หลักของวิชาการให้ฤกษ์มงคลถ้าจะแยกอย่างหยาบ ๆ จะมีอยู่ ๒ ประการ คือ
· การตรวจสอบฤกษ์ทำการ
· การวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการ
การตรวจสอบฤกษ์ทำการ
เรื่องนี้อธิบายได้ว่า ฤกษ์ที่เราสามารถนำมาทำการได้ ทั้งหมดมีอยู่ ๒๗ ฤกษ์ ๆ ที่ ๑-๒๗ เรียกต่าง ๆ กัน ฤกษ์เหล่านี้เกิดจากการที่พระจันทร์ที่เราเห็นอยู่บนท้องฟ้า โคจรรอบโลก พระจันทร์มีอัตราการโคจรรอบโลกรอบหนึ่ง ประมาณ ๓๐ วัน
ใน ๓๐ วันที่ว่านี้พระจันทร์ต้องผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ไปด้วย ๒๗ กลุ่ม แต่ผมจะไม่นำมากล่าวในตอนนี้ ท่านผู้อ่านคนใดใจร้อนอยากรู้ต้องไปหาตำรามาอ่านเอง ซึ่งมีอยู่มากมาย หรือจะอดใจรอผมนำมาแจงให้ฟังในวันหลังได้ก็ตามใจ
ฤกษ์ทำการ ๒๗ ฤกษ์นี้ จะนำมาใช้ทั้งหมดไม่ได้ เพราะบางฤกษ์เป็นฉินทฤกษ์เป็นฤกษ์ต้องห้าม บางตำราก็ว่าเป็นฤกษ์อกแตก ที่อกแตกเพราะบาทฤกษ์ที่มีอยู่ ฤกษ์ละ ๔ บาทฤกษ์นั้น มันไปคาบเกี่ยวอยู่ใน ๒ ราศี ก็เลยกลายเป็นฤกษ์ที่มีอยู่ ๒ ธาตุ คือไฟผสมดิน ดินผสมลม ลมผสมน้ำ ซึ่งถ้าเราคิดให้เป็นธรรมชาติแล้ว จะเห็นว่าผสมกันไม่ได้จริง ๆ ที่ถูกคอกัน ไฟต้องผสมกับลม ดินต้องผสมกับน้ำ
แต่ผมเห็นบางคนนิยมใช้กัน ผมลองหน้าด้านฝ่าฝืนคำครูบาอาจารย์ใช้บ้าง ปรากฏผลไม่ได้เรื่อง
ฤกษ์อกแตกหรือฉินทฤกษ์ที่ว่านี้มีอยู่ ๙ ฤกษ์ คือฤกษ์ที่ ๓-๑๒-๒๑-๕-๑๔-๒๓-๗-๑๖-๒๕ รวมแล้ว ๙ ฤกษ์พอดี เมื่อหักลบกันแล้ว ฤกษ์ที่นำมาทำการมงคลได้ ๑๘ ฤกษ์ นอกนั้นผมถือว่าเป็นฤกษ์อัปมงคล
ฉินทฤกษ์ที่ผมถือว่าเป็นฤกษ์อัปมงคล คือฤกษ์ที่อยู่ในหมวดฤกษ์ โจโร เทศาตรีและเพ็ชฆาต
ส่วน 18 ฤกษ์ที่เป็นมงคลที่นำมาใช้งานได้ ถ้าไม่ถูกข้อห้าม คือฤกษ์ที่อยู่ในหมวดฤกษ์ ทลิทโธ มหัทธโน ภูมิปาโล เทวี ราชา สมโณ
ฤกษ์ ๑๘ ฤกษ์นี้แหละที่เราต้องเอามาตรวจสอบกันวันต่อวันว่าทำการมงคลได้ในวันใดบ้าง จากเวลาใดถึงเวลาใด กฎเกณฑ์ที่นำมาตรวจสอบคือ
เกณฑ์กนกนารี
เกณฑ์จักขุมายา
เกณฑ์ฤกษ์มหาศูนย์
การตัดฤกษ์
แต่ก่อนอื่น คือการจะเอาฤกษ์ที่ต้องการไปทำการ เราต้องรู้ที่มาที่ไปของฤกษ์ ว่า ในวันใดพระจันทร์เสวยฤกษ์ที่เท่าใด อยู่ในหมวดฤกษ์ใด เริ่มที่เวลาใด สิ้นสุดเวลาใดให้แน่ชัด
