คุณคิดเห็นอย่างไรครับ กับการที่เริ่มไปเรียน Kumon ตอน ม.ปลาย

มีครั้งนึง ตอนสมัย ผมอยู่ ม.ปลาย จำได้ว่า อยู่ ม.5 นี่ล่ะ ปกติ ผมก็ชอบอ่านหนังสือ ทบทวน บทเรียนครับ ว่างๆ ผม ก็จะไปเต้น บีบอย เป็นการผ่อนคลายครับ แต่เดิม ผมมีความตั้งใจที่จะเรียนหมอครับ ปกติผมเป็นคนหัวช้า คิดเลขช้าด้วยครับ ต้องอาศัย ความขยันมากกว่าคนอื่น และด้วยที่โรงเรียน ม.ปลาย งานเยอะมากครับ ต้องติดตามงานต่างๆ แถมมีกิจกรรมที่ต้องทำอีก ต้องผลัดแบ่งเวลาอ่านหนังสือ ทีนี้ พ่อผมก็แนะนำ ให้ผมไปเรียนคุมองนี่ล่ะครับ บอกว่าจะทำให้ผมคิดเลขเร็วขึ้นไวขึ้น (ตอน นั้น ก็อยู่ ม.5 แล้ว) ตอนแรก ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไง แต่เคยได้ยินชื่อครับ แล้วผมก็ลองไปทดสอบความไวในการคิดเลขดูครับ ซึ่งโจทย์ มันก็แค่ บวกลบ คูณ หาร ธรรมดาๆ มีจำนวนคละ เศษส่วนพวกนี้เป็นธรรมดา แบบเด็กอนุบาลก็ทำได้ ปรากฎว่า ผมคิดช้ากว่าปกติครับ แถมมีบางข้อที่ผิดพลาดครับไปหน่อยครับ (ปกติเวลาเรียน หรือทำโจทย์ หรือทำการสอบ ก็มีการผิดพลาดหน่อย เป็นธรรมดา) ผมก็ยอมรับผลการทดสอบ ล่ะครับ ทีนี้ อ.ที่ คุมองแกก็บอกครับว่า ไม่มีทางเลยที่จะสอบติดแพทย์เลย แต่ก็ไม่อยากแนะนำให้เรียน เพราะผมโตเกินไปที่จะเรียนแล้ว อีกทั้งเสียเวลาอีก มีอะไรต้องทำอีกมาก มีงานการที่ โรงเรียน มากมาย แต่ถึงผมได้เรียน ก็ไม่การันตีรับรองเลยครับว่าจะประสบผลสำเร็จ โอกาสยากมากๆ เรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนคุมองได้จบคอร์ส แถมเสียเวลาอีก แน่นอนครับตอนแรกผมตัดสินใจที่จะไม่เรียน ผมเลยมาคุยกับพ่อ พ่อแกเลยบอกว่าถ้าไม่เรียนคุมอง ก็ไม่มีทางติดหรอก ไอ่แพทย์น่ะ อารมณ์ว่าแกเชื่อที่ อ.ที่คุมองแกบอกหมด เพราะเอาจริงๆ พ่อผมต้องการให้ผมคิดไว และอยากให้เรียนคุมองมากๆ เหมือนเขาเชื่อถือในสถาบันน่ะครับ แล้พ่อผมก็มีอคติกับการเต้นบีบอยด้วยครับ บอกว่า เต้นบีบอยมันไร้สาระ เอาเวลาที่เต้นเนี่ย ไปเรียนหนังสือดีกว่า(จะไม่ให้กูพักบ้างเลยหรือไง เอาเวลาเรียนคุมอง ไปเรียนสถาบันติวเตอร์ติวข้อสอบจะได้ผลกว่าอีก) ก็ไม่รู้ล่ะครับ ผมพยายามทัดทานพ่อ อธิบายเหตุผล แต่แกเหมือนไม่ยอม สุดท้าย ผมก็ต้องยอมเรียนครับ ปรากฎว่า เนื้อหาที่เขามาให้ทำโจทย์เป็นแค่โจทย์ ระดับ ประถมต้นๆ -*-  แถมต้องไปนั่งเรียนกับเด็กเล็ก บางคน อนุบาล บางคนระดับประถม ไม่มีใครที่เรียนถึงระดับมัธยมเลยครับ ไม่ได้รู้สึกกดดันเท่าไร แต่อันนี้ไม่เท่าไหร่ครับ เวลาที่ผมจะไปเต้นบีบอย ไปออกกำลังกายก็น้อยลง เพราะ งานที่ โรงเรียนผม อ.