สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวกระทู้แรกของผม หากข้อมูลในกระทู้ผิดพลาดประการใด หรือข้อความเนื้อไม่ถูกต้องประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ^^
Prologue
ตั้งแต่ปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก็เห็นเพื่อนๆในเฟซบุ๊กอัพรูปเที่ยวทะเลกันเต็มหน้าฟีดไปหมด ก็เกิดกิเลสอยากไปบ้าง เห็นเพื่อนๆ(ในมอ)เช็คอินเกาะล้านบ้าง เสม็ดบ้าง(เสร็จกันไปบ้างรึป่าวก็ไม่รู้เนอะแฮะๆ) เป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยเสียส่วยใหญ่ เราชาวนิสิตก็เริ่มหาข้อมูลจากกระทู้รีวิวในพันทิปนี่แหละครับ ที่แรกที่เราคิดจะไปคือทะเลฝั่งอันดามันครับ เป็นทะเลจังหวัดตรังและกระบี่ หาวิธีการเดินทาง จัดทริป หาที่พัก อะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย เราตกลงกันว่าจะเดินทางในช่วงปลายเดือนมิถุนายนซึ่งในข่าวก็บอกว่ามรสุมจะเข้า แต่เพราะเป็นช่วงที่ราคาตั๋วเครื่องบินล่อตาล่อใจมาก และเพื่อให้ทุกคนเก็บเงินสำหรับใช้จ่ายในทริปด้วย พอถึงขั้นตอนติดต่อบริษัททัวร์ (ที่จัดทริปทัวร์ 4 เกาะ) เขาก็แจ้งกลับมาว่าในช่วง 1 มิถุนายน จนถึง 30 กันยายน ทะเลแถบนี้อุทยานจะสั่งปิดเพื่อให้ฟื้นฟูปะการังเปิดอีกทีก็ 1 ตุลาคม จะเลื่อนทริปก็นานไปแถมเปิดเทอมแล้วอีกต่างหาก เลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่แต่ตัวเลือกที่เหลือก็คงเป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยเท่านั้น เราก็เจอที่ที่หนึ่ง ที่ทะเลสวยงามไม่แพ้กัน ที่นั้นก็คือ อ ออ … “เกาะเต่า!!!!!”

ทีนี้ก็จัดการแพลนทริปใหม่หมด TT เริ่มจากการดูพยากรณ์อากาศ ก็พบว่าช่วงเวลาที่แดดมากที่สุดคือช่วงปลายๆเดือน มิถุนายน และเลือกเดินทางจากกรุงเทพไปสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 23 เหตุผลเพราะตรงกับวันพฤหัส ตั๋วเครื่องบินถูกดี แหะๆ
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นช่วง ฤดูฝน ช่วงมรสุมไปอี๊ก หลังจากตัดสินใจเลือกวันเดินทางและจองตั๋วเครื่องบิน พยากรณ์อากาศที่เคยดูไว้แล้ว ก็เปลี่ยนทุกวันเลยจ้า เราก็หวาดเสียวต้องคอยเปิดดูพยากรณ์อาการทุกๆวัน กลัวไปทะเลแต่ไม่ได้เล่นทะเลกัน ไปถึงแล้วพายุเข้า น้ำทะเลขุ่น ถ่ายรูปไม่สวย มโนกันไปต่างๆนาๆ
Chapter I พิษณุโลก – กรุงเทพ
วันที่ 22 มิถุนายน
เนื่องจากสถานศึกษาของเราตั้งอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก จขกท. จึงขอเริ่มจากพิษณุโลกเลยแล้วกัน โดยผู้ร่วมชะตากรรมของเรามีด้วยกัน 5 คน คนแรกอยู่ กทม. แล้ว กำลังเดินทางโดยรถไฟฟรี 2 คนในวันนี้ อีก 2 คนเดินทางโดยรถตู้ในวันถัดไป