การตรวจสอบฤกษ์ทั้ง ๓ เกณฑ์นี้ ถ้าสามารถผ่านข้อห้ามได้ทั้งหมดจะดีมาก ผ่านได้เพียง ๒ อย่างพอทำการได้ ถ้าห้าม ๒ เกณฑ์ไม่ควรทำ เรียกว่า ร้ายมากกว่าดี ต้องดีมากกว่าร้าย จึงพอลดโทษได้
สำหรับรายละเอียดข้อห้ามทั้ง กนกนารี จักขุมายา ฤกษ์มหาศูนย์ ผมจะนำมาว่ากันโดยละเอียดในโอกาสหน้า ในตอนนี้จะขอนำเรื่องการวางดวงฤกษ์ทำการมงคลมาว่ากันก่อน
การวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการ
เรื่องของการวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการ ก็เพื่อต้องการให้รู้ว่า ในฤกษ์ทำการหนึ่ง ๆ ที่ว่าดี ผ่านการตรวจสอบฤกษ์มาแล้ว มันดีเรื่องอะไรบ้าง เวลาปฐมฤกษ์และสุดฤกษ์เป็นเวลาใดของวัน เช่นเช้า สาย บ่าย เย็น ดังนี้เป็นต้น
กฎเกณฑ์ของการวางลัคนาดวงฤกษ์อย่างเต็มรูปแบบแล้วมีมากมาย แต่ที่สำคัญ ๆ พอสรุปได้ดังนี้
๑. ต้องวางลัคนาดวงฤกษ์ตามเกณฑ์กนกกุญชร ไม่ควรวางในราศีต้องห้ามเป็นอันขาด
๒. ต้องวางลัคนาดวงฤกษ์ตามข้อบังคับการวางลัคนาตามราศีธาตุ ห้ามนวางค์ต้องห้าม
๓. ห้ามวางลัคนาดวงฤกษ์เป็นอริมรณะวินาศดวงชะตาเจ้าการ
๔. ห้ามวางลัคนาดวงฤกษ์ในราศีกาลกิณีวันทำการ เช่นฤกษ์ทำการมงคลขึ้นบ้านใหม่วันอาทิตย์ แต่วางลัคนาดวงฤกษ์ในราศศีตุลย์ ดังนี้เป็นต้น
๕. ห้ามวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการมงคลในราศีกาลกิณีของเจ้าการ เช่น เจ้าการเกิดวันศุกร์ ไม่ควรวางลัคนาฤกษ์ในราศีกุมภ์
๖. ไม่ควรวางลัคนาดวงฤกษ์ให้เกาะนวางค์กาลกิณีของวันทำการหรือนวางค์กาลกิณีของวันเกิดเจ้าการ ถ้าจำเป็นให้วางเกาะนวางค์ปุชั้น ๑ เพื่อป้องกันเหตุร้าย
๗. ไม่ควรวางลัคนาดวงฤกษ์ให้ พฤหัสบดี ๕ จันทร์ ๒ และอาทิตย์ ๑ เป็นอริมรณะวินาศ
๘. ไม่วางลัคนาดวงฤกษ์ทำการมงคลให้เสาร์ ๗ หรือราหู ๘ จร ทับหรือเล็งลัคน์
๙. ไม่วางลัคนาดวงฤกษ์มงคลให้พฤหัสบดี ๕ จรอยู่ในเรือนอริมรณะวินาศ
๑๐.ไม่ควรวางลัคนาดวงฤกษ์มงคลให้ดาวกาลกิณีวันทำการกุมลัคน์
๑๑.ไม่วางลัคนาดวงฤกษ์ให้ดาวกิจการที่ต้องการในดวงฤกษ์เสีย
๑๒. ต้องวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการมงคลให้สัมพันธ์ดีกับดาวพฤหัสบดี ๕ จรนานที่สุดเท่าที่จะ
ทำได้
๑๓. ห้ามวางลัคนาฤกษ์มงคลเกาะนวางลูกพิษต่าง ๆ
๑๔. ห้ามวางลัคนาฤกษ์มงคลเกาะนวางค์ที่เป็นฉินทฤกษ์
สรุปแล้วการวางลัคนาดวงฤกษ์มงคลมีข้อที่ต้องระวังมาก จนแทบจะวางลัคนาดวงฤกษ์ไม่ได้เลย เราจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าทำอะไรแบบขอไปที หรือเพียงต้องการผลประโยชน์ที่จะได้รับ
โดยเฉพาะฤกษ์ทำการมงคลที่เจ้าของกิจการต้องใช้การลงทุนมาก เช่นการลงทุนเปิดโรงงานที่ต้องใช้ทุนเป็น 10 ล้าน 100 ล้าน
ผมเคยประสบมา โหรผู้ให้ฤกษ์ระดับครูบาอาจารย์ที่กำลังดังกระฉ่อนอยู่ขณะนี้ วางลัคนาดวงฤกษ์ไว้ในราศีกรกฏร่วมกับพฤหัสบดี ๕ จร ในระยะไม่นานนักเสาร์ ๗ จรเข้าราศีมังกรเล็งลัคนาดวงฤกษ์ พฤหัสบดี ๕ อยู่ 1 ปี แต่เสาร์ ๗ จรเล็ง 2 ปีครึ่ง เรียกว่ากิจการอยู่ปีเดียว พอพฤหัสบดี ๕ ย้ายทุกอย่างก็เรียบร้อย นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่โหรพึงระวัง (มีต่อ)
เมื่อนำหลัการตรวจสอบฤกษ์ทำการและหลักการวางลัคนาดวงฤกษ์มงคลมาชั่งน้ำหนักแล้ว การวางลัคนาดวงฤกษ์เป็นสิ่งทีต้องระวังมากที่สุด และแน่นอนจะต้องเป็นการยากเย็นแสนเข็ญสำหรับคนมือยังใหม่
แต่จะอย่างไรก็ตามผมยังยืนยันว่า สิ่งที่ยากเย็นเหล่านั้น เราก็ทำให้ง่ายขึ้นมาได้
โดยการพยายามเปิดดูปฏิทินดาวจรประจำวันบ่อย ๆ ยิ่งถ้าเป็นไดอารี่ส์ของ อาจารย์ ทองเจือ อ่างแก้วจะดีมาก เพราะท่านเขียนดาวจรประจำราศีทุกวัน ถ้าวันใดเห็นอาทิตย์ ๑ เกาะกลุ่มอยู่กับดาวพุธ ๔ ดาวศุกร์ ๖ ถ้าทำการวันพฤหัสบดีจะดีมาก เพราะเราจะได้ดาวมนตรีและดาวเดชกุมลัคน์ดวงฤกษ์ ถ้าวางลัคนาดวงฤกษ์ในราศีพิจิกได้ ก็จะได้ดวงฤกษ์อสีติธาตุ ดังนี้เป็นต้น
แต่ถ้าทำการในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์เราก็จะได้ดาวศรีและกาลีกุมลัคนาดวงฤก์ทันที สามารถทำให้ดวงฤกษ์ทำการเสื่อมได้ เช่นถ้าทำการวันเสาร์ จะเสื่อมเรื่องการประชาสัมพันธ์ ถ้าทำการวันอาทิตย์จะเสื่อมเรื่องการเงินและความรัก
เมื่อสังเกตุดาวประจำวันคล่องแคล่วแล้ว ให้ดูว่าวันทำการนั้นเป็นวันที่พระจันทร์เสวยฤกษ์อะไร เกณฑ์กนกกุญชรให้วางลัคนาราศีอะไร ห้ามราศีอะไร สำหรับราศีที่ไม่ส่งเสริมว่าดี และไม่ห้าม ถ้าจะวางลัคนาในราศีนั้นโดยมีดาวอื่นประกอบดีก็ทำได้ ให้ลองวางลัคน์ดวงฤกษ์ก่อนแล้วค่อยไปตรวจข้อห้ามต่าง ๆ ในภายหลัง ถ้าดวงฤกษ์ออกมาไม่ดีก็เปลี่ยนวันใหม่ได้
เกณฯฑ์กนกนารี
เกณฑ์นี้เป็นเกณฑ์การตรวจสอบฤกษ์ทำการโดยตรง ว่าฤกษ์ทำการที่จะนำมาใช้ ในวันใด ๆ นั้นเขามีข้อห้ามหรือข้อส่งเสริมไว้อย่างไรบ้าง ไม่ใช่พอเห็นว่าเป็นฤกษ์ดี ๆ แล้วจะใช้ได้ทุกวัน
