Trans Siberian Railway ....
เรามาทำความรู้จักกับทางรถไฟสายนี้กันซักหน่อยก่อนจะเริ่มเดินทางนะครับ
เส้นทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก ผ่าน 2 ทวีป 3 ประเทศ ระยะทางกว่า 9,200 กิโลเมตร นี้ สร้างขึ้นในช่วง 1891 ถึง 1916 เพื่อเชิ่อมโยงเมืองหลวง Moscow กับรัสเซียทางตะวันออกไกล สิ้นสุดที่ Vladivostok โดยพระราชประสงค์ของ ทซาร์ อเล็กซานเดอร์ ที่ 3 โดยในการเปิดเส้นทางรถไฟสายนึ้เป็นครั้งแรก พระเจ้า นิโคลัส ที่ 2 (กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ) ซึ่งสมัยนั้นยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร เป็นผู้สเด็จไปเป็นประธานในการเปิดใช้รถไฟสายดังกล่าวนี้
เส้นทางที่เรียกว่า Trans Siberian Railway จริงๆ แบ่งเป็นเส้นทางวิ่ง 3 สายย่อยๆ ได้แก่
Trans Siberian Route คือเส้นหลัก ที่วิ่งระหว่าง Moscow - Vladivostok
Trans Mongolian Route เป็นเส้นทางที่วิ่งในแถบมองโกเลีย เริ่มจากชายแดน จีน-มองโกเลีย ที่สถานี Erenhot (เออร์เหลียน) - Ulan-Ude รัสเซีย
Trans Manchurian Route คือ เส้นทางที่วิ่งในแถบจีนตะวันออก ระหว่าง Beijing ประเทศจีน - Chita รัสเซีย
นอกจากนี้ เส้นทางรถไฟสายนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกับสายย่อยเพื่อไปยัง เปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือได้อีกด้วย(คงไม่ไปนะครับเส้นทางนี้ 555)
การเตรียมการ
แบ็คแพ็คฉบับ มนุษย์เงินเดือนที่ลางานได้จำกัดอย่างผม เริ่มจากเลือกเส้นทางที่เป็นไปได้ กับวันลาพักร้อนที่ยังเหลือ นั่นคือ ประมาณ 10-12 วัน เมื่อลองลากเส้นทางแล้ว ถ้าเริ่มจาก Vladivostok จะยุ่งยากและไม่เหลือเวลาเที่ยวเลย จึงมองที่ ปักกิ่ง เพราะสามารถบินตรงไปได้ โดยสิ่งที่ต้องระลึกไว้เสมอ ก่อนกำหนดวันเริ่มต้นในการเดินทาง คือ รถไฟจาก Beijing - Ulan-Bator จะมีออกอาทิตย์ละ 2 วันเท่านั้น คือ พุธ และ เสาร์
การจองตั๋วรถไฟ ผมใช้บริการของเอเย่นต์ ของผมใช้ realrussia.co.uk ซึ่งการจองผ่านเอเย่นต์สะดวกที่สุดแล้ว เพราะ ตั๋วรถไฟจาก Beijing ไม่มีระบบ E-ticket ต้องไปรับตั๋วกระดาษ ที่สถานี หรือ ออฟฟิศ ซึ่งทางเอเย่นต์ มีบริการจัดให้มีคนขับรถพาเราจากสนามบินไปส่งที่สถานีรถไฟ พร้อมกับส่งมอบตั๋วรถไฟให้ อีกอย่าง เว็บนี้ มีระบบ interactive ให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้ค่อนข้างสะดวก โดยให้เราเลือกจุดที่จะแวะพัก และกำหนดวันว่าจะพักกี่วัน เดินทางต่อวันไหน แล้วเอเย่นต์จะจัดการจองตั๋วให้ตามนั้น
