ต่อจากกระทู้ที่แล้วนะคะ
http://pantip.com/topic/35217212
เห็นว่ามีประโยชน์ วันนี้เลยมาแชร์วิธีรักษาแผลเป็นกันต่อค่ะ แต่ว่าการรักษาแผลเป็นนี้ เป็นที่หาอ่านเอาจากเว็บเมืองนอก และประสบการณ์ตรงส่วนหนึ่งนะคะ เพราะว่าแผลเป็นของเรายังไม่หายดี เลยแชร์ประสบการณ์100% ไม่ได้ ก็แชร์เท่าที่รู้ค่ะ
อันนี้เป็นเรื่องของการรักษาแผลเป็นนะคะ แผลของเราอยู่ในstageที่เหลือแต่แผลเป็นแล้ว ช่วงนี้เลยกำลังอินค่ะ ส่วนคนที่ยังเป็นแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกอยู่ (ที่ยังเป็นแผลเปียก) แนะนำให้ไปหาหมอนะค๊าาา
ใน
phoenix-society.org เขาบอกว่า
อาการคันจากแผลเป็น
ควรใช้moisturizerที่ประกอบไปด้วยน้ำ พวกที่อยู่ในขวดจะมีน้ำมากกว่าพวกที่มาในหลอดหรือมาในกระปุก พวกmoisturizerที่ประกอบด้วยน้ำจะซึมเข้าแผลได้ง่าย และเราจะต้องทาบนแผลเป็นถี่มากกว่า
พวกmoisturizerที่มาในหลอดหรือมาในกระปุกจะเหนียวกว่า และประกอบไปด้วยน้ำน้อยกว่า ดังนั้นความถี่ในการทาจึงน้อย
หลีกเลี่ยงการทาผลิตภัณฑ์ที่ผู้ป่วยสามารถแพ้ได้นะคะ เช่น ครีมที่ผสมน้ำหอมต่างๆ
- moisturizerสามารถทาบนแผลที่ปิดสนิทแล้วได้ตลอดวันเลย ใครใคร่ทาทาเลยค่ะ (แต่เอาจริงๆนะ ทาแค่วันละหนสองหนก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว สำหรับคนที่มีแผลเป็นทั้งตัวอย่างเรา)
- ควรทาmoisturizerบางๆ และนวดเบาๆในขณะที่เพิ่งหายใหม่ๆ ถ้าหายซักพักแล้ว ผิวหนังแข็งแรงดีแล้ว ค่อยเพิ่มแรงกดในการนวดค่ะ จะทำให้แผลเป็นอ่อนตัวลง (สำหรับเราอย่าเอาว่านวดเลย ทาๆถูๆก็เหนื่อยแล้ววว)
- หลีกเลี่ยงการแช่น้ำร้อน หรือการใช้สบู่ที่ผสมด้วยน้ำหอม เพราะจะทำให้ผิวแห้งและคัน
- อาการคันสามารถลดได้ด้วยการใส่pressure garment หรือการใช้ยาแก้คัน ให้ปรึกษาหมอเรื่องการใช้ยานะคะ
- ไม่ควรใช้mineral oil (หรือที่เรียกติดปากกันว่า baby oilนั่นเอง) ไม่ควรใช้vaseline หรือครีมที่มีส่วนผสมของantibiotic เพราะจะทำให้เกิดอาการแพ้ และเกิดผดผื่นขึ้นตามผิวหนังที่มีแผลเป็นได้
**อันนี้ก็พูดยากน่ะนะ อาจารย์หมอ ท่านจากรพ.จุฬา และรพ.รามา ได้แนะนำตรงกันให้ใช้vaselineเพื่อช่วยความชุ่มชื่น แต่อาจารย์หมอที่รักษาเราที่รพ.ศิริราชไม่ได้ห้าม แต่ก็ไม่ได้แนะนำ คือไม่ได้พูดถึงvaselineเลยแหละ แต่แนะนำให้ใช้scagel อันนี้มีส่วนประกอบของน้ำเยอะนะ แต่มันมาในกระปุกล่ะ มันไม่ได้มาในขวด
**เราว่าscagelใช้ดีนะ ซึมเข้าผิวเร็วดี เพราะมีส่วนประกอบของน้ำเยอะ ส่วนvaselineเคยใช่ ไม่ค่อยชอบ เราว่ามันไม่ค่อยซึมเข้าผิว มันเคลือบๆอยู่ด้านนอก และที่สำคัญ vaselineมันคือpetroleum jelly สรุปคือ มันแลดูไม่มีสารอะไรในการช่วยฟื้นฟูแผลเป็นเลย นอกจากให้ความชุ่มชื้น ก็เลยไม่ชอบใช้ค่ะ
การออกแดด
ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด เพราะจำทำให้แผลเป็นสีเข้มขึ้น และจะก่อให้เกิดการไหม้อีกด้วย ถ้าจำเป็นต้องออกแดดจริงๆ แนะนำว่าให้ออกตอนเช้าหรือตอนเย็น เวลาที่แดดเบาๆ / ใช้ครีมกันแดดspf 15 ขึ้นไป แต่แดดอย่างไทยแลนด์นี้ แน่นอนว่า spf15เอาไม่อยู่ / และทาครีมกันแดดซ้ำๆทุกๆ2ชั่วโมงค่ะ
การรักษา hypertophic scars
(hypertophic scarคืออะไร? มันคือแผลเป็นที่นูนออกมานั่นเองจ้า หรือที่อาจจะเคยได้ยินว่า คีลอยด์ หรือ Keloid นั่นเอง)
ในเว็บไซต์บอกว่า ไม่มีการรักษาวิธีใดวิธีเดียวที่จะสามารถทำให้แผลนูนหายไปได้ ต้องทำหลายวิธีร่วมกัน
- การใส่pressure garment บางstudyก็บอกว่าการใส่pressure garment ไม่มีผลอะไร แต่เราที่เป็นผู้ป่วยมีแผลไฟไหม้ถึง 40%ของร่างกาย ยืนยันว่าได้ผลดีจ้าาาาา สีก็ซีดลง และแผลที่นูนก็่ลดลง เราก็เลยคิดว่า ถ้าเป็นแผลนูน นิดๆหน่อยๆ pressure garmentอาจจะไม่ช่วย แต่ถ้าเป็นเยอะๆนี่ ช่วยมากๆเลยค่ะ
- Silicone gel sheets จะเป็นแผ่นsilicone บางๆ เอาไว้แปะบนแผลเป็นเพื่อลดอาการคันและความนูนค่ะ เป็นแผลเป็นนิดๆหน่อยๆน่าจะใช้อันนี้ได้ เป็นทั้งตัวอย่างเรานี่เปลืองตายเลยค่ะ silicone gelนี้ สามารถแปะบนแผลเป็นเดี่ยวๆ หรือแปะใต้pressure garmentก็ได้ บางคนอาจจะแพ้ เกิดอาการคันจากการใช้silicone gel ดังนั้น ก่อนใช้จริงก็ซื้อมานิดเดียวลองแปะแค่บางจุดก่อนนะคะ
- บางราย คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ custom-made inserts (ซึ่งมันคืออะไรก็ไม่รู้ เราไม่เคยใช้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน) แต่จากในเว็บ เขาบอกว่าจะใส่ใต้pressure garment เพื่อเพิ่มแรงกดให้แผลเป็น (จะได้แบนลงอีก) Insertsพวกนี้ทำได้จากวัสดุหลายอย่าง เช่น ยาง หรือโฟม
- การนวดจะทำให้แผลเป็นอ่อนลง ปรึกษาผู้เชียวชาญเรื่องเทคนิคการนวดได้เลย สำหรับเราเนื่องจากแผลเป็นเยอะ ก็จะมีผู้ช่วยพยาบาลมานวดน้ำมันให้บ้าง ก็เหมือนนวดน้ำมันปกติค่ะ แต่เราใช้น้ำมันbio oil นวดก็นวดเหมือนนวดสปาทั่วไป แต่ให้ทำเองไม่ไหว เมื่อยอ่ะ
- surgical treatment หรือ การรักษาด้วยการผ่าตัด อันนี้ก็ต้องปรึกษาplastic surgeonอย่างเดียวนะจ๊ะ อย่าคิดเองทำเอง จะว่าไป วันพรุ่งนี้เรานัดplastic surgeonไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ มีความคืบหน้ายังไงจะมาแชร์นะคะ