ขอยกตัวอย่างดังนี้
เช่นจะทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในวันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552
ในวันนั้นพระจันทร์เสวยฤกษ์ที่ 13 หมวดภูมิปาโลฤกษ์
ตามเกณฑ์กนกนารีเขาให้ทำการได้ใน วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร เท่านั้น
วันเสาร์ ต้องห้าม ทำไม่ได้ ถ้าขืนทำการในวันเสาร์จะมีโทษ "ทำการนานไปไฟจะไหม้แล(จะเจ็บไข้แล)
จะเห็นได้ว่าไม่ใช่พอเป็นฤกษ์ที่อยู่ในหมวดภูมิปาโลฤกษ์ซึ่งถือเป็นหมวดฤกษ์ที่ดี แล้วจะทำการได้เสมอไป
เกฏกณฑ์ข้อห้าม "กนกนารี" ระบุโทษไว้ชัดเจนและรุนแรง ถ้าใครฝ่าฝืนจะมีโทษแน่ ไม่ตกแก่ผู้ใช้ฤกษ์ก็จะตกแก่คนให้ฤกษ์
เกณฑ์จักขุมายา
เกณฑ์จักขุมายา เป็นอีกอย่างหนึ่งที่นำตรวจสอบฤกษ์ ว่าฤกษ์ใดบ้างที่ทำการได้ในวันนั้น ๆ การตรวจให้นำฤกษ์ที่จะทำการมาบวกกับเกณฑ์วัน ในวันที่จะทำการ แล้วหารด้วย 7 ถ้ามีเศษ 1-2-3 ห้ามทำการ เศษ 4-5-6-7 ทำการได้
ตามตัวอย่างข้างบน ฤกษ์ที่จะทำการคือ ฤกษ์ที่ 13 ในหมวดภูมิปาโล เกณฑ์ประจำวันเสาร์ 3 เมื่อบวกกับฤกษ์ทำการแล้วจะได้ 16 หารด้วย 7 เหลือเศษ 2 ห้ามทำการ ตำนานฤกษ์บอกว่า "กาฬกิณีแสนเข็ญ"
เกณฑ์ฤกษ์มหาศูนย์
เกณฑ์ฤกษ์มหาศูนย์ เป็นอีกเกณฑ์หนึ่งที่นำมาตรวจสอบฤกษ์ที่จะทำการว่าดีหรือไม่ดี หลักใหญ่มีข้อบังคับว่าให้ดูพระอาทิตย์ในวันจะทำการสถิตราศีใด จะห้ามฤกษ์เอาไว้เลย ไม่ต้องต้องไปคิดคำนวณ
ตามตัวอย่างที่กล่าวไว้ว่า ทำการในวันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552
ในวันดังกล่าวอาทิตย์ ๑ โคจรอยู่ในราศีมังกร ห้ามทำการฤกษ์ที่ 2 คือฤกษ์ในหมวดมหัทธโน
แต่ในวันที่จะทำการเป็นฤกษ์ 13 ดังนั้นถือว่าทำการได้ ไม่ต้องห้าม
ดังที่กล่าวไว้ กฏเกณฑ์การตรวจสอบฤกษ์ 3 อย่าง คือ กนกนารี จักขุมายา และฤกษ์มหาศูนย์
ถ้าดี 3 ข้อจะดีมาก ทำการได้ดี
ถ้าดี 2 ทำการได้ดีพอใช้
ถ้าดี 1 ห้ามทำการ
ทีนี้เมื่อผ่านการตรวจสอบฤกษ์ที่จะทำการว่าดีหรือไม่ครบ 3 ขบวนการแล้ว
ก็มาถึงขั้นตอนการวางดวงฤกษ์
วางลัคนาดวงฤกษ์ตามเกณฑ์กนกกุญชรการ
การวางลัคนาดวงฤกษ์ ย่อมต้องมาจากเวลาปฐมฤกษ์ มิฉะนั้นจะวางลัคนาดวงฤกษ์ไม่ได้ เช่นเดียวกับคนที่ไม่มีเวลาเกิดก็ย่อมวางดวงชะตาของคน ๆ นั้นไม่ได้
