..
บอร์ด กสท.สั่งปิดช่องพีซ ทีวี 30 วัน มีผล 10 ก.ค. นี้ หลังนำเสนอเนื้อหาขัด คสช. ขณะที่หมอเหวงเดินทางยื่นหนังสือคัดค้านต่อบอร์ด กสท.แต่ไม่เป็นผล
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) มีมติสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซ ทีวี เป็นเวลา 30 วัน โดยให้มีผลบังคับในวันที่ 10 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลการพิจารณาว่า มีการออกอากาศเนื้อหาขัดคำสั่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการของกสท.ได้พิจารณากรณีการเพิกถอนใบอนุญาตว่า รายการเข้าใจตรงกันนะ, รายการเข้มข่าวดึก และรายการห้องข่าวเล่าเรื่อง นั้น มีเนื้อหาต้องห้ามออกอากาศตามประกาศคสช. ฉบับที่ 97 และ ฉบับที่ 103 รวมถึงขัดต่อเงื่อนไขบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับสำนักงานกสทช. และฝ่าฝืน ม. 37 พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551
ขณะที่ในวันเดียวกัน เวลา 09.30 น.นายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด (Peace TV) ร่วมด้วย นายเหวง โตจิราการ และผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 รายการ ได้แก่ รายการเข้าใจตรงกันนะ ,รายการเข้มข่าวดึกและรายการห้องข่าวเล่าเรื่อง เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสท.) อาคารเอ็กซิม ชั้น 22 เพื่อยื่นหนังสือขอคัดค้านการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของสถานีพีซทีวี โดยเป็นการยื่นให้ทบทวนมติเป็นครั้งที่ 2
ทั้งนี้ได้ระบุว่า รายการที่คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการนำมา กล่าวอ้างทั้งหมดนั้น ไม่ได้มีเนื้อหาตามดุลพินิจว่าฝ่าฝืนกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นการรายงาน ข่าวตามหน้าที่ของสื่อสารมวลชนตามปกติ และการอ้างให้ใช้อำนาจพิเศษตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ฉบับที่ 97/2557 และ ฉบับที่103/2557นั้น มองว่าการลงโทษตามประกาศ คสช. ทั้ง 2 ฉบับ ไม่มีข้อใดกำหนดให้ลงโทษการกระทำที่ฝ่าฝืนถึงขั้นต้องลงโทษเพิกถอนใบอนุญาต การออกอากาศแต่ประการใด
ด้านนายเหวง โตจิราการ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อย้ำเตือนให้ กสท.ทบทวนมติที่ต้องการเอาผิดพีซทีวี เนื่องจากเหตุผลที่กรรมการชี้เอาผิดนั้น ไม่เป็นธรรม สถานีได้รับการคุ้มครองจากคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นตั้งแต่ 16 ก.ค.2558ที่ผ่านมา และเรื่องราวยังอยู่ในกระบวนการของศาล ยังไม่มีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดออกมา ดังนั้นกสท.ไม่มีอำนาจในการสั่งปิดสถานี หากยังทำแบบนี้ถือเป็นการละเมิดต่ออำนาจศาลปกครอง อยากขอให้ทางศาลเรียกกสท.ไปชี้แจงว่าทำได้อย่างไร
ทั้งนี้ มองว่ากรณีของพีซทีวี คล้ายกับกรณีของเอเอสทีวี ที่ถูกกรมประชาสัมพันธ์สั่งปิดในปี 2549 ซึ่งในตอนนั้นศาลปกครองก็คุ้มครองชั่วคราวเช่นกัน แม้กรมประชาสัมพันธ์จะยื่นต่อศาลเพื่อสั่งปิด แต่ก็ปิดไม่ได้ พีซทีวีก็เช่นกัน กสท.ไม่สามารถสั่งปิดได้เพราะศาลปกครองคุ้มครองอยู่
'การกระทำของรายการที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่ได้เข้าข่ายตามที่กสท.กล่าวอ้าง มองว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี และมโนกันไปเองมากกว่า ทางบริษัทได้ไปถามกฤษฎีกาแล้ว กสท.ไม่มีอำนาจสั่งปิด ขอเตือนว่าบ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย หากความประสงค์ของผู้มีอำนาจจ้องการปิดกั้นช่องทางสื่อสาร ก็จะยิ่งสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นมากกว่าเดิม' นายเหวง กล่าว
http://m.manager.co.th/Cyberbiz/detail/9590000066437
((มาลาริน)) หา อะไรนะ..! กสท.สั่งปิดช่อง 'พีซทีวี' ตั้งแต่ 10 ก.ค.นี้ โดยให้เหตุผลการพิจารณาว่า มีการออกอากาศเนื้อหา....