จากสถานี Ulan-Ude ในรัสเซีย เป็นต้นไป เป็น E-ticket ครับ ซึ่งไม่จำเป็นต้องปริ้นท์เอกสาร เพียงยื่น Passport ให้คนคุมขบวนก็พอ เขามีเลขที่ Passport ของเราอยู่ จากข้อมูลการจองตั๋วแล้ว (ผมเซฟใส่ แท็ปเล็ตไว้เพื่อต้องแสดงให้ดูเป็นข้อมูลเท่านั้น) ซึ่งสะดวกมาก
ที่นั่งจาก Beijing ไป มี 2 Class เลือก Class 2 จะสบายกระเป๋า และพออยู่ได้ครับ ตู้นอน (Compartment) เป็นสัดส่วน ชั้นบนกว้างขวางอยู่ได้ทั้งวัน ไม่อึดอัด
ส่วนที่นั่งตั้งแต่เข้าเขตรัสเซีย ถ้ามี 3 Class ให้เลือก Class 2 นะครับ เพราะ Class 3 จากที่เคยอ่านรีวิวในเว็บต่างๆ ก็ไม่แนะนำ ส่วนมากเป็นคนท้องถิ่นที่เดินทางเป็นช่วงสั้นๆ มากกว่า สภาพการเป็นอยู่ ลักษณะของ ที่นั่งคล้ายกัน แต่เปิดโล่ง เป็นแบบ open พอ open ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับสุภาพสตรีเท่าไหร่ เรื่องความปลอดภัย หรือของหายไม่ค่อยกลัว แต่ที่นอนชั้นบนคับแคบสุดใจขาดดิ้น ด้วยความสูงจากที่นอนถึงเพดาน ราวๆ ไม่เกิน 80 ซม. พอๆ กับนอนโลงศพเลยครับ ผมใช้บริการมา 2 ช่วงสั้นๆ ช่วงละ 8 ชั่วโมง เรียกว่า เข็ดขยาย
แผนการเดินทางของผมมีแบบนี้นะครับ
1 . วันอังคาร (30 มิ.ย. 58) , เดินทางจาก สนามบินดอนเมือง (12:50) ไป ปักกิ่ง ประเทศจีน (01:05 ของวันพุธ)
โดยผมเลือกไป โลว์คอสต์ ครับ ไปกับ Air Asia ต้องไปต่อเครื่องที่ กัวลาลัมเปอร์ แต่มีเที่ยวบินตรงของ การบินไทย จากดอนเมือง ไปปักกิ่งเลย เหมือนกัน จ่ายเพิ่มประมาณ 3-4 พันบาท
2 . วันพุธ , เดินทางจาก สถานีรถไฟสายตะวันตก ปักกิ่ง (11:20) ไป อีร์คุทซ์ ประเทศรัสเซีย (ถึงบ่ายวันศุกร์) พักที่อีร์คุทซ์ 2 คืน
จริงๆ ผมเสียดายมาก ที่ไม่ได้และ อุลาน บาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เพราะเวลาจำกัด
ที่นี่สวยมากนะครับ ถ้าใครมีโอกาสควรแวะนอนซัก 1-2 คืน
3 . วันอาทิตย์ , เดินทางจาก อีร์คุทซ์ (18:30) ไปยัง มอสโกว (ถึงเช้ามืดวันพฤหัสฯ 04:00) พักที่มอสโก 2 คืน
4. วันเสาร์ , เดินทางจาก มอสโก (19:20) กับสายการบิน Aeroflot กลับ ประเทศไทย (ถึงเช้าวันอาทิตย์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่พอไปจริงๆ ก็เปลี่ยนแผนมั่วไปหมดละครับ 555 ที่ท่องเที่ยวไฮไลต์หลายๆ ที่ก็พลาดไปหมด
แต่เอาเถอะ ความตั้งใจคือมานั่งรถไฟ ที่เหลือ เป็นกำไร ได้ก็ดี ไม่ได้ค่อยมาซ้ำทีหลัง นั่งเครื่องมาลงเอาได้ (ปลอบใจตัวเอง)
วันที่ 1
