นักเตะเก่งๆ โลกนี้ก็มีหลายคน แต่ทำไมมาราโดน่าจึงถูกยกให้เก่งที่สุดในโลกฟุตบอลฮะ

กลับไปอ่านกระทู้เก่าๆ

ไม่ว่าใคร ปีไหน สมัยไหน เก่ากึ๊ก หรือปัจจุบันแค่ไหน เก่งขนาดไหน ยิงเยอะ เลี้ยงเก่ง ได้แชมป์มามาก ก็ไม่มีใครถูกยกย่องเทียบเท่ามาราโดน่าได้เลย จนผมอ่านๆไป เหมือนถูกอุปทานหมู่เข้าครอบงำ

ทำไม ผู้คนถึงได้ยกย่องดีเอโก้ มาราโดน่ามากมายขนาดนั้นฮะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
เพราะ "ฝีเท้า" และ สิ่งที่เสือเตี้ยได้แสดงให้เห็นและฝากเอาไว้ในสนามทั้ง ระดับสโมสรและระดับชาติ ไง

ถ้าพูดถึงเรื่องสถิติ ยิงประตู แอสซิสต์ หรือถ้วยแชมป์ระดับสโมสร หรือระดับชาติ

มีนักเตะคนอื่น ที่มีสถิติดีกว่า ทั้งการยิงประตู ทั้งสถิติแอสซิสต์ หรือมีแชมป์ระดับสโมสร และระดับชาติ เยอะกว่าเสือเตี้ย

แต่ทำไม  เสือเตี้ย ถึงได้ถูกยกย่องให้เป็น "นักเตะที่เก่งที่สุด ดีที่สุดตลอดกาล" ควบคู่ไปกับเปเล่ หรือบางที อาจมีคนยกเปเล่เหนือกว่า เสือเตี้ยเหนือกว่า ก็ยังถกเถียงกันอยู่ และคงถกเถียงกันต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด

เพราะสิ่งที่มาราโดน่า ทำให้คนดูเห็น แฟนบอลเห็น (คนที่ทันดูมาราโดน่าเล่นจริงๆ) และโลกฟุตบอล เห็นไง

อิมแพค ที่มาราโดน่า สร้างไม่ได้มีผลแต่กับเพื่อนร่วมทีม ทีมตัวเองอย่างเดียว  มันมีผลไปกับคู่แข่งฝั่งตรงข้ามด้วย ยามมีกับไม่มี มาราโดน่า ทีมๆนั้นจะเปลี่ยนทันที ไม่ว่าจะเป็นในระดับสโมสรหรือทีมชาติ

ระดับสโมสร  ตอนอยู่อาเจนขอข้ามไปเลยแล้วกัน(เพราะมาราโดน่าในอาเจน ตอนค้าแข้งช่วงวัยรุ่น ทั้ังตอนอยู่ อาเจนติโนส หรือ โบคาร์  ก็เป็นระดับสตาร์หรือตัวความหวังสูงสุดของประเทศในตอนนั้นไปแล้ว พูดง่ายๆ เทพมาตั้งแต่เด็กๆเลย)

มาราโดน่า เคยอยู่ในทีมที่ดี ถือว่าเป็นทีมใหญ่ หรือมีชื่อหน่อย นับเอาแค่ตอนค้าแข้งในยุโรปแล้วกัน
แค่ บาเซโลน่า ทีมเดียวเท่านั้น และก็อยู่กับบาซ่า แค่สองปี ก็ย้าย(บาซ่าตอนนั้น อย่าเอามาเทียบกับบาซ่ายุคนี้เลย บาซ่าในตอนที่มาราโดน่าอยู่ ไม่ได้มีผู้เล่นดีๆ ซุปเปอร์สตาร์ล้นทีม หรือเป็นทีมชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร คว้าแชมป์มากมาย เหมือนตอนนี้ หรือตอนยุคเป๊บ กวาดิโอล่า)เอาง่ายๆ บาซ่าตอนที่มีมาราโดน่า มีแค่ แบรน ชูสเตอร์คนเดียวมั้ง ที่พอรู้จักคุ้นชื่อคุ้นหูหน่อย นอกนั้นก็เป็นนักเตะสเปนซะส่วนใหญ่

