ตรงๆเลยนะครับ ดูละครไทยแล้วบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าความเป็นจริงเป็นอย่างนี้ มันก็ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เช่นละครเรื่องนึงที่เพิ่งเคยดู คนๆนึงถูกผู้หญิงหลอกว่ามีลูกกะตัวเอง พอเด็กคลอดออกมาก็ช่วยกันเลี้ยงตั้งแต่เกิด พอเด็กโตขึ้น(ประมาณ 7 ขวบ) มาจับได้ว่าผู้หญิงหลอกตัวเองมาตลอด จุดนี้จะทิ้งผู้หญิงไปอันนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ตะคอกไล่ลูกไปด้วยเหมือนไม่เคยมีความผูกพันธ์กันมาก่อน ความเป็นจริงเฟ้ย เลี้ยงเด็กมาถึง 5-7 ขวบนี่มันต้องรักสุดๆแล้ว ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่ลูกตัวเองก็ไม่น่าไล่ออกจากบ้านไปอย่างกะหมูกะหมา แล้วพอผู้หญิงเดินลงเรือไป(คืออยู่บ้านเป็นเกาะ) เรือเกิดระเบิด คำถามคือไม่มีอาการเสียใจแม้แต่นิดแค่หันไปมองจบแล้วเหรอ
อีกตอนคือไฟไหม้ คือห้องไฟไหม้อย่างโหมอ่ะ เออ ยังมีเวลาคุยกันเนอะคนที่ดับไฟ เอาจริงๆแล้วจะคุยอะไรกันช่วยกันดับไฟก่อนได้มั้ย ถ้าความเป็นจริงบ้านไหม้วอดหมดแล้ว
คนเขียนบทกับผู้กำกับนี่ไม่เข้าใจว่าเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตบ้างมั้ย จะกำกับหนังหรือละครให้ออกมาดีมันต้องคำนวณเวลาที่เกิดเหตุกับเหตุการไหนมาก่อนหลัง รวมถึงความรู้สึกต่างๆไปด้วย ใช่ว่าสักแต่ถ่ายให้เสร็จๆไป สุดท้ายมันก็ออกมาไม่สมบูรณ์ คนดูก็ด่า ถ้าให้ผมไปวิจารณ์กลางกองถ่ายนะ รับรองหนังเรื่องนั้นออกมาดีสุดๆอ่ะ
//เด็กหัดเดิน
เมื่อไหร่ละครไทยจะปรับปรุงสักที
อีกตอนคือไฟไหม้ คือห้องไฟไหม้อย่างโหมอ่ะ เออ ยังมีเวลาคุยกันเนอะคนที่ดับไฟ เอาจริงๆแล้วจะคุยอะไรกันช่วยกันดับไฟก่อนได้มั้ย ถ้าความเป็นจริงบ้านไหม้วอดหมดแล้ว
คนเขียนบทกับผู้กำกับนี่ไม่เข้าใจว่าเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตบ้างมั้ย จะกำกับหนังหรือละครให้ออกมาดีมันต้องคำนวณเวลาที่เกิดเหตุกับเหตุการไหนมาก่อนหลัง รวมถึงความรู้สึกต่างๆไปด้วย ใช่ว่าสักแต่ถ่ายให้เสร็จๆไป สุดท้ายมันก็ออกมาไม่สมบูรณ์ คนดูก็ด่า ถ้าให้ผมไปวิจารณ์กลางกองถ่ายนะ รับรองหนังเรื่องนั้นออกมาดีสุดๆอ่ะ
//เด็กหัดเดิน