เราเดินทางโดย รถไฟขบวนที่ 202 จากสถานีพิษณุโลก ปลายทางสถานีกรุงเทพ เวลาออกคือ 06:05 ถึงสถานีกรุงเทพ ตามเวลาในตั๋วคือ 14:05
เรามาถึงตั้งแต่ก่อนเวลารถเทียบในสถานีอีก จึงสามารถเดินเลือกที่นั้งตามชอบได้ ก็คำนวณว่าแดดจะเข้าฝั่งไหนตอนไหน แต่พอรถไฟออก ฝนก็ตกปรอยๆ ฟ้าครึ้มๆ ตลอดการเดินทาง
Chapter II กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี
23 มิถุนายน
นัดเจอกันที่ดอนเมืองตั้งแต่ 14.30 เราบินไฟท์ 16:20 ถึงสุราษฎร์ธานี 17:30 ระหว่างรอผ่านเกท จัดกรุ๊ปช๊อตไป(รูปที่ดีที่สุด) 1 รูป
โชคดีที่ได้นั้งติดหน้าต่างและได้ที่นั้งติดๆกันทั้ง 5 คนเลย ><
17.30 ก็ถึงสนามบินสุราษฎร์ตรงเวลาเป๊ะ จากนั้นก็หารถไปท่าเรือ เราก็เห็นป้ายจุดบริการแท็คซี่เขียนไว้ว่า
บ้านดอน 500
ท่าเรือดอนสัก 1,600
ช่วงตอนนั้นกลุ่มเราเนื้อหอมมาก ทั้งแท็กซี่ทั้งทัวร์รุมจู่โจม จนเวียนหัวไปหมด มึนไปเลย
ประมาณว่า
พี่เค้าก็ถามว่า : “จะไปไหนกัน?”
เรา: ไปท่าเรือครับ จะไปเกาะเต่ากัน
พี่แท็กซี่ชี้ไปที่ป้าย : ท่าเรือดอนสัก 1,600 ครับน้อง
เรา : โหววววววววว 1,600 เลยหรอ
พี่เค้าก็บอกว่ามันไกลมากๆประมาณ 80 กิโลแหระ !$#@$%#%^$%&%*&

*)(0-.....ผบลาๆๆๆ
แล้วก็เร้าๆเราบอกว่าว่าน้องถ้าจะไปกันก็ต้องไปตอนนี้เลย เดี๋ยวก็ไม่มีรถแล้วนะ เรือก็จะหมดแล้ว เหลือรอบสุดท้ายแล้ว
ตอนนั้นว้าวุ่นมาก 1,600 หาร 5 ตกคนละ 3 ร้อยกว่าบาท ปาดเหงื่อเลย ไมแพงจังฟระ กลัวตังไม่พอ จขกท.เองก็เป็นคนจัดทริปด้วย เลยตัดสินใจบอกพี่แท็คซี่ ไปก็ไปครับ … ไปในเมืองก่อน พี่เค้าก็บอกว่าถ้าจะไปในเมืองน้องมี 2 ทางเลือก มีรถบัสคนละ 100 กับแท็กซี่ 500 เราก็ตกลงกับเพื่อนไปแท็กซี่ละกัน ของเยอะ ค่าก็เท่ากัน ระหว่างทางก็ทักแชทถามเพื่อนว่าจะไปท่าเรือนอนยังไง (โดยตอนนั้น จขกท. เข้าใจว่าเรือนอนต้องไปขึ้นที่ท่าเรือดอนสัก) เพื่อนก็บอกว่าท่าเรือนอนมันอยู่ในบ้านดอนนะ “ดีนะไม่เรียกแท็กซี่ไปท่าเรือดอนสัก” คิดในใจ น้ำตาจะไหล เมื่อถึงท่าเรือนอน ก็จะการซื้อตั๋ว
ในตั๋วเขียน 600 แต่เราซื้อมาในราคา 500 บาท
นี่ไงเรือที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยถึง เกือบ 7 ชั่วโมง เราก็จัดการซื้อตั๋ว เอาของไปเก็บที่เตียงก่อน
เข้ามาข้างในเป็นเตียง 2 ชั้น มีแอร์เย็น เรากับเพื่อนมากันเร็วหน่อยเลยได้นอนชั้นบนของเตียง ในเรือมีทั้งห้องน้ำและอาบน้ำครับ
