ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่รอบนี้ทำช้าอีกแล้ว คือ...คือว่า ต้องขอสารภาพว่าสามสี่วันมานี้กำลังติดหนึบซีรี่ย์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลกน่ะค่ะ เพิ่งจะได้มีโอกาสไล่ดูไปทีละตอนๆ สนุกมากๆๆเลยค่ะ รู้สึกประทับใจมาก ^ ^ นักแสดงที่เล่นเป็นพระพุทธเจ้าเล่นดีมากเลยค่ะ
โอเคค่ะ ตัดฉึบ! กลับมาที่ภาษาอังกฤษกันน สำหรับรอบนี้ คือเรื่อง "The Intern" ค่ะ
เรื่องราวของชายแก่วัยเกษียณแล้วคนหนึ่ง แทนที่จะปล่อยตัวให้เฉาน่าเบื่อหน่าย กลับยังเป็นคนที่เปิดกว้างต่อสิ่งรอบๆตัวแล้วไปสมัครงานเป็นเด็กฝึกงานกับบริษัทที่ดูไม่น่าจะเข้ากับเขาได้เลย คือบริษัทขายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์! และที่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เกิดเรื่องน่ารักๆ เป็นหนังอีกเรื่องที่น้ำชอบมากๆเลยค่ะ ใครที่ได้ดูเรื่องนี้น้ำเชื่อว่าอารมณ์จะดีขึ้นมาทันตา มีแรงบันดาลใจที่จะทำงานต่างๆของเราให้เดินหน้าต่อไป ไม่ว่าเราจะอยู่ในบทบาทไหน หน้าที่ไหนก็ตาม และคงตกหลุมรักคุณลุงเบนเข้าอย่างจัง! แถมถ้าใครเคยชื่นชอบสไตล์หนังแฟชั่นอย่าง The Devil Wears Prada ล่ะก็ กลิ่นอายเรื่องนี้ก็ลัลล้า ชิคๆ เก๋ๆ ไม่แพ้กันค่ะ
"You name it" มีความหมายว่า "คุณว่ามาเถอะ(เรามีหมด)" มักจะใช้ร่วมกับเวลาเรายกตัวอย่างให้ฟังว่ามีอะไรบ้างค่ะ
ในซีนนี้เบนกำลังเล่าให้ฟังว่าเขาอยู่ในวัยที่เกษียณแล้ว แต่ก็ยังสนใจที่จะใช้เวลาว่างทำสิ่งอื่นๆอยู่ ขอให้เราลองว่ามาเถอะ ไม่ว่าอะไรก็ตามเขาได้ทำมาแล้ว
ตัวอย่างอื่นเช่น
The camp offers horse riding, tennis, water sports, you name it.
= แคมป์ที่นี่จะมีกิจกรรมขี่ม้า,ตีเทนนิส,กีฬาทางน้ำ คุณบอกมาเถอะ (เรามีหมด)
"Fire away" มีความหมายว่า "ว่ามาได้เลย,ถามมาได้เลย" เป็นการอนุญาตให้อีกฝ่ายถามคำถามมาได้เลยค่ะ
ในซีนนี้ เบน ได้ไปสมัครงานเป็นพนักงานฝึกหัดรุ่นอาวุโสกับบริษัท about the fit ที่ขายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์ค่ะ และเบนก็กำลังจะถูกสัมภาษณ์ เมื่อโดนถามว่า "ขอถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ย" เบนจึงตอบว่า "Fire away" ถามมาได้เล้ยย
ตัวอย่างอื่นเช่น
I know you have questions, so fire away.
=ฉันรู้ว่าคุณมีคำถามเพราะฉะนั้นถามมาได้เลย
หรือในบางกรณีก็อาจจะใช้ในรูปแบบที่มีความหมายว่า "ยิงคำถาม"ค่ะ เช่น
Members of the opposite party are always firing away at the president.
=สมาชิกของพรรคฝ่ายตรงข้ามมักจะยิงคำถาม
ต่อประธานาธิบดี
"It's your call" มีความหมายว่า "แล้วแต่คุณเลย,แล้วแต่คุณจะตัดสินใจเลย" ค่ะ
ในซีนนี้ เบนกำลังสัมภาษณ์งานอยู่เช่นกันค่ะ เเต่กำลังโดนถามด้วยคำถามคลาสสิคอย่าง "คุณเห็นตัวเองเป็นแบบไหนในอีก 10 ปีข้างหน้า?" ซึ่งเป็นคำถามที่อาจจะเหมาะกับการถามคนรุ่นหนุ่มสาวซะมากกว่า เบนเองเลยต้องถามกลับว่า "คุณหมายถึงตอนผมอายุ 80 งั้นเหรอ?" ทำให้ผู้สัมภาษณ์เพิ่งจะนึกออก ก็เลยตะกุกตะกักลนลานว่า "งั้นตัดคำถามนี้ทิ้งดีมั้ย" เบนเลยบอกว่า "It's your call" แล้วเเต่คุณเลยจ้ะ
ตัวอย่างอื่นเช่น
Should we turn left or right? It's your call.
=เราควรเลี้ยวซ้ายหรือขวาดี?/เธอตัดสินใจเลย (แล้วเเต่เธอ)
"You nailed it" มีความหมายว่า "คุณทำได้ยอดเยี่ยมมาก,ทำได้เจ๋งมาก"
ในซีนนี้ ในที่สุดเบนก็ได้รับเข้าทำงานค่ะ จัสตินเลยบอกว่า เบนมีคุณสมบัติที่ดีมากๆ ดีเกินไปด้วยซ้ำ และตามด้วย "คุณทำได้เยี่ยมมาก ยินดีด้วยครับ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
I passed the test.I nailed it!
=ฉันสอบผ่านแล้ว ฉันทำได้แล้ว!
"on purpose" มีความหมายว่า "อย่างตั้งใจ,มีเจตนา" ดังนั้น
"Nothing on purpose" จึงมีความหมายว่า "ไม่ได้ตั้งใจ,ไม่ได้เจตนา" ค่ะ
ในซีนนี้เบนได้รู้จักกับเจสันซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานค่ะ และก็ได้รู้ว่าเจสันกำลังทะเลาะกับแฟน พอถามว่าไปทำอะไรให้ผู้หญิงไม่พอใจล่ะ?? เจสันก็ตอบว่า "ก็...ไม่ได้ตั้งใจน่ะ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
how often do we simply do nothing on purpose?
=พวกเรามักจะทำอะไรโดยไม่ตั้งใจบ่อยแค่ไหน?
They think the fire was started on purpose.
=พวกเขาคิดว่าไฟไหม้น่าจะเกิดขึ้นอย่างตั้งใจ
"Over the hump" มีความหมายว่า "ผ่านพ้นไปได้ละ,ผ่านไปได้ด้วยดี" ใช้กับเวลาที่เราได้ทำอะไรผ่านพ้นช่วงที่ยากสุด หนักสุด หรือช่วงที่มีปัญหาไปได้เเล้วค่ะ
ในซีนนี้ หลังจากต้องมาช่วยเป็นคนขับรถให้นางเอกซึ่งเป็นบอสของเบนเเล้ว ในวันแรกที่งานผ่านไปได้ด้วยดี ส่งนางเอกถึงบ้านปุ๊บ เบนเลยต้องรำพึงกับตัวเองว่า "Over the hump" เฮ้อ ผ่านพ้นไปได้ละ
ตัวอย่างอื่น เช่น
Things will be easy from now on. When you get over the hump, life is so much better.
