จริงมั้ยครับที่ประเทศเหล่านี้กำลังจะเจริญกว่าไทยเนื้อหอมกว่าไทย

เห็นข้อมูลจากข่าวบ้างจากนักวิชาการบ้างว่าประเทศเหล่านี้เริ่มที่จะพัฒนาเข้ามาใกล้ไทยหรือแซงไทยไปแล้วทั้งทางด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนการท่องเที่ยว ความเป็นอยู่.  จริงมั้ยครับลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
1.พม่าหลังการเป็นประชาธิปไตย.
2. ฟิลิปปินส์ว
3.อินโดนีเซีย
4.เวียดนาม
   ประเมศเหล่านี้โดยรวม. ณ. ปัจจุบันและในอนาคตมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปได้ไกลกว่าไทยมั้ยครับแล้วปัจจุบันปีะเทศเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เห็นบอกเวียดนามจะแซงไทยตั้งแต่ผมยังเด็กจนจะแก่อยู่แล้ว ไหนแซงรึยัง? ไปดูบ้านเมืองเค้าก็ยังห่าง รถไฟฟ้าสร้างมาจะสิบปีแล้วยังไม่เสร็จ นี่เวียดนามเริ่มไฟหมด เงินเฟ้อเป็นปัญหารอวันจะระเบิด ของเล่นใหม่มาอีก พม่า ลาว เขมรจะแซงไทย

มันไม่ได้เหมือนเล่นเกมส์นะครับ กดจึ๊กๆ เงินพุ่งพรวด สาธารณสุขเยี่ยม โครงสร้างพื้นฐานมาทั้งแผนที่งี้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา แล้วประเทศไทยที่เม้นบนๆค่อนขอดนักหนาว่าห่วยยังงั้น แย่อย่างนี้ เหมือนไม่มีอะไรดีเลยเนี่ย ในระดับโลกถือว่าพัฒนาสูงนะ จริงอยู่เราไม่ได้เหมือน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อะไรพวกนั้น ที่ประสบความสำเร็จจนเป็น top ของโลก ซึ่งคิดดีๆทั้งโลกมันมีกี่ประเทศที่ทำได้ขนาดนั้น ซัก 20 ประเทศได้จาก 200 ประเทศทั้งโลก โดยรวมเราไม่ได้แย่เลย รายได้ตัวหัวเราอยู่ระดับปานกลางค่อนไปทางสูงแล้วนะรู้มั้ยครับ เลื่อนอีกครั้งเดียวก็เป็นรายได้ต่อหัวระดับสูงแล้วนะ แล้วเราก็ไม่เคยหยุดอยู่กับที่เหมือนที่หลายคนบอก อาจโตน้อยลงด้วยปัญหาการเมือง แต่ทุกปี GDP ก็ยังโต จะเอาไปเทียบกับพวกพม่า ลาว ที่โตปีละ 7% มันคนละฐานกันนะครับ ของเราฐานใหญ่กว่าเค้ามาก 2% ของเรามากกว่า 7% ของเค้าไม่รู้กี่เท่า ถ้าประเทศไทยไม่ถึงคราวซวยขนาดถดถอยไปเลย GDP ติดลบทุกปีติดกัน 20 ปีอะไรงี้ ยังไงก็ยังยากที่จะแซง

คนไทยควรเลิกความคิดแนวๆได้ด่าประเทศตัวเองแล้วดูเท่ได้แล้ว ยิ่งข้อมูลอะไรก็ไม่รู้ อาศัยความรู้สึก(อคติ)ของตัวเอง ประเทศมันก็ไม่ได้พัฒนาขึ้นหรอกครับ ถ้าเรารู้จุดที่เรายืนอยู่จริงๆเมื่อเทียบกับประเทศอื่น มันน่าจะมีประโยชน์กว่ามายืนเหยียบประเทศตัวเองให้ต่ำลง (แล้วคิดว่าเท่) นะ