เรือออกตั้งสี่ทุ่ม อีกสองชั่วโมงกว่าเรือจะออก เราก็ลงไปหาไรกินกันก่อน เรือนอนใช้เวลาเดินทางถึง 6-7 ชั่วโมง ต้องไปหาของกินตุนไว้กันด้วย
ห่างออกไปหน่อย นี่ครับตลาดศาลเจ้า ระยะทางไม่ไกลมาก พอเดินได้ ก็หาไรกินกัน เพื่อนข้าวหมกไก่น่ากินจัง จัดเลยๆ
ภาพไม่ค่อยสวยขออภัยด้วยครับ มันมืดแล้ว เดินไปถ่ายไป ปรับไรไม่ค่อยจะเป็น ==" ออกมาเลือนๆต้องขออภัยด้วยครับ
ตลาดนี้ของกินเยอะมากกกกกก ก็หาไรกินกันไปเรื่อย เพื่อนบอกข้าวหมกไก่น่ากินจัง ก็เลยจัดซะเลย อิอิ
อิ่มหน่ำสำราญกันแล้วก็หาเสบียงตุนไว้เผื่อหิวบนเรือระหว่างกลับเรือครับ
จากนั้นก็รีบๆ พลัดกันไปอาบน้ำ กลัวเดี๋ยวดึกคนจะเยอะ ขี้เกียจต่อคิว
Chapter III
24 มิถุนายน
เช้าแล้วววววววว วว
มองเห็นเกาะอยู่ไกลๆแล้ว ก็พลัดกันไปล้างหน้าแปรงฟัง
07:20 ถึงเกาะเต่า
พอถึงท่าเรือบนเกาะแล้วก็มองลงไปข้างล่าง โอ้โห น้ำทะเลใสสะอาดสมคำร่ำลือมากๆ ขนาดน้ำตรงท่าเรือยังใสอะไรขนาดนี้ มองลงไปข้างล่างเห็นฝูงปลาเลยทีเดียว
พอลงจากเรือ ช่วงเนื้อหอมอีกแล้ว ทั้งแท็กซี่คาร์ แท็กซี่โบ๊ท บลาๆๆ มารุม แต่เราคุยกันต้องแต่บนเรือแล้วว่า "ไม่ว่ายังไงเราก็จะรอ ร้านเช่ามอไซต์เปิดเท่านั้น" (ถามราคาแท็กซี่คาร์คือ 100บาท/คน 5 คนก็ 500 ไม่เอาๆ ยิ่งจนๆอยู่ 5555) พี่แท็กซี่ก็หวังดีเหลือเกินถามอยู่ได้ว่าจะไปไหนกัน มีที่พักกันยัง พักที่ไหน เดี๋ยวพี่ช่วยหา อยากพักแถวไหน หาดอะไร ชอบกิจกรรมแบบไหน ดำน้ำไหม !$$#@$#%$^&%&^**&*... บลาๆๆ
เราก็บอกกับพี่แท็กซี่ไปว่า “ผมจะรอร้านเช่ามอร์ไซต์เปิดครับ”
พี่แท็กซี่ : ร้านเปิด 9 โมง 10 โมงโน้นนะ
เรา : (ก้มมอง นาฬิกา เพิ่ง 07:30 เอาไงดีฟระ แท็กซี่คนล่ะ 100 ก็เตือนสติตัวเองว่า “จะรอร้านเช่ามอร์ไซต์” แสยะยิ้มแล้วบอกกับพี่แท็กซี่) ผมจะรอครับ …
เราห้าชีวิตก็ได้แต่รอ(ที่สามแยกอนุสาวรีย์เต่า) ผ่านไปใครมาก็บีบแตรถามว่าจะไปไหนกัน แท็กซี่ไหมน้อง ระหว่างที่รอก็เปิดแอฟพลิเคชั่นหาที่พักต่างๆนาๆ ช่วยๆกันหา จนเก้าโมง ก็เริ่มเดินหาร้านเช่ามอร์ไซต์ จนเจอร้านๆหนึ่งเปิดพอดี คันละ 200 ไม่มีมัดจำ (ตาวาวเลย) จัดสิครับรอไร เราเอา 2 คัน พี่เจ้าของร้านก็บอกว่า “ห้ามซ้อนสามนะน้อง เดี๋ยวตำรวจจับ เค้ามีตำรวจท่องเที่ยวคอยจับ คนที่ขับซ้อนสาม” เครียดอีกล่ะ มากัน 5 คน เอาไงดีฟระ มองไปถนน ก็ไม่มีใครซ้อนสามเลยด้วยดิ ปรึกษาเพื่อนๆ ได้ความว่าเอา 2 คันพอ ค่อยขับสองรอบเอา
จากนั้นก็เริ่มวอร์กอินหาที่พักกัน ได้แถวหาดทรายรี เราตกลงเอาที่ “นัท รีสอร์ท” กัน
ภายในห้องสำหรับ 3 คน เป็นเตียงเดี่ยวนะครับ (ห้องสองก็คล้ายๆกันแต่เป็นเตียงใหญ่)