การให้ฤกษ์ทำการ เท่าที่เห็นมา น้อยรายที่ใช้กฎเกณฑ์ตามรูปแบบที่ท่านบูรพาจารย์กำหนดไว้
· การตรวจสอบฤกษ์ทำการ
· การวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการ
การตรวจสอบฤกษ์ทำการ
เรื่องนี้อธิบายได้ว่า ฤกษ์ที่เราสามารถนำมาทำการได้ ทั้งหมดมีอยู่ ๒๗ ฤกษ์ ๆ ที่ ๑-๒๗ เรียกต่าง ๆ กัน ฤกษ์เหล่านี้เกิดจากการที่พระจันทร์ที่เราเห็นอยู่บนท้องฟ้า โคจรรอบโลก พระจันทร์มีอัตราการโคจรรอบโลกรอบหนึ่ง ประมาณ ๓๐ วัน
ใน ๓๐ วันที่ว่านี้พระจันทร์ต้องผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ไปด้วย ๒๗ กลุ่ม แต่ผมจะไม่นำมากล่าวในตอนนี้ ท่านผู้อ่านคนใดใจร้อนอยากรู้ต้องไปหาตำรามาอ่านเอง ซึ่งมีอยู่มากมาย หรือจะอดใจรอผมนำมาแจงให้ฟังในวันหลังได้ก็ตามใจ
ฤกษ์ทำการ ๒๗ ฤกษ์นี้ จะนำมาใช้ทั้งหมดไม่ได้ เพราะบางฤกษ์เป็นฉินทฤกษ์เป็นฤกษ์ต้องห้าม บางตำราก็ว่าเป็นฤกษ์อกแตก ที่อกแตกเพราะบาทฤกษ์ที่มีอยู่ ฤกษ์ละ ๔ บาทฤกษ์นั้น มันไปคาบเกี่ยวอยู่ใน ๒ ราศี ก็เลยกลายเป็นฤกษ์ที่มีอยู่ ๒ ธาตุ คือไฟผสมดิน ดินผสมลม ลมผสมน้ำ ซึ่งถ้าเราคิดให้เป็นธรรมชาติแล้ว จะเห็นว่าผสมกันไม่ได้จริง ๆ ที่ถูกคอกัน ไฟต้องผสมกับลม ดินต้องผสมกับน้ำ
แต่ผมเห็นบางคนนิยมใช้กัน ผมลองหน้าด้านฝ่าฝืนคำครูบาอาจารย์ใช้บ้าง ปรากฏผลไม่ได้เรื่อง
ฤกษ์อกแตกหรือฉินทฤกษ์ที่ว่านี้มีอยู่ ๙ ฤกษ์ คือฤกษ์ที่ ๓-๑๒-๒๑-๕-๑๔-๒๓-๗-๑๖-๒๕ รวมแล้ว ๙ ฤกษ์พอดี เมื่อหักลบกันแล้ว ฤกษ์ที่นำมาทำการมงคลได้ ๑๘ ฤกษ์ นอกนั้นผมถือว่าเป็นฤกษ์อัปมงคล
ฉินทฤกษ์ที่ผมถือว่าเป็นฤกษ์อัปมงคล คือฤกษ์ที่อยู่ในหมวดฤกษ์ โจโร เทศาตรีและเพ็ชฆาต
ส่วน 18 ฤกษ์ที่เป็นมงคลที่นำมาใช้งานได้ ถ้าไม่ถูกข้อห้าม คือฤกษ์ที่อยู่ในหมวดฤกษ์ ทลิทโธ มหัทธโน ภูมิปาโล เทวี ราชา สมโณ
ฤกษ์ ๑๘ ฤกษ์นี้แหละที่เราต้องเอามาตรวจสอบกันวันต่อวันว่าทำการมงคลได้ในวันใดบ้าง จากเวลาใดถึงเวลาใด กฎเกณฑ์ที่นำมาตรวจสอบคือ
เกณฑ์กนกนารี
เกณฑ์จักขุมายา
เกณฑ์ฤกษ์มหาศูนย์
การตัดฤกษ์
แต่ก่อนอื่น คือการจะเอาฤกษ์ที่ต้องการไปทำการ เราต้องรู้ที่มาที่ไปของฤกษ์ ว่า ในวันใดพระจันทร์เสวยฤกษ์ที่เท่าใด อยู่ในหมวดฤกษ์ใด เริ่มที่เวลาใด สิ้นสุดเวลาใดให้แน่ชัด