พอย้ายมานาโปลี(นาโปลีในตอนนั้น ถือว่าเป็นทีมระดับธรรมดาของลีก  ผลงานในลีกไม่ได้ดีเด่อะไรเลย สองฤดูกาลก่อนหน้าที่มาราโดน่าจะมา ยังเป็นทีมระดับกลางๆค่อนไปทางล่างของลีกอยู่เลย)แต่พอได้มาราโดน่าเข้ามาเท่านั้นแหละ  จากทีมที่ไม่ได้ลุ้นแชมป์ ก็ค่อยๆยกระดับ ทำผลงานได้ดีขึ้น จากหน้ามือเป็นหลังมือ(คือไม่ได้หมายความว่า พอมาราโดน่าเข้ามาแล้วทีมจะเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือทันที ลุ้นแชมป์ได้เลย อะไรขนาดนั้น มาราโดน่าก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่ได้เทพอะไรขนาดที่จะบันดาลให้ทีมเป็นแชมป์ได้ทันทีทันใด ยิ่งองค์ประกอบทีมไม่ได้เอื้อขนาดนั้น ตัวผู้เล่น ระดับทีมก็เป็นรองทีมใหญ่ๆในกัลโช่สมัยนั้นพอสมควร   แต่การที่ นาโปลี ในยุคนั้น ได้มาราโดน่าเข้ามา มันกลายเป็น การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างแท้จริง นาโปลีที่มีมาราโดน่า ค่อยๆกลายเป็นทีมจากระดับกลางๆ ก็ค่อยๆทำผลงานอัพขึ้นมา กลายเป็นทีมที่มาขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ ทีมระดับใหญ่ๆ ในกัลโช่ สมัยนั้น ที่มีผู้เล่นดีๆ สตาร์คับคั่งในทีม อย่างพวก ยูเวนตุส เอซีมิลาน อินเตอร์มิลาน ฟิออเรนติน่า เวโรน่า โรม่า ซามโดเรีย สมัยนั้นได้อย่างสูสี และสุดท้ายก็คว้าแชมป์ลีก และบอลถ้วยมาได้ในที่สุด ในยุคของมาราโดน่า ถือว่านาโปลี สมัยนั้นประสบความสำเร็จที่สุดแล้ว(ปีหลังๆ นักเตะคนอื่นที่ย้ายมาใหม่ ก็มีส่วนช่วยให้ นาโปลีดีขึ้นเหมือนกัน กาเรก้า เฟนันโด เด นาโปลี บรูโน่ จิออดาโน่ เป็นต้น)ส่วน เซบีญ่า นีเวล โอลบอย โบคาร์จูเนียร์รอบสอง นี่ก็เป็นปลายอาชีพค้าแข้งของเสือเตี้ยแกแล้ว