=ต่อไปนี้อะไรๆคงจะง่ายขึ้นแล้วล่ะ เมื่อคุณผ่านพ้นช่วงที่ยากที่สุดมาได้ ชีวิตก็จะดีขึ้นเยอะเลย
"Every other day" มีความหมายว่า "วันเว้นวัน" ค่ะ ในบริบทนี้อาจจะไม่ได้หมายความว่าเรื่องเกิดขึ้นวันเว้นวันเป๊ะๆ แต่ก็ให้ความหมายทำนองว่าเกิดขึ้นถี่ แทบจะวันเว้นวันน่ะค่ะ
ในซีนนี้ แมต สามีของนางเอกจูลส์ของเรา กำลังเล่าว่าลูกสาวต้องเจอปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนแบบนี้ ทุกวันเว้นวันเลยค่ะ
ตัวอย่างอื่นเช่น
I have to walk there every other day.
=ฉันต้องเดินไปที่นั่นทุกวันเว้นวันเลย
"Pass out" มีความหมายว่า "หมดสติ,สลบ" ค่ะ
ในซีนนี้ ใช้ "Pass out" ในลักษณะเปรียบเทียบว่า เหนื่อยจัดเลยสลบหลับไปเลยค่ะ โดยจูลส์เผลอน็อคสลบหลับไป ทั้งๆที่กะว่าจะคุยกับสามี พอตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นว่าสามีผล็อยหลับไปเเล้วเหมือนกัน พอสามีสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมา จูลส์เลยบอกว่า "ขอโทษด้วย เมื่อกี้นี้เธอเผลอหลับ สลบเหมือดไปเลย"
ตัวอย่างอื่นเช่น
she was passing out from the heat.
=เธอเป็นลมไปเพราะความร้อน
"Save someone's butts" มีความหมายว่า "ได้ช่วยใครคนนั้นไว้"ค่ะ
ในซีนนี้ เบนได้รับรู้ว่าครอบครัวจูลส์ บอสของเขานั้น จูลส์ภรรยาจะมีหน้าที่หลักในการทำงานอยู่นอกบ้าน ส่วนสามีทำงานเป็นพ่อบ้านแทน เบนเลยเอ่ยปากชมว่า "แมตเป็นผู้ชายที่ดีนะ" จูลส์เลยตอบว่า "เขาช่วยเราไว้ได้มากเลย"
ตัวอย่างอื่นเช่น
He saved my butts by helping me get out of
the burning house.
=เขาช่วยฉันออกมาจากบ้านที่ไฟไหม้
"Freak out" มีความหมายว่า "สติแตก,ประสาทกิน,คลั่ง" ค่ะ ใช้ได้กับหลากหลายอารมณ์มากค่ะ ไม่ว่าจะตื่นเต้นจัด โกรธจัด หรือตกใจมากๆ ก็ได้ค่ะ
ในซีนนี้ ลูอิส พนักงานคนหนึ่งในบริษัท กำลังเข้าใจว่าตัวเองได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากเจ.ซี นักร้องชื่อดัง ลูอิสเลยกำลังตื่นเต้นมากจนต้องมาระบายกับเพื่อนๆว่า "ผมกำลังจะสติแตกนิดๆแล้ว"
ตัวอย่างอื่น เช่น
Meeting my ex-boyfriend again after all these years really freaked me out.
=การที่ต้องมาเจอกับแฟนเก่าหลังจากที่ไม่ได้เจอมาหลายปี ทำให้ฉันรู้สึกสติแตก
"Force of habit" มีความหมายว่า "เป็นนิสัย"ค่ะ ใช้เวลาที่เราเผลอทำอะไรไปโดยความเคยชินที่เป็นนิสัยไปแล้วค่ะ
ในซีนนี้ เบนต้องอยู่รอจูลส์ทำงานถึงดึก จูลส์เลยเดินมากินมื้อเย็นด้วยกันที่โต๊ะของเบน แต่พอจูลส์มาที่โต๊ะ เบนก็รีบลุกขึ้นยืน จัดสูทติดกระดุมซะเรียบร้อย คือเป๊ะๆตามมารยาทมาก จูลส์เลยทักว่า "ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้" เบนเลยบอกว่า "เป็นนิสัยน่ะครับ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
Even though he's gone she still keeps laying the table for two - force of habit, I guess.
=แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่เธอยังคงจัดโต๊ะสำหรับสองที่ ฉันเดาว่าเธอคงติดนิสัยมั้ง
"Better late than never" มีความหมายว่า "การทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเริ่มช้าแค่ไหน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย"คงเข้าทำนองสำนวนไทยว่า "มาสายดีกว่าไม่มา" ค่ะ
ในซีนนี้เบนเพิ่งเล่าว่าตัวเขาเพิ่งจะมีเฟสบุ๊คตะกี้นี่เอง เพิ่งสมัครเมื่อสิบนาทีที่แล้ว จูลส์เลยบอกว่า "แหม มีช้ายังดีกว่าไม่มีนะ "
ตัวอย่างอื่นเช่น
I'm sorry I'm late to the party. It's alright,better late than never.
=ขอโทษด้วยฉันมาปาร์ตี้สาย/ไม่เป็นไร มาสายยังดีกว่าไม่มา
"Brown-nose" มีความหมายว่า "ประจบสอพลอ" ค่ะ
ในซีนนี้ จูลส์กำลังช่วยกรอกข้อมูลลงในเฟสบุ๊คให้เบน พอมาถึงคำถามว่า ใครเป็นแรงบันดาลใจของคุณ? เบนก็ตอบว่า "จูลส์" แล้วก็อธิบายต่อว่า "เขาพูดจริงๆ ไม่ได้จะประจบนะ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
He try to brown-nose her all the time.
=เขาพยายามจะประจบสอพลอเธอตลอดเวลาเลย
"Room" มีความหมายว่า "ที่ว่าง"
ในซีนนี้ จูลส์อยากให้เบนย้ายมาช่วยงานเบคกี้ เลยต้องย้ายโต๊ะมานั่งใกล้ๆ เบคกี้เลยวิตกเพราะรู้สึกอยากทำงานด้วยตัวเองคนเดียว เลยพยายามหาเหตุผลโดยบอกว่า "ย้ายมานั่งใกล้ๆกันไม่ได้หรอก ไม่มีที่ว่าง"
ตัวอย่างอื่นเช่น
Is there room for one more in your car?
=มีที่ว่างอีกสักที่ในรถมั้ย?
"Give someone hand" มีความหมายว่า "การช่วยเหลือ"ค่ะ
ในซีนนี้ จูลส์ตามมาคุยกับเบคกี้ ว่า"อยากให้เบคกี้ยอมให้เบนช่วยเหลืองานนะ โอเคมั้ย"
ตัวอย่างอื่นเช่น
I try to nail these pieces of furniture together.Can you give me a hand?
=ฉันพยายามตอกตะปูชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์เข้าด้วยกัน คุณช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?
"Bust someone's ass" มีความหมายว่า "การทำงานที่หนักมาก"
ในซีนนี้ เบคกี้กำลังน้อยใจนึกว่าจูลส์ส่งเบนมาช่วยงานเธอ เพราะเห็นว่าเธอไม่มีความสารถ เลยร้องไห้ออกมาแล้วบ่นให้เบนฟัง ว่า"เธอทำงานอย่างหนักถึงวันละ 14 ชั่วโมงนะ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
You should keep busting your ass.You'll be successful one day.
=คุณควรทำงานให้หนักเข้าไว้ แล้ววันหนึ่งคุณจะประสบความสำเร็จ
"For the record" มีความหมายว่า "บอกให้รู้ไว้ก่อนเลย" ถ้าใช้เวลาพูดอะไรที่เป็นทางการ ก็เหมือนเป็นการเปิดเผย บอกให้สาธารณะรับรู้เอาไว้เลยนะว่า...
ในซีนนี้ แมตกับลูกสาวกำลังเล่าว่าพวกเขาจะเล่นบทบาทสมมุตเรื่อง The little mermaid กัน แต่คราวนี้แมตจะเป็นฝ่ายเล่นเป็นนางเงือก แล้วแมตก็ทำทีประกาศให้รู้กันว่า "บอกให้รู้ไว้เลยนะ ไม่เคยถึงตาเขาได้เล่นเป็นนางเงือกมาก่อนเลย"
ตัวอย่างอื่นเช่น
Just for the record, fastfoods are bad for your health.
