ถ้าพูดถึงฟิลิปปินส์แล้ว ทุกคนคงนึกถึงเกาะหลายๆเกาะ ประเทศที่โดนมรสุมมากมาย เมืองที่รถติด และยังไม่ได้เจริญมากและเป็นประเทศที่คนไทยยังไม่ค่อยสนใจเดินทางไปมากนัก เพราะจุดเด่นคงเป็นทะเลซึ่งคล้ายๆกับบ้านเราครับ แต่คงไม่ค่อยมีใครเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักเมืองนี้กันมาก่อน นั่นคือเมือง บาตาเนส เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศฟิลิปปินส์ครับ โดยอยู่ห่างจากเมืองหลวงนั่นคือ กรุงมะนิลา ประมาณ 1ชั่วโมง โดยเครื่องบิน เพราะภูมิประเทศนั้นเป็นเกาะเล็กๆ แยกออกมาจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งทำให้มีฝนตกลงมาบ่อย แต่ตกไม่นานก็หยุด และยังมีเกาะใกล้ๆซึ่งชื่อว่า เกาะ sabtang ซึ่งเราก็จะไปสำรวจเกาะนี้กันด้วย
เราเริ่มเดินทางจากกรุงเทพมาที่ กรุงมะนิลา แล้วหลังจากนั้นก็ต่อเครื่องไปลงเกาะ Batanes ที่เมืองหลักคือ Basco โดย Flight เป็นตามนี้ครับ
เส้นทาง เที่ยวบิน เวลาออก เวลาถึง
BKK-MNL PR 733 22.50 03.15
MNL-BSO PR 2084 06.00 07.45
BSO-MNL PR 2085 08.10 09.50
MNL-BKK PR 736 14.15 16.45
สายการบินที่เดินทางมีทั้งหมด 5 สายการบิน โดย เรานั่งสายการบิน Philippine Airline ซึ่งเป็นสายการบินเดียวที่เดินทางไปยังเกาะ Batanes นอกนั้นจะเป็นแบบ เหมาลำหมด
โดยแผนของเรานั้นจะเดินทางไปยัง Batanes และ Subtang ครับ เป็นเวลา 4วัน 3คืน
ถึงแม้ Batanes จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีสถานที่ที่เป็นธรรมชาติสวยๆมากมาย ซึ่งทุกท่านลองติดตามชมได้ต่อจากนี้
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ามาที่นี่รอบนี้ เราใช้บริการของทัวร์ในการเดินทางมาโดย เดินทางมากับบริษัท Quality Express
เดินทางจากกรุงมะนิลาถึงสนามบิน Batanes สนามบินที่นี่ยังไม่เจริญและไม่ทันสมัยเลย ไม่มีด่านตม. เป็นสนามบินเล็กๆ ผู้คนน้อยมาก ไม่มีสายพานรับกระเป๋า ถึงแล้วพนักงานก็เอากระเป๋าลงจากเครื่องแล้วเอามาส่งให้ทีละคน เพราะสนามบินนี้มีแค่ Domestic เท่านั้น ประมาณว่าคุณลงเครื่องยืนรอกระเป๋าตรงเครื่องแล้ว ลากเข้ามาเองเลย ไม่ต้องรอกระเป๋าให้เสียเวลา ต่างคนต่างหยิบเลย
หลังจากรับกระเป๋าหมดแล้ว เราก็เดินทางไปที่พักเก็บของ รับประทานอาหารเช้า และพักผ่อนกันสักพัก หลังจากนั้นตอนเที่ยงเราก็เริ่มเดินทางกัน โดยไปรับประทานอาหารกลางวันก่อน แล้วก็เดินทางไปยังสถานที่แรกนั่นก็คือ Mt. carmel chapel เป็นโบสถ์ที่มีลักษณะคล้ายบ้านหิน หลังคาของโบสถ์นั้นทำมาจากคอนกรีตอิฐแดงและยังเป็นโบสถ์แห่งแรกของเกาะนี้อีกด้วย

ด้านในตัวโบสถ์

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปยังหลุมหลบภัยของชาวญี่ปุ่นหรือ Japanese Tunnel ซึ่งหลุมนี้สร้างขึ้นในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งภายในจะมีห้องแบ่งออกเป็นห้าห้อง ด้านในนั้นมืดมาก

แต่หลังจากเดินจนทะลุอุโมงค์ออกมาอีกด้านนึง เรากลับเห็นวิวอันสุดงดงามที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ซึ่งยังสามารถมองเห็นวิวทะเลที่สวยงามและยังสามารถมองเห็นสนามบินได้อีกด้วย