ที่เราตกลงเอาที่ “นัท รีสอร์ท” กัน เพราะถูกที่สุดที่ไปถามมาแถวนั้นแล้ว ที่อื่นห้องถูกๆก็มีนะ แต่เต็มหมดแล้ว ก็เหลือที่นี่แหละ มองไปจากหน้ารีสอร์ทเห็นหาดเลย เราแยกเป็นสองห้อง ห้อง 2 คน กับห้องเตียงเดี่ยว 3 เตียง พัดลม(ยังคงคอนเซ็ปเน้นประหยัด) ห้องสองคนราคา 400 บาท/คืน ห้องสามคนราคา 700 บาท/คืน เช็คอินเสร็จก็แยกย้ายเข้าห้อง พักผ่อนตามอัธยาศัย เข้าห้องได้สักพักฝนตกเรย TT
ตกยาวยันเย็นเลย สี่โมงแล้ว นัดรวมตัวกันไปเดินเล่นริมหาดกันดีกว่า เริ่ม!!!
หาดไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ รู้สึกไม่วุ่นวายเหมาะสำหรับการพักผ่อนยิ่งนัก
ไม่มีไรทำก็พลัดกันถ่ายรูป
นัดเจอกันอีกที 20:00 ปาร์ตี้ไทม์ ฝรั่งเต็มเยย ก็เดินหาร้านนั้งจิบเบียร์
ในโซนผับยังไม่ค่อยมีคนเลย 55555 เรามาเป็นโต๊ะแรก
ตัดภาพไปหน้าร้านฝั่งหาด หูยยยยยย
แสงไฟสาดใส่น้ำทะเลบนหาดทราย
...เดี๋ยวมาต่อ Chapter IV นะครับ เป็นทัวร์รอบเกาะ ดำน้ำตื้น ^^...
[CR] #เที่ยวไหมนิสิต ตอน เกาะเต่าหน้าฝน ประสบการณ์รถไฟฟรี,รถไฟนอน,เรือนอน และเครื่องบินโปร
Prologue
ตั้งแต่ปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก็เห็นเพื่อนๆในเฟซบุ๊กอัพรูปเที่ยวทะเลกันเต็มหน้าฟีดไปหมด ก็เกิดกิเลสอยากไปบ้าง เห็นเพื่อนๆ(ในมอ)เช็คอินเกาะล้านบ้าง เสม็ดบ้าง(เสร็จกันไปบ้างรึป่าวก็ไม่รู้เนอะแฮะๆ) เป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยเสียส่วยใหญ่ เราชาวนิสิตก็เริ่มหาข้อมูลจากกระทู้รีวิวในพันทิปนี่แหละครับ ที่แรกที่เราคิดจะไปคือทะเลฝั่งอันดามันครับ เป็นทะเลจังหวัดตรังและกระบี่ หาวิธีการเดินทาง จัดทริป หาที่พัก อะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย เราตกลงกันว่าจะเดินทางในช่วงปลายเดือนมิถุนายนซึ่งในข่าวก็บอกว่ามรสุมจะเข้า แต่เพราะเป็นช่วงที่ราคาตั๋วเครื่องบินล่อตาล่อใจมาก และเพื่อให้ทุกคนเก็บเงินสำหรับใช้จ่ายในทริปด้วย พอถึงขั้นตอนติดต่อบริษัททัวร์ (ที่จัดทริปทัวร์ 4 เกาะ) เขาก็แจ้งกลับมาว่าในช่วง 1 มิถุนายน จนถึง 30 กันยายน ทะเลแถบนี้อุทยานจะสั่งปิดเพื่อให้ฟื้นฟูปะการังเปิดอีกทีก็ 1 ตุลาคม จะเลื่อนทริปก็นานไปแถมเปิดเทอมแล้วอีกต่างหาก เลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่แต่ตัวเลือกที่เหลือก็คงเป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยเท่านั้น เราก็เจอที่ที่หนึ่ง ที่ทะเลสวยงามไม่แพ้กัน ที่นั้นก็คือ อ ออ … “เกาะเต่า!!!!!”