ในระดับชาติ  อาเจนติน่าชุดบอลโลกปี86-90 ถ้าไม่มีมาราโดน่า ไม่ถึงแชมป์หรือเข้าถึงรอบชิงแน่นอน กล้าพูดเลย
ยิ่งปี86 ยิ่งเห็นความสามารถของมาราโดน่า ได้เป็นอย่างดี เป็นทัวนาเมนต์ที่รวมสุดยอดเพลเมกเกอร์และสตาร์ของชาติต่างๆในยุคนั้นไว้อย่างแท้จริง และในแต่ละนัดของทัวนาเมนต์  มาราโดน่า ถึงไม่ยิง แต่ก็จ่ายให้เพื่อนยิงได้ มีส่วนร่วมกับประตูที่ได้ของอาเจน แทบจะทุกลูกในทัวนาเมนต์นั้น แล้วประตูสำคัญๆ ตัดสินเป็นตาย ของทีม มาราโดน่าก็มักเป็นคนทำซะส่วนใหญ่ในบอลโลกปีนั้น ทั้งตอนตีเสมออิตาลี  ยิงชนะอังกฤษ(ทั้งแฮนด์ออฟก๊อด ทั้งโซโล่คนเดียวครึ่งสนาม แบบไม่มีใครหยุดอยู่ ในเกมระดับทีมชาติ) ยิงเหมาคนเดียวพาทีมชนะเบลเยี่ยมจนเข้ารอบชิง และสุดท้าย ตอนโมเมนตั้มกำลังกลับเข้าทางเยอรมันตะวันตก มาราโดน่าก็เป็นคนจ่ายคิลเลอร์พาสให้เบอรูชาก้าเข้าไปยิงแบบหลุดเดี่ยว จนทีมได้แชมป์โลกในที่สุด  ทัวนาเมนต์นี้ กล้าพูดได้เลย ไม่มีมาราโดน่า จอดตั้งแต่เจออังกฤษแล้ว(เพราะไม่มีเสือเตี้ยทำประตูให้)

มาปี 90 ยิ่งตอกย้ำ และพิสูจน์ให้เห็นว่า มาราโดน่าสำคัญกับอาเจนมากแค่ไหน นักเตะหลายๆคนในทีมชุดเดิมจากปี86 บางคนก็เลิกเล่นไปแล้ว ส่วนคนที่ยังเล่นอยู่ ก็ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดของอาชีพค้าแข้งกันไปแล้ว เสือเตี้ยปีนั้นก็อายุสามสิบแล้ว สภาพร่างกายก็ไม่ได้สด สมบูรณ์เหมือนสี่ปีที่แล้ว(ไหนจะเรื่อง วินัยของแกอีก แกก็ไม่ได้มีวินัยของนักฟุตบอลเท่าไรอยู่แล้ว เรื่องเล่นยาของแกหลังจากนี้อีก) อาเจนมาทัวนาเมนต์ปี90 นี้ สภาพทีมและฟอร์มก็อย่างที่เห็น อาจไม่ได้เล่นสวยงาม ทำเกมเหนือคู่แข่ง อาจต่อบอลลื่นไหลไม่เท่าปี86 แต่ก็ยังผ่านเข้ารอบมาได้แบบหืดขึ้น กระท่อนกระแท่นมาตลอด เกมเจอกับบราซิล ก็เป็นมาราโดน่านี่แหละ ที่ทำให้ทั้งโลกเห็น ว่าแกยอดเยี่ยมขนาดไหน ขอเพียงโอกาสแค่เล็กน้อย หรือครั้งเดียวเท่านั้น ที่บราซิลพลาด  ก็เสร็จเสือเตี้ยแกเลย ลากบอลลุยหนีผู้เล่นบราซิลไปก่อนทีละคน และกระชากดึงตัวผู้เล่นบราซิลให้เข้ามารุมตัวเองสามสี่คน จนจ่ายคิลเลอร์พาสไปให้ คานิกเกียคู่บุญแก หลุดเดี่ยว ลากเข้าไปล็อกหลบโกลเข้าไปยิงอย่างสวยงาม ส่งบราซิลตกรอบไปแบบเจ็บช้ำสุดๆ(ทั้งเกมเป็นฝ่ายกด ฝ่ายขึง อาเจนไว้ตลอด แต่พลาดแค่จังหวะเดียวเท่านั้นจริงๆ สำหรับบราซิล) แล้วก็ผ่าน ยูโกสลาเวีย กับอิตาลี  ยิ่งเกมกับอิตาลี เจอเจ้าภาพ แล้วนักเตะอิตาลีชุดนั้นแต่ละคนก็ระดับดารากัลโช่ยุคนั้นทั้งนั้น บาเรซี่ แบโกมี่ มัลดินี่ โดนาโดนี่ เด นาโปลี วิอัลลี่ สกิลลาชี่ บาจโจ้ เซงก้า พวกนี้ อาเจนผ่านมาได้ก็แทบลากเลือดแล้ว แบบต้องให้เครดิต กอยโคเชียจริงๆ ทั้งเกมเจอยูโก และอิตาลี  เซฟจุดโทษให้ทีมได้จนทีมชนะเข้าไปชิงกับเยอรมัน แบบสภาพทีมนักเตะทั้งเจ็บทั้งติดแบน อาเจนนัดชิง ที่ไม่มีทั้ง คานิกเกีย กองหน้าที่ฟอร์มดีที่สุดของอาเจนในทัวนาเมนต์นี้ ตัวรับอย่าง บาติสต้า แถมมาราโดน่าก็ยังมีอาการบาดเจ็บอีก ก็พ่ายจุดโทษโทนของเยอรมันตะวันตกไปในที่สุด

