เรื่องมีอยู่ว่าพ่อผมเป็นข้าราชการครับ เกษียณมาก็กลับมาอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัด แล้วแกก็ชอบเลี้ยงไก่ชน คือเคยเลี้ยงมาก่อนที่จะเกษียณแล้วสองครั้ง
ซึ่งคนที่บ้านคือ ผม น้องและแม่ ไม่เคยเห็นด้วยกับการที่พ่อจะเลี้ยงไก่ชนเลย จนเกษียณแกก็อยากจะกลับมาเลี้ยงไก่ชนอีกครั้ง โดยให้สัญญาว่าจะเลี้ยงแค่ 3-4 ตัวเอาไว้แก้เหงา จริงๆที่บ้านก็ไม่มีใครเห็นด้วยเหมือนเดิมแหระ แต่ก็ไม่อยากจะไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของพ่อจนเกินไป และเห็นว่าเลี้ยงไม่เยอะก็เลยยอม แต่ขอข้อตกลงเพิ่มอีกข้อคือให้เลี้ยงในกรงหรือในสุ่มเท่านั้นอย่าปล่อยให้เดินเพ่นพ่าน
จากวันนั้นจนวันนี้ผ่านมา 3-4 ปีแล้วครับ จากไก่ชน 3-4ตัวในวันนั้น วันนี้มันงอกออกมาเป็น 25-35ตัวเห็นจะได้ มีสุ่ม 8-9อัน กรงใหญ่พอๆกับบ้านขนาดย่อมๆอีก 1หลัง ถึงอย่างนั้นไก่ก็ยังเดินเพ่งพ่านเต็มไปหมด เพราะพ่อปล่อยไก่ออกจากเล้าทุกเช้า หลังบ้านผมพื้นที่เกือบๆสองงานเคยปลูกพืชสวนครัวเอาไว้ใช้ ตอนนี้ไม่เหลือแล้วครับ ไก่ห่-า-หมด ต้นไม้ที่อยู่รอดแม่ก็ต้องเอารั้วตาข่ายมาล้อมไว้ หลังบ้านที่เคยสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยตอนนี้มีแต่ขี้ไก่เต็มไปหมด ขี้ฝุ่นก็เยอะขึ้นมากเพราะไก่มันเขี่ยดินหาอาหารแล้วลมก็พัดเอาฝุ่นเข้าบ้าน สุขอนามัยก็ไม่ดี พ่อผมเวลาหายใจผมรู้สึกเหมือนจะได้กลิ่นขี้ไก่ออกจากลมหายใจของพ่อ ทุกวันนี้ถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่อยากออกไปเดินหลังบ้านเลยครับ
ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วเพราะมันเยอะเกินไป และผมก็เริ่มรู้สึกไม่ดีกับพ่อตรงที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่ไม่รักษาสัญญา รู้สึกผิดหวังครับ และเวลาคนในครอบครัวบ่นเกี่ยวกับเรื่องไก่ชน พ่อก็จะไม่พอใจและก็กลายเป็นทะเลาะกันไปหรือไม่ก็เดินหนีไม่รับฟังและไม่ปรับตัวใดๆ แถมยังเสียงานด้วยนะครับ ทุกวันนี้งานบ้านต่างๆแม่ผมจะเป็นคนทำเกือบทั้งหมด ส่วนพ่อก็จะมีงานหลัก 90% ของแกคือดูแลไก่ชน
ทุกคนในครอบครัวก็ไม่รู้เหตุผลในการเลี้ยงไก่ของพ่อคืออะไร? เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำงานบ้านรึป่าว เพราะดูเหมือนพ่อผมไม่ชอบทำงานบ้าน(เลยต้องหางานเลี้ยงไก่มาบังหน้า) ซึ่งถ้ามันใช่ผมก็สงสารแม่ที่ต้องรับภาระงานบ้านคนเดียว อย่างสัปดาห์ไหนที่แม่มาอยู่กับผมที่ กทม. สักอาทิตย์นึงแล้วกลับมาบ้านที่ ตจว. บ้านก็จะดูเละๆ พื้นก็ไม่ถู