ขอ edit เพิ่มนิดนึง พอดีมีคนเข้าใจผิด (หรือไม่พยายามจะเข้าใจก็ไม่รู้) ผมไม่ได้บอกว่าต้องอวยประเทศนะครับถึงจะดี ผมบอกให้มองและรับมันตามสภาพเป็นจริง อะไรดีก็ดี ไม่ดีก็แก้ไปตามสภาพปัญหาที่เกิดจริงๆ ไม่ใช่กดซะห่วยเวอร์แบบที่ชอบทำกันอยู่ แล้วชอบมาอ้างกันนักว่าติเพื่อก่อ เท่าที่เห็นส่วนมากคือ ติเพื่อสนุกปากเอามันส์มากกว่า เพราะนอกจากข้อมูลที่บอกออกมาส่วนมากจะไม่เป็นความจริงแล้ว ก็ไม่ได้เสนอทางแก้ปัญหาที่วิจารณ์อยู่เลยซักนิดด้วย เหมือนมาด่าๆแล้วก็สะบัดก้นไป มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับการพัฒนาประเทศเหมือนกัน
ความคิดเห็นที่ 20
ความเห็นส่วนตัว    ในแถบนี้

พม่า - พม่าสามารถจะเจริญไปได้ระดับหนึ่งแต่ไม่มีทางเกินไทยแน่นอน   จากสาเหตุเรื่องการปกครอง      พม่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยเต็มตัวได้     เพราะหากพม่าเปลี่ยนระบบการปกครองเต็มที่ก็นับถอยหลังรอดูพม่าแตกเป็นเสี่ยงๆได้        แต่หากพม่ายังกึ่งเสรีกึ่งเผด็จการทหารอยู่อย่างทุกวันนี้     พม่าก็จะเจริญแบบให้ต่างชาติเข้าไปสูบผลประโยชน์และทรัพยากรโดยพม่าได้ส่วนแบ่งไปจำนวนหนึ่งขายทรัพยากรสมบัติเก่ากิน       ซึ่งด้วยความสามารถในการล้างผลาญทรัพยากรมหาศาลในพม่าให้อย่างเก่ง 10 ปีก็ไม่ต่างไปจากไทยวันนี้ดอก      พอทรัพยากรเริ่มร่อยหรอเศรษฐกิจเริ่มขาลงพม่าก็จะเกิดปัญหาการเมืองอีก       



ลาว - ลาวมีทรัพยากรธรรมชาติมากก็จริงแต่มีปัญหาสำคัญหลายอย่าง   เช่นประชากรมีน้อยมาก    ประเทศเป็น Land Lock ไม่ติดทะเล       ซึ่งหากลาวจะยกระดับตัวเองให้ได้ก็คงต้องเลียนแบบระบบเศรษฐกิจของสวิสที่มีลักษณะประเทศคล้ายกับลาว    แต่คงยากเพราะสวิสใช้เวลาในการสร้าง-ปรับระบบเศรษฐกิจของตนมานานมาก



เขมร - จากเหตุการณ์ที่ผ่านๆมาจะเห็นได้ว่าประชากรส่วนใหญ่ของเขมรยังค่อนข้างขาดคุณภาพโดยเฉพาะด้านการศึกษาพร้อมที่จะเฮโลไปตามกระแสที่ถูกปั่น      อีกทั้งเขมรมีทรัพยากรเยอะพอดูก็จริงแต่พื้นที่ของเขมรเล็กกว่าไทยมากคือราวๆ 180,000 ตารางกิโลเมตรใหญ่กว่าภาคอีสานของไทยไม่มาก     และเขมรยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตกคือการถูกกลืนเชื้อชาติจากเวียดนามที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขมรมากขึ้นเรื่อยๆ     ในอนาคตเขมรจะต้องเกิดปัญหาจากคนเชื้อสายเวียดนามแน่นอน