ปี94 ปีสุดท้ายของมาราโดน่า สังขารก็ถือว่ามาประคอง เจนเนอเรชั่นใหม่ๆ แล้วล่ะ ตัวผู้เล่นชุดนี้ดีกว่าปีก่อนอีกๆ มีทั้ง บาติสตูต้า(ที่เพิ่งขึ้นมาใหม่ๆ) เรดอนโด้ ซิเมโอเน่ คานิกเกีย ออเตก้า อเบล บัลโบ(อาเจนชุดนี้ เพิ่งคว้าแชมป์โคปา มาได้สองปีซ้อนก่อนหน้า บอลโลกปี94) อาเจนติน่าที่มี กับ ไม่มีมาราโดน่า  ก็อย่างที่เห็น สองเกมแรกที่มีมาราโดน่าชนะใสๆ สบายๆ จนมาราโดน่าโดนตรวจโด๊ปแล้วโดนแบน อดเล่นนั่นแหละ  อาเจนชุดนี้ ที่ไม่มีมาราโดน่า เป็นผู้นำทัพ นัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มก็แพ้บัลกาเรีย(ของสตอยคอฟ)ไปแต่ยังดีที่คะแนนวัดอันดับสามเข้ารอบ อาเจนชนะมาได้สองนัดแรก เพียงพอจะเข้ารอบได้ พอเข้ารอบ16ทีม มาเจอ โรมาเนีย(ของจอจี้ ฮาจี้) ก็พ่ายไปอย่างเจ็บช้ำ ตกรอบไปในที่สุด แบบพลิกล็อคจริงๆ

คือถ้าทันดูเสือเตี้ยแกเล่น หรือได้ดูแกเล่นจริงๆ แกมีครบหมด ทั้งหัวจิตหัวใจไม่ยอมแพ้ ความเป็นผู้นำ ความเป็นจอมทัพของทีม เทคนิค สกิล ทักษะ ความเขี้ยว เจ้าเล่ห์ในการเล่น คือครบจริงๆ

