***เขียนถึงเรื่องรัก หักอก ทรยศ --- สามี ภรรยาหลวง ภรรยาน้อย อดีตภรรยา อดีตสามี เท่าที่ได้ยิน ได้ฟังมา***

กระทู้นี้ควรใส่ 20+  
ไม่ใช่เพราะมีเนื้อหาทำนองนั้น  เม่าเซย์โนเม่าเซย์โน
แต่เพราะเป็นมุมมองของคนมีอายุ ที่ได้ยิน ได้ฟัง มาจากคนที่มีอายุมากกว่า เพราะงั้นถ้าบวกอายุของคนเล่า คนฟัง  คนในเนื้อเรื่อง รวม ๆ ก็น่าจะได้สักครึ่งศตวรรษกระมัง


    ความเห็น เนื้อหา อาจไม่ถูกใจวัยรุ่น วัยหนุ่ม วัยสาว ส่วนใหญ่ในบอร์ดก็ว่าได้   แต่ก็ขอแชร์ เผื่อใครเดินทางมาถึงจุดนี้ของชีวิต  แล้วพบเจออะไรคล้าย ๆ กัน   ก็หวังว่าจะเป็นตัวอย่าง หรือ แนวทางให้ลองพิจารณาให้ถ้วนทั่วดูก่อน

    ส่วนใหญ่ในห้องชานเรือนนี้  นอกจากเรื่องการเลี้ยงลูก เคล็ดลับเลี้ยงลูก ทำอาหารให้ลูก พวกนี้แล้ว  ประเด็นร้อนฮอตฮิตมาหลายปีในนี้ คือ เรื่อง การนอกใจ การหึงหวