สวัสดีค่ะ กระทู้แรกนี้ เราอยากจะขอแนะนำการเที่ยวในฮ่องกง เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราประสบมากับตัว เราเพิ่งไปเที่ยวฮ่องกงเมื่อวันเสาร์ที่ 2 ถึง จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 ค่ะ เพราะเทศกาลลดทั้งเกาะ ในตำนานนั้นเอง เราจึงขอรีวิวเฉพาะภาพในทริปนี้เท่านั้น ข้อมูลจะได้อัพเดต
เราและครอบครัวไปเที่ยวฮ่องกงรอบนี้เป็นรอบที่4 คุณแม่เลยบอกให้มารีวิวซะ คนอื่นๆที่กำลังจะไปฮ่องกงจะได้เรื่องราวเล็กๆน้อยๆจากประสบการณ์ของพวกเราบ้าง
ปล.เนื้อหาอาจจะไม่เน้นในการท่องเที่ยวเท่าที่ควร เนื่องจากเราชอปปิ้งซะเยอะ จนไม่มีจังหวะงัดโทรศัพท์มาถ่ายเท่าที่ควร
เนื้อหาแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่
1. การเดินทางขาไป
2. สถานที่เที่ยว
3. ร้านอาหารที่อยากแนะนำ
4. การเดินทางขากลับ
การเดินทางขาไป
1.เราเลือกเดินทางไปฮ่องกง กับ Air Asia เพราะตอนจะซื้อ ตั๋วถูก เราได้มาประมาณ5พันบาท ขอโทษทีที่จำราคาที่แน่นอนไม่ได้

พอซื้อปุ๊ป Emirateก็ออกโปรถูกทันทีซะงั้นแค่ประมาณ4,800บาท เพราะงั้นทุกคนอย่าลืมส่องตั๋วสายการบินFull serviceนะค่ะ มันอาจจะถูกกว่าก็ได้ แถมมีข้าวกินด้วย

2.เราไปไฟลท์เช้า 6.35น. ถึงฮ่องกง10.15น. จะได้เที่ยวเยอะๆจุใจ แต่ว่าควรไปถึงสนามบินดอนเมืองเร็วหน่อยนะคะ เราไปถึงตี4นิดๆ คนเต็มช่องโหลดกระเป๋าทำเอากระอักเลือด จนไม่มีกะใจถ่ายมารีวิว แต่เพราะเราไปวันเสาร์ด้วย คนอาจจะเยอะเป็นพิเศษ
ช่อง All-flight check in = เช็คอิน+โหลดกระเป๋า = ดูจะใช่เวลานานหน่อย เราแอบชะเง้อดู แถวขยับช้า
ช่อง Baggage drop = เช็คอินจากอินเตอร์เน็ตมาล่วงหน้า + โหลดกระเป๋า = แถวสั้นกว่า เร็วกว่าด้วยค่ะ แต่ตอนเราไป เจอกรุ๊ปทัวร์จีน ความวุ่นวายเลยเพิ่มขึ้น
3.หลังจากนั้น เข้าต.ม.กันเลยนะคะ เดี๋ยวเสียเวลา ตอนนี้ในต.ม. ถ้าเป็นผู้ถือพาส์ปอร์ตไทย จะได้ตรวจต.ม.ผ่านเครื่องอิเล็คทรอนิค แค่ยื่นพาส์ปอร์ตและ Boarding Passไปสแกนที่เครื่อง ส่วนนี้ไม่ต้องเป็นกังวลมีเจ้าหน้าที่ช่วยตลอดคะ พอผ่านประตูขั้นแรกแล้วก็มองกล้องถ่ายรูปและสแกนนิ้วชี้ขวา อย่าลืมถอดแว่นตาออกก่อนนะคะ ไม่งั้นเครื่องจะไม่ยอมถ่าย แค่นี้ก็ผ่านฉลุยไปตรวจสัมภาระขึ้นเครื่องต่อ
4.เคาทเตอร์รับของที่ซื้อจากDuty free รางน้ำหรือพัทยา ช่องหมายเลข9กับ10เป็นช่องคนไทยนะคะ ที่ต่อกันเยอะๆนั้นของคนจีนค่ะ

5.รอบนี้เราต้องไป Gate 2 อดขึ้นงวง ต้องนั่งรถบัสไปหาเครื่องบิน แอบเสียดายเพราะตอนไปคราวที่แล้ว เราได้ขึ้นงวง แต่ส่วนนี้เพิ่งต่อเติมใหม่ น่าจะเพิ่มใหม่เพื่อรองรับการเดินทางอันที่หนาแน่นขึ้นแน่เลย

6.ขึ้นเครื่องกันเลยนะคะ เราได้เครื่อง A320-200 นั่งแบบ3-3 ที่นั่งค่อนข้างแคบคะ คุณพ่อเป็นคนตัวสูงประมาณ170กว่า บอกอึดอัดนิดหน่อย ถ้านั่งนานนี้ไม่ไหวแน่ เดินทางใช้เวลา2ชม.ครึ่ง
7.และแล้วก็ถึงฮ่องกง เดินตามมวลมหาประชาชนได้เลยนะคะ ไม่งั้นเดินตามคำว่าImmigrationไปเลย ระหว่างทางอย่าลืมสังเกตเลขของสายพานกระเป๋าด้วย จากนั้นเราต้องนั่งรถไฟไป Terminal 1 เพื่อตรวจต.ม.ที่นั่น รอบเช้าคนเยอะ แค่เดินตามมวลชนไปก็รอดแน่นอน ไม่ต้องกลัวหลงทาง

8.พอตรวจต.ม. เขาจะให้ไปขาวๆเล็กๆขนาดใหญ่กว่าสแตมป์เล็กน้อยมา มันคือใบเข้าเมืองนั่นเอง เราไม่รู้จะเรียกยังไง

รักษาไว้ดีๆนะ ไม่งั้นเดี๋ยวกลับไทยไม่ได้
9.พอออกมาก็จะเจอสายพานกระเป๋าเลย ตอนเราไป1สายพาน มี3เที่ยวบินรวมกัน เพราะงั้นคนจะเยอะมาก กระเป๋าก็เยอะด้วย สังเกตกระเป๋าของเราให้ดีด้วยนะคะ

10.จากนั้นก็เข้าเมืองกันเลยละกัน ครอบครัวเราตัดสินใจซื้อAirport Express 2rides 3days ราคา HK$ 300+50(ค่าธรรมเนียมจะได้รับคืนตอนเอาบัตรไปแลกคืน ตอนกลับ) เพราะว่าบ้านเรามักจะไม่มีแพลนตายตัว นั่งกลับไปกลับมาเปลี่ยนแผนไปมาตามความต้องการ อยู่ๆดีอยากไปก็ไป เลยไม่ซื้อแบบเติมเงิน พอใช้แบบนี้ปุ๊ป แค่สถานีเดียวก็ขึ้นMTR ความขี้เกียจขึ้นขาทันที 555

11.Airport Express จอดสถานี Tsing Yi, Kowloon และ HongKong เลือกได้ตามสบายเอาที่ใกล้ที่พักนะคะ
สถานที่เที่ยว
เราไปฮ่องกงมา3รอบแล้ว ไปมาทุกหย่อยหญ้าแล้ว 555 ทริปนี้เลยไปแต่ที่ที่ประทับใจและเป็น Signatureของฮ่องกงที่ไม่มาเหมือนมาไม่ถึงนั้นเอง ช่วงที่เราไปฝนตกตลอด เดี๋ยวก็ตกเดี๋ยวก็หยุด เลยเป็นที่ว่าของชื่อกระทู้ว่า Rainy days in HK นั่นเอง เริ่มเลยดีกว่า
1.
Peak Tram & The peak & Sky terrace
การเดินทาง:MTR Central Exit J2 เดินตามป้ายไปเรื่อยๆได้เลยค่ะ ป้ายช่วยเราได้เยอะมาก (ตอนเดินขึ้นเนิน เหนื่อยหน่อย มันชัน)
ตอนแรกเราวางแผนไว้ว่าจะไปวันเสาร์บ่าย แต่พอไปถึง คนเยอะมาก แถวต่อคิวขึ้นTramยาวจนต้องไปต่อกันฝั่งตรงข้ามใต้ทางลอยฟ้า เลยเปลี่ยนไปวันอาทิตย์เช้าตอน10โมงเวลาเปิดซะเลย ถ้าคนเยอะให้มันรู้ไป ปรากฏว่าขึ้นTramสบายๆ ไม่ต้องต่อแถวอะไรเลย
เราเลือกที่จะซื้อบัตรTram ไปจากไทยนะคะ เพื่อความรวดเร็ว ราคาไม่แพงเลย เพราะตอนนี้เงินจีนฮ่องกงแพงมาก
คราวที่แล้วตอนเราไปThe peak เราไปตอนกลางคืนระหว่างขึ้นTramเลยไม่เสียวเท่าไหร่เพราะมองไม่ค่อยเห็นอะไร รอบนี้ไปตอนเช้า สว่างเชียว เสียวเหมือนเล่นรถไฟสวนสนุกเลย

ชันเกิน45องศาในบางช่วงเลยทีเดียว
พอมาถึงข้างบน เราขึ้น Sky terrace กันเลย ขี้นจากตึกที่Tramจอดเลยนะค่ะ เราเป็นคนขี้ป๊อด แค่ขึ้นบันได้เลื่อนเพื่อไป Sky terrace ก็เสียวว๊าปสุดๆ พอไปถึงข้างบนสุดเท่านั้น ไม่กล้ายืนเกาะราวกันเลยทีเดียว
ลมข้างบนแรงมาก(แต่อากาศไม่เย็นเท่าไหร่เลยนะ) สาวๆอย่าลืมเซ็ตผมไปดีๆนะคะ ไม่งั้นตอนลงมาเป็นอีเพิ้งเหมือนเราแน่นอน
วันที่เราไปมีงานอะไรซักอย่างพอดี คนเยอะมากๆ อย่างในรูปเลยคะ

ขากลับลงมาคนเยอะมาก เลยยิ่งยืนยันว่าเราตัดสินใจถูกที่ขึ้นไปแต่เช้า
2.
Symphony of light
การเดินทาง: พอสุดถนน Nathan บริเวณMTR Tsim sa tsui แล้วข้ามถนนเลย ถ้าไปตอนใกล้2ทุ่ม เดินตามกระแสมหาประชาชนไปเลย ถึงแน่นอน
การแสดงมีตอน2ทุ่มตรง เป็นเวลา15นาที รอบนี้แสงสีดูดีกว่ารอบที่แล้วเยอะเลยคะ มีตึกมาร่วมฉายไฟเยอะขึ้น ส่วนถ้าเมื่อยก็มีสแตนที่นั่งแก้เมื่อยด้วย สบายขาไปเลย
มนุษย์นอตตะลุยโลก in Hong Kong
[CR] Rainy days in Hong Kong 2016 แนะนำเที่ยวฮ่องกง รีวิวจากประสบการณ์คนไปฮ่องกงบ่อย (July 2-4,2016)
เราและครอบครัวไปเที่ยวฮ่องกงรอบนี้เป็นรอบที่4 คุณแม่เลยบอกให้มารีวิวซะ คนอื่นๆที่กำลังจะไปฮ่องกงจะได้เรื่องราวเล็กๆน้อยๆจากประสบการณ์ของพวกเราบ้าง
ปล.เนื้อหาอาจจะไม่เน้นในการท่องเที่ยวเท่าที่ควร เนื่องจากเราชอปปิ้งซะเยอะ จนไม่มีจังหวะงัดโทรศัพท์มาถ่ายเท่าที่ควร
เนื้อหาแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่
1. การเดินทางขาไป
2. สถานที่เที่ยว
3. ร้านอาหารที่อยากแนะนำ
4. การเดินทางขากลับ
การเดินทางขาไป
1.เราเลือกเดินทางไปฮ่องกง กับ Air Asia เพราะตอนจะซื้อ ตั๋วถูก เราได้มาประมาณ5พันบาท ขอโทษทีที่จำราคาที่แน่นอนไม่ได้
2.เราไปไฟลท์เช้า 6.35น. ถึงฮ่องกง10.15น. จะได้เที่ยวเยอะๆจุใจ แต่ว่าควรไปถึงสนามบินดอนเมืองเร็วหน่อยนะคะ เราไปถึงตี4นิดๆ คนเต็มช่องโหลดกระเป๋าทำเอากระอักเลือด จนไม่มีกะใจถ่ายมารีวิว แต่เพราะเราไปวันเสาร์ด้วย คนอาจจะเยอะเป็นพิเศษ
ช่อง All-flight check in = เช็คอิน+โหลดกระเป๋า = ดูจะใช่เวลานานหน่อย เราแอบชะเง้อดู แถวขยับช้า