ให้งานมาเยอะมากครับ ส่วนไอ้คุมองนี่ ผมคิดว่า ถ้างานการที่ รร. ทำเสร็จเมื่อไหร่ ค่อยทำคุมองก็ได้ เวลา เหลือเฟือแต่เวลาพ่อผมกลับมา แกก็มักจะทวงถามตลอด ว่าคุมงคุมอง ทำหรือยัง? อารมณ์แบบ พ่อแกให้ความสำคัญของคุมอง มากกว่า เนื้อหาเรียนของมัธยม (ผมแบบWTF? งานกูยังไม่เสร็จ มีตั้งเยอะให้กุมาทำคุมองก่อนเนี่ยนะ) พยายามอธิบายบอกเหตุผลไปครับ ว่าก่อนนอนค่อยทำก็ได้ เรื่องอื่นมันสำคัญกว่า การบ้านที่ รร.มีเยอะครับ บางวัน เคลียร์งาน ยังไม่เสร็จ เลย จะเอาเวลาไหนมาทำ แต่พ่อแก ก็ไม่ยอมครับ บอกต้องทำตามที่ รร.บอก พ่อเป็นคนเสียตังค์นะ -*- ผมเถียงสู้ไม่ได้บวกกับอารมณ์ แก ก็ต้องยอมทำตามครับ ทั้งๆที่ งานยังไม่เสร็จเลย แถมเนื้อหาในบทเรียนม.ปลาย ก็ต้องสำคัญกว่า มีผลต่อการสอบเข้ามากกว่า สอบเข้าแพทย์ มันมีวิชาอื่นอีก แล้วผมก็ปรึกษา ก็รุ่นพี่ ผู้ใหญ่ หลายๆคน เขาก็ไม่ได้มีอคติกับ kumon หรอกครับ แต่ ผม โตเกินไปที่จะเรียนแล้ว อีกอย่าง kumon มันต้องเรียนตั้งแต่เด็กเล็กๆ ถึงจะเกิดผล มาเรียนตอนนี้ ไม่มีผลอะไรการเรียนหรอก ตามที่ ครู Kumon แกว่าล่ะครับสรุปคือ ไม่มีใครเห็นด้วยครับ ที่จะให้ผมเรียนคุมอง แต่พ่อแก ก็ไม่ฟังใครเลยครับ แล้วพ่อผมให้เรียน Kumon ทั้งเทอมอีกปรากฏว่า ผลมันก็ไม่ได้ดีขึ้น อย่างที่ผมเคยบอกพ่อไปก่อนหน้านี้ คะแนนสอบก็ไม่ได้ดีขึ้น เผลอๆ คะแนน ครึ่งเทอมแรก ก็ต่ำลง งานที่ รร.ก็ตามเริ่มไม่ทัน ประกอบกับมีการแข่งขันภาษา ต้องเตรียมตัว ผมเลยทัดทานครับว่าให้หยุดเรียน ตอนนั้นเลย จะได้ไม่เกิดปัญหา เอาเวลาที่ทำคุมองเนี่ยไปทบทวนบทเรียน อ่านพวกชีวะ เคมี ฟิสิกส์ดีกว่า มันจะมีผลต่อการสอบมากกว่า แต่พ่อแกก็ไม่ยอม บอกให้เรียนจนจบคอร์ส ไม่งั้นจะไม่จ่ายค่าเรียนพิเศษอีกต่อไป -*- แบบ ก็รู้ อยุ่แล้วว่าถ้าเป็นแบบนี้ต้องเกิดผลเสียอีก ทำไมไม่ฟังกันก็รู้ผลแล้วว่าเปนไง แต่ก็ต้องยอมเรียนอีกครับ สุดท้ายคือ การเรียนเทอมนั้น เกรดต่ำลง แล้วมาโทษผมอีกครับว่าทำเกรดแย่ลง ซ้ำยังให้เลิกเรียนพิเศษ ที่สอนฟิสิกส์ อีก แผนการเรียนที่ผมวางไว้ ต้องพังหมด สุดท้ายเทอมนั้นหนังสือก็ไม่ได้อ่าน แล้วมีครั้งนึง ที่อ. ให้จับกลุ่ม ให้โจทย์ระดับ ม.ปลายครับ โจทย์จะง่ายมาก เพียงแต่ว่า เป็นโจทย์ทดสอบความไวครับ ปรากฎว่า ถึงผมจะเรียนได้ที่ 2-3 ของห้องมาตลอด แต่ผมก็คิดช้าเหมือนเดิมครับ ที่เรียน คุมองมา ไม่ได้ช่วยประโยชน์อะไรผมเลย แถมต้องมานั่งเหนื่อยฟรี เครียดฟรีอีก แถมทั้งเทอมนั้น ก็แทบไม่ได้พักกันเลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