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปยังหาดทรายหิน ซึ่งหินจำนวนมากเหล่านี้ก็มาจากการปะทุของภูเขาไฟ ทั้งยังสวยงามและเงียบสงบมาก
[img]http://f.ptcdn.info/120/044/000/o9tzhd2tdCpBNBrtAwe-o.jpg
[/img]

หลักจากนั้นก็เดินทางไปยัง Basco light house ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์อีกแห่งนึงของเกาะนี้ โดยด้านบนนั้นสามารถมองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงาม ทั้งทุ่งหญ้าและทะเลอันกว้างใหญ่ และยังมองเห็นตัวเมือง Basco ได้อีกด้วย

ฟ้าเริ่มมืด ฝนเริ่มจะตกอีกแล้ววว

หลังจากนั้นพวกเราก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อน แล้วก็ออกมาทานอาหารค่ำ เมืองนี้นั้นยังไม่มีผับ บาร์อะไรเลย พอตกดึกทุกคนก็ต่างแยกย้ายพักผ่อน รถประจำทาง แท็กซี่ก็ไม่มี ถนนหนทางโล่งมาก กิจกรรมตอนดึกคงมีแค่ดูดาวเท่านั้น
วันที่สอง เราเดินทางออกแต่เช้าเพื่อไปยังท่าเรือของเกาะ เพื่อนั่งเรือ Ferry ข้ามไปยังเกาะ Subtang เกาะนี้จะอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ Batanes โดยจะมีเรือจาก Batanes ออกไปยัง Subtang คือช่วงเช้า 8 โมง และกลับตอนประมาณ บ่ายโมง ระยะเวลาข้ามเกาะประมาณ 30 นาทีครับ

ถนนหนทางของเกาะนี้

รูปทรงของบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะนี้
หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังเนินเขาของเขตที่ชื่อว่า Chavayan ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก มีความผสมของไอซ์แลนด์และนิวซีแลนด์รวมกัน ทุ้งหญ้ากว้าวเขียวสวยสดงดงาม หน้าผา หาดขาวงาม และน้ำทะเลใสๆ เห็นวิวไกลๆเป็นภูเขาที่งดงามตามรูป

หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นที่หาดทรายสีขาวอันสวยงาม เงียบสงบมาก เพื่อรอเดินทางกลับเกาะหลัก

น้ำใสมากๆ
หลังจากนั้นก็นั่งเรือกลับเกาะ Basco เกาะที่เราพักกัน ระหว่างทางแวะซื้ออาหารเพื่อจะมาทำกัน โดยอาหารหลักที่หาง่ายและไม่แพง แต่เป็นของแพงที่เมืองไทยนั่นคือ กุ้งLobster ซึ่งพวกเราซื้อมาตัวนี้ 3กิโลกรัม ราคาเพียงแค่ 1600 บาทเท่านั้น โดยกุ้ง Lobster นี้เอามานึ่งแล้วเอาหัวไปทำข้าวต้มอร่อยมาก หรือจะทำเป็น ซาซิมิก็รสชาติเด็ดมากครับ มีโอกาสไปต้องไปชิม Lobster ที่นี่นะครับ

ใหญ่กว่าแขนอีกครัชชช
วันที่ 3 พวกเราจะเดินทางไปทางใต้ของเกาะ Basco แต่จะแวะ Basco hill ทางเหนือก่อนเนื่องจากวันแรกฝนตก จึงไม่มีเวลาไป โดยที่ Basco hill นั้น เราจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่ สวยงามและวิวทะเลอันเงียบสงบเป็นสีน้ำเงินงดงาม เหมือนดัง นิวซีแลนด์เลย

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปเกาะใต้ ไปชมท่าจอดเรือของเรือประมง ซึ่งจุดๆนี้เมื่อช่วงหน้า มรสุม จุดแห่งนี้จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีหน้าผาสูงป้องกันลม

หลังจากนั้นก็ไปชมวิวจากทางใต้ของเกาะ ซึ่งเรามองเห็นทิวทัศน์อันสวยงาม เห็นทั้งเนินเขา หน้าผา งดงามไปทุกแห่งจริงๆ