เวียดนาม - หากดูกันเผินๆจะเห็นเวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจพุ่งแรง   เป็นดาวรุ่งดวงใหม่     แต่หากดูกันให้ดีๆ  มองกันลึกๆจะเห็นว่าเวียดนามมีแต่ปัญหาเต็มไปหมด    เพราะเวียดนามเปิดประเทศตามจีนซึ่งจีนใช้เวลาในการศึกษาเตรียมการรับมือระบบทุนนิยมมานานเป็นสิบปี    แต่เวียดนามนั้นแทบไม่มีการเตรียมตัวเลย    ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามเกือบทั้งหมดเป็นการพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติ    มีการพึ่งพาตนเองน้อย    ปัจจุบีนเงินเฟ้อของเวียดนามเฟ้อสูงขึ้นเรื่อยๆ     เศรษฐกิจมีปัญหามากมายจนต้องยกเลิกรถไฟความเร็วสูงไปแล้ว   เศรษฐกิจฟองสบู่กำลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ    อีกทั้งเวียดนามเองมีปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้อยู่     นั่นคือขนาดพื้นที่กับประชากร    เวียดนามมีพื้นที่พอๆกับมาเลเซียแต่มีประชากรถึง 93 ล้าน     ทำให้เวียดนามต้องหาทางขยับขยายประชากรออก    และด้วยจำนวนคนมหาศาลทำให้เวียดนามจำเป็นต้องใช้พื้นที่จำนวนมากในการทำการเกษตรเลี้ยงพลเมือง    ยิ่งลักษณะรูปร่างของประเทศเวียดนามเป็นรูปตัว S ยาวหัวท้ายป่องตรงกลางคอด    ช่วงภาคกลางยิ่งมีเทือกเขาอีก    เป็นผลให้พื้นที่ที่เวียดนามจะใช้ในการอุตสาหกรรมยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่           จากการคำนวณของสำนักเศรษฐกิจหลายๆแห่งเวียดนามจะเจริญมาเทียบกับไทยได้ต้องใช้เวลาราวๆ 20 ปี    โดยมีข้อแม้ว่าเวียดนามจะต้องไม่ผิดพลาดอะไรเลย     และไทยจะต้องหยุดไม่ทำอะไรเลยตลอด 20 ปี



ฟิลิปปินส์ - ประเทศนี้อาการหนักกว่าเวียดนามซะอีกการเติบโตทางเศรษฐกิจสู้เวียดนามไม่ได้เลย    ฟิลิปปินส์เองก็ปัญหาคล้ายๆเวียดนาม    คือพื้นที่กับประชากร    ขนาดพื้นที่และประชากรอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเวียดนาม   แต่อาการหนักขึ้นไปอีกเพราะผลิตอาหารได้ไม่พอเลี้ยงประชากร    



อินโดนีเซีย - อินโดนีเซียก็คล้ายๆกันกับฟิลิปปินส์   ผลิตอาหารได้ไม่พอเลี้ยงประชากร   ยังดีที่อินโดนีเซียมีพื้นที่ใหญ่พอดูแต่ด้วยจำนวนคนที่มหาศาลกว่า 250 ล้านคนทำให้เกิดช่องว่างคนรวยกับคนจนเยอะมากโดยเฉพาะคนเชื้อสายจีน    ทำให้อินโดนีเซียมักจะเกิดปัญหาเชื้อชาติกันบ่อยๆ         ปัจจุบันอาจจะมีคนยกให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่น่าสนใจโดยเอาชื่อไปใส่ใน BRIC กลายเป็น BRIIC      แต่ศักยภาพต่างๆของอินโดนีเซียยังตามหลัง BRIC อยู่ไกลลิบ      ทรัพยากร + พื้นที่อินโดนีเซียอาจจะเห็นว่ายังมีอยู่มากแต่เทียบกับจำนวนประชากรแล้วก็ไม่ได้ต่างจากไทยเท่าไหร่      และยังมีโอกาสที่จะมีการแบ่งแยกประเทศอีกหลายส่วน      ตามที่คำนวณ   อินโดนีเซียยังต้องใช้เวลาอีกมากพอดูกว่าจะตามไทยทัน   นี่ล่าสุดก็ทำท่าจะเกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกแล้ว
    


มาเลเซีย - มาเลเซียเติบโตมาได้ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าฝีมือมหาเธร์เกือบจะล้วนๆ     ซึ่งหลังๆมหาเธร์ใช้วิธีปล่อยโครงการออกมาเรื่อยๆ    เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจมาเลเซียผ่อนลง      ทำให้มาเลเซียเหมือนอยู่บนหลังเสือต้องเร่งเศรษฐกิจไปเรื่อยๆ        ซึ่งเท่าที่เห็นพอมหาเธร์หมดอำนาจมาเลเซียก็ไม่ค่อยมีการปล่อยโครงการอะไรออกมา    คาดว่ามาเลเซียคงจะค่อยๆแผ่วลงไป     ถ้าไม่มีตึกแฝดนี่มาเลเซียไม่มีอะไรเป็นสัญลักษณ์เลยด้วยซ้ำ    อีกทั้งมาเลเซียก็ยังไม่สามารถเลิกนโยบายภูมิบุตรได้ทำให้มีสภาพเหมือนกับต้องคอยอุ้มคนเชื้อสายมลายูไปเรื่อยๆ     ถ้าไม่สามารถยกเลิกนโยบายนี้ได้ในอนาคตจะต้องเป็นปัญหาใหญ่ของมาเลเซียแน่     นอกจากนี้ยังมีปัญหาระหว่างคนจีนกับคนมลายูที่รอวันปะทุ      และยังมีปัญหาเกี่ยวกับพวกคลั่งศาสนาอีกต่างหาก



สิงคโปร์ / บรูไน - ยังไม่มีปัญหาอะไรมากมายเนื่องจากยังมีเงินสดในมือสูงมาก     แต่กับสิงคโปร์นั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นมีที่มาจากรัฐบาลที่ค่อนข้างเผด็จการในสภา      ในอน่คตหากประชาชนสิงคโปร์ไม่พอใจระบบเผด็จการก็อาจทำให้การเมืองสิงคโปร์เปลี่ยนแปลง    ซึ่งจะเป็นผลกระทบอันรุนแรงไปสู่เศรษฐกิจของสิงคโปร์แน่นอนหากสิงคโปร์ไม่สามารถมีรัฐบาลที่มีอำนาจเผด็จการ       ส่วนบรูไนเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดมาจากน้ำมันในประเทศแต่น้ำมันของบรูไนก็ใกล้จะถึงเวลาที่หมดไป    ซึ่งสุลต่านฮัสซานาลได้เริ่มมีการวางรากฐานเอาไว้แล้วในกรณีที่น้ำมันร่อยหรอลง      แต่ก็ต้องดูกันต่อไป
ความคิดเห็นที่ 8
ประเทศเราแพ้เขาจริงหรือ????

           ผมเองได้ยินประโยคนี้จากคนไทยหลายๆคนที่มองว่าหลังจากที่เราประสบปัญหาทางการเมืองมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
เป็นสาเหตุให้ประเทศไทยมีพัฒนาการล่าช้ากว่าประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน โดยมองว่าประเทศไทยไม่ได้มี Mega project ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเจริญเติบโตก้าวหน้าและสามารถสร้างความสามารถในการแข่งขันได้ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน  ผมเองมีโอกาสเดินทางไปในประเทศเพื่อนบ้านรอบๆข้างเราทุกเดือนเพราะมีธุรกิจอยู่ในประเทศกลุ่ม CLMV เรียกว่า อัพเดทข้อมูลทางธุรกิจและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มองว่าสิ่งที่น่ากลัวสำหรับคนไทยคือ เราไม่ค่อยอัพเดทข้อมูลหรือรับรู้การพัฒนาของประเทศเพื่อนบ้านเราเท่าไหร่ ข้อมูลต่างๆก็เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างเก่าและที่สำคัญ เรามักจะคิดไปเองว่าเพราะเรามีปัญหาการเมือง ทำให้เศรษฐกิจของเราเติบโตต่ำ ก็ต้องยอมรับว่า เป็นปัญหาจริงๆแต่มันก็ไม่ได้ถึงขนาดที่ทำให้เราจะต้องแพ้แน่ๆแต่อย่างใด 
         