1. Kumon นั้นโดยหลักการเรียนเมื่อไหร่ก็ได้
2. แต่เรียนตอนเด็กๆ ดีที่สุด
3. Kumon เรียนแล้ว ต้องใช้เวลามาก
เน้นที่ความเร็ว ซึ่ง เร็วกว่ามนุษย์ ปกติ จะทำได้
ความเร็วที่ว่า ได้มาจาก การมุมานะฝึกฝนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนี่อย
คนเรียน ไม่ต้องทำอะไร ทำแค่ ทำแบบฝึกหัดซ้ำๆ สิบครั้ง ยี่สิบครั้ง หรือมากกว่า
เพื่อให้ได้ความเร็ว ให้เร็วขึ้น และเร็วเท่าที่ เขากำหนด
ความเร็วที่ว่านี้ มาจาก การฝึกฝน และการจำ มากกว่าความเข้าใจ
4.ผม ไม่เคยเห็นแบบฝึกหัดของ Kumon ที่เป็นโจทย์ปัญหา
เห็นแต่ มีตัวเลข ตัวอักษร และสัญลักษณ์ เท่านั้น เคยถามคนสอน
เขาบอกว่า เรียนแบบ Kumon ไปเถิด แล้วจะดีเอง วันหลังจะทำโจทย์ปัญหาได้เอง
ซึ่งผม ไม่เห็นด้วย
5. การเรียน แบบ Kumon นั้น ต้องจ่ายเงิน ทุกช๊อต คือ ถ้าผ่านไปหนึ่งเดือน ต้องจ่ายเงิน
ถ้าผ่านไปหนึ่งชุด ต้องจ่ายเงิน ถ้าหนึ่งเดือนผ่านสองชุดต้องจ่ายเงินสองชุด
ถ้าหนึ่งชุด ไม่ผ่าน แต่ผ่านไปสามเดือน ต้องจ่ายเงินสามเดือน
6. การจะฝึกฝนให้ได้ความเร็ว ถึง ระดับ Kumon ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน หรือต้องทำทุกครั้งที่ว่าง
ดังนั้น การจะไปเล่น ไปออกกำลังกาย ไปทำกิจกรรมอย่างอื่น แทบจะเป็นไปไม่ได้
(นี่ว่ากัน โดยยึด Mode นะครับ แน่นอน อาจมีคนบางคน ทำได้ และใช้เวลาน้อย
แต่โดยรวมแล้ว Mode ของนักเรียนที่เรียน จะใช้เวลามากเหลือเกิน)
7. เนื่องจาก ต้องเขียนตอบในแบบฝึกหัด หรือ ข้อสอบผ่านชั้น ของ Kumon
ต้องทำให้รวดเร็ว เกินมนุษย์ธรรมดา จึงทำให้ลายมือ ของนักเรียนส่วนใหญ่ ต้องเขี่ยๆ
คือไม่สวยเลย และเป็นอย่างนี้ โดยส่วนมาก
8. การเรียนม. ปลาย แล้วเริ่มเรียน Kumon นั้นหากต้องการเรียนให้ดี
คงต้องแทบจะทิ้ง ทุกอย่างไปเสีย แล้วมามุ่ง ที่ Kumon
ถ้าวัตถุประสงค์คือ ต้องการ เข้า มหาวิทบาลัย ก็คงละ Kumon ไปเสีย
ไม่เช่นนั้น จะทำให้ การเตรียมตัว ในวิชาอื่น ถูกกระทบ และถูกกระทบมากๆ
9. หากต้องการเรียน Kumon ก้ออาจเรียนช่วงเด็กๆ
หรือ เรียน ช่วง จบ ป.ตรีแล้วก็ได้
9.1 การเรียนผ่าน Kumon ถึงระดับสูงๆ ไม่เป็นหลักประกัน ในการสอบเข้าคณะแพทย์
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  กวดวิชา ติวเตอร์ การเรียน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่