ออกเดินทาง ... บ่ายวันนี้ (อังคาร 30 มิ.ย. 58) เราขึ้นเครื่องที่ ดอนเมือง สบายหน่อย ใกล้บ้านผม เราอุตส่าห์มีสนามบินนานาชาติที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 2 แห่ง แต่ดันไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมต่อถึงกัน โชคดีที่บ้านอยู่ใกล้ครับ แค่หลักสี่ มาถึงสนามบิน 11 โมงกว่าๆ เช็คอินชิวๆ เลยคับ (ดีที่เป็นวันอังคารด้วย) ประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็พาตัวเองผ่าน ตม. มานั่งรออยู่ด้านในรอขึ้นเครื่องแล้ว หิวๆ ... กินข้าวไก่ย่างอะไรซักอย่าง รสชาติห่วยแตก รู้สึกจะชื่อ Piri Piri อะไรเนี่ยแหละ .. ล่อไปจานละ 300 บาท !!! คนไทยด้วยกันนี่แหละ ฟันเราหัวแบะ
Take off ... เกือบไปไม่ทัน final call วิ่งไปที่เกต พบรถตู้ กำลังจะออก เหลือ 3 ที่นั่งพอดี เครื่องบินเล็ก เที่ยวบินที่ FD319 จากดอนเมืองสู่กัวลาลัมเปอร์ เทคออฟ 12:50 น. แต่สงสัยวอร์มเครื่องยนต์กันอยู่ บ่ายโมงเกือบครึ่งถึงล้อถึงได้เริ่มหมุน บินไปคนละทางกับเป้าหมาย เพื่อไปรอต่อไฟล์ท 3 ชั่วโมง สงสัยอายุเริ่มเยอะ ขึ้นเครื่องบินละมีอาการเมาเครื่องเล็กๆ ใช้เวลาเดินทางจริงๆ 1 ชั่วโมงเศษ แต่เวลาท้องถิ่นของ กัวลาลัมเปอร์ เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เลยไปถึงโน่น 4 โมงเย็น
เตร็ดเตร่ในสนามบิน ... หิวด้วย (หิวบ่อยจังวะ ?? 555) สุดท้ายเลยต้องแลก ริงกิต มา เค้าให้แลกขึ้นต่ำ 50 USD ขึ้นไป เลยได้มาประมาณ 180 ริงกิต ขี้เกียจแลกคืน ต้องกินให้หมดนี่แหละ เลยจัดเต็ม ไก่ทอดป๊อปอาย เมื่อก่อนเคยมีขายในประเทศไทย แต่เดี๋ยวนี้คงเจ๊งไปแล้ว ต้องบอกว่า อร่อยกว่า KFC นะ ในความรู้สึกผม (ไม่นับบรรดาเมนูข้าวแบบไทยๆ อย่าง ข้าวยำไก่แซ่บ) ตัวบิสกิต อร่อยดี แป้งหอมๆ กรอบนอก นุ่มใน เสร็จแล้วก็ไปนั่งกินกาแฟและของหวานต่อที่ Mc Café เงินก็ยังไม่หมด ต้องไปซื้อช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆ ที่ห่อเหมือนลูกกวาด ยี่ห้อ Lindt กำตังยื่นใส่มือพนักงาน บอกว่า พี่เหมาหมดนี่เลยน้อง ได้มาถุงใหญ่ ใช้กินได้ตลอดทริป (มีเหลือกลับไทยด้วย 2-3 เม็ด)
Take off สู่ปักกิ่ง .... ด้วยความไร้เดียงสา ใช้เงินจนเหลือไม่ถึง 20 ริงกิต สิ่งที่ควรจะซื้อ ก็คือ “น้ำดื่ม” เราบิน 6 ชั่วโมงเต็มๆ แต่

ไม่มีน้ำไว้กินครับ

ล่ะสิ ต้องตกอยู่ในสภาพ ดีไฮเดรต ไปทั้งคืน เที่ยวบิน D7 316 (KL-PEK) คือเที่ยวบินนรกแตก ที่ผู้โดยสารปวดขี้ ปวดเยี่ยวตลอดเวลาสาวๆ คนไหนอยากทำงานสายการบินนานาชาติ แนะนำให้หลีกเลี่ยงอีสายการบินที่บินไปปักกิ่ง พวกนี้นะครับ เห็นแล้วสงสาร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขนาดเครื่องกำลังเทคออฟ หัวเชิดขึ้นเป็นมุม 45 องศาหนุ่มจีนนายหนึ่ง ยังปลดเข็มขัด ลุกขึ้นเดินจะไปขรี้ !!!!