ทีนี้ก็จัดการแพลนทริปใหม่หมด TT เริ่มจากการดูพยากรณ์อากาศ ก็พบว่าช่วงเวลาที่แดดมากที่สุดคือช่วงปลายๆเดือน มิถุนายน และเลือกเดินทางจากกรุงเทพไปสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 23 เหตุผลเพราะตรงกับวันพฤหัส ตั๋วเครื่องบินถูกดี แหะๆ
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นช่วง ฤดูฝน ช่วงมรสุมไปอี๊ก หลังจากตัดสินใจเลือกวันเดินทางและจองตั๋วเครื่องบิน พยากรณ์อากาศที่เคยดูไว้แล้ว ก็เปลี่ยนทุกวันเลยจ้า เราก็หวาดเสียวต้องคอยเปิดดูพยากรณ์อาการทุกๆวัน กลัวไปทะเลแต่ไม่ได้เล่นทะเลกัน ไปถึงแล้วพายุเข้า น้ำทะเลขุ่น ถ่ายรูปไม่สวย มโนกันไปต่างๆนาๆ
Chapter I พิษณุโลก – กรุงเทพ
วันที่ 22 มิถุนายน
เนื่องจากสถานศึกษาของเราตั้งอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก จขกท. จึงขอเริ่มจากพิษณุโลกเลยแล้วกัน โดยผู้ร่วมชะตากรรมของเรามีด้วยกัน 5 คน คนแรกอยู่ กทม. แล้ว กำลังเดินทางโดยรถไฟฟรี 2 คนในวันนี้ อีก 2 คนเดินทางโดยรถตู้ในวันถัดไป
เราเดินทางโดย รถไฟขบวนที่ 202 จากสถานีพิษณุโลก ปลายทางสถานีกรุงเทพ เวลาออกคือ 06:05 ถึงสถานีกรุงเทพ ตามเวลาในตั๋วคือ 14:05
เรามาถึงตั้งแต่ก่อนเวลารถเทียบในสถานีอีก จึงสามารถเดินเลือกที่นั้งตามชอบได้ ก็คำนวณว่าแดดจะเข้าฝั่งไหนตอนไหน แต่พอรถไฟออก ฝนก็ตกปรอยๆ ฟ้าครึ้มๆ ตลอดการเดินทาง
Chapter II กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี
23 มิถุนายน
นัดเจอกันที่ดอนเมืองตั้งแต่ 14.30 เราบินไฟท์ 16:20 ถึงสุราษฎร์ธานี 17:30 ระหว่างรอผ่านเกท จัดกรุ๊ปช๊อตไป(รูปที่ดีที่สุด) 1 รูป
โชคดีที่ได้นั้งติดหน้าต่างและได้ที่นั้งติดๆกันทั้ง 5 คนเลย ><
17.30 ก็ถึงสนามบินสุราษฎร์ตรงเวลาเป๊ะ จากนั้นก็หารถไปท่าเรือ เราก็เห็นป้ายจุดบริการแท็คซี่เขียนไว้ว่า
บ้านดอน 500
ท่าเรือดอนสัก 1,600
ช่วงตอนนั้นกลุ่มเราเนื้อหอมมาก ทั้งแท็กซี่ทั้งทัวร์รุมจู่โจม จนเวียนหัวไปหมด มึนไปเลย
ประมาณว่า
พี่เค้าก็ถามว่า : “จะไปไหนกัน?”
