เสพติดร้านเครื่องเขียน เรื่องเล่าของเด็กเรียนดีไซน์

สวัสดี
คือเราเป็นคนนึงที่ชอบเดินร้านขายซื้อเครื่องเขียนมากๆ คิดว่าอารมณ์เดียวกับผู้หญฺิงหลายๆคนที่อาจจะชอบเดินดูเครื่องสำอางรึเปล่า
เวลาเดินผ่านจะต้องชายตามอง จากนั้นก็เดินเข้าไป5555 เราเดินมันทุกซอกเลยเอาจริง เริ่มจากปากกา ถ้าเทียบกับเครื่องสำอางก็คง
เหมือนกับลิปสติก ในสายตาของคนอื่นปากกาก็คงเป็นแค่ปากกา มีหัวใหญ่ หัวเล็ก บลาๆแต่สำหรับเรากว่าจะเลือกได้ซักแท่งโคตรนาน
สีอะไร หัวแบบไหน หัวใหญ่กี่มิล(เล็กสุดที่เคยซื้อก็ 0.05 ซึ่งหักไปหลายอันละ55555) กันน้ำเปล่า เขียนบนอะไรได้บ้าง ซึมมั้ย หรือ
ปากกาบางแบบที่เห็นครั้งแรกก็ตื่นเต้นสุดๆอย่าง หัวพู่กัน

ติดเราติดมากจริงๆ แค่เดินเข้าไปก็เหมือนสติหลุด มีครั้งนึงเราซื้อปากกามาอันนึงพอกลับมาถึงบ้านก็พบว่ามีแบบนี้อยู่แล้วห้าอัน55555
คือไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง อยู่ดีๆก็จะชอบคิดว่าหัวแบบนี้ใช้หมดแล้วต้องไปซื้อเพิ่ม นอกจากนั้นยังมีสมุดสเก็ตและอุปกรณ์จุกจิกอีกมากมาย
สำหรับสมุดแล้วเราเป็นคนชอบเก็บ เวลาซื้อก็จะซื้อมาเก็บไม่ได้ใช้ เหมือนมีงานอดิเรกเป็นการสะสมสมุดอย่างนั้นแหละ มากที่สุดที่เคย
เก็บมาก็สิบกว่าเล่มยังไม่รวมสุดโน้ตเล็กๆอีก ด้วยความที่มันสวยมากเลยไม่กล้าใช้5555(แต่ตอนนี้ก็กำลังพยายามหยิบออกมาใช้อยู่)

กลับมาที่ร้านเครื่องเขียน ด้วยความที่เสพติดมานานเลยไม่รู้ว่าตอนไหนที่เราเริ่มชอบที่จะขลุกตัวอยู่ในร้านเครื่องเขียน ไม่รู้สิด้วย
บรรยากาศ กลิ่นของกระดาษ กลิ่นแผ่ไม้กระดานมันทำให้เรารู้สึกเฟรช เหมือนได้ผ่อนคลายและตื่นเต้นไปในเวลาเดียวกัน ทุกครั้งที่แม่
ไปซื้อของในห้างเราก็มักจะขอแยกตัวออกมาเพื่อไปเดินร้านเครื่องเขียน นอกจากนั้นร้านเครื่องเขียนแต่ละร้านก็จะมีบรรยากาศที่แตกต่าง
กันออกไป บางที่จะจัดร้านโดยเน้นทุกอย่างเป็นสีขาว ยกเว้นแต่ของที่วางอยู่ บางร้านก็จะมีตู้ไม้เพื่อเก็บกระดาษ บางร้านที่ใหญ่มากๆ
ก็จะมีหนังสือที่เป็นโทนสีของปากกาหรือกระดาษให้ได้เลือกกัน เหมือนกับได้ไปเลือกซื้อผ้าม่านหรือเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งอย่างนั้นแหละ

ผู้คนก็เช่นกันผู้คนที่มาเลือกซื้อรวมถึงเจ้าของร้าน การได้คุยแลกเปลี่ยนกับเจ้าของร้านก็เป็นอย่างนึงที่น่าสนุก คิดดูสิคนๆนึงที่วันๆอยู่
แต่กับเครื่องเขียนมันทำให้เราอยากรู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นชอบมันที่อะไร จะต้องมีความหลงใหลแค่ไหนหรือมีแรงบันดาลใจอะไรถึงมา
เปิดร้านอยู่แบบนี้ บางคนทำเพราะเป็นธุรกิจที่ทำต่อกันมานาน บางคนก็แค่อยากมีธุรกิจส่วนตัว แต่บางคนก็เฝ้าสงสัยมาตั้งแต่ตอนเรียน
อยากได้นู่นอยากได้นี่แต่ไม่มี สุดทายก็เลยเลือกมาเปิดร้านเครื่องเขียนให้กับเด็กรุ่นหลังๆ หาสิ่งที่ตัวเองเคยอยากได้แต่ไม่มีมาวางขาย

สุดท้ายมันจะเป็นแค่ห้องๆนึงที่ใช้วางเครื่องเขียนสำหรับขายก็คงใช่ แต่ถ้าลองได้ใช้ชีวิตอยู่กับมันก็อาจจะเป็นบ้านดีๆหลังนึงก็ได้

เดินร้านเครื่องเขียนกันมั้ย ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่