ใครบอกแกเล่นบอลชายเดี่ยวข้ามาคนเดียว อาจใช่บางครั้ง แกโซโล่ได้แกโซโล่เลยไปคนเดียว ลากทีหลุดเป็นแผงๆ หยุดไม่อยู่ หยุดอยู่ยากนอกจากทำฟาวล์ แล้วเล่นสไตล์นี้ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น จนขาหัก(แต่ไม่เข็ด) ก็ยังเล่นสไตล์เดิม ลากเลี้ยงให้คนมารุมเตะ เหมือนเดิมจนเลิกเล่น หัวจิตหัวใจแกต้องให้จริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าเอะอะเสือเตี้ยแกเอาแต่เลี้ยงอย่างเดียว จังหวะเล่นง่ายๆ เพื่อทีม เพื่อนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า แกส่งเสมอ ไม่ได้ฝืนแต่จะไปเองคนเดียว จังหวะชิ่งหนึ่งสอง เพื่อนฝากบอลไว้ แกส่งกลับให้ตลอดถ้ามีช่อง บางครั้งส่งคิลเลอร์พาสทะลุหลุดไปเลยก็มี แล้วสกิลลูกเล่นหลอกล่อต่างๆ แกมีหมด ทั้งสกิลหลอกล่อตอนเลี้ยงบอล โยกหลบ ขยับหลอกแล้วไปอีกทาง แตะลอดขา กระดกบอลข้ามหัว สปิ้นบอลข้ามตัว(แบบเบิร์กแคมทำ) ไขว้ขาหลอกตอกส้นหลบผู้เล่น สกิลจ่ายบอล ปั่นไซร้ โป้ง ก้อย ได้หมดทุกระยะ แถมบอลติดสปินเด้งกลับเข้าหาตัวเพื่อนๆอีก กระดกบอลข้ามหัวโอเวอเฮดคิ้กส่งให้เพื่อนทำประตูนี่ก็มี พักอกแล้วโอเวอเฮ้ดให้เพื่อนก็ได้  แถมมีลูกไขว้ขาเปิดครอสจากข้างสนาม กลางสนามมาอีก คือแกจ่ายได้หมดทุกแบบน่ะ

ไหนจะความเขี้ยว เจ้าเล่ห์ในการเล่นของเสือเตี้ยแกอีก ลากบอลให้คู่แข่งเข้ามารุมหลายๆคน แล้วค่อยจ่ายส่งไปให้เพื่อนที่อยู่ที่ดีกว่า ครองบอลไว้กับตัวเพื่อเรียกฟาวล์ จังหวะกระชากโซโล่ไปแล้ว เห็นไม่ได้เปรียบก็รอคู่แข่งเข้ามาเตะเข้ามาหยุดเอาฟาวล์ เป็นต้น

คือที่บอกมาทั้งหมดทั้งมวล แค่อยากบอกว่า มาราโดน่า ไม่ว่าจะในระดับสโมสรหรือทีมชาติ ฟอร์มการเล่น การนำทีมที่เขาอยู่ สู้กับคู่แข่งต่างๆ ไม่ได้ต่างกันเลย (ไม่เคยมีใครตั้งข้อสงสัย เรื่องฟอร์มการเล่นของมาราโดน่า ในระดับสโมสรกับทีมชาติ ว่าต่างกันอย่างไร เพราะมันไม่มีอะไรให้สงสัยอยู่แล้ว กับผลงานของเสือเตี้ยแกเอง)

แล้วระดับทีมที่เสือเตี้ยแกเล่น แกอยู่ ก็ไม่ใช่ทีมที่มีสตาร์คับคั่ง มีแข้งฝีเท้าเบอร์ต้นๆของโลกอยู่ในทีม ที่ช่วยซับพอร์ตแกหรือทำให้เล่นง่ายขึ้น ได้เปรียบคู่แข่งมากขึ้น ไล่ตบๆเอาทั้งในระดับสโมสร หรือทีมชาติ

บาซ่า(ยุคมาราโดน่า ยิ่งไม่ใช่ใหญ่)มีแค่แบรน ชูสเตอร์คนเดียวเองที่คุ้นชื่อคุ้นหูหน่อย
นาโปลี(ช่วงสองสามปีแรก นี่มีแต่มาราโดน่ากับผู้เล่นเก่าๆ และดาวรุ่งที่รอฉายแสง ช่วยกันพาทีมสู้กับทีมใหญ่ๆอื่นๆในลีก จนมาคว้าแชมป์ครั้งแรก และต่อมาในปีหลังๆ ถึงมี ผู้เล่นฝีเท้าดีคนอื่นๆ อย่าง กาเรก้า อเลเมา เด นาโปลี พวกนี้ เข้ามาช่วยแบ่งเบา มาราโดน่า มากขึ้นนั่นแหละ)