เรา: ไปท่าเรือครับ จะไปเกาะเต่ากัน
พี่แท็กซี่ชี้ไปที่ป้าย : ท่าเรือดอนสัก 1,600 ครับน้อง
เรา : โหววววววววว 1,600 เลยหรอ
พี่เค้าก็บอกว่ามันไกลมากๆประมาณ 80 กิโลแหระ !$#@$%#%^$%&%*&
แล้วก็เร้าๆเราบอกว่าว่าน้องถ้าจะไปกันก็ต้องไปตอนนี้เลย เดี๋ยวก็ไม่มีรถแล้วนะ เรือก็จะหมดแล้ว เหลือรอบสุดท้ายแล้ว
ตอนนั้นว้าวุ่นมาก 1,600 หาร 5 ตกคนละ 3 ร้อยกว่าบาท ปาดเหงื่อเลย ไมแพงจังฟระ กลัวตังไม่พอ จขกท.เองก็เป็นคนจัดทริปด้วย เลยตัดสินใจบอกพี่แท็คซี่ ไปก็ไปครับ … ไปในเมืองก่อน พี่เค้าก็บอกว่าถ้าจะไปในเมืองน้องมี 2 ทางเลือก มีรถบัสคนละ 100 กับแท็กซี่ 500 เราก็ตกลงกับเพื่อนไปแท็กซี่ละกัน ของเยอะ ค่าก็เท่ากัน ระหว่างทางก็ทักแชทถามเพื่อนว่าจะไปท่าเรือนอนยังไง (โดยตอนนั้น จขกท. เข้าใจว่าเรือนอนต้องไปขึ้นที่ท่าเรือดอนสัก) เพื่อนก็บอกว่าท่าเรือนอนมันอยู่ในบ้านดอนนะ “ดีนะไม่เรียกแท็กซี่ไปท่าเรือดอนสัก” คิดในใจ น้ำตาจะไหล เมื่อถึงท่าเรือนอน ก็จะการซื้อตั๋ว
ในตั๋วเขียน 600 แต่เราซื้อมาในราคา 500 บาท
นี่ไงเรือที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยถึง เกือบ 7 ชั่วโมง เราก็จัดการซื้อตั๋ว เอาของไปเก็บที่เตียงก่อน
เข้ามาข้างในเป็นเตียง 2 ชั้น มีแอร์เย็น เรากับเพื่อนมากันเร็วหน่อยเลยได้นอนชั้นบนของเตียง ในเรือมีทั้งห้องน้ำและอาบน้ำครับ
เรือออกตั้งสี่ทุ่ม อีกสองชั่วโมงกว่าเรือจะออก เราก็ลงไปหาไรกินกันก่อน เรือนอนใช้เวลาเดินทางถึง 6-7 ชั่วโมง ต้องไปหาของกินตุนไว้กันด้วย
ห่างออกไปหน่อย นี่ครับตลาดศาลเจ้า ระยะทางไม่ไกลมาก พอเดินได้ ก็หาไรกินกัน เพื่อนข้าวหมกไก่น่ากินจัง จัดเลยๆ
ภาพไม่ค่อยสวยขออภัยด้วยครับ มันมืดแล้ว เดินไปถ่ายไป ปรับไรไม่ค่อยจะเป็น ==" ออกมาเลือนๆต้องขออภัยด้วยครับ
ตลาดนี้ของกินเยอะมากกกกกก ก็หาไรกินกันไปเรื่อย เพื่อนบอกข้าวหมกไก่น่ากินจัง ก็เลยจัดซะเลย อิอิ
อิ่มหน่ำสำราญกันแล้วก็หาเสบียงตุนไว้เผื่อหิวบนเรือระหว่างกลับเรือครับ
จากนั้นก็รีบๆ พลัดกันไปอาบน้ำ กลัวเดี๋ยวดึกคนจะเยอะ ขี้เกียจต่อคิว
Chapter III
24 มิถุนายน
เช้าแล้วววววววว วว
มองเห็นเกาะอยู่ไกลๆแล้ว ก็พลัดกันไปล้างหน้าแปรงฟัง
07:20 ถึงเกาะเต่า
พอถึงท่าเรือบนเกาะแล้วก็มองลงไปข้างล่าง โอ้โห น้ำทะเลใสสะอาดสมคำร่ำลือมากๆ ขนาดน้ำตรงท่าเรือยังใสอะไรขนาดนี้ มองลงไปข้างล่างเห็นฝูงปลาเลยทีเดียว