การตรวจสอบฤกษ์ทั้ง ๓ เกณฑ์นี้ ถ้าสามารถผ่านข้อห้ามได้ทั้งหมดจะดีมาก ผ่านได้เพียง ๒ อย่างพอทำการได้ ถ้าห้าม ๒ เกณฑ์ไม่ควรทำ เรียกว่า ร้ายมากกว่าดี ต้องดีมากกว่าร้าย จึงพอลดโทษได้
สำหรับรายละเอียดข้อห้ามทั้ง กนกนารี จักขุมายา ฤกษ์มหาศูนย์ ผมจะนำมาว่ากันโดยละเอียดในโอกาสหน้า ในตอนนี้จะขอนำเรื่องการวางดวงฤกษ์ทำการมงคลมาว่ากันก่อน
การวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการ
เรื่องของการวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการ ก็เพื่อต้องการให้รู้ว่า ในฤกษ์ทำการหนึ่ง ๆ ที่ว่าดี ผ่านการตรวจสอบฤกษ์มาแล้ว มันดีเรื่องอะไรบ้าง เวลาปฐมฤกษ์และสุดฤกษ์เป็นเวลาใดของวัน เช่นเช้า สาย บ่าย เย็น ดังนี้เป็นต้น
กฎเกณฑ์ของการวางลัคนาดวงฤกษ์อย่างเต็มรูปแบบแล้วมีมากมาย แต่ที่สำคัญ ๆ พอสรุปได้ดังนี้
๑. ต้องวางลัคนาดวงฤกษ์ตามเกณฑ์กนกกุญชร ไม่ควรวางในราศีต้องห้ามเป็นอันขาด
๒. ต้องวางลัคนาดวงฤกษ์ตามข้อบังคับการวางลัคนาตามราศีธาตุ ห้ามนวางค์ต้องห้าม
๓. ห้ามวางลัคนาดวงฤกษ์เป็นอริมรณะวินาศดวงชะตาเจ้าการ
๔. ห้ามวางลัคนาดวงฤกษ์ในราศีกาลกิณีวันทำการ เช่นฤกษ์ทำการมงคลขึ้นบ้านใหม่วันอาทิตย์ แต่วางลัคนาดวงฤกษ์ในราศศีตุลย์ ดังนี้เป็นต้น
๕. ห้ามวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการมงคลในราศีกาลกิณีของเจ้าการ เช่น เจ้าการเกิดวันศุกร์ ไม่ควรวางลัคนาฤกษ์ในราศีกุมภ์
๖. ไม่ควรวางลัคนาดวงฤกษ์ให้เกาะนวางค์กาลกิณีของวันทำการหรือนวางค์กาลกิณีของวันเกิดเจ้าการ ถ้าจำเป็นให้วางเกาะนวางค์ปุชั้น ๑ เพื่อป้องกันเหตุร้าย
๗. ไม่ควรวางลัคนาดวงฤกษ์ให้ พฤหัสบดี ๕ จันทร์ ๒ และอาทิตย์ ๑ เป็นอริมรณะวินาศ
๘. ไม่วางลัคนาดวงฤกษ์ทำการมงคลให้เสาร์ ๗ หรือราหู ๘ จร ทับหรือเล็งลัคน์
๙. ไม่วางลัคนาดวงฤกษ์มงคลให้พฤหัสบดี ๕ จรอยู่ในเรือนอริมรณะวินาศ
๑๐.ไม่ควรวางลัคนาดวงฤกษ์มงคลให้ดาวกาลกิณีวันทำการกุมลัคน์
๑๑.ไม่วางลัคนาดวงฤกษ์ให้ดาวกิจการที่ต้องการในดวงฤกษ์เสีย
๑๒. ต้องวางลัคนาดวงฤกษ์ทำการมงคลให้สัมพันธ์ดีกับดาวพฤหัสบดี ๕ จรนานที่สุดเท่าที่จะ
ทำได้
๑๓. ห้ามวางลัคนาฤกษ์มงคลเกาะนวางลูกพิษต่าง ๆ
๑๔. ห้ามวางลัคนาฤกษ์มงคลเกาะนวางค์ที่เป็นฉินทฤกษ์