ผู้ป่วยไฟไหม้ ควรต้องทำอย่างไรบ้าง (2)
http://pantip.com/topic/35217212
เห็นว่ามีประโยชน์ วันนี้เลยมาแชร์วิธีรักษาแผลเป็นกันต่อค่ะ แต่ว่าการรักษาแผลเป็นนี้ เป็นที่หาอ่านเอาจากเว็บเมืองนอก และประสบการณ์ตรงส่วนหนึ่งนะคะ เพราะว่าแผลเป็นของเรายังไม่หายดี เลยแชร์ประสบการณ์100% ไม่ได้ ก็แชร์เท่าที่รู้ค่ะ
อันนี้เป็นเรื่องของการรักษาแผลเป็นนะคะ แผลของเราอยู่ในstageที่เหลือแต่แผลเป็นแล้ว ช่วงนี้เลยกำลังอินค่ะ ส่วนคนที่ยังเป็นแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกอยู่ (ที่ยังเป็นแผลเปียก) แนะนำให้ไปหาหมอนะค๊าาา
ในphoenix-society.org เขาบอกว่า
อาการคันจากแผลเป็น
ควรใช้moisturizerที่ประกอบไปด้วยน้ำ พวกที่อยู่ในขวดจะมีน้ำมากกว่าพวกที่มาในหลอดหรือมาในกระปุก พวกmoisturizerที่ประกอบด้วยน้ำจะซึมเข้าแผลได้ง่าย และเราจะต้องทาบนแผลเป็นถี่มากกว่า
พวกmoisturizerที่มาในหลอดหรือมาในกระปุกจะเหนียวกว่า และประกอบไปด้วยน้ำน้อยกว่า ดังนั้นความถี่ในการทาจึงน้อย
หลีกเลี่ยงการทาผลิตภัณฑ์ที่ผู้ป่วยสามารถแพ้ได้นะคะ เช่น ครีมที่ผสมน้ำหอมต่างๆ
- moisturizerสามารถทาบนแผลที่ปิดสนิทแล้วได้ตลอดวันเลย ใครใคร่ทาทาเลยค่ะ (แต่เอาจริงๆนะ ทาแค่วันละหนสองหนก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว สำหรับคนที่มีแผลเป็นทั้งตัวอย่างเรา)
- ควรทาmoisturizerบางๆ และนวดเบาๆในขณะที่เพิ่งหายใหม่ๆ ถ้าหายซักพักแล้ว ผิวหนังแข็งแรงดีแล้ว ค่อยเพิ่มแรงกดในการนวดค่ะ จะทำให้แผลเป็นอ่อนตัวลง (สำหรับเราอย่าเอาว่านวดเลย ทาๆถูๆก็เหนื่อยแล้ววว)
- หลีกเลี่ยงการแช่น้ำร้อน หรือการใช้สบู่ที่ผสมด้วยน้ำหอม เพราะจะทำให้ผิวแห้งและคัน
- อาการคันสามารถลดได้ด้วยการใส่pressure garment หรือการใช้ยาแก้คัน ให้ปรึกษาหมอเรื่องการใช้ยานะคะ
- ไม่ควรใช้mineral oil (หรือที่เรียกติดปากกันว่า baby oilนั่นเอง) ไม่ควรใช้vaseline หรือครีมที่มีส่วนผสมของantibiotic เพราะจะทำให้เกิดอาการแพ้ และเกิดผดผื่นขึ้นตามผิวหนังที่มีแผลเป็นได้
**อันนี้ก็พูดยากน่ะนะ อาจารย์หมอ ท่านจากรพ.จุฬา และรพ.รามา ได้แนะนำตรงกันให้ใช้vaselineเพื่อช่วยความชุ่มชื่น แต่อาจารย์หมอที่รักษาเราที่รพ.ศิริราชไม่ได้ห้าม แต่ก็ไม่ได้แนะนำ คือไม่ได้พูดถึงvaselineเลยแหละ แต่แนะนำให้ใช้scagel อันนี้มีส่วนประกอบของน้ำเยอะนะ แต่มันมาในกระปุกล่ะ มันไม่ได้มาในขวด
**เราว่าscagelใช้ดีนะ ซึมเข้าผิวเร็วดี เพราะมีส่วนประกอบของน้ำเยอะ ส่วนvaselineเคยใช่ ไม่ค่อยชอบ เราว่ามันไม่ค่อยซึมเข้าผิว มันเคลือบๆอยู่ด้านนอก และที่สำคัญ vaselineมันคือpetroleum jelly สรุปคือ มันแลดูไม่มีสารอะไรในการช่วยฟื้นฟูแผลเป็นเลย นอกจากให้ความชุ่มชื้น ก็เลยไม่ชอบใช้ค่ะ
การออกแดด
ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด เพราะจำทำให้แผลเป็นสีเข้มขึ้น และจะก่อให้เกิดการไหม้อีกด้วย ถ้าจำเป็นต้องออกแดดจริงๆ แนะนำว่าให้ออกตอนเช้าหรือตอนเย็น เวลาที่แดดเบาๆ / ใช้ครีมกันแดดspf 15 ขึ้นไป แต่แดดอย่างไทยแลนด์นี้ แน่นอนว่า spf15เอาไม่อยู่ / และทาครีมกันแดดซ้ำๆทุกๆ2ชั่วโมงค่ะ
การรักษา hypertophic scars
(hypertophic scarคืออะไร? มันคือแผลเป็นที่นูนออกมานั่นเองจ้า หรือที่อาจจะเคยได้ยินว่า คีลอยด์ หรือ Keloid นั่นเอง)
ในเว็บไซต์บอกว่า ไม่มีการรักษาวิธีใดวิธีเดียวที่จะสามารถทำให้แผลนูนหายไปได้ ต้องทำหลายวิธีร่วมกัน
- การใส่pressure garment บางstudyก็บอกว่าการใส่pressure garment ไม่มีผลอะไร แต่เราที่เป็นผู้ป่วยมีแผลไฟไหม้ถึง 40%ของร่างกาย ยืนยันว่าได้ผลดีจ้าาาาา สีก็ซีดลง และแผลที่นูนก็่ลดลง เราก็เลยคิดว่า ถ้าเป็นแผลนูน นิดๆหน่อยๆ pressure garmentอาจจะไม่ช่วย แต่ถ้าเป็นเยอะๆนี่ ช่วยมากๆเลยค่ะ
- Silicone gel sheets จะเป็นแผ่นsilicone บางๆ เอาไว้แปะบนแผลเป็นเพื่อลดอาการคันและความนูนค่ะ เป็นแผลเป็นนิดๆหน่อยๆน่าจะใช้อันนี้ได้ เป็นทั้งตัวอย่างเรานี่เปลืองตายเลยค่ะ silicone gelนี้ สามารถแปะบนแผลเป็นเดี่ยวๆ หรือแปะใต้pressure garmentก็ได้ บางคนอาจจะแพ้ เกิดอาการคันจากการใช้silicone gel ดังนั้น ก่อนใช้จริงก็ซื้อมานิดเดียวลองแปะแค่บางจุดก่อนนะคะ
- บางราย คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ custom-made inserts (ซึ่งมันคืออะไรก็ไม่รู้ เราไม่เคยใช้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน) แต่จากในเว็บ เขาบอกว่าจะใส่ใต้pressure garment เพื่อเพิ่มแรงกดให้แผลเป็น (จะได้แบนลงอีก) Insertsพวกนี้ทำได้จากวัสดุหลายอย่าง เช่น ยาง หรือโฟม
- การนวดจะทำให้แผลเป็นอ่อนลง ปรึกษาผู้เชียวชาญเรื่องเทคนิคการนวดได้เลย สำหรับเราเนื่องจากแผลเป็นเยอะ ก็จะมีผู้ช่วยพยาบาลมานวดน้ำมันให้บ้าง ก็เหมือนนวดน้ำมันปกติค่ะ แต่เราใช้น้ำมันbio oil นวดก็นวดเหมือนนวดสปาทั่วไป แต่ให้ทำเองไม่ไหว เมื่อยอ่ะ
- surgical treatment หรือ การรักษาด้วยการผ่าตัด อันนี้ก็ต้องปรึกษาplastic surgeonอย่างเดียวนะจ๊ะ อย่าคิดเองทำเอง จะว่าไป วันพรุ่งนี้เรานัดplastic surgeonไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ มีความคืบหน้ายังไงจะมาแชร์นะคะ