แชร์ประสบการณ์กระเป๋าและพาสปอร์ตหายในนิวซีแลนด์ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน ทริปล่ม !!!

สวัสดีคะ อยากขอแชร์ประสบการณ์กระเป๋าหายที่นิวซีแลนด์เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาคะ การที่กระเป๋าหายครั้งนี้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนเลยคะ ขอเกริ่นนำถึงชีวิตเราก่อนหน้ากระเป๋าหายนะคะ เราถือวีซ่า Working and Holiday - Australia คะ มีแพลนใช้ชีวิตทำงานในออสเตรเลีย 1 ปี และวีซ่าจะหมดเดือนพฤศจิกายนปีนี้คะ

จนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา เรามีนัดกับเพื่อนๆ เดอะแก้งค์ไปเที่ยวนิวซีแลนด์ เรากับรูมเมท บินจาก Melbourne ไป Christchuch ไปเจอเพื่อนอีก 8 คนที่บินจากไทย (ทำวีซ่ากรุ๊ป) รวมทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 10 คน เจอกันที่สนามบิน Christchuch เป็นทริป 7 วันคะ เราซื้อซิม 5 ซิม แล้วแชร์เนตกันคะ 2 คนต่อ 1 ซิม ทริปนี้เราเช่ารถตู้จากบริษัท Apex car rental เป็นรถตู้แบบ 12 ที่นั่งรุ่นToyota Hiace Minibus ป้ายทะเบียน HLL72


ทริปก็ปกติ ขับรถเที่ยวกันวนรอบเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ จนวันที่ 4 ของทริป เราขับรถวนมาถึงเมือง Wanaka วันนี้เราเริ่มที่เที่ยวแรกก็คือ  Lake Wanaka แวะถ่ายรูปปกติ เสร็จก็ไปต่อที่ Puzzing World สถานที่เกิดเหตุคะ

มาถึง Puzzing World มีที่จอดรถด้านหน้าคะแต่ด้วยรถของเราเป็นรถตู้ที่ยาวเราเลยต้องเข้าไปจอดที่จอดรถด้านในที่สำหรับ Long vehicles แล้วที่นี้ก็เป็นที่เที่ยวของเด็ก ๆเป็นเขาวงกตไรแบบนี้คะ เราเลยไม่คิดจะเสียค่าเข้าเข้าไปอยู่แล้วคะ คิดว่าแค่ลงไปถ่ายรูปกับป้ายด้านหน้าก็พอคะ เราเลยไม่ได้เอากระเป๋าลงไปคะวางกระเป๋าไว้ในรถนั่นแหละ เพราะว่าตอนที่อยู่ออสเตรเลียเราก็วางกระเป๋าไว้ไม่มีปัญหาคะ ยอมรับคะว่าประมาทเอง ด้วยความไว้ใจประเทศนี้คะดูเหมือนปลอดภัย เราเองก็สะเพร่าและประมาทมาก ๆ คะ กระจกรถก็ใส แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจคะ


ถ่ายรูปเสร็จ เพื่อนก็อยากเข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟอีกแปป เดินกลับไปที่รถ

ย้ง : โทรศัพกุไปไหน ก่อนกุลงไปกุวางไว้ตรงนี้ ไว้บนเบาะเนี่ย กุเอาหมวกวางทับไว้ ยังเสียบพาวเวอร์แบ้งค์ด้วย
เพื่อนๆ : เห้ยย หาดีรึยัง หล่นรึเปล่า มาๆ ช่วยกันหา
แล้วทุกคนก็ช่วยกันหา รื้อรถเลยคะ
ยุ้ย : โทรศัพท์ย้งต้องอยู่แถวนี้แหละ มันยังขึ้น Connection ต่อเนตกับเครื่องกุเลย (ที่เราแชร์เนตกันอะคะ)
แล้วทุกคนก็ช่วยกันหาวุ่นวายสักพักก็หาไม่เจอ จู่ๆ ยุ้ยก็พูดว่า เห้ยยกระเป๋ากุหายไปไหน พี่แดทก็พูดกระเป๋าพี่ก็ไม่อยู่ มาถึงเรามองไปที่เบาะ เห้ยยยย กระเป๋าหายเหมือนกัน คิดในใจงานเข้าแล้ววววว

รีบวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่บอกเค้าว่าจอดรถไว้แล้วของหาย ถามหากล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มี เจ้าหน้าที่บอกให้แจ้งตำรวจ เราก็โทรหาตำรวจเลยคะ ตำรวจก็ถามๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็บอกตำรวจคะ ว่ารถเราล็อกนะ เรามั่นใจเพราะจะเช็คตลอดอยู่แล้วคะ ว่าล็อกรถ ตอนกลับมารถก็ยังล็อคอยู่เลยคะ ต้องใช้รีโมทกดปลดล็อก รถก็ไม่ได้มีรอยงัดหรือทุบกระจกอะไรเลย เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโจรเข้าไปขโมยของได้ยังไง จนตอนนี้ยังงงๆ อยู่เลยคะ ว่าโจรเข้ารถได้ไง ระหว่างที่เรากำลังคุยโทรศัพท์กับตำรวจ เพื่อนที่เหลือก็ช่วยกันมองรถคันอื่นตรงนั้น และเดินมองรอบๆ เพราะโทรศัพท์ย้งยังขึ้น Connetion คะ แสดงว่าต้องยังอยู่ใกล้ ๆ แต่หาไม่เจอ

ตำรวจก็ถามๆเหตุการณ์ปกติ ถามว่าอะไรหายบ้าง ถามข้อมูล ลงบันทึกประจำวันเหมือนถามไปอย่างนั้นแหละ เราถามว่าตำรวจจะมาที่นี่มั้ย มาดูรถมั้ย มาดูที่เกิดเหตุเปล่า ตำรวจตอบว่าไม่มาคะ เราถามทำไมไม่มา เค้าบอกว่าปกติเหตุการ์ของหายอะไรแบบนี้ตำรวจไม่จำเป็นต้องไปที่เกิดเหตุ แค่ให้เราแจ้งคะว่าอะไรหายบ้างแล้วเหตุเกิดได้ไงแค่นี้ เราก็เห้ยยยยยย ได้ไง เราถามว่าแล้วเราจะได้รับของคืนมั้ย แล้วตำรวจจะช่วยไรบ้างเนี่ย เราก็ใส่ๆๆๆ ไปรัวๆ สรุปแจ้งตำรวจไปก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไร ให้เลขที่เคสมา บอกให้เข้าไปกรอกข้อมูลเพิ่มเติม ว่าอะไรหายบ้าง มูลค่าเท่าไหร่ ในเวปไซด์ เราก็คุยกัน เห้ยย ไม่ได้แล้ว เราจะอยู่เฉยไม่ได้ เราต้องพยายามให้ถึงที่สุด

เราทิ้งเบอร์โทรไว้ให้เจ้าหน้าที่ที่ Puzzing world เผื่อเจอกระเป๋าหรือของที่โจรทิ้งไว้ เผื่อโจรอยากได้แต่เงินไรงี้ เราทั้งหมดเลยขับรถไปที่สถานีตำรวจ Wanaka คะ

มาถึงสถานีตำรวจ ส่วนนึงเข้าไปแจ้งตำรวจ อีกส่วนนึงขับรถวนหารอบๆ เผื่อโจรจะโยนกระเป๋าทิ้งไว้แถวข้างทาง แล้วเราก็แจ้งตำรวจที่เค้าเตอร์คะ บอกว่าโดนขโมยของ ตำรวจบอกว่า นั่งรอก่อนนะ ห้องสอบสวนยังไม่ว่าง เราก็นั่งรอคะ สักพักมีฝรั่งสองคนเดินออกมา เราถามทำไม เค้าบอกโดนขโมยของในรถเหมือนกัน เราก็เห้ยย มันต้องเป็นแก้งค์เดียวกันแน่ๆ ถามเค้าว่าเค้าโดนที่ไหน เค้าตอบว่าโดนที่ Lake wanaka ตอนประมาณ 11.30 ส่วนของเราโดนตอนประมาน 12.00 กว่าๆ

สักพักเพื่อนที่วนหาก็กลับมาคะ ไม่เจออะไรเลยตำรวจก็ออกไปดูรถนะคะ พร้อมกับกินแอปเปิ้ลไปด้วยดูชิวมาก คือเรารู้สึกแย่กับตำรวจนิวซีแลนด์มาก ๆ คะ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แจ้งตำรวจไปก็เท่านั้น เสียเวลาเปล่า ตำรวจถามล็อกรถไม่ดีเปล่า ลืมล็อกรถเปล่า บางทียูปิดประตูรถไม่สนิทแล้วกดล็อกเปล่า เรามั่นใจคะว่าถ้าประตูปิดไม่สนิทจะล็อกรถไม่ได้ เราก็ทำให้ตำรวจดูเลยว่า เนี่ยยูดู ว่าถ้าพวกเราปิดประตูไม่สนิทมันล็อกไม่ได้ ตำรวจก็เปลี่ยนเรื่องคุยเลย คือแบบกุมาหาให้ช่วย แล้วทำได้แค่นี้อะนะ เพลียย เสียเวลามาก สุดท้ายก็ต้องแจ้งทีละคนว่าในกระเป๋ามีไรบ้าง เพราะต้องเอาใบแจ้งความเป็นหลักฐาน