สรุปแล้วการวางลัคนาดวงฤกษ์มงคลมีข้อที่ต้องระวังมาก จนแทบจะวางลัคนาดวงฤกษ์ไม่ได้เลย เราจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าทำอะไรแบบขอไปที หรือเพียงต้องการผลประโยชน์ที่จะได้รับ
โดยเฉพาะฤกษ์ทำการมงคลที่เจ้าของกิจการต้องใช้การลงทุนมาก เช่นการลงทุนเปิดโรงงานที่ต้องใช้ทุนเป็น 10 ล้าน 100 ล้าน
ผมเคยประสบมา โหรผู้ให้ฤกษ์ระดับครูบาอาจารย์ที่กำลังดังกระฉ่อนอยู่ขณะนี้ วางลัคนาดวงฤกษ์ไว้ในราศีกรกฏร่วมกับพฤหัสบดี ๕ จร ในระยะไม่นานนักเสาร์ ๗ จรเข้าราศีมังกรเล็งลัคนาดวงฤกษ์ พฤหัสบดี ๕ อยู่ 1 ปี แต่เสาร์ ๗ จรเล็ง 2 ปีครึ่ง เรียกว่ากิจการอยู่ปีเดียว พอพฤหัสบดี ๕ ย้ายทุกอย่างก็เรียบร้อย นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่โหรพึงระวัง (มีต่อ)
เมื่อนำหลัการตรวจสอบฤกษ์ทำการและหลักการวางลัคนาดวงฤกษ์มงคลมาชั่งน้ำหนักแล้ว การวางลัคนาดวงฤกษ์เป็นสิ่งทีต้องระวังมากที่สุด และแน่นอนจะต้องเป็นการยากเย็นแสนเข็ญสำหรับคนมือยังใหม่
แต่จะอย่างไรก็ตามผมยังยืนยันว่า สิ่งที่ยากเย็นเหล่านั้น เราก็ทำให้ง่ายขึ้นมาได้
โดยการพยายามเปิดดูปฏิทินดาวจรประจำวันบ่อย ๆ ยิ่งถ้าเป็นไดอารี่ส์ของ อาจารย์ ทองเจือ อ่างแก้วจะดีมาก เพราะท่านเขียนดาวจรประจำราศีทุกวัน ถ้าวันใดเห็นอาทิตย์ ๑ เกาะกลุ่มอยู่กับดาวพุธ ๔ ดาวศุกร์ ๖ ถ้าทำการวันพฤหัสบดีจะดีมาก เพราะเราจะได้ดาวมนตรีและดาวเดชกุมลัคน์ดวงฤกษ์ ถ้าวางลัคนาดวงฤกษ์ในราศีพิจิกได้ ก็จะได้ดวงฤกษ์อสีติธาตุ ดังนี้เป็นต้น
แต่ถ้าทำการในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์เราก็จะได้ดาวศรีและกาลีกุมลัคนาดวงฤก์ทันที สามารถทำให้ดวงฤกษ์ทำการเสื่อมได้ เช่นถ้าทำการวันเสาร์ จะเสื่อมเรื่องการประชาสัมพันธ์ ถ้าทำการวันอาทิตย์จะเสื่อมเรื่องการเงินและความรัก
เมื่อสังเกตุดาวประจำวันคล่องแคล่วแล้ว ให้ดูว่าวันทำการนั้นเป็นวันที่พระจันทร์เสวยฤกษ์อะไร เกณฑ์กนกกุญชรให้วางลัคนาราศีอะไร ห้ามราศีอะไร สำหรับราศีที่ไม่ส่งเสริมว่าดี และไม่ห้าม ถ้าจะวางลัคนาในราศีนั้นโดยมีดาวอื่นประกอบดีก็ทำได้ ให้ลองวางลัคน์ดวงฤกษ์ก่อนแล้วค่อยไปตรวจข้อห้ามต่าง ๆ ในภายหลัง ถ้าดวงฤกษ์ออกมาไม่ดีก็เปลี่ยนวันใหม่ได้
เกณฯฑ์กนกนารี
เกณฑ์นี้เป็นเกณฑ์การตรวจสอบฤกษ์ทำการโดยตรง ว่าฤกษ์ทำการที่จะนำมาใช้ ในวันใด ๆ นั้นเขามีข้อห้ามหรือข้อส่งเสริมไว้อย่างไรบ้าง ไม่ใช่พอเห็นว่าเป็นฤกษ์ดี ๆ แล้วจะใช้ได้ทุกวัน