มีครั้งนึงผมเปิดฝาชีมาก็เจอกับผักต้มที่ขึ้นราเป็นขลุยๆ ประมาณว่าทั้งอาทิตย์พ่อไม่ได้คิดจะเปิดฝาชีดูเลยว่ามันมีอะไรเสียรึป่าว ผมเคยถามว่าจะเลี้ยงไปทำไมเยอะแยะ แกตอบว่า "เพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ไก่ไทย" ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่อ่ะ.. ขายก็ไม่ขาย แต่พอจะขายก็ไม่มีคนซื้อพันธ์ุดีจัด ตีก็ไม่ตี กินก็ไม่กิน เหมือนเลี้ยงเอาไว้ให้เป็นเจ้านายตัวเอง
สรุปคือผมเบื่อความเอาแต่ใจไม่ฟังใครและไม่เห็นใจคนอื่นของพ่อผมมากครับ ไม่รู้จะแก้ไขหรือเตือนยังไงแล้ว เพราะหลังๆเริ่มจะทะเลาะกันแรงขึ้นๆและพ่อก็อารมณ์รุนแรงขึ้นทุกที พูดตรงๆว่าเอื่อมมากๆๆตอนนี้ ผมคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะสมัยที่ยังทำงานแกอยู่คนเดียวที่บ้านพักครับ และเป็นข้าราชการระดับหัวหน้าเวลาจะทำอะไรก็สามารถทำได้ตามใจตัวเองไม่มีใครห้าม พอเกษียณย้ายกลับมาอยู่บ้านก็เลยติดนิสัยแบบนั้นด้วยความเคยชิน ไม่ใช่แค่เรื่องไก่นะครับ มีอีกหลายเรื่อง เช่นถ้าจะดู TV นี่ใครห้ามไปแย่งแกดูช่องที่แกไม่ชอบนะไม่งั้นโมโห จะปลูกต้นไม้ก็ต้องเอาที่แกชอบแกจะมีแปลนไว้เลยว่าตรงนี้ปลูกอะไรตรงนั้นปลูกอะไร ใครจะเอาอะไรมาปลูกไม่ได้แกจะรู้สึกขัดใจไม่ชอบ หลังๆมานี่เริ่มเลี้ยงนกด้วยครับ เห็นซื้อกรงมาเพียบ ..ส่วนผมปวดหัวครับทำอะไรไม่ได้
ทำยังไงให้พ่อเลิกเลี้ยงไก่ชน
ซึ่งคนที่บ้านคือ ผม น้องและแม่ ไม่เคยเห็นด้วยกับการที่พ่อจะเลี้ยงไก่ชนเลย จนเกษียณแกก็อยากจะกลับมาเลี้ยงไก่ชนอีกครั้ง โดยให้สัญญาว่าจะเลี้ยงแค่ 3-4 ตัวเอาไว้แก้เหงา จริงๆที่บ้านก็ไม่มีใครเห็นด้วยเหมือนเดิมแหระ แต่ก็ไม่อยากจะไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของพ่อจนเกินไป และเห็นว่าเลี้ยงไม่เยอะก็เลยยอม แต่ขอข้อตกลงเพิ่มอีกข้อคือให้เลี้ยงในกรงหรือในสุ่มเท่านั้นอย่าปล่อยให้เดินเพ่นพ่าน
จากวันนั้นจนวันนี้ผ่านมา 3-4 ปีแล้วครับ จากไก่ชน 3-4ตัวในวันนั้น วันนี้มันงอกออกมาเป็น 25-35ตัวเห็นจะได้ มีสุ่ม 8-9อัน กรงใหญ่พอๆกับบ้านขนาดย่อมๆอีก 1หลัง ถึงอย่างนั้นไก่ก็ยังเดินเพ่งพ่านเต็มไปหมด เพราะพ่อปล่อยไก่ออกจากเล้าทุกเช้า หลังบ้านผมพื้นที่เกือบๆสองงานเคยปลูกพืชสวนครัวเอาไว้ใช้ ตอนนี้ไม่เหลือแล้วครับ ไก่ห่-า-หมด ต้นไม้ที่อยู่รอดแม่ก็ต้องเอารั้วตาข่ายมาล้อมไว้ หลังบ้านที่เคยสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยตอนนี้มีแต่ขี้ไก่เต็มไปหมด ขี้ฝุ่นก็เยอะขึ้นมากเพราะไก่มันเขี่ยดินหาอาหารแล้วลมก็พัดเอาฝุ่นเข้าบ้าน สุขอนามัยก็ไม่ดี พ่อผมเวลาหายใจผมรู้สึกเหมือนจะได้กลิ่นขี้ไก่ออกจากลมหายใจของพ่อ ทุกวันนี้ถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่อยากออกไปเดินหลังบ้านเลยครับ
ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วเพราะมันเยอะเกินไป และผมก็เริ่มรู้สึกไม่ดีกับพ่อตรงที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่ไม่รักษาสัญญา รู้สึกผิดหวังครับ และเวลาคนในครอบครัวบ่นเกี่ยวกับเรื่องไก่ชน พ่อก็จะไม่พอใจและก็กลายเป็นทะเลาะกันไปหรือไม่ก็เดินหนีไม่รับฟังและไม่ปรับตัวใดๆ แถมยังเสียงานด้วยนะครับ ทุกวันนี้งานบ้านต่างๆแม่ผมจะเป็นคนทำเกือบทั้งหมด ส่วนพ่อก็จะมีงานหลัก 90% ของแกคือดูแลไก่ชน
ทุกคนในครอบครัวก็ไม่รู้เหตุผลในการเลี้ยงไก่ของพ่อคืออะไร? เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำงานบ้านรึป่าว เพราะดูเหมือนพ่อผมไม่ชอบทำงานบ้าน(เลยต้องหางานเลี้ยงไก่มาบังหน้า) ซึ่งถ้ามันใช่ผมก็สงสารแม่ที่ต้องรับภาระงานบ้านคนเดียว อย่างสัปดาห์ไหนที่แม่มาอยู่กับผมที่ กทม. สักอาทิตย์นึงแล้วกลับมาบ้านที่ ตจว. บ้านก็จะดูเละๆ พื้นก็ไม่ถู มีครั้งนึงผมเปิดฝาชีมาก็เจอกับผักต้มที่ขึ้นราเป็นขลุยๆ ประมาณว่าทั้งอาทิตย์พ่อไม่ได้คิดจะเปิดฝาชีดูเลยว่ามันมีอะไรเสียรึป่าว ผมเคยถามว่าจะเลี้ยงไปทำไมเยอะแยะ แกตอบว่า "เพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ไก่ไทย" ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่อ่ะ.. ขายก็ไม่ขาย แต่พอจะขายก็ไม่มีคนซื้อพันธ์ุดีจัด ตีก็ไม่ตี กินก็ไม่กิน เหมือนเลี้ยงเอาไว้ให้เป็นเจ้านายตัวเอง
สรุปคือผมเบื่อความเอาแต่ใจไม่ฟังใครและไม่เห็นใจคนอื่นของพ่อผมมากครับ ไม่รู้จะแก้ไขหรือเตือนยังไงแล้ว เพราะหลังๆเริ่มจะทะเลาะกันแรงขึ้นๆและพ่อก็อารมณ์รุนแรงขึ้นทุกที พูดตรงๆว่าเอื่อมมากๆๆตอนนี้ ผมคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะสมัยที่ยังทำงานแกอยู่คนเดียวที่บ้านพักครับ และเป็นข้าราชการระดับหัวหน้าเวลาจะทำอะไรก็สามารถทำได้ตามใจตัวเองไม่มีใครห้าม พอเกษียณย้ายกลับมาอยู่บ้านก็เลยติดนิสัยแบบนั้นด้วยความเคยชิน ไม่ใช่แค่เรื่องไก่นะครับ มีอีกหลายเรื่อง เช่นถ้าจะดู TV นี่ใครห้ามไปแย่งแกดูช่องที่แกไม่ชอบนะไม่งั้นโมโห จะปลูกต้นไม้ก็ต้องเอาที่แกชอบแกจะมีแปลนไว้เลยว่าตรงนี้ปลูกอะไรตรงนั้นปลูกอะไร ใครจะเอาอะไรมาปลูกไม่ได้แกจะรู้สึกขัดใจไม่ชอบ หลังๆมานี่เริ่มเลี้ยงนกด้วยครับ เห็นซื้อกรงมาเพียบ ..ส่วนผมปวดหัวครับทำอะไรไม่ได้