สนช. ประสานเสียง 160 - 0 ผ่านวาระ 1 ก.ม.จัดสรรคลื่นความถี่ฯ


สนช. ผ่านวาระ 1 ก.ม.จัดสรรคลื่นความถี่ฯ
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

          หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่. ) พ.ศ.  หรือ ร่าง พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ฯ ต่อ ศ.พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา

          ความคืบหน้าล่าสุด (30 มิถุนายน) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีมติเห็นชอบรับหลักการวาระแรกของร่าง พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ฯ ที่ครม. เป็นผู้เสนอ ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 162 ต่อ 0 คะแนน งดออกเสียง 4 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 17 คน โดย ครม.เสนอรายชื่อ 3 ราย และสนช.เสนอรายชื่ออีก 14 ราย กำหนดแปรญัตติ 15 วัน ระยะเวลาดำเนินการ 60 วัน กำหนดประชุมนัดแรกในวันที่ 1 กรกฎาคม

          โดย ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า สืบเนื่องจากการจัดตั้งคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อทำหน้าที่ในการจัดทำนโยบายและแผนระดับชาติที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการตามอำนาจให้สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการดำเนินการ

          ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ต้องแก้ไขกฎมหายให้สอดคล้องกับแผนดังกล่าว ประกอบกับเทคโนโลยีเกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่ในปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าเพิ่มขึ้น และเพื่อให้การใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและอำนาจหน้าที่ให้สามารถรองรับได้

          ส่วนสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ในหลายประเด็นอาทิ แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบ คุณสมบัติทั่วไปของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการได้มา ซึ่งผู้สมควรได้รับเลือกและแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

          ตลอดจนการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนดังกล่าว สามารถนำเงินของกองทุนไปลงทุนได้ โดยต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย และแก้ไขเพิ่มเติมที่มาของเงินรายได้ที่ส่งเข้ากองทุนวิจัยฯดังกล่าวด้วย


แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 38)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่