          เรามาดูพื้นฐานของประเทศไทยโดยเฉพาะในมุมของ Infrastructure กันดีกว่า 

        ต้องบอกว่า บ้านเรามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตลอด 40 ปีที่ผ่านมา
        1.  เริ่มตั้งแต่ระบบถนนของเราที่ขยายออกไปทั่วทุกภูมิภาคและลงไปในระดับหมู่บ้านขนาดของถนนทางหลวงแผ่นดินที่มาตรฐานค่อนข้างดี มีขนาดตั้งแต่ 4-8 เลน ระบบทางด่วนในกรุงเทพฯ ที่ขยายออกไปจนกลายเป็น Network เชื่อมโยงการเดินทางจากทุกทิศ รวมถึงระบบทางด่วนระหว่างภูมิภาคกรุงเทพฯ-ชลบุรี กรุงเทพฯ-อยุธยา กรุงเทพฯ-สระบุรี กรุงเทพฯ-พระราม 2 เพื่อลงสู่ภาคใต้ 
         2.  ด้านระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ มาถึงวันนี้ก็ใช้มามากกว่า 15 ปีแล้วและรวมระยะทุกระบบก็ร่วม 70 กิโลเมตรและกำลังจะเกือบ 100 กิโลเมตรภายในปีนี้ และภายใน 5 ปีจะกลายเป็น 250 กิโลเมตร
         3.  ระบบโทรศัพท์พื้นฐาน หรืออินเตอร์เน็ต 3G และ 4G ก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
 
         4.  สิ่งที่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่จริงๆคือระบบการขนส่งระบบรางที่มีการพัฒนาที่ช้ามากหรือเรียกว่าหยุดนิ่งเลยก็ว่าได้ รางรถไฟบ้านเราก็เป็นรางกว้าง 1 เมตรซึ่งเป็นระบบเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นรางเดี่ยวใช้หัวรถจักรดีเซล
         5.  ท่าเรือน้ำลึกบ้านเราก็มี 2 แห่ง สามารถเชื่อมโยงนิคมอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกทั้งที่แหลมฉบังและระยอง 

         ขณะที่กลับมามองเพื่อนบ้านรอบๆตัว ยกเว้น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ต้องบอกว่า บ้านเราดีกว่าหมดเลยเรียกว่าทิ้งห่างกันหลายช่วงตัว เวียดนามที่มีประชากร 90 ล้านคน เมืองใหญ่อย่างฮานอย โฮจิมินห์ก็เพิ่งเริ่มโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกซึ่งอีก 5 ปีจึงจะเสร็จ ส่วนเมียนมา ลาว และกัมพูชา ไม่มีแน่นอน 
สำหรับสนามบินที่ฮานอย เพิ่งทำ Terminal ใหม่เสร็จมาได้ปีกว่าๆพร้อมกับตัดถนนใหม่ไปสนามบิน  ส่วนสนามบินที่โฮจิมินห์ก็เป็นสนามบินเก่าแต่ปรับปรุงใหม่ซึ่งกำลังวางแผนว่าจะสร้างสนามบินใหม่อยู่ ที่เวียดนามมีความโดดเด่นที่ผังเมืองครับ คือ เขาจะจัดเป็นโซนต่างๆ อย่างชัดเจนเรียกว่าในอนาคต จะง่ายกับการพัฒนา
         เมื่อต้นปีผมเดินทางไปมะนิลาเมืองหลวงของฟิลิปปินส์ต้องบอกว่า น่าตกใจ เพราะระบบทางด่วนในกรุงมะนิลาอยู่ระหว่างก่อสร้าง สนามบินแห่งชาติก็เก่ามากเรียกว่าดอนเมืองบ้านเราใหญ่และดีกว่าเยอะ ความที่ประเทศเป็นหมู่เกาะ ทำให้ระบบถนนระบบรางแทบจะเป็นไปได้ยากที่จะเชื่อมเกาะเข้าหากันได้ แต่ที่น่าสนใจคือประชากรครับ จำนวน 100 ล้านคนและใช้ภาษาอังกฤษกันได้ทุกคน ผนวกกับความขยันขันแข็ง

         จะเห็นได้ว่าการที่เรามีระบบสาธารณูปโภคที่เรียกได้ว่าล้ำหน้ากว่าเพื่อนบ้านเราคือความได้เปรียบอย่างมากและเป็นแต้มต่อกว่า 
ดังนั้นการจะพัฒนาให้ทันกัน ต้องใช้เวลาและเงินทุนมหาศาลครับ จึงเป็นความได้เปรียบของเราแบบที่คนไทยไม่ค่อยได้รับรู้เท่าไหร่เพราะถ้าจะทำให้ได้เท่ากับเมืองไทยในจุดที่เราเป็นอยู่คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปีครับและเงินทุนหลายล้านๆบาทครับซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำกันเพราะทุกประเทศต้องใช้งบประมาณแผ่นดินไปใช้ในเรื่องอื่นๆด้วย.  ............แน่นอน เราไม่ประมาท......  แต่ก็ไม่ควรคิดในแง่ร้ายให้เสียกำลังใจตนเองเช่นกัน........
 
