คอละครเวทีจะชินงานละครเพลงของดิสนีย์ ที่เอาการ์ตูนของตนมาสร้างเป็นละครเพลงบนเวที ให้ดูกันได้ทั้งครอบครัวมาหลายปี
โทนรวมๆจะออกไปทางอบอุ่น อิ่มเอิบ ให้ครอบครัวจูงมือออกจากโรงอย่างสุขสันต์
พอดรีมเวิร์คสร้างละครเพลงจากการ์ตูนของตนบ้าง ประเดิมด้วยการ์ตูน SHREK
เอกลักษณ์ความเป็นตัวตนของดรีมเวิร์คจึงชัดเจนในงานชิ้นนี้ ต่างจากงานของดิสนีย์
งานของดรีมเวิร์คจะเต็มไปด้วยมุกตลกล้อเลียนเสียดสี บ้าพลังแบบดูได้ทั้งครอบครัว
ละครเพลงล้อเลียน SHREK The Musical มีทุกอย่างตามฉบับการ์ตูนทำไว้ การล้อเลียนเทพนิยายหลายๆเรื่อง (นิทานบางเรื่องโดนเล่นจนเสียผู้เสียคน)
แต่ที่สนุกกว่าการ์ตูนในจอ คือการสร้างสรรค์โชว์สำหรับเพลงที่แต่งใหม่เพิ่มลงไป หลายช่วงของโชว์ทำได้อลังการ และ เกรียน กวน ยียวนชวนหัว
แบบร้องและบรรเลงสดๆ (ตรงนี้ต้องอาศัยทักษะนักแสดงที่เก่งมากจึงจะประสบผลสำเร็จ)
ความสนุกของละครเพลงเรื่องนี้ไม่แพ้ ละครเพลง Spamalot ของ Monty Python สร้างจากหนังของคณะตัว
ต่างกันที่ Spamalot ล้อเลียนตำนาน King Arthur ด้วยมุกตลกลีลานุ่มๆผู้ใหญ่ บางมุกคนรุ่นหลังๆอาจจะไม่เข้าใจเพราะไม่มีประสบการณ์ร่วม
ในขณะที่ Shrek บ้าพลังกว่า มุกตลกขำน้อยขำมากโรยเกลื่อนกลาดตลอดโชว์ความยาวกว่าสองชั่วโมง
นักแสดงตัวละครหลักๆถ่ายทอดตัวละครได้น่ารัก แม่นจังหวะยิงมุกตลกไม่พลาด
พลังไม่ตกเมื่อต้องร้องเพลง แสดง และเต้น ตลอดสองชั่วโมง
บางเพลงร้องยากมาก แต่นักแสดงหลักๆรองๆต่างร้องโชว์เส้นเสียงและพลังให้คนดูเสพเพลิน
ในส่วนการแสดง นักแสดงยังช่วยกันเอนเตอร์เทนคนดูด้วยไหวพริบแต่ไม่ทำให้ตัวละครและการแสดงเสียจังหวะ
เรียกว่าไม่มีปล่อยช่วงไหนให้คนดูได้นิ่งสักฉาก
ปกติโปรดักชั่นทัวร์ผมจะทำใจว่า เราอาจจะเจอนักแสดงที่เล่นดรอปเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง หรือเพราะนักแสดงตระเวนเล่นมานานแรมปีทำให้เกิดความไม่สดหรือพลังตก แต่เรื่องนี้ไม่มีเรื่องที่ว่า
ด้วยความสนุกจากนักแสดงที่เอนเตอร์เทนคนดูทุกฉาก ทำให้เราลืมว่าฉากละครและเอฟเฟคถูกทอนลงจากโปรดักชั่นดั้งเดิมไปแค่ไหน
การใช้จอดิจิตอลฉายภาพที่วาดอย่างบรรจง(สมกับเป็นงานจากดรีมเวิร์ค) และการออกแบบการเข้าออกของภาพฉากหลังแต่ละฉากไม่สะดุด
ร่วมกับแสง เสื้อผ้า การออกแบบท่าเต้นที่น่ารักๆ เทคนิคหุ่นเชิด เทคนิคเวทีอื่นๆต่างช่วยให้เวทีดูเต็มได้อย่างไม่ขัดเขิน
ขำและทึ่งที่ละครเรื่องนี้เล่นล่อล้อละครเพลงเรื่องดังหลายเรื่องมากเช่น Wicked, Dreamgirls , A Chorus Line , Les Miserable, RENT , Chicago (พัดขนนกและท่าเต้น Fosse ที่ดาร์คและเซ็กซี่กลายเป็นความยียวนแทน) และเรื่องอื่นๆสารพัดที่คนแต่งอยากพาเราเข้ารกเข้าพง ผมเต็มใจให้คนแต่งเพลงพาไปเพราะฮาแกมเพลิน คนแต่งเก่งที่ทำได้จังหวะกำลังดี ไม่จงใจใส่ยัดทะนานเลยตลกกำลังดีไม่เสียเส้นเรื่อง
นัยหนึ่งเหมือนจะบอกว่าในเมื่อเพลงในละครเรื่องนี้มันหาติดหูสู้เรื่องที่ว่าๆมาไม่ได้ ฉันขอเอาละครเพลงติดหูพวกเธอมาล้อเล่นในงานฉันแล้วกัน จะว่าแล้วงานละครเพลงชิ้นนี้ร่ำๆจะเป็น Forbidden Broadway (โชว์รีวิวล้อเลียนละครเพลงชื่อดัง)ทีเดียว
SHREK The Musical คือละครที่สลายความเครียตชั้นดี ทำให้เป็นคำคืนที่มีแต่เสียงหัวเราะ