=บอกเอาไว้ก่อนนะ อาหารฟาสต์ฟู้ดไม่ดีต่อสุขภาพนะ
MovieMouthy:พูดคุยภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์เรื่อง "The Intern" (มีสปอยล์นะจ้ะ)
โอเคค่ะ ตัดฉึบ! กลับมาที่ภาษาอังกฤษกันน สำหรับรอบนี้ คือเรื่อง "The Intern" ค่ะ
ในซีนนี้เบนกำลังเล่าให้ฟังว่าเขาอยู่ในวัยที่เกษียณแล้ว แต่ก็ยังสนใจที่จะใช้เวลาว่างทำสิ่งอื่นๆอยู่ ขอให้เราลองว่ามาเถอะ ไม่ว่าอะไรก็ตามเขาได้ทำมาแล้ว
ตัวอย่างอื่นเช่น
The camp offers horse riding, tennis, water sports, you name it.
= แคมป์ที่นี่จะมีกิจกรรมขี่ม้า,ตีเทนนิส,กีฬาทางน้ำ คุณบอกมาเถอะ (เรามีหมด)
ในซีนนี้ เบน ได้ไปสมัครงานเป็นพนักงานฝึกหัดรุ่นอาวุโสกับบริษัท about the fit ที่ขายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์ค่ะ และเบนก็กำลังจะถูกสัมภาษณ์ เมื่อโดนถามว่า "ขอถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ย" เบนจึงตอบว่า "Fire away" ถามมาได้เล้ยย
ตัวอย่างอื่นเช่น
I know you have questions, so fire away.
=ฉันรู้ว่าคุณมีคำถามเพราะฉะนั้นถามมาได้เลย
หรือในบางกรณีก็อาจจะใช้ในรูปแบบที่มีความหมายว่า "ยิงคำถาม"ค่ะ เช่น
Members of the opposite party are always firing away at the president.
=สมาชิกของพรรคฝ่ายตรงข้ามมักจะยิงคำถาม
ต่อประธานาธิบดี
ในซีนนี้ เบนกำลังสัมภาษณ์งานอยู่เช่นกันค่ะ เเต่กำลังโดนถามด้วยคำถามคลาสสิคอย่าง "คุณเห็นตัวเองเป็นแบบไหนในอีก 10 ปีข้างหน้า?" ซึ่งเป็นคำถามที่อาจจะเหมาะกับการถามคนรุ่นหนุ่มสาวซะมากกว่า เบนเองเลยต้องถามกลับว่า "คุณหมายถึงตอนผมอายุ 80 งั้นเหรอ?" ทำให้ผู้สัมภาษณ์เพิ่งจะนึกออก ก็เลยตะกุกตะกักลนลานว่า "งั้นตัดคำถามนี้ทิ้งดีมั้ย" เบนเลยบอกว่า "It's your call" แล้วเเต่คุณเลยจ้ะ
ตัวอย่างอื่นเช่น
Should we turn left or right? It's your call.
=เราควรเลี้ยวซ้ายหรือขวาดี?/เธอตัดสินใจเลย (แล้วเเต่เธอ)
ในซีนนี้ ในที่สุดเบนก็ได้รับเข้าทำงานค่ะ จัสตินเลยบอกว่า เบนมีคุณสมบัติที่ดีมากๆ ดีเกินไปด้วยซ้ำ และตามด้วย "คุณทำได้เยี่ยมมาก ยินดีด้วยครับ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
I passed the test.I nailed it!
=ฉันสอบผ่านแล้ว ฉันทำได้แล้ว!