โอ้โห วิชาตัวเบาพวกพี่แน่มากกก ขรี้ตอนเทคออฟเนี่ยนะ ??
แอร์โฮสเตจสาว ร่างบึกบึน เดินมาเตือน พี่แกก็ยังดื้ออีกแหน่ะ ผู้โดยสารจีนนี่เป็นอะไรที่ วายป่วงมากครับ ไม่สนห่าอะไรเลย เครื่องจะขึ้น เครื่องจะลง สำหรับเรา เวลาเครื่องเทคออฟ เราจะโดนสายตาอำมหิตของแอร์ เดินตรวจตรา เข็มขัดไม่แน่น เบาะไม่ตั้งตรง นี่โดนละ ยิ้มนะ แต่น้ำเสียงเอาตาย “(เมิง)ปรับพนักพิงให้ตรงนะคะ” ... 5555
ลองมาเป็นสายการบินจีนเรอะ เมิงปรับมาเถอะ เดี๋ยวเมิงเดินคล้อยหลังไปหน่อย กุก็ปรับเอนต่อ เห็นแอร์เดินๆ ปรับๆ อยู่ 3-4 เที่ยว ก็คงยอมใจอีพวกผู้โดยสารจีนพวกนี้ “อ่ะ เอาที่พวกเมิงสบายใจเลยละกัน” ..... ผมนั่งดู คนจีนยืนต่อแถวเข้าห้องน้ำ จนสงสารโถส้วมขึ้นมาจับใจ พวกเมิงไม่ให้มันพักหายใจมั่งเรอะ เวียนเทียนกันเข้าอยู่นั่น ดูไป ง่วงไป ผล๊อยหลับไป
ผ่านไป 1 ราตรี บนเครื่อง ..... เดี๋ยวผมมาต่อครับ
บันทึกนักหลงทาง .. จากทุ่งหญ้าถึงป่าสน (Trans Siberian Railway)
Trans Siberian Railway ....