หลังจากนั้นก็เดินทางไปทานอาหารกลางวัน โดยร้านอาหารกลางวันนี้ยังได้พบเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม เขียวขจีอีกด้วย ประมาณว่าไปไหนก็พบกับวิวที่เป็นทุ่งหญ้า เนินเขา เขียวขจี ที่ติดกับทะเล ทำให้เรามีสีเขียว น้ำเงินตลอดข้างทาง สวยงามมากๆ อีกทั้งยังไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวที่นี่ การได้รูปเดี่ยว เป็นอะไรที่ง่ายมากๆ และอากาศยังดีบริสุทธิ์อีกด้วย
หากใครที่ต้องการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว หรืออยากพาคู่รักมาชมความงดงามธรรมชาติที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เกาะบาตาเนสนั้นถือว่าเป็นอีกสถานที่นึงที่น่าสนใจมากครับ เพราะเกาะนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงและยังไม่เจริญวุ่นวายครับ
[CR] ๊Unseen Asia สวรงสวรรค์ ดินแดนแห่งความงาม นิวซีแลนด์ของเอเชีย เมืองบาตาเนส ประเทศฟิลิปปินส์
เราเริ่มเดินทางจากกรุงเทพมาที่ กรุงมะนิลา แล้วหลังจากนั้นก็ต่อเครื่องไปลงเกาะ Batanes ที่เมืองหลักคือ Basco โดย Flight เป็นตามนี้ครับ
เส้นทาง เที่ยวบิน เวลาออก เวลาถึง
BKK-MNL PR 733 22.50 03.15
MNL-BSO PR 2084 06.00 07.45
BSO-MNL PR 2085 08.10 09.50
MNL-BKK PR 736 14.15 16.45
สายการบินที่เดินทางมีทั้งหมด 5 สายการบิน โดย เรานั่งสายการบิน Philippine Airline ซึ่งเป็นสายการบินเดียวที่เดินทางไปยังเกาะ Batanes นอกนั้นจะเป็นแบบ เหมาลำหมด
โดยแผนของเรานั้นจะเดินทางไปยัง Batanes และ Subtang ครับ เป็นเวลา 4วัน 3คืน
ถึงแม้ Batanes จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีสถานที่ที่เป็นธรรมชาติสวยๆมากมาย ซึ่งทุกท่านลองติดตามชมได้ต่อจากนี้
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ามาที่นี่รอบนี้ เราใช้บริการของทัวร์ในการเดินทางมาโดย เดินทางมากับบริษัท Quality Express
เดินทางจากกรุงมะนิลาถึงสนามบิน Batanes สนามบินที่นี่ยังไม่เจริญและไม่ทันสมัยเลย ไม่มีด่านตม. เป็นสนามบินเล็กๆ ผู้คนน้อยมาก ไม่มีสายพานรับกระเป๋า ถึงแล้วพนักงานก็เอากระเป๋าลงจากเครื่องแล้วเอามาส่งให้ทีละคน เพราะสนามบินนี้มีแค่ Domestic เท่านั้น ประมาณว่าคุณลงเครื่องยืนรอกระเป๋าตรงเครื่องแล้ว ลากเข้ามาเองเลย ไม่ต้องรอกระเป๋าให้เสียเวลา ต่างคนต่างหยิบเลย
หลังจากรับกระเป๋าหมดแล้ว เราก็เดินทางไปที่พักเก็บของ รับประทานอาหารเช้า และพักผ่อนกันสักพัก หลังจากนั้นตอนเที่ยงเราก็เริ่มเดินทางกัน โดยไปรับประทานอาหารกลางวันก่อน แล้วก็เดินทางไปยังสถานที่แรกนั่นก็คือ Mt. carmel chapel เป็นโบสถ์ที่มีลักษณะคล้ายบ้านหิน หลังคาของโบสถ์นั้นทำมาจากคอนกรีตอิฐแดงและยังเป็นโบสถ์แห่งแรกของเกาะนี้อีกด้วย
ด้านในตัวโบสถ์
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปยังหลุมหลบภัยของชาวญี่ปุ่นหรือ Japanese Tunnel ซึ่งหลุมนี้สร้างขึ้นในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งภายในจะมีห้องแบ่งออกเป็นห้าห้อง ด้านในนั้นมืดมาก
แต่หลังจากเดินจนทะลุอุโมงค์ออกมาอีกด้านนึง เรากลับเห็นวิวอันสุดงดงามที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ซึ่งยังสามารถมองเห็นวิวทะเลที่สวยงามและยังสามารถมองเห็นสนามบินได้อีกด้วย
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปยังหาดทรายหิน ซึ่งหินจำนวนมากเหล่านี้ก็มาจากการปะทุของภูเขาไฟ ทั้งยังสวยงามและเงียบสงบมาก
[img]http://f.ptcdn.info/120/044/000/o9tzhd2tdCpBNBrtAwe-o.jpg
[/img]