"Nothing on purpose" จึงมีความหมายว่า "ไม่ได้ตั้งใจ,ไม่ได้เจตนา" ค่ะ
ในซีนนี้เบนได้รู้จักกับเจสันซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานค่ะ และก็ได้รู้ว่าเจสันกำลังทะเลาะกับแฟน พอถามว่าไปทำอะไรให้ผู้หญิงไม่พอใจล่ะ?? เจสันก็ตอบว่า "ก็...ไม่ได้ตั้งใจน่ะ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
how often do we simply do nothing on purpose?
=พวกเรามักจะทำอะไรโดยไม่ตั้งใจบ่อยแค่ไหน?
They think the fire was started on purpose.
=พวกเขาคิดว่าไฟไหม้น่าจะเกิดขึ้นอย่างตั้งใจ
ในซีนนี้ หลังจากต้องมาช่วยเป็นคนขับรถให้นางเอกซึ่งเป็นบอสของเบนเเล้ว ในวันแรกที่งานผ่านไปได้ด้วยดี ส่งนางเอกถึงบ้านปุ๊บ เบนเลยต้องรำพึงกับตัวเองว่า "Over the hump" เฮ้อ ผ่านพ้นไปได้ละ
ตัวอย่างอื่น เช่น
Things will be easy from now on. When you get over the hump, life is so much better.
=ต่อไปนี้อะไรๆคงจะง่ายขึ้นแล้วล่ะ เมื่อคุณผ่านพ้นช่วงที่ยากที่สุดมาได้ ชีวิตก็จะดีขึ้นเยอะเลย
ในซีนนี้ แมต สามีของนางเอกจูลส์ของเรา กำลังเล่าว่าลูกสาวต้องเจอปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนแบบนี้ ทุกวันเว้นวันเลยค่ะ
ตัวอย่างอื่นเช่น
I have to walk there every other day.
=ฉันต้องเดินไปที่นั่นทุกวันเว้นวันเลย
ในซีนนี้ ใช้ "Pass out" ในลักษณะเปรียบเทียบว่า เหนื่อยจัดเลยสลบหลับไปเลยค่ะ โดยจูลส์เผลอน็อคสลบหลับไป ทั้งๆที่กะว่าจะคุยกับสามี พอตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นว่าสามีผล็อยหลับไปเเล้วเหมือนกัน พอสามีสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมา จูลส์เลยบอกว่า "ขอโทษด้วย เมื่อกี้นี้เธอเผลอหลับ สลบเหมือดไปเลย"
ตัวอย่างอื่นเช่น
she was passing out from the heat.
=เธอเป็นลมไปเพราะความร้อน
ในซีนนี้ เบนได้รับรู้ว่าครอบครัวจูลส์ บอสของเขานั้น จูลส์ภรรยาจะมีหน้าที่หลักในการทำงานอยู่นอกบ้าน ส่วนสามีทำงานเป็นพ่อบ้านแทน เบนเลยเอ่ยปากชมว่า "แมตเป็นผู้ชายที่ดีนะ" จูลส์เลยตอบว่า "เขาช่วยเราไว้ได้มากเลย"
ตัวอย่างอื่นเช่น
He saved my butts by helping me get out of
the burning house.
=เขาช่วยฉันออกมาจากบ้านที่ไฟไหม้
ในซีนนี้ ลูอิส พนักงานคนหนึ่งในบริษัท กำลังเข้าใจว่าตัวเองได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากเจ.ซี นักร้องชื่อดัง ลูอิสเลยกำลังตื่นเต้นมากจนต้องมาระบายกับเพื่อนๆว่า "ผมกำลังจะสติแตกนิดๆแล้ว"
ตัวอย่างอื่น เช่น
Meeting my ex-boyfriend again after all these years really freaked me out.