บอร์ด กสท.สั่งปิดช่องพีซ ทีวี 30 วัน มีผล 10 ก.ค. นี้ หลังนำเสนอเนื้อหาขัด คสช. ขณะที่หมอเหวงเดินทางยื่นหนังสือคัดค้านต่อบอร์ด กสท.แต่ไม่เป็นผล
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) มีมติสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซ ทีวี เป็นเวลา 30 วัน โดยให้มีผลบังคับในวันที่ 10 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลการพิจารณาว่า มีการออกอากาศเนื้อหาขัดคำสั่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการของกสท.ได้พิจารณากรณีการเพิกถอนใบอนุญาตว่า รายการเข้าใจตรงกันนะ, รายการเข้มข่าวดึก และรายการห้องข่าวเล่าเรื่อง นั้น มีเนื้อหาต้องห้ามออกอากาศตามประกาศคสช. ฉบับที่ 97 และ ฉบับที่ 103 รวมถึงขัดต่อเงื่อนไขบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับสำนักงานกสทช. และฝ่าฝืน ม. 37 พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551
ขณะที่ในวันเดียวกัน เวลา 09.30 น.นายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด (Peace TV) ร่วมด้วย นายเหวง โตจิราการ และผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 รายการ ได้แก่ รายการเข้าใจตรงกันนะ ,รายการเข้มข่าวดึกและรายการห้องข่าวเล่าเรื่อง เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสท.) อาคารเอ็กซิม ชั้น 22 เพื่อยื่นหนังสือขอคัดค้านการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของสถานีพีซทีวี โดยเป็นการยื่นให้ทบทวนมติเป็นครั้งที่ 2
ทั้งนี้ได้ระบุว่า รายการที่คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการนำมา กล่าวอ้างทั้งหมดนั้น ไม่ได้มีเนื้อหาตามดุลพินิจว่าฝ่าฝืนกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นการรายงาน ข่าวตามหน้าที่ของสื่อสารมวลชนตามปกติ และการอ้างให้ใช้อำนาจพิเศษตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ฉบับที่ 97/2557 และ ฉบับที่103/2557นั้น มองว่าการลงโทษตามประกาศ คสช. ทั้ง 2 ฉบับ ไม่มีข้อใดกำหนดให้ลงโทษการกระทำที่ฝ่าฝืนถึงขั้นต้องลงโทษเพิกถอนใบอนุญาต การออกอากาศแต่ประการใด
ด้านนายเหวง โตจิราการ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อย้ำเตือนให้ กสท.ทบทวนมติที่ต้องการเอาผิดพีซทีวี เนื่องจากเหตุผลที่กรรมการชี้เอาผิดนั้น ไม่เป็นธรรม สถานีได้รับการคุ้มครองจากคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นตั้งแต่ 16 ก.ค.2558ที่ผ่านมา และเรื่องราวยังอยู่ในกระบวนการของศาล ยังไม่มีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดออกมา ดังนั้นกสท.ไม่มีอำนาจในการสั่งปิดสถานี หากยังทำแบบนี้ถือเป็นการละเมิดต่ออำนาจศาลปกครอง อยากขอให้ทางศาลเรียกกสท.ไปชี้แจงว่าทำได้อย่างไร
ทั้งนี้ มองว่ากรณีของพีซทีวี คล้ายกับกรณีของเอเอสทีวี ที่ถูกกรมประชาสัมพันธ์สั่งปิดในปี 2549 ซึ่งในตอนนั้นศาลปกครองก็คุ้มครองชั่วคราวเช่นกัน แม้กรมประชาสัมพันธ์จะยื่นต่อศาลเพื่อสั่งปิด แต่ก็ปิดไม่ได้ พีซทีวีก็เช่นกัน กสท.ไม่สามารถสั่งปิดได้เพราะศาลปกครองคุ้มครองอยู่
'การกระทำของรายการที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่ได้เข้าข่ายตามที่กสท.กล่าวอ้าง มองว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี และมโนกันไปเองมากกว่า ทางบริษัทได้ไปถามกฤษฎีกาแล้ว กสท.ไม่มีอำนาจสั่งปิด ขอเตือนว่าบ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย หากความประสงค์ของผู้มีอำนาจจ้องการปิดกั้นช่องทางสื่อสาร ก็จะยิ่งสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นมากกว่าเดิม' นายเหวง กล่าว
http://m.manager.co.th/Cyberbiz/detail/9590000066437