ช่อง Baggage drop = เช็คอินจากอินเตอร์เน็ตมาล่วงหน้า + โหลดกระเป๋า = แถวสั้นกว่า เร็วกว่าด้วยค่ะ แต่ตอนเราไป เจอกรุ๊ปทัวร์จีน ความวุ่นวายเลยเพิ่มขึ้น
3.หลังจากนั้น เข้าต.ม.กันเลยนะคะ เดี๋ยวเสียเวลา ตอนนี้ในต.ม. ถ้าเป็นผู้ถือพาส์ปอร์ตไทย จะได้ตรวจต.ม.ผ่านเครื่องอิเล็คทรอนิค แค่ยื่นพาส์ปอร์ตและ Boarding Passไปสแกนที่เครื่อง ส่วนนี้ไม่ต้องเป็นกังวลมีเจ้าหน้าที่ช่วยตลอดคะ พอผ่านประตูขั้นแรกแล้วก็มองกล้องถ่ายรูปและสแกนนิ้วชี้ขวา อย่าลืมถอดแว่นตาออกก่อนนะคะ ไม่งั้นเครื่องจะไม่ยอมถ่าย แค่นี้ก็ผ่านฉลุยไปตรวจสัมภาระขึ้นเครื่องต่อ
4.เคาทเตอร์รับของที่ซื้อจากDuty free รางน้ำหรือพัทยา ช่องหมายเลข9กับ10เป็นช่องคนไทยนะคะ ที่ต่อกันเยอะๆนั้นของคนจีนค่ะ
5.รอบนี้เราต้องไป Gate 2 อดขึ้นงวง ต้องนั่งรถบัสไปหาเครื่องบิน แอบเสียดายเพราะตอนไปคราวที่แล้ว เราได้ขึ้นงวง แต่ส่วนนี้เพิ่งต่อเติมใหม่ น่าจะเพิ่มใหม่เพื่อรองรับการเดินทางอันที่หนาแน่นขึ้นแน่เลย
6.ขึ้นเครื่องกันเลยนะคะ เราได้เครื่อง A320-200 นั่งแบบ3-3 ที่นั่งค่อนข้างแคบคะ คุณพ่อเป็นคนตัวสูงประมาณ170กว่า บอกอึดอัดนิดหน่อย ถ้านั่งนานนี้ไม่ไหวแน่ เดินทางใช้เวลา2ชม.ครึ่ง
7.และแล้วก็ถึงฮ่องกง เดินตามมวลมหาประชาชนได้เลยนะคะ ไม่งั้นเดินตามคำว่าImmigrationไปเลย ระหว่างทางอย่าลืมสังเกตเลขของสายพานกระเป๋าด้วย จากนั้นเราต้องนั่งรถไฟไป Terminal 1 เพื่อตรวจต.ม.ที่นั่น รอบเช้าคนเยอะ แค่เดินตามมวลชนไปก็รอดแน่นอน ไม่ต้องกลัวหลงทาง
8.พอตรวจต.ม. เขาจะให้ไปขาวๆเล็กๆขนาดใหญ่กว่าสแตมป์เล็กน้อยมา มันคือใบเข้าเมืองนั่นเอง เราไม่รู้จะเรียกยังไง
9.พอออกมาก็จะเจอสายพานกระเป๋าเลย ตอนเราไป1สายพาน มี3เที่ยวบินรวมกัน เพราะงั้นคนจะเยอะมาก กระเป๋าก็เยอะด้วย สังเกตกระเป๋าของเราให้ดีด้วยนะคะ
10.จากนั้นก็เข้าเมืองกันเลยละกัน ครอบครัวเราตัดสินใจซื้อAirport Express 2rides 3days ราคา HK$ 300+50(ค่าธรรมเนียมจะได้รับคืนตอนเอาบัตรไปแลกคืน ตอนกลับ) เพราะว่าบ้านเรามักจะไม่มีแพลนตายตัว นั่งกลับไปกลับมาเปลี่ยนแผนไปมาตามความต้องการ อยู่ๆดีอยากไปก็ไป เลยไม่ซื้อแบบเติมเงิน พอใช้แบบนี้ปุ๊ป แค่สถานีเดียวก็ขึ้นMTR ความขี้เกียจขึ้นขาทันที 555