พอลงจากเรือ ช่วงเนื้อหอมอีกแล้ว ทั้งแท็กซี่คาร์ แท็กซี่โบ๊ท บลาๆๆ มารุม แต่เราคุยกันต้องแต่บนเรือแล้วว่า "ไม่ว่ายังไงเราก็จะรอ ร้านเช่ามอไซต์เปิดเท่านั้น" (ถามราคาแท็กซี่คาร์คือ 100บาท/คน 5 คนก็ 500 ไม่เอาๆ ยิ่งจนๆอยู่ 5555) พี่แท็กซี่ก็หวังดีเหลือเกินถามอยู่ได้ว่าจะไปไหนกัน มีที่พักกันยัง พักที่ไหน เดี๋ยวพี่ช่วยหา อยากพักแถวไหน หาดอะไร ชอบกิจกรรมแบบไหน ดำน้ำไหม !$$#@$#%$^&%&^**&*... บลาๆๆ
เราก็บอกกับพี่แท็กซี่ไปว่า “ผมจะรอร้านเช่ามอร์ไซต์เปิดครับ”
พี่แท็กซี่ : ร้านเปิด 9 โมง 10 โมงโน้นนะ
เรา : (ก้มมอง นาฬิกา เพิ่ง 07:30 เอาไงดีฟระ แท็กซี่คนล่ะ 100 ก็เตือนสติตัวเองว่า “จะรอร้านเช่ามอร์ไซต์” แสยะยิ้มแล้วบอกกับพี่แท็กซี่) ผมจะรอครับ …
เราห้าชีวิตก็ได้แต่รอ(ที่สามแยกอนุสาวรีย์เต่า) ผ่านไปใครมาก็บีบแตรถามว่าจะไปไหนกัน แท็กซี่ไหมน้อง ระหว่างที่รอก็เปิดแอฟพลิเคชั่นหาที่พักต่างๆนาๆ ช่วยๆกันหา จนเก้าโมง ก็เริ่มเดินหาร้านเช่ามอร์ไซต์ จนเจอร้านๆหนึ่งเปิดพอดี คันละ 200 ไม่มีมัดจำ (ตาวาวเลย) จัดสิครับรอไร เราเอา 2 คัน พี่เจ้าของร้านก็บอกว่า “ห้ามซ้อนสามนะน้อง เดี๋ยวตำรวจจับ เค้ามีตำรวจท่องเที่ยวคอยจับ คนที่ขับซ้อนสาม” เครียดอีกล่ะ มากัน 5 คน เอาไงดีฟระ มองไปถนน ก็ไม่มีใครซ้อนสามเลยด้วยดิ ปรึกษาเพื่อนๆ ได้ความว่าเอา 2 คันพอ ค่อยขับสองรอบเอา
จากนั้นก็เริ่มวอร์กอินหาที่พักกัน ได้แถวหาดทรายรี เราตกลงเอาที่ “นัท รีสอร์ท” กัน
ภายในห้องสำหรับ 3 คน เป็นเตียงเดี่ยวนะครับ (ห้องสองก็คล้ายๆกันแต่เป็นเตียงใหญ่)
ที่เราตกลงเอาที่ “นัท รีสอร์ท” กัน เพราะถูกที่สุดที่ไปถามมาแถวนั้นแล้ว ที่อื่นห้องถูกๆก็มีนะ แต่เต็มหมดแล้ว ก็เหลือที่นี่แหละ มองไปจากหน้ารีสอร์ทเห็นหาดเลย เราแยกเป็นสองห้อง ห้อง 2 คน กับห้องเตียงเดี่ยว 3 เตียง พัดลม(ยังคงคอนเซ็ปเน้นประหยัด) ห้องสองคนราคา 400 บาท/คืน ห้องสามคนราคา 700 บาท/คืน เช็คอินเสร็จก็แยกย้ายเข้าห้อง พักผ่อนตามอัธยาศัย เข้าห้องได้สักพักฝนตกเรย TT
ตกยาวยันเย็นเลย สี่โมงแล้ว นัดรวมตัวกันไปเดินเล่นริมหาดกันดีกว่า เริ่ม!!!
หาดไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ รู้สึกไม่วุ่นวายเหมาะสำหรับการพักผ่อนยิ่งนัก
ไม่มีไรทำก็พลัดกันถ่ายรูป
นัดเจอกันอีกที 20:00 ปาร์ตี้ไทม์ ฝรั่งเต็มเยย ก็เดินหาร้านนั้งจิบเบียร์
ในโซนผับยังไม่ค่อยมีคนเลย 55555 เรามาเป็นโต๊ะแรก
ตัดภาพไปหน้าร้านฝั่งหาด หูยยยยยย
แสงไฟสาดใส่น้ำทะเลบนหาดทราย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น