รัฐบาลอังกฤษไม่รับคำร้องให้จัดลงประชามติเรื่องแยกตัวจากอียูรอบสอง
รัฐบาลอังกฤษไม่รับคำร้องที่มีผู้ร่วมเข้าชื่อทางออนไลน์กว่า 4.1 ล้านคนให้มีการจัดลงประชามติรอบที่ 2 เพื่อตัดสินว่า สหราชอาณาจักรจะถอนตัวหรืออยู่เป็นสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ต่อไป โดยรัฐบาลชี้ว่า จะต้องเคารพผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา และตอนนี้ประเทศจะต้องเตรียมตัวเข้ากระบวนการแยกตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการ
อีเมลที่รัฐบาลมีถึงกลุ่มผู้ร่วมลงนามในคำร้องออนไลน์ ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอังกฤษมีความเห็นชัดเจนว่าผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.เป็นกิจกรรมทางประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์อังกฤษ โดยมีผู้ร่วมออกเสียงกว่า 33 ล้านคน ดังนั้นจึงต้องเคารพผลการตัดสินใจดังกล่าว
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ แสดงความเห็นระหว่างร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มนาโต ในโปแลนด์ ว่า สหราชอาณาจักรจะต้องถอนตัวออกจากกลุ่มอียูอย่างแน่นอนแล้ว แม้ว่าหลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่าอาจมีการพลิกผลการลงประชามติดังกล่าวก็ตาม
ทั้งนี้ การลงประชามติเมื่อเดือนก่อน ประชาชนในสหราชอาณาจักร 17.4 ล้านคน หรือ 51.9% ต้องการให้ประเทศแยกตัวจากอียู ส่วนอีก 16.1 ล้านคน หรือ 48.1% ต้องการให้เป็นสมาชิกต่อไป ขณะที่ตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิ์อยู่ที่ 72.2%
ด้านกลุ่มผู้ผลักดันคำร้องครั้งนี้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ระเบียบที่กำหนดให้จัดการลงประชามติรอบที่ 2 หากการลงมติรอบแรกมีผู้ลงคะแนนให้ประเทศแยกตัวออกจากอียูไม่ถึง 60% และมียอดผู้ออกไปใช้สิทธิ์ต่ำกว่า 75% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชี้ว่า กฎหมายการลงประชามติอียูที่ได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือน ธ.ค.ปีก่อนนั้น ไม่ได้ระบุถึงเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้ออกมาใช้สิทธิ์และจำนวนของคะแนนเสียงข้างมาก
ชัดเจน รัฐบาลอังกฤษไม่รับคำร้องให้จัดลงประชามติเรื่องแยกตัวจากอียูรอบสอง
รัฐบาลอังกฤษไม่รับคำร้องที่มีผู้ร่วมเข้าชื่อทางออนไลน์กว่า 4.1 ล้านคนให้มีการจัดลงประชามติรอบที่ 2 เพื่อตัดสินว่า สหราชอาณาจักรจะถอนตัวหรืออยู่เป็นสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ต่อไป โดยรัฐบาลชี้ว่า จะต้องเคารพผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา และตอนนี้ประเทศจะต้องเตรียมตัวเข้ากระบวนการแยกตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการ
อีเมลที่รัฐบาลมีถึงกลุ่มผู้ร่วมลงนามในคำร้องออนไลน์ ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอังกฤษมีความเห็นชัดเจนว่าผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.เป็นกิจกรรมทางประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์อังกฤษ โดยมีผู้ร่วมออกเสียงกว่า 33 ล้านคน ดังนั้นจึงต้องเคารพผลการตัดสินใจดังกล่าว
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ แสดงความเห็นระหว่างร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มนาโต ในโปแลนด์ ว่า สหราชอาณาจักรจะต้องถอนตัวออกจากกลุ่มอียูอย่างแน่นอนแล้ว แม้ว่าหลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่าอาจมีการพลิกผลการลงประชามติดังกล่าวก็ตาม
ทั้งนี้ การลงประชามติเมื่อเดือนก่อน ประชาชนในสหราชอาณาจักร 17.4 ล้านคน หรือ 51.9% ต้องการให้ประเทศแยกตัวจากอียู ส่วนอีก 16.1 ล้านคน หรือ 48.1% ต้องการให้เป็นสมาชิกต่อไป ขณะที่ตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิ์อยู่ที่ 72.2%
ด้านกลุ่มผู้ผลักดันคำร้องครั้งนี้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ระเบียบที่กำหนดให้จัดการลงประชามติรอบที่ 2 หากการลงมติรอบแรกมีผู้ลงคะแนนให้ประเทศแยกตัวออกจากอียูไม่ถึง 60% และมียอดผู้ออกไปใช้สิทธิ์ต่ำกว่า 75% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชี้ว่า กฎหมายการลงประชามติอียูที่ได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือน ธ.ค.ปีก่อนนั้น ไม่ได้ระบุถึงเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้ออกมาใช้สิทธิ์และจำนวนของคะแนนเสียงข้างมาก