และคนดูเดินออกจากโรงละครอย่างมีความสุขไม่แพ้ละครของดิสนีย์หลายๆเรื่อง
รีวิวส่งท้ายละครเพลง SHREK THE MUSICAL
โทนรวมๆจะออกไปทางอบอุ่น อิ่มเอิบ ให้ครอบครัวจูงมือออกจากโรงอย่างสุขสันต์
พอดรีมเวิร์คสร้างละครเพลงจากการ์ตูนของตนบ้าง ประเดิมด้วยการ์ตูน SHREK
เอกลักษณ์ความเป็นตัวตนของดรีมเวิร์คจึงชัดเจนในงานชิ้นนี้ ต่างจากงานของดิสนีย์
งานของดรีมเวิร์คจะเต็มไปด้วยมุกตลกล้อเลียนเสียดสี บ้าพลังแบบดูได้ทั้งครอบครัว
ละครเพลงล้อเลียน SHREK The Musical มีทุกอย่างตามฉบับการ์ตูนทำไว้ การล้อเลียนเทพนิยายหลายๆเรื่อง (นิทานบางเรื่องโดนเล่นจนเสียผู้เสียคน)
แต่ที่สนุกกว่าการ์ตูนในจอ คือการสร้างสรรค์โชว์สำหรับเพลงที่แต่งใหม่เพิ่มลงไป หลายช่วงของโชว์ทำได้อลังการ และ เกรียน กวน ยียวนชวนหัว
แบบร้องและบรรเลงสดๆ (ตรงนี้ต้องอาศัยทักษะนักแสดงที่เก่งมากจึงจะประสบผลสำเร็จ)
ความสนุกของละครเพลงเรื่องนี้ไม่แพ้ ละครเพลง Spamalot ของ Monty Python สร้างจากหนังของคณะตัว
ต่างกันที่ Spamalot ล้อเลียนตำนาน King Arthur ด้วยมุกตลกลีลานุ่มๆผู้ใหญ่ บางมุกคนรุ่นหลังๆอาจจะไม่เข้าใจเพราะไม่มีประสบการณ์ร่วม
ในขณะที่ Shrek บ้าพลังกว่า มุกตลกขำน้อยขำมากโรยเกลื่อนกลาดตลอดโชว์ความยาวกว่าสองชั่วโมง
นักแสดงตัวละครหลักๆถ่ายทอดตัวละครได้น่ารัก แม่นจังหวะยิงมุกตลกไม่พลาด
พลังไม่ตกเมื่อต้องร้องเพลง แสดง และเต้น ตลอดสองชั่วโมง
บางเพลงร้องยากมาก แต่นักแสดงหลักๆรองๆต่างร้องโชว์เส้นเสียงและพลังให้คนดูเสพเพลิน
ในส่วนการแสดง นักแสดงยังช่วยกันเอนเตอร์เทนคนดูด้วยไหวพริบแต่ไม่ทำให้ตัวละครและการแสดงเสียจังหวะ
เรียกว่าไม่มีปล่อยช่วงไหนให้คนดูได้นิ่งสักฉาก
ปกติโปรดักชั่นทัวร์ผมจะทำใจว่า เราอาจจะเจอนักแสดงที่เล่นดรอปเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง หรือเพราะนักแสดงตระเวนเล่นมานานแรมปีทำให้เกิดความไม่สดหรือพลังตก แต่เรื่องนี้ไม่มีเรื่องที่ว่า
ด้วยความสนุกจากนักแสดงที่เอนเตอร์เทนคนดูทุกฉาก ทำให้เราลืมว่าฉากละครและเอฟเฟคถูกทอนลงจากโปรดักชั่นดั้งเดิมไปแค่ไหน
การใช้จอดิจิตอลฉายภาพที่วาดอย่างบรรจง(สมกับเป็นงานจากดรีมเวิร์ค) และการออกแบบการเข้าออกของภาพฉากหลังแต่ละฉากไม่สะดุด
ร่วมกับแสง เสื้อผ้า การออกแบบท่าเต้นที่น่ารักๆ เทคนิคหุ่นเชิด เทคนิคเวทีอื่นๆต่างช่วยให้เวทีดูเต็มได้อย่างไม่ขัดเขิน
ขำและทึ่งที่ละครเรื่องนี้เล่นล่อล้อละครเพลงเรื่องดังหลายเรื่องมากเช่น Wicked, Dreamgirls , A Chorus Line , Les Miserable, RENT , Chicago (พัดขนนกและท่าเต้น Fosse ที่ดาร์คและเซ็กซี่กลายเป็นความยียวนแทน) และเรื่องอื่นๆสารพัดที่คนแต่งอยากพาเราเข้ารกเข้าพง ผมเต็มใจให้คนแต่งเพลงพาไปเพราะฮาแกมเพลิน คนแต่งเก่งที่ทำได้จังหวะกำลังดี ไม่จงใจใส่ยัดทะนานเลยตลกกำลังดีไม่เสียเส้นเรื่อง
นัยหนึ่งเหมือนจะบอกว่าในเมื่อเพลงในละครเรื่องนี้มันหาติดหูสู้เรื่องที่ว่าๆมาไม่ได้ ฉันขอเอาละครเพลงติดหูพวกเธอมาล้อเล่นในงานฉันแล้วกัน จะว่าแล้วงานละครเพลงชิ้นนี้ร่ำๆจะเป็น Forbidden Broadway (โชว์รีวิวล้อเลียนละครเพลงชื่อดัง)ทีเดียว
SHREK The Musical คือละครที่สลายความเครียตชั้นดี ทำให้เป็นคำคืนที่มีแต่เสียงหัวเราะ
และคนดูเดินออกจากโรงละครอย่างมีความสุขไม่แพ้ละครของดิสนีย์หลายๆเรื่อง