ระดับชาติ  เพื่อนร่วมทีมอาเจน ก่อนบอลโลกปี86 พวก ออสก้า รุจเจอรี่ โฮเซ่ หลุยบราวน์ บาติสต้า เบอรูชาก้า วัลดาโน่ พวกนี้ก็เป็นนักเตะที่ไม่ได้มีชื่อเสียง หรือเป็นเบอร์ต้นๆของระดับโลกในตอนนั้น พอจบบอลโลก อาเจนได้แชมป์นั่นแหละ ถึงได้มีชื่อขึ้นมาหน่อยสำหรับบางคน แต่ก็ไม่ได้มีฝีเท้าเป็นระดับโลกอยู่ดี มีแค่บัลดาโน่ คนเดียวเอง ที่ได้ไปเล่นให้มาดริดและมีแชมป์สโมสรติดไม้ติดมือบ้าง

ปี90 ก็มี คานิกเกีย ที่ขึ้นมาเป็นคู่ขา คู่บุญเสือเตี้ยแก

การที่ มาราโดน่า พาทีมระดับธรรมดาๆ อย่างนาโปลี  ขึ้นมาต่อสู้แย่งแชมป์กับทีมยักษ์ใหญ่ของกัลโช่ในสมัยนั้นได้(ยุคที่ถือว่าเป็นยุคทองของกัลโช่ และบอลอิตาลี) แถมได้แชมป์ทั้งบอลลีก บอลถ้วยในประเทศ และแชมป์ยูฟ่า ด้วยนั้นไม่ธรรมดาๆแน่ๆ

และพาอาเจนติน่า ที่มีสตาร์ และผู้เล่น ที่ไม่ได้มีชื่อและฝีเท้าที่ดีไปกว่าชาติอื่นๆ ในยุคนั้นอย่าง บราซิล ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ ฮอลแลนด์ เยอรมันตะวันตก พวกนี้ คว้าแชมป์โลกและรองแชมป์ได้ นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์การันตีฝีเท้าและฝีมือเสือเตี้ยแกดีแล้ว

มาราโดน่า ไม่ว่าจะระดับสโมสร หรือระดับชาติ เจอนักเตะ ทีมคู่แข่ง ที่มีทีมที่ดีที่เหนือกว่า ระดับผู้เล่นฝีเท้าดีๆ ที่เหนือกว่า มานับไม่ถ้วน ไม่ว่าสถานการณ์ทีมจะตกเป็นรองแค่ไหน หรือกดดันเพียงใด ขอแค่มีมาราโดน่าในทีม ผู้เล่นและเพื่อนร่วมทีม แฟนบอล ต่างลุ้นเอาใจช่วยได้ตลอด ถ้ายังไม่หมดเวลา ขอแค่มีมาราโดน่าในสนามอยู่ อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ

มันต่างจากการ ที่เราอยู่ในทีมที่มีแต่ ผู้เล่นดีๆ สตาร์ระดับโลกในตำแหน่งต่างๆ คอยช่วย ซับพอร์ต คอยช่วยแบ่งเบาทุกตำแหน่งในทีม การที่เราอยู่ในทีมที่เสียเปรียบกว่า มีผู้เล่นที่ด้อยกว่า แล้วสามารถชนะทีมที่เหนือกว่า แข็งแกร่งกว่าได้ แล้วคว้าแชมป์มาได้นี่แหละ เป็นบทพิสูจน์ฝีเท้าได้เป็นอย่างดีเลย ทั้งความกดดันจากกองเชียร์ เพื่อนร่วมทีม โค้ช ผู้จัดการทีม คู่แข่งที่เราต้องเจอ  ก็ต่างกันแล้ว กับการที่เล่นอยู่กับทีมชั้นนำของโลกที่มีผู้เล่นดีๆ เหนือกว่าคู่แข่งเสมอ  หรือ อยู่กับทีมระดับธรรมดา เป็นรองทีมอื่น แต่ต้องช่วยกันสู้ ช่วยกันเอาชนะให้ได้

แต่ต่อให้ มาราโดน่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่