พ่อกำลังจะล้มลายเพราะขาดสภาพคล่อง ในฐานะลูกควรทำยังไรได้คะ

สวัสดีค่ะ นี้ไม่ใช่เรื่องแต่งค่ะแล้วก็เป็นกระทู้แรก ขอให้ทุกๆคนอ่านอย่างมีสติค่อยๆพิมพ์ค่อยโพสนะคะน้องก็สติกระเจิงตั้งแต่เมื่อทราบเรื่อง อาจจะพิมพ์แล้วงงๆนะคะ ตอนนี้ขอแทนตัวเองว่าน้องนะคะ

น้องเคยอ่านจากหลายๆเคสที่โพสพันทิปที่หลายครอบครัวทำธุรกิจแล้วมันไปต่อไม่ได้ แล้วสุดท้ายขาดสภาพคล่องไม่สามารถชำระหนี้ได้ บางครอบครัวก็ปล่อยให้ล้มละลาย บางครอบครัวสู้ใหม่ บางครอบครัวประนอมหนี้ด้วยการพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุดแล้วแล้วให้ศาลสั่งฟ้อง (น้องไม่ทราบเรื่องกฎหมายชัดนักนะคะ ถ้าUserพี่ๆท่านใดทราบ ขอความเมตตาให้คำแนะนำด้วยนะคะ)แล้วไปเปิดทำบริษัทใหม่เพื่อหมุนเงินมาโปะของเก่า

ขอเล่าให้ทราบก่อนนะคะ
ครอบครัวน้องมีหนี้3ล้าน มีรายจ่ายประจำคือ ค่าผ่อนหนี้ที่จ่ายได้แค่ดอกเบี้ยเดือนละ3หมื่น ค่าน้ำค่าไฟของห้องพักรวมหมื่นกว่า ค่าไฟค่าน้ำร้านค้าของชำรวมเป็นอีกหมื่น ค่าผ่อนบ้านที่ไว้เป็นบ้านเช่าอย่างน้อย3หลัง ค่าเช่าร้านขายอะไหล่ ค่ารถฟอจูนเน้อที่ผ่อนมา4ปี2หมื่น ค่ารถของตัวน้องเอง8พัน ค่าคนงานที่เป็นญาติ2คนรวม3หมื่น

ครอบครัวน้องมีรายจ่ายเดือนละ ราวๆ134,000
รายได้จากกิจการหลักคือ ธุรกิจรถ ตั้งแต่บริการดูแล คาร์แคร์ และจำหน่ายอะไหล่ เงินสดและหมุนทุกวัน
รายได้รอง ให้เช่าสวนลำไยปีละ5หมื่น ค่าหอ 12 ห้อง 24000-3หมื่น ค่าบ้านเช่า 3 หลัง จากที่น้องประเมินความสามารถของครอบครัวว่าไม่สามารถที่จะจ่ายหนี้ในแต่ละเดือนได้ ซึ่งมันคงไม่พอ  น้องและแม่เป็นราชการ น้องสาวยังเรียนอยู่

ด้วยความที่บ้านน้องทำธุรกิจรถ  ซึ่งรถส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นขาจรและขาประจำเพราะอยู่ในเขตคลังกระจายสินค้า แต่ด้วยเศรษฐกิจและนโบายต่างๆที่ผลักให้ฐานลูกค้าเราเปลี่ยนไป อีกทั้งกับน้ำท่วมครั้งก่อน เรียกว่าเจ็บหนักมาก อีกทั้งเขตที่น้องอยู่เป็นคลังกระจายสินค้า ทางผู้ให้เช่าเปลี่ยนนโบยายของการให้เช่าเพื่อให้สอดรับกับอีกกลุ่มลูกค้า ตอนนี้ทางครอบครัวน้องไม่ได้ต่อสัญญาและเขาเร่งรัดให้ย้ายออกภายในสิ้นเดือน