ความคิดเห็นที่ 46
ประเทศไทยเจริญได้ทุกวันนี้เพราะ เงินลงทุนจากต่างชาติเป็นหลัก
แล้วทำไมต่างชาติถึงมาลงทุนไทย ก็เพราะเราเสรีที่สุดเมื่อเทียบกับใครในย่านนี้
แน่นอนว่ามันมีปัจจัยอื่นๆที่เกื้อหนุนด้วย ทั้งด้านภูมิศาสตร์ ทรัพยากร ต่างๆ
แต่ตัวชี้วัดที่สำคัญเลยก็คือ นโยบายของรัฐที่เปิดกว้างและเสรีต่อการลงทุน

เผด็จการ ประชาธิปไตย ไรเนี่ยมีผลต่อการลงทุนมากนะ เอาง่ายๆ
คุณจะไปลงทุนที่ลาว หรือที่จีน ยิ่งขนาดใหญ่คุณยิ่งต้องมี "เส้นสาย"
และพร้อมติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ กระบวนการข้าราชการอะไรก็ยุ่งยาก
ในขณะที่บ้านเรามันมีการคอรัปชั่นอยู่จริง แต่ก็ทำได้ยากกว่าบ้านเมืองเหล่านั้น
ที่มันตรวจสอบไม่ได้ ร้องเรียนไม่ได้ (ทำได้เฉพาะตัวเล็กๆ)

ยิ่งบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยพัฒนาไปดีมาก และประชาชนตื่นตัวเรื่องสิทธิเสรีมาก
ระบบข้าราชการมันจะพัฒนาตามไปด้วย ซึ่งเอื้อต่อการลงทุนทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่

พวกนักลงทุนมันเลยที่จะลดความเสี่ยงต่างๆ และแสวงหารัฐบาลที่รับประกันเสรีภาพน่ะ
ซึ่งประชาชนและสื่อก็จะมีเสรีภาพในการบริโภคตามไปด้วย ไม่ใช่อยู่ในรัฐที่พร้อมจะแบนนู่นนี่ตลอดเวลา
ลงทุนไปแล้ว แบนขึ้นมาก็เจ๊งกันพอดี

แต่ที่เขาบอกว่ากลัวประเทศเพื่อนบ้านจะแซงหน้าก็เพราะความเปิดกว้างที่มากขึ้นนี่แหล่ะ
ในขณะที่พื้นฐานทรัพยากรบางประเทศอย่าง พม่า ไม่แตกต่างจากไทยเลย
รอแค่การลงทุน การเมืองที่มีเสรีภาพและเสถียรภาพมากขึ้น เท่านั้น

ส่วนเวียดนาม การศึกษา ไม่ต้องห่วงเลยดีกว่าไทย
ด้านภาษาอังกฤษวัยรุ่นมาแบคแพคกันเนี่ยดีกว่าเด็กไทยที่ไปแบคแพคอีก
แล้วการศึกษานะใช้เวลานานสุด ปฏิรูปทีรอนู่น 15 ปีอย่างต่ำถึงจะเห็นว่าการปฏิรูปนั้นได้ผลหรือไม่
จากเด็กที่โตไปและะออกไปรับใช้ตลาด ในขณะที่ไทยการศึกษา? ยังจมปลักอยู่เลย