เรามาทำความรู้จักกับทางรถไฟสายนี้กันซักหน่อยก่อนจะเริ่มเดินทางนะครับ
เส้นทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก ผ่าน 2 ทวีป 3 ประเทศ ระยะทางกว่า 9,200 กิโลเมตร นี้ สร้างขึ้นในช่วง 1891 ถึง 1916 เพื่อเชิ่อมโยงเมืองหลวง Moscow กับรัสเซียทางตะวันออกไกล สิ้นสุดที่ Vladivostok โดยพระราชประสงค์ของ ทซาร์ อเล็กซานเดอร์ ที่ 3 โดยในการเปิดเส้นทางรถไฟสายนึ้เป็นครั้งแรก พระเจ้า นิโคลัส ที่ 2 (กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ) ซึ่งสมัยนั้นยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร เป็นผู้สเด็จไปเป็นประธานในการเปิดใช้รถไฟสายดังกล่าวนี้
เส้นทางที่เรียกว่า Trans Siberian Railway จริงๆ แบ่งเป็นเส้นทางวิ่ง 3 สายย่อยๆ ได้แก่
Trans Siberian Route คือเส้นหลัก ที่วิ่งระหว่าง Moscow - Vladivostok
Trans Mongolian Route เป็นเส้นทางที่วิ่งในแถบมองโกเลีย เริ่มจากชายแดน จีน-มองโกเลีย ที่สถานี Erenhot (เออร์เหลียน) - Ulan-Ude รัสเซีย
Trans Manchurian Route คือ เส้นทางที่วิ่งในแถบจีนตะวันออก ระหว่าง Beijing ประเทศจีน - Chita รัสเซีย
นอกจากนี้ เส้นทางรถไฟสายนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกับสายย่อยเพื่อไปยัง เปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือได้อีกด้วย(คงไม่ไปนะครับเส้นทางนี้ 555)
การเตรียมการ
แบ็คแพ็คฉบับ มนุษย์เงินเดือนที่ลางานได้จำกัดอย่างผม เริ่มจากเลือกเส้นทางที่เป็นไปได้ กับวันลาพักร้อนที่ยังเหลือ นั่นคือ ประมาณ 10-12 วัน เมื่อลองลากเส้นทางแล้ว ถ้าเริ่มจาก Vladivostok จะยุ่งยากและไม่เหลือเวลาเที่ยวเลย จึงมองที่ ปักกิ่ง เพราะสามารถบินตรงไปได้ โดยสิ่งที่ต้องระลึกไว้เสมอ ก่อนกำหนดวันเริ่มต้นในการเดินทาง คือ รถไฟจาก Beijing - Ulan-Bator จะมีออกอาทิตย์ละ 2 วันเท่านั้น คือ พุธ และ เสาร์
การจองตั๋วรถไฟ ผมใช้บริการของเอเย่นต์ ของผมใช้ realrussia.co.uk ซึ่งการจองผ่านเอเย่นต์สะดวกที่สุดแล้ว เพราะ ตั๋วรถไฟจาก Beijing ไม่มีระบบ E-ticket ต้องไปรับตั๋วกระดาษ ที่สถานี หรือ ออฟฟิศ ซึ่งทางเอเย่นต์ มีบริการจัดให้มีคนขับรถพาเราจากสนามบินไปส่งที่สถานีรถไฟ พร้อมกับส่งมอบตั๋วรถไฟให้ อีกอย่าง เว็บนี้ มีระบบ interactive ให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้ค่อนข้างสะดวก โดยให้เราเลือกจุดที่จะแวะพัก และกำหนดวันว่าจะพักกี่วัน เดินทางต่อวันไหน แล้วเอเย่นต์จะจัดการจองตั๋วให้ตามนั้น