แต่ด้วยความที่ครอบครัวน้อง เคยคิดจะทำปั้มแถบอีสาน เลยซื้อที่เผื่อไว้แต่ยังไม่ได้ทำ ระหว่างการย้ายเรามีตัวเลือกแค่ 2อย่าง คือ 1.อยู่ใกล้ๆที่เก่า ที่ต้องทำอาคารเอง ค่าเช่า 8หมื่น 2.กลับไปสร้างในที่ของตนเองที่ยังไม่แน่ใจเรื่องฐานลูกค้าและกำไรที่จะได้ในแต่ละเดือน ครอบครัวน้องตัดสินใจแบบที่2แม้จะมีเสียงคัดค้านจากน้องสาวของน้องและตัวน้อง แต่ก็เคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่

กลายเป็น ครอบครัวน้องต้องย้ายไปอยู่ชัยภูมิซึ่งไม่รู้ว่ารายรับจะพอกับรายจ่ายค่ารึไหม
หนี้ที่เกิดจากธุรกิจ บ้านน้องไม่ได้ฟุ่มเฟ้อ ผักก็ปลูกเองค่ะ ผู้ใหญ่ชอบทานข้าวที่บ้านมากกว่าไปจับจ่ายข้างนอก
ทั้งหมดมาจากการเดินแผนธุรกิจผิดพลาด และปรับตัวไม่ทัน

คำถาม
1. จากสินทรัพย์ที่ครอบครัวน้องมีอยู่
หอพัก1จำนวน12ห้อง บ้าน2ชั้น2หลัง บ้านชั้นเดียว1หลัง ห้องเช่าปลูกสร้างบนที่ดินเช่า4ห้อง รถฟอจูนเนอร4ปี ที่ดินติดถนน4เลนชัยภูมิ8ไร่ ที่ดินสวนลำไย15ไร่จ.ลำพูน มรดก ที่ดินย่า11ไร่ ขอนแก่น มรดกที่ดินยายน่าจะ3ไร่ น้องสามารถทำอย่างไรได้บ้างที่จะแปลสภาพหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้สภาพคล่องดีขึ้น

2. เรื่องหนี้3ล้าน น้องรับทราบตั้งแต่ฝึกสอนปี5 น้องเองก็เครียด พ่อเคยให้น้องลงประกาศขายที่ มีคนสนใจติดต่อมาตลอดจนกระทั้งน้องทำงาน (รายได้ทั้งหมดน้องนำไปโปะบ้านในชื่อของน้องเองนะคะ) พ่อก็ยังตัดใจขายเพื่อรักษาสภาพคล่องไม่ได้สักที น้องก็จนใจ แต่อยากหาคำพูดหรือวิธีแสดงออกที่ทำให้คุณพ่อเปลี่ยนใจ

3. ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดของเคสนี้  น้องว่าพ่อเองอายุไม่กี่ปีก็เกษียร มีโรคประจำตัวเป็นกระดูกสันหลังปลิ้น คงไปลุยซ่อมรถเองไม่ได้ น้องเองก็ซ่อมไม่เป็น วันหนึ่งสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดคือ การถูกศาลสั่งฟ้องล้มละลายและยึดทรัพย์ของพ่อ เป็นไปได้รึเปล่าคะที่ศาลจะนำสืบแล้วพบว่าแม่เองที่เป็นเจ้าของกิจการร้านอะไหล่และที่ดินจะตามยึดทรัพย์ของคู่สมรส

4. แล้วศาลสั่งให้สามีล้มละลาย ภรรยาต้องล้มละลายด้วยไหมคะ ถ้าเป็นบุคคลล้มละลายต้องออกจากราชการ

5. ในฐานะลูก นอกจากกำลังใจที่พูดให้ผู้ใหญ่ท่านสู้แล้ว น้องควรทำยังไรได้อีกคะ

ป.ล.น้องไม่ได้กลัวที่จะไม่มีกิน น้องเองนอกจากราชการก็หาอาชีพเสริม มีรับสอนพิเศษ ขับuber รับออกแบบ จะให้กินแต่ผักกินมาม่าได้คะ แต่น้องสงสารผุ้ใหญ่ในบ้าน จึงอยากถามความคิดเห็นจากมุมมองคนอื่นบ้างคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่