หลักจากนั้นก็เดินทางไปยัง Basco light house ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์อีกแห่งนึงของเกาะนี้ โดยด้านบนนั้นสามารถมองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงาม ทั้งทุ่งหญ้าและทะเลอันกว้างใหญ่ และยังมองเห็นตัวเมือง Basco ได้อีกด้วย
ฟ้าเริ่มมืด ฝนเริ่มจะตกอีกแล้ววว
หลังจากนั้นพวกเราก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อน แล้วก็ออกมาทานอาหารค่ำ เมืองนี้นั้นยังไม่มีผับ บาร์อะไรเลย พอตกดึกทุกคนก็ต่างแยกย้ายพักผ่อน รถประจำทาง แท็กซี่ก็ไม่มี ถนนหนทางโล่งมาก กิจกรรมตอนดึกคงมีแค่ดูดาวเท่านั้น
วันที่สอง เราเดินทางออกแต่เช้าเพื่อไปยังท่าเรือของเกาะ เพื่อนั่งเรือ Ferry ข้ามไปยังเกาะ Subtang เกาะนี้จะอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ Batanes โดยจะมีเรือจาก Batanes ออกไปยัง Subtang คือช่วงเช้า 8 โมง และกลับตอนประมาณ บ่ายโมง ระยะเวลาข้ามเกาะประมาณ 30 นาทีครับ
ถนนหนทางของเกาะนี้
รูปทรงของบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะนี้
หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังเนินเขาของเขตที่ชื่อว่า Chavayan ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก มีความผสมของไอซ์แลนด์และนิวซีแลนด์รวมกัน ทุ้งหญ้ากว้าวเขียวสวยสดงดงาม หน้าผา หาดขาวงาม และน้ำทะเลใสๆ เห็นวิวไกลๆเป็นภูเขาที่งดงามตามรูป
หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นที่หาดทรายสีขาวอันสวยงาม เงียบสงบมาก เพื่อรอเดินทางกลับเกาะหลัก
น้ำใสมากๆ
หลังจากนั้นก็นั่งเรือกลับเกาะ Basco เกาะที่เราพักกัน ระหว่างทางแวะซื้ออาหารเพื่อจะมาทำกัน โดยอาหารหลักที่หาง่ายและไม่แพง แต่เป็นของแพงที่เมืองไทยนั่นคือ กุ้งLobster ซึ่งพวกเราซื้อมาตัวนี้ 3กิโลกรัม ราคาเพียงแค่ 1600 บาทเท่านั้น โดยกุ้ง Lobster นี้เอามานึ่งแล้วเอาหัวไปทำข้าวต้มอร่อยมาก หรือจะทำเป็น ซาซิมิก็รสชาติเด็ดมากครับ มีโอกาสไปต้องไปชิม Lobster ที่นี่นะครับ
ใหญ่กว่าแขนอีกครัชชช
วันที่ 3 พวกเราจะเดินทางไปทางใต้ของเกาะ Basco แต่จะแวะ Basco hill ทางเหนือก่อนเนื่องจากวันแรกฝนตก จึงไม่มีเวลาไป โดยที่ Basco hill นั้น เราจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่ สวยงามและวิวทะเลอันเงียบสงบเป็นสีน้ำเงินงดงาม เหมือนดัง นิวซีแลนด์เลย
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปเกาะใต้ ไปชมท่าจอดเรือของเรือประมง ซึ่งจุดๆนี้เมื่อช่วงหน้า มรสุม จุดแห่งนี้จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีหน้าผาสูงป้องกันลม
หลังจากนั้นก็ไปชมวิวจากทางใต้ของเกาะ ซึ่งเรามองเห็นทิวทัศน์อันสวยงาม เห็นทั้งเนินเขา หน้าผา งดงามไปทุกแห่งจริงๆ
หลังจากนั้นก็เดินทางไปทานอาหารกลางวัน โดยร้านอาหารกลางวันนี้ยังได้พบเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม เขียวขจีอีกด้วย ประมาณว่าไปไหนก็พบกับวิวที่เป็นทุ่งหญ้า เนินเขา เขียวขจี ที่ติดกับทะเล ทำให้เรามีสีเขียว น้ำเงินตลอดข้างทาง สวยงามมากๆ อีกทั้งยังไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวที่นี่ การได้รูปเดี่ยว เป็นอะไรที่ง่ายมากๆ และอากาศยังดีบริสุทธิ์อีกด้วย
หากใครที่ต้องการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว หรืออยากพาคู่รักมาชมความงดงามธรรมชาติที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เกาะบาตาเนสนั้นถือว่าเป็นอีกสถานที่นึงที่น่าสนใจมากครับ เพราะเกาะนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงและยังไม่เจริญวุ่นวายครับ