=การที่ต้องมาเจอกับแฟนเก่าหลังจากที่ไม่ได้เจอมาหลายปี ทำให้ฉันรู้สึกสติแตก
ในซีนนี้ เบนต้องอยู่รอจูลส์ทำงานถึงดึก จูลส์เลยเดินมากินมื้อเย็นด้วยกันที่โต๊ะของเบน แต่พอจูลส์มาที่โต๊ะ เบนก็รีบลุกขึ้นยืน จัดสูทติดกระดุมซะเรียบร้อย คือเป๊ะๆตามมารยาทมาก จูลส์เลยทักว่า "ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้" เบนเลยบอกว่า "เป็นนิสัยน่ะครับ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
Even though he's gone she still keeps laying the table for two - force of habit, I guess.
=แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่เธอยังคงจัดโต๊ะสำหรับสองที่ ฉันเดาว่าเธอคงติดนิสัยมั้ง
ในซีนนี้เบนเพิ่งเล่าว่าตัวเขาเพิ่งจะมีเฟสบุ๊คตะกี้นี่เอง เพิ่งสมัครเมื่อสิบนาทีที่แล้ว จูลส์เลยบอกว่า "แหม มีช้ายังดีกว่าไม่มีนะ "
ตัวอย่างอื่นเช่น
I'm sorry I'm late to the party. It's alright,better late than never.
=ขอโทษด้วยฉันมาปาร์ตี้สาย/ไม่เป็นไร มาสายยังดีกว่าไม่มา
ในซีนนี้ จูลส์กำลังช่วยกรอกข้อมูลลงในเฟสบุ๊คให้เบน พอมาถึงคำถามว่า ใครเป็นแรงบันดาลใจของคุณ? เบนก็ตอบว่า "จูลส์" แล้วก็อธิบายต่อว่า "เขาพูดจริงๆ ไม่ได้จะประจบนะ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
He try to brown-nose her all the time.
=เขาพยายามจะประจบสอพลอเธอตลอดเวลาเลย
ในซีนนี้ จูลส์อยากให้เบนย้ายมาช่วยงานเบคกี้ เลยต้องย้ายโต๊ะมานั่งใกล้ๆ เบคกี้เลยวิตกเพราะรู้สึกอยากทำงานด้วยตัวเองคนเดียว เลยพยายามหาเหตุผลโดยบอกว่า "ย้ายมานั่งใกล้ๆกันไม่ได้หรอก ไม่มีที่ว่าง"
ตัวอย่างอื่นเช่น
Is there room for one more in your car?
=มีที่ว่างอีกสักที่ในรถมั้ย?
ในซีนนี้ จูลส์ตามมาคุยกับเบคกี้ ว่า"อยากให้เบคกี้ยอมให้เบนช่วยเหลืองานนะ โอเคมั้ย"
ตัวอย่างอื่นเช่น
I try to nail these pieces of furniture together.Can you give me a hand?
=ฉันพยายามตอกตะปูชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์เข้าด้วยกัน คุณช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?
ในซีนนี้ เบคกี้กำลังน้อยใจนึกว่าจูลส์ส่งเบนมาช่วยงานเธอ เพราะเห็นว่าเธอไม่มีความสารถ เลยร้องไห้ออกมาแล้วบ่นให้เบนฟัง ว่า"เธอทำงานอย่างหนักถึงวันละ 14 ชั่วโมงนะ"
ตัวอย่างอื่นเช่น
You should keep busting your ass.You'll be successful one day.
=คุณควรทำงานให้หนักเข้าไว้ แล้ววันหนึ่งคุณจะประสบความสำเร็จ
ในซีนนี้ แมตกับลูกสาวกำลังเล่าว่าพวกเขาจะเล่นบทบาทสมมุตเรื่อง The little mermaid กัน แต่คราวนี้แมตจะเป็นฝ่ายเล่นเป็นนางเงือก แล้วแมตก็ทำทีประกาศให้รู้กันว่า "บอกให้รู้ไว้เลยนะ ไม่เคยถึงตาเขาได้เล่นเป็นนางเงือกมาก่อนเลย"
ตัวอย่างอื่นเช่น
Just for the record, fastfoods are bad for your health.
=บอกเอาไว้ก่อนนะ อาหารฟาสต์ฟู้ดไม่ดีต่อสุขภาพนะ