ก็แจ้งความกันทีละคนคะ แจ้งแบบละเอียดคะ เช่น กระเป๋าสตางค์หาย กระเป๋ายี่ห้อ อะไรสีอะไร ด้านในมีเงินสดเท่าไหร่ บัตรเครดิตของธนาคารA, B, C บลาๆ แว่นตายี่ห้อ อะไรสีอะไร ต้องแจ้งละเอียดแบบนี้คะ ของหายทั้งหมด 5 คน พาสปอร์ตหาย 4 เล่ม คร่าวๆ มี ทอง 4 บาท เงินสดรวมกันของคนที่หายประมาณ 1 แสนบาท มือถือ อื่นๆ รวมมูลค่าของที่หายประมาณ 2 แสนบาท แต่โจรฉลาดคะในรถวางมือถือไว้หลายเครื่อง รวมถึงไอแพดคะ แต่หายเฉพาะมือถือ Samsung คะ อะไรที่เป็นแบรนด์  Apple , Iphone Ipad ไม่หายคะ คิดว่าที่โจรไม่เอาเพราะมันมี find my Iphone ที่จะเช็คโลเคชั่นได้ แต่ไม่ว่าอะไรจะหายมันก็ไม่สำคัญเท่าพาสปอร์ตหายคะ เสร็จก็ได้ใบแจ้งความมาคนละใบ --




ระหว่างนั้นก็โทรอายัติบัตรเครดิตอีกอย่าเป็นการโทรทางไกล โทรกลับไทยทุกคนวุ่นวายมาก วันที่หายเป็นวันที่ 5 มิถุนายน เป็นวันอาทิตย์ซะด้วย ส่วนเพื่อนที่ของไม่หายก็ช่วยกันหาข้อมูลการทำพาสปอรต์ใหม่ ก็ช่วยกันเสริทๆ จนได้เบอร์เจ้าหน้าที่สถานเอกอักรข้าราชทูตไทยประจำนครเวลลิงตัน เจ้าหน้าที่ใจดีมากคะ รับโทรศัพท์ บอกวิธีขั้นตอนการทำทุกอย่างเลย แต่ซวยซ้ำตรงที่วันจันทร์ที่ 6 มิถุนา เป็นวันหยุดราชการของนิวซีแลนด์ ซึ่งเดิมสถานทูตปิด แต่ท่านกงสุลมีความอนุเคราะห์เปิดให้ทำคะ อธิบายสถาณการณ์กับทางเจ้าหน้าที่ไทยไปคะ เพราะถ้าไม่ได้ทำ มีหวังโดนเลื่อไฟล้ทกลับยกแก้งค์แน่ ๆ อย่างที่บอกไปตอนต้นคะว่าเพื่อนจากไทยทำวีซ่ากรุ๊ปมาต้องเข้าออกพร้อมกัน ตั๋วเครื่องบินก็ไม่ได้ถูก ๆ  แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะไปถึงเวลลิงตันกี่โมงเลยยังไม่ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ไป บอกว่าจะโทรกลับไปใหม่


มาถึงเอกสารการขอหนังสือสำคัญประจำตัว Certificate of identity
คนที่หายไม่จำเป็นต้องไปทุกคน ให้ส่งตัวแทนไปได้ ถ้าคนที่ไม่ได้ไปให้เซ็นใบคำร้องฝากเพื่อนไปได้
-ต้องเตรียมรูปถ่าย 2 นิ้ว 3 รูป และปริ้นใบคำร้องได้จากอินเตอร์เนต
-ใบแจ้งความ
-เอกสารที่แสดงว่าเป็นคนไทย จะเป็นทะเบียนบ้าน หรือ บัตรประชาชน อย่างใดอย่างนึงก็ได้

พวกเราก็คุยกันคะ ว่าเอาไงต่อ เราจะไปเวลลิงตันได้ยังไง จากวานากา เสริทดูกูเกิ้ลแมป ถ้าขับรถไปคงไม่ทันแน่ เพราะต้องข้ามเรือไปเกาะเหนืออีก


เราก็ต้องเปลี่ยนแผนการเที่ยวหมดเลย กำลังจะไปต่อที่ Franz Josef ยกเลิกๆๆๆ เลยคะ โรงแรมที่จองไว้ที่นั่น 2 คืนก็ต้องยกเลิก โชคดีที่เป็นโรงแรมที่เพื่อนของน้องที่รู้จักกันทำงานอยู่ เลยให้น้องช่วยพูดให้ ก็เลยไม่โดนค่าปรับ

พวกเราเลยตัดสินใจขับรถไป Christchurch แล้วต่อเครื่องบินไป Wellington แทน เพราะยังไงพวกเราทั้งหมดต้องกลับจาก Chirstchurch อยู่แล้ว ระหว่างทางต้องมองข้างทางตลอดเผื่อโจรทิ้งกระเป๋าไว้ จนเห็นถุงดำถุงใหญ่อยู่ข้างทาง ก็จอดรถลงไปรื้อดู ปรากฏว่าเป็นถุงขยะคะ - - ตอนนั้นก็บ่ายสามแล้ว ระยะทาง 400 กว่ากิโล ถูกจำกัดความเร็วที่ 100 กม/ชม เขตเมืองได้แค่ 40 หรือ 60 กว่าจะถึง Christchurch ก็ดึกมากแล้วคะ ระหว่างทางก็มองหาร้านถ่ายรูปก็ไม่มี ร้านปริ้นก็ไม่มี ข้าวก็แวะกินไม่ได้เพราะเสียเวลา หิวมาก ยังดีที่หุงข้าวตอนเช้าแล้วข้าวเหลือติดรถบ้างพอจะแบ่งๆ กันไป กินกับน้ำพริกแห้ง แกงไตปลาแห้งที่เอาไปจากไทย TT

พูดถึงอาหารการกิน ด้วยเพื่อนเราที่มาจากไทย ขนเสบียงกันมาเยอะมากจากไทย ทั้งน้ำพริก มาม่า ช่วงหลังๆ เราก็แค่ซื้อข้าวสาร ไข่ในซุปเปอร์มาร์เกตแล้วก็หุงข้าวกันคะ หุงข้าวกับเตาแก้ส เพราะปกติโฮสเทลจะมีอุปกรณ์ครัวให้อยู่แล้ว เลยรอดตายไปแบบประหยัดๆคะ



ถึง Christchurch ก็ไปสนามบินคะ คิดว่าน่าจะมีตู้คีออสถ่ายรูปบ้างหละ แต่ก็ไม่มีคะ เลยต้องวนหาโฮสเทล ถึงโฮสเทลหิวมากคะ ทอดไข่เจียว กินกับปลากระป๋อง หุงข้าว แล้วก็นั่งคุยกันว่าจะเอาไงดี ดูตั๋วเครื่องบินไปเวลลิงตัน มีไฟล้ท 7 โมงเช้า กับอีก 4 โมงเย็น แล้วตอนแรกตกลงกันไว้ว่าจะไปแค่ 2 คน จะได้ประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ ดูตั๋วเครื่องบินของ Jetstar เพราะถูกที่สุดแล้ว แต่ด้วยหาร้านถ่ายรูปและร้านปริ้นแบบฟอร์มขอหนังสือสำคัญประจำตัวไม่ได้ และไฟล้ท 4 โมงก็ไปถึงเย็นเกินไป เกรงใจท่านกงสุลด้วยคะ เลยต้องจำใจจองตั๋วเครื่องบิน ไฟล้ท 7 โมงเช้า ไป-กลับ ทั้ง 4 คน - - โดยเพื่อนที่เหลือที่ของไม่หาย ช่วยกันหารเงินออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ไปเวลลิงตัน คำว่าเพื่อนมีค่ามากจริงๆ นะ
** ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ 4 คน 1,112 NZD ประมาณ 27,500 บาท
** ให้เงินสดอีก 500 NZD ไว้ใช้จ่าย ประมาณ 12,000 บาท
วันนั้นได้นอน ตี 2 ตื่น ตี 4 ครึ่ง ไปสนามบินให้ทันไฟล้เช้า


ตื่นเช้ามา ไปสนามบินพร้อมกัน 4 คน มีเพื่อนอีก สองคนตื่นไปส่งที่สนามบิน ไปถึงสนามบิลเวลลิงตันประมาณ 8 โมงเช้า มองหาตู้คีออสถ่ายรูป ก็ไม่มี เลยถามประชาสัมพันธ์ สรุปสนามบินไม่มีตู้ถ่ายรูป เราเลยขอความช่วยเหลือจากน้องที่เมืองไทยให้ช่วยหาร้านถ่ายรูปในเมืองให้หน่อย ให้เป็นเส้นทางสายรถเมล์เส้นเดียวกับทางไปสถานทูตเพราะจะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง ในใจคิด ถ้าทำเสร็จเร็วเราจะได้เที่ยวเวลลิงตันกันต่อ เพราะไฟล้ทกลับประมาณหกโมงเย็น ยังมีเวลา แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด

อย่างที่บอกว่า วันที่ 6 มิถุนายน เป็นวันหยุดราชการ Queen’s birthday ทุกร้านปิดหมด เราสี่คนลงรถเมล์แล้วอึ้งคะ นึกว่าเมืองร้างแทบไม่มีคนเลย ไม่มีร้านเปิดสักร้าน ซวยแล้ววว เดินไปเรื่อยๆ สาม สี่ป้ายรถเมล์ มีร้านถ่ายรูปนะคะ แต่ปิดหมดเลย เพราะปกติเค้าจะถ่ายรูปกันที่ไปรณีย์และแน่นอนว่าอย่าหวังว่าจะเปิด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่