จากสถานี Ulan-Ude ในรัสเซีย เป็นต้นไป เป็น E-ticket ครับ ซึ่งไม่จำเป็นต้องปริ้นท์เอกสาร เพียงยื่น Passport ให้คนคุมขบวนก็พอ เขามีเลขที่ Passport ของเราอยู่ จากข้อมูลการจองตั๋วแล้ว (ผมเซฟใส่ แท็ปเล็ตไว้เพื่อต้องแสดงให้ดูเป็นข้อมูลเท่านั้น) ซึ่งสะดวกมาก
ที่นั่งจาก Beijing ไป มี 2 Class เลือก Class 2 จะสบายกระเป๋า และพออยู่ได้ครับ ตู้นอน (Compartment) เป็นสัดส่วน ชั้นบนกว้างขวางอยู่ได้ทั้งวัน ไม่อึดอัด
ส่วนที่นั่งตั้งแต่เข้าเขตรัสเซีย ถ้ามี 3 Class ให้เลือก Class 2 นะครับ เพราะ Class 3 จากที่เคยอ่านรีวิวในเว็บต่างๆ ก็ไม่แนะนำ ส่วนมากเป็นคนท้องถิ่นที่เดินทางเป็นช่วงสั้นๆ มากกว่า สภาพการเป็นอยู่ ลักษณะของ ที่นั่งคล้ายกัน แต่เปิดโล่ง เป็นแบบ open พอ open ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับสุภาพสตรีเท่าไหร่ เรื่องความปลอดภัย หรือของหายไม่ค่อยกลัว แต่ที่นอนชั้นบนคับแคบสุดใจขาดดิ้น ด้วยความสูงจากที่นอนถึงเพดาน ราวๆ ไม่เกิน 80 ซม. พอๆ กับนอนโลงศพเลยครับ ผมใช้บริการมา 2 ช่วงสั้นๆ ช่วงละ 8 ชั่วโมง เรียกว่า เข็ดขยาย
แผนการเดินทางของผมมีแบบนี้นะครับ
1 . วันอังคาร (30 มิ.ย. 58) , เดินทางจาก สนามบินดอนเมือง (12:50) ไป ปักกิ่ง ประเทศจีน (01:05 ของวันพุธ)
โดยผมเลือกไป โลว์คอสต์ ครับ ไปกับ Air Asia ต้องไปต่อเครื่องที่ กัวลาลัมเปอร์ แต่มีเที่ยวบินตรงของ การบินไทย จากดอนเมือง ไปปักกิ่งเลย เหมือนกัน จ่ายเพิ่มประมาณ 3-4 พันบาท
2 . วันพุธ , เดินทางจาก สถานีรถไฟสายตะวันตก ปักกิ่ง (11:20) ไป อีร์คุทซ์ ประเทศรัสเซีย (ถึงบ่ายวันศุกร์) พักที่อีร์คุทซ์ 2 คืน
จริงๆ ผมเสียดายมาก ที่ไม่ได้และ อุลาน บาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เพราะเวลาจำกัด
ที่นี่สวยมากนะครับ ถ้าใครมีโอกาสควรแวะนอนซัก 1-2 คืน
3 . วันอาทิตย์ , เดินทางจาก อีร์คุทซ์ (18:30) ไปยัง มอสโกว (ถึงเช้ามืดวันพฤหัสฯ 04:00) พักที่มอสโก 2 คืน
4. วันเสาร์ , เดินทางจาก มอสโก (19:20) กับสายการบิน Aeroflot กลับ ประเทศไทย (ถึงเช้าวันอาทิตย์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันที่ 1
ออกเดินทาง ... บ่ายวันนี้ (อังคาร 30 มิ.ย. 58) เราขึ้นเครื่องที่ ดอนเมือง สบายหน่อย ใกล้บ้านผม เราอุตส่าห์มีสนามบินนานาชาติที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 2 แห่ง แต่ดันไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมต่อถึงกัน โชคดีที่บ้านอยู่ใกล้ครับ แค่หลักสี่ มาถึงสนามบิน 11 โมงกว่าๆ เช็คอินชิวๆ เลยคับ (ดีที่เป็นวันอังคารด้วย) ประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็พาตัวเองผ่าน ตม. มานั่งรออยู่ด้านในรอขึ้นเครื่องแล้ว หิวๆ ... กินข้าวไก่ย่างอะไรซักอย่าง รสชาติห่วยแตก รู้สึกจะชื่อ Piri Piri อะไรเนี่ยแหละ .. ล่อไปจานละ 300 บาท !!! คนไทยด้วยกันนี่แหละ ฟันเราหัวแบะ