11.Airport Express จอดสถานี Tsing Yi, Kowloon และ HongKong เลือกได้ตามสบายเอาที่ใกล้ที่พักนะคะ
สถานที่เที่ยว
เราไปฮ่องกงมา3รอบแล้ว ไปมาทุกหย่อยหญ้าแล้ว 555 ทริปนี้เลยไปแต่ที่ที่ประทับใจและเป็น Signatureของฮ่องกงที่ไม่มาเหมือนมาไม่ถึงนั้นเอง ช่วงที่เราไปฝนตกตลอด เดี๋ยวก็ตกเดี๋ยวก็หยุด เลยเป็นที่ว่าของชื่อกระทู้ว่า Rainy days in HK นั่นเอง เริ่มเลยดีกว่า
1.Peak Tram & The peak & Sky terrace
การเดินทาง:MTR Central Exit J2 เดินตามป้ายไปเรื่อยๆได้เลยค่ะ ป้ายช่วยเราได้เยอะมาก (ตอนเดินขึ้นเนิน เหนื่อยหน่อย มันชัน)
ตอนแรกเราวางแผนไว้ว่าจะไปวันเสาร์บ่าย แต่พอไปถึง คนเยอะมาก แถวต่อคิวขึ้นTramยาวจนต้องไปต่อกันฝั่งตรงข้ามใต้ทางลอยฟ้า เลยเปลี่ยนไปวันอาทิตย์เช้าตอน10โมงเวลาเปิดซะเลย ถ้าคนเยอะให้มันรู้ไป ปรากฏว่าขึ้นTramสบายๆ ไม่ต้องต่อแถวอะไรเลย
เราเลือกที่จะซื้อบัตรTram ไปจากไทยนะคะ เพื่อความรวดเร็ว ราคาไม่แพงเลย เพราะตอนนี้เงินจีนฮ่องกงแพงมาก
คราวที่แล้วตอนเราไปThe peak เราไปตอนกลางคืนระหว่างขึ้นTramเลยไม่เสียวเท่าไหร่เพราะมองไม่ค่อยเห็นอะไร รอบนี้ไปตอนเช้า สว่างเชียว เสียวเหมือนเล่นรถไฟสวนสนุกเลย
พอมาถึงข้างบน เราขึ้น Sky terrace กันเลย ขี้นจากตึกที่Tramจอดเลยนะค่ะ เราเป็นคนขี้ป๊อด แค่ขึ้นบันได้เลื่อนเพื่อไป Sky terrace ก็เสียวว๊าปสุดๆ พอไปถึงข้างบนสุดเท่านั้น ไม่กล้ายืนเกาะราวกันเลยทีเดียว
ลมข้างบนแรงมาก(แต่อากาศไม่เย็นเท่าไหร่เลยนะ) สาวๆอย่าลืมเซ็ตผมไปดีๆนะคะ ไม่งั้นตอนลงมาเป็นอีเพิ้งเหมือนเราแน่นอน
วันที่เราไปมีงานอะไรซักอย่างพอดี คนเยอะมากๆ อย่างในรูปเลยคะ
ขากลับลงมาคนเยอะมาก เลยยิ่งยืนยันว่าเราตัดสินใจถูกที่ขึ้นไปแต่เช้า
2.Symphony of light
การเดินทาง: พอสุดถนน Nathan บริเวณMTR Tsim sa tsui แล้วข้ามถนนเลย ถ้าไปตอนใกล้2ทุ่ม เดินตามกระแสมหาประชาชนไปเลย ถึงแน่นอน
การแสดงมีตอน2ทุ่มตรง เป็นเวลา15นาที รอบนี้แสงสีดูดีกว่ารอบที่แล้วเยอะเลยคะ มีตึกมาร่วมฉายไฟเยอะขึ้น ส่วนถ้าเมื่อยก็มีสแตนที่นั่งแก้เมื่อยด้วย สบายขาไปเลย
มนุษย์นอตตะลุยโลก in Hong Kong
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น