ขอยกตัวอย่างดังนี้
เช่นจะทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในวันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552
ในวันนั้นพระจันทร์เสวยฤกษ์ที่ 13 หมวดภูมิปาโลฤกษ์
ตามเกณฑ์กนกนารีเขาให้ทำการได้ใน วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร เท่านั้น
วันเสาร์ ต้องห้าม ทำไม่ได้ ถ้าขืนทำการในวันเสาร์จะมีโทษ "ทำการนานไปไฟจะไหม้แล(จะเจ็บไข้แล)
จะเห็นได้ว่าไม่ใช่พอเป็นฤกษ์ที่อยู่ในหมวดภูมิปาโลฤกษ์ซึ่งถือเป็นหมวดฤกษ์ที่ดี แล้วจะทำการได้เสมอไป
เกฏกณฑ์ข้อห้าม "กนกนารี" ระบุโทษไว้ชัดเจนและรุนแรง ถ้าใครฝ่าฝืนจะมีโทษแน่ ไม่ตกแก่ผู้ใช้ฤกษ์ก็จะตกแก่คนให้ฤกษ์
เกณฑ์จักขุมายา
เกณฑ์จักขุมายา เป็นอีกอย่างหนึ่งที่นำตรวจสอบฤกษ์ ว่าฤกษ์ใดบ้างที่ทำการได้ในวันนั้น ๆ การตรวจให้นำฤกษ์ที่จะทำการมาบวกกับเกณฑ์วัน ในวันที่จะทำการ แล้วหารด้วย 7 ถ้ามีเศษ 1-2-3 ห้ามทำการ เศษ 4-5-6-7 ทำการได้
ตามตัวอย่างข้างบน ฤกษ์ที่จะทำการคือ ฤกษ์ที่ 13 ในหมวดภูมิปาโล เกณฑ์ประจำวันเสาร์ 3 เมื่อบวกกับฤกษ์ทำการแล้วจะได้ 16 หารด้วย 7 เหลือเศษ 2 ห้ามทำการ ตำนานฤกษ์บอกว่า "กาฬกิณีแสนเข็ญ"
เกณฑ์ฤกษ์มหาศูนย์
เกณฑ์ฤกษ์มหาศูนย์ เป็นอีกเกณฑ์หนึ่งที่นำมาตรวจสอบฤกษ์ที่จะทำการว่าดีหรือไม่ดี หลักใหญ่มีข้อบังคับว่าให้ดูพระอาทิตย์ในวันจะทำการสถิตราศีใด จะห้ามฤกษ์เอาไว้เลย ไม่ต้องต้องไปคิดคำนวณ
ตามตัวอย่างที่กล่าวไว้ว่า ทำการในวันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552
ในวันดังกล่าวอาทิตย์ ๑ โคจรอยู่ในราศีมังกร ห้ามทำการฤกษ์ที่ 2 คือฤกษ์ในหมวดมหัทธโน
แต่ในวันที่จะทำการเป็นฤกษ์ 13 ดังนั้นถือว่าทำการได้ ไม่ต้องห้าม
ดังที่กล่าวไว้ กฏเกณฑ์การตรวจสอบฤกษ์ 3 อย่าง คือ กนกนารี จักขุมายา และฤกษ์มหาศูนย์
ถ้าดี 3 ข้อจะดีมาก ทำการได้ดี
ถ้าดี 2 ทำการได้ดีพอใช้
ถ้าดี 1 ห้ามทำการ
ทีนี้เมื่อผ่านการตรวจสอบฤกษ์ที่จะทำการว่าดีหรือไม่ครบ 3 ขบวนการแล้ว
ก็มาถึงขั้นตอนการวางดวงฤกษ์
วางลัคนาดวงฤกษ์ตามเกณฑ์กนกกุญชรการ
การวางลัคนาดวงฤกษ์ ย่อมต้องมาจากเวลาปฐมฤกษ์ มิฉะนั้นจะวางลัคนาดวงฤกษ์ไม่ได้ เช่นเดียวกับคนที่ไม่มีเวลาเกิดก็ย่อมวางดวงชะตาของคน ๆ นั้นไม่ได้