Take off ... เกือบไปไม่ทัน final call วิ่งไปที่เกต พบรถตู้ กำลังจะออก เหลือ 3 ที่นั่งพอดี เครื่องบินเล็ก เที่ยวบินที่ FD319 จากดอนเมืองสู่กัวลาลัมเปอร์ เทคออฟ 12:50 น. แต่สงสัยวอร์มเครื่องยนต์กันอยู่ บ่ายโมงเกือบครึ่งถึงล้อถึงได้เริ่มหมุน บินไปคนละทางกับเป้าหมาย เพื่อไปรอต่อไฟล์ท 3 ชั่วโมง สงสัยอายุเริ่มเยอะ ขึ้นเครื่องบินละมีอาการเมาเครื่องเล็กๆ ใช้เวลาเดินทางจริงๆ 1 ชั่วโมงเศษ แต่เวลาท้องถิ่นของ กัวลาลัมเปอร์ เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เลยไปถึงโน่น 4 โมงเย็น
เตร็ดเตร่ในสนามบิน ... หิวด้วย (หิวบ่อยจังวะ ?? 555) สุดท้ายเลยต้องแลก ริงกิต มา เค้าให้แลกขึ้นต่ำ 50 USD ขึ้นไป เลยได้มาประมาณ 180 ริงกิต ขี้เกียจแลกคืน ต้องกินให้หมดนี่แหละ เลยจัดเต็ม ไก่ทอดป๊อปอาย เมื่อก่อนเคยมีขายในประเทศไทย แต่เดี๋ยวนี้คงเจ๊งไปแล้ว ต้องบอกว่า อร่อยกว่า KFC นะ ในความรู้สึกผม (ไม่นับบรรดาเมนูข้าวแบบไทยๆ อย่าง ข้าวยำไก่แซ่บ) ตัวบิสกิต อร่อยดี แป้งหอมๆ กรอบนอก นุ่มใน เสร็จแล้วก็ไปนั่งกินกาแฟและของหวานต่อที่ Mc Café เงินก็ยังไม่หมด ต้องไปซื้อช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆ ที่ห่อเหมือนลูกกวาด ยี่ห้อ Lindt กำตังยื่นใส่มือพนักงาน บอกว่า พี่เหมาหมดนี่เลยน้อง ได้มาถุงใหญ่ ใช้กินได้ตลอดทริป (มีเหลือกลับไทยด้วย 2-3 เม็ด)
Take off สู่ปักกิ่ง .... ด้วยความไร้เดียงสา ใช้เงินจนเหลือไม่ถึง 20 ริงกิต สิ่งที่ควรจะซื้อ ก็คือ “น้ำดื่ม” เราบิน 6 ชั่วโมงเต็มๆ แต่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แอร์โฮสเตจสาว ร่างบึกบึน เดินมาเตือน พี่แกก็ยังดื้ออีกแหน่ะ ผู้โดยสารจีนนี่เป็นอะไรที่ วายป่วงมากครับ ไม่สนห่าอะไรเลย เครื่องจะขึ้น เครื่องจะลง สำหรับเรา เวลาเครื่องเทคออฟ เราจะโดนสายตาอำมหิตของแอร์ เดินตรวจตรา เข็มขัดไม่แน่น เบาะไม่ตั้งตรง นี่โดนละ ยิ้มนะ แต่น้ำเสียงเอาตาย “(เมิง)ปรับพนักพิงให้ตรงนะคะ” ... 5555
ลองมาเป็นสายการบินจีนเรอะ เมิงปรับมาเถอะ เดี๋ยวเมิงเดินคล้อยหลังไปหน่อย กุก็ปรับเอนต่อ เห็นแอร์เดินๆ ปรับๆ อยู่ 3-4 เที่ยว ก็คงยอมใจอีพวกผู้โดยสารจีนพวกนี้ “อ่ะ เอาที่พวกเมิงสบายใจเลยละกัน” ..... ผมนั่งดู คนจีนยืนต่อแถวเข้าห้องน้ำ จนสงสารโถส้วมขึ้นมาจับใจ พวกเมิงไม่ให้มันพักหายใจมั่งเรอะ เวียนเทียนกันเข้าอยู่นั่น ดูไป ง่วงไป ผล๊อยหลับไป
ผ่านไป 1 ราตรี บนเครื่อง ..... เดี๋ยวผมมาต่อครับ