พูดง่ายๆ อีกสิบห้าปีต่อจากนี้ เด็กไทยกับเวียดนามในวันนี้ จะมีคุณภาพต่างกันมาก

และคุณรู้กันบ้างไหมข่าวการเงินการลงทุนทั่วโลกก็บอกว่า เพื่อนบ้านไทยน่าลงทุนกว่า
ทุกคนก็รู้น่ะแหล่ะว่าประเทศพวกนี้ยังใช้เวลาอีกสิบปียี่สิบปีถึงจะตามไทยทัน
แต่ประทานโทษนะคะ เวลาสิบปี่ยี่สิบปีนี่ไม่นานนะ ยกเว้นคุณจะตายในอีกกี่ปีก็คงไม่ต้องแยแสอะไร
แต่รุ่นลูกคุณจะเติบโตมาเจออะไรก็คิดเอาอะไรกัน

สุดท้ายก็ออกจะขำความเห็นเดิมๆ ไม่ด่าประเทศไทยไปเลย ก็จะอวยกันไส้ฉีก
แล้วก็พูดเท่ๆว่า พวกด่าแต่ประเทศตัวเองไม่ได้ดูดีหรอก
เอ้า! ไอ้ที่เขาด่าๆกันมันไม่จริงหรือ เขาด่ากันก็เพราะคนส่วนใหญ่มันหน้ามืดนึกว่าประเทศตัวเองเกรียงไกรสุดยอด
แทนที่ใครใคร่ด่าก็ด่าไป ใครใคร่อวยก็อวยไป แต่สุดท้ายแล้วได้ใช้สมองรับพิจารณาอีกฝ่ายกันบ้างหรือเปล่านั่นแหล่ะ

แต่ดิฉันเชื่อเสมอว่า คนด่าประเทศตัวเอง ยังมีสติมากกว่าพวกเอาแต่เห็นข้อดีประเทศตัวเองนะ
อย่างน้อยคนกลุ่มแรกก็คือพวกเห็นปัญหา และก็อยากหรือต้องจำใจอยู่ในประเทศต่อ
พวกเขาต้องการเห็นการพัฒนา ไม่ใช่การหลงตัวเอง แล้วกลายเป็นเชื้อโรคแห่งอาเซียน
ความคิดเห็นที่ 4
มีอินโดนีเซียประเทศเดียวครับที่ผมคิดว่าจะแซงบ้านเราได้

สาธารณูปโภคแต่ละที่แย่กว่าบ้านเราอยู่หมด อินโดกับเวียดนามการเมืองนิ่ง พม่า ฟิลิปปินส์ผมว่าระเบิดเวลา

ทีนี้เทียบอินโดกับเวียดนาม อินโดคอร์รัปชั่นต่ำกว่าครับ ประกอบกับอินโดมีทรัพยากรธรรมชาติเหลือเยอะมาก และมีแรงงานราคาถูกมาก ในอนาคตจะเจริญกว่าไทยเป็นไปได้แน่นอนครับแต่ก็ต้องใช้เวลา ที่ไปล่าสุดมาจาการ์ตาระบบขนส่งยังแย่มากๆอยู่ครับ ต้องพัฒนาการคมนาคมให้ดีๆก่อนครับค่อยว่ากัน แต่ประชากรที่เยอะมากเมื่อมีรายได้มากกว่านี้ะเป็นตลาดที่ใหญ่จนต้องให้ความสำคัญแน่นอน

เวียดนามมีทรัพยากรธรรมชาติมาก มีแรงงานราคาถูกมาก การเมืองนิ่ง (เผด็จการสืบทอดอำนาจราบรื่น นักลงทุนชอบมากครับเพราะนโยบายไม่เปลี่ยน) แต่แรงงานมีปัญหาประท้วงบ่อยที่สุดในโลก(ข้อมูลหลายปีก่อน)(แต่ก็สมควรแล้ว กฎหมายมันประหลาด) แต่คอร์รัปชั่นหนักมากๆ แล้วภัยธรรมชาติเยอะมากเหมือนกัน ไฟฟ้าเองก็ดับบ่อยๆ ผมไปไม่กี่ครั้งแต่เจอไฟดับทุกครั้งครับ

สมาชิกหมายเลข 1052483 คอมเมนต์เหมือนเคยไปต่างประเทศเลย ไม่สนใจแชร์ให้ฟังบ้างเหรอครับว่าไปดูที่ไหนมาบ้างแล้วเป็นไงครับ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่