ทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่ใช่ เราสองคนก็พยายามปรับตำแหน่งของตัวเองให้มันอยู่ในที่ที่ควรอยู่ จนเราสองคน ต่างคนต่างอึดอัดมาก เลยทำให้มีปากเสียงกัน ต้องเคลียร์กัน หลายรอบมาก เลยตามเลยครับ ผมก็โพร่งพลั้งปากไปว่า เป็น

ไรก็เป็นเถอะ กูขอใช้ชีวิตของกูเหมือนเดิมก็พอ *หมายถึงชีวิตประจำวันอ่ะครับ
หลังจากนั้นเราก็ไม่พูด และไม่มองหน้ากันอีกเลย เค้าคงเกลียดผมมาก เค้าคงอดทนกับผมมานาน แต่ผมอยากลอกเค้าว่าทุกๆอย่างที่เคยทำด้วยกันมา ทุกๆวันที่ได้มีกันและกัน คือ เวลาที่มีค่ามาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะมีวันนี้ วันที่ต้องจากกันในแบบที่ไม่อาจจะหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผมผิดที่ผมเป็นเพื่อนให้เค้าไม่ได้
แต่ผมก็ยังรักและหวังเสมอว่า สิ่งดีดีที่เคยทำและสัญญาที่เคยให้ไว้ จะนำพาให้เราได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ขอโทษทุกๆสิ่งที่ทำให้โกรธและเกลียดกันนะ
ฝากเตือนทุกคนนะครับที่แอบรักเพื่อน มีไม่กี่คู่หรอกครับที่เป็นเพื่อนสนิทกันและได้เป็นแฟนครับ อย่าทำให้เพื่อนสนิทกลายเป็นคนที่ไม่รู้จัก ด้วยความรู้สึกข้างเดียวของเรา จงรักษาระยะห่างไว้ให้ดีนะครับ
***แค่นี้ผมก็รู้สึกแย่พอแล้ว ได้โปรดอย่าคอมเมนท์ด่าผมเลยนะครับ
เพื่อนสนิทกับสถานะแค่เพื่อนที่ไม่ต้องการ
#ที่จะเล่าต่อไปนี้อาจจะยาวหน่อยแต่ผมก็พยานามย่อให้เข้าใจง่ายที่สุดแล้วครับ
ต้องบอกก่อนว่า เรื่องนี้ผ่านมา 5ปีแล้วครับและส่วนตัวแล้วผมเป็นเกย์ครับ ซึ่งก็เปิดเผยมาตลอด และเพื่อนสนิทของผมเองก็รู้ด้วยว่าผมเป็น แต่เค้าเป็นผู้ชายแท้ๆครับ เราสองคนเจอกันที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน เรียนคณะเดียวกัน และเป็นรูมเมทกัน นี่แหละครับ คือจุดเริ่มต้นของ สถานะที่ไม่ต้องการ
เราเจอกันวันแรกๆนะครับ ผมก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรด้วยหรอกครับ เพราะเค้าก็ไม่ได้หล่อขนาดเทพบุตร แต่ก็ถือว่าน่าตาดีใช่เล่นเลยครับ เค้าเป็นคนขอนแก่นครับ ส่วนผมเป็นคนปทุมธานี มีหลายๆอย่างที่ทำให้ผมต้องเรียนรู้จากเค้าเยอะแยะ เช่น วัฒนธรรม การเป็นอยู่ เพราะ ผมมาเรียนที่นี่คนเดียว โดยที่ไม่มีเพื่อนมาด้วยเลยสักคน เฮ้อออออออ
เค้าก็น่ารักนะครับ เค้าเป็นผู้ชายนิสัยดีมากๆเลย น่าตาก็โอเมาก มีรถขับ โทรศัพท์ไอโฟน แต่เสียดาย เค้าไม่ใช่แฟนผม 5555555
เข้าเรื่องเลยละกันครับ คือ พอเราเป็นรูมเมทกัน แน่นอนว่า ชีวิตประจำวันของเราค่อนข้างที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ลืมตาตื่นนอน ยันหลับตาลงฝัน แล้วอย่างนี้ไม่ให้ผมหวั่นไหวได้อย่างไรครับ ?
ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองชอบเค้าหรอกครับ ก็เพื่อนกันปกตินี่แหละ จนผ่านไปประมาณ 3เดือน เค้าก็มีแฟนเป็นรุ่นพี่ผู้หญิง ผมก็แบบ เออ! ก็ดีเพื่อนขายออกสักทีเนอะ (แต่ทำไมเรารู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกยินดีจริงๆ) แต่เค้าคบกันก็ไม่ได้อะไรมากครับ เพราะเหมือนพี่เค้าแค่คบเค้าคั่นเวลา เพราะอะไรหรอครับ เพราะว่า เค้าแค่ทะเลาะกับแฟนเก่า และกำลังจะคืนดีกันแล้ว
สุดท้ายเพื่อนผมก็เลิกกับรุ่นพี่ไป แต่ก็ไม่วาย เพราะด้วยความที่เป็นหนุ่มหล่อรวย ก็มีผู้หญิงต่างคณะเข้ามาจีบและตกลงกันเป็นแฟนกันอย่างรวดเร็ว ตอนเค้าสองคนเปิดตัวกัน ผมนี่ช็อคมากครับ งงไปเลย ก็ทำได้แต่เพียงฝืนยิ้ม (-_-') ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า เราไม่ควรที่จะรู้สึกกับมันมากกว่าเพื่อน เลยพยายามถอยห่างไปอีกก้าวนึง แต่ทำได้ไม่นาน เพราะเค้ากับแฟนก็ไม่ได้ตัวติดกันมาก แต่เค้าก็ตัวติดกับผม จนแฟนเค้าหึงเวลาที่เค้าไปไหนมาไหนกัน เช่น ไปดูหนัง ไปกินชาบูไรงี้ (คือแฟนเค้าค่อนข้างไร้สาระ)
สุดท้ายมันก็เลิกกัน เพราะ ผู้หญิงเยอะเกินไป จนเป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน เราหอมแก้มกันได้ เดินควงเวลาเที่ยวห้าง แต่งตัวคล้ายๆกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด นอนหนุนแขนกอดกัน แล้วก็หลับไป คือ หลังๆนี่เหมือนแฟนกันมาก จนคนในคณะ หรือคนอื่นๆที่รู้จักก็นึกว่าเป็นแฟนกัน บ้างก็จิ้นกัน
เราสองคนมีเวลาทำอะไรดีดีด้วยกันเยอะแยะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถ้ามันเริ่มต้นมาจากคำว่า เพื่อน มันก็คงเป็นได้แค่เพื่อนจริงๆแหละครับ ก่อนหน้านี้ที่เราจะแยกกัน เค้าก็มีเด็กต่างคณะมาจีบ แล้วก็คุยๆกันอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกของผมก็อยู่ในระดับที่ว่าเก็บไว้กับตัวเอง ก็คงไม่ไหวแล้ว จึงเลือกที่จะบอกไป ทั้งๆที่รู้ว่าเค้ากำลังจะเริ่มต้นใหม่กับอีกคน เพราะอะไรหลายๆอย่างมันฟ้องว่า เค้าก็รู้สึกดีมากๆกับเราครับ เค้าบอกกับเราเสมอว่า เค้าเป็นไบเซกซ์ชวล แต่ถ้าคนอื่นถาม เค้าก็บอกว่าเค้าคือผู้ชายแท้ๆ เราก็งง เหมือนเค้าจะสื่ออะไรหรือเปล่านะครับ
แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อทุกอย่างมันผิดคาดไปหมด หลังจากที่ผมเอง ได้สารภาพความในใจออกไปกับเค้าในเวลาที่ผิด ทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่ใช่ เราสองคนก็พยายามปรับตำแหน่งของตัวเองให้มันอยู่ในที่ที่ควรอยู่ จนเราสองคน ต่างคนต่างอึดอัดมาก เลยทำให้มีปากเสียงกัน ต้องเคลียร์กัน หลายรอบมาก เลยตามเลยครับ ผมก็โพร่งพลั้งปากไปว่า เป็น
หลังจากนั้นเราก็ไม่พูด และไม่มองหน้ากันอีกเลย เค้าคงเกลียดผมมาก เค้าคงอดทนกับผมมานาน แต่ผมอยากลอกเค้าว่าทุกๆอย่างที่เคยทำด้วยกันมา ทุกๆวันที่ได้มีกันและกัน คือ เวลาที่มีค่ามาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะมีวันนี้ วันที่ต้องจากกันในแบบที่ไม่อาจจะหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผมผิดที่ผมเป็นเพื่อนให้เค้าไม่ได้
แต่ผมก็ยังรักและหวังเสมอว่า สิ่งดีดีที่เคยทำและสัญญาที่เคยให้ไว้ จะนำพาให้เราได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ขอโทษทุกๆสิ่งที่ทำให้โกรธและเกลียดกันนะ
ฝากเตือนทุกคนนะครับที่แอบรักเพื่อน มีไม่กี่คู่หรอกครับที่เป็นเพื่อนสนิทกันและได้เป็นแฟนครับ อย่าทำให้เพื่อนสนิทกลายเป็นคนที่ไม่รู้จัก ด้วยความรู้สึกข้างเดียวของเรา จงรักษาระยะห่างไว้ให้ดีนะครับ
***แค่นี้ผมก็รู้สึกแย่พอแล้ว ได้โปรดอย่าคอมเมนท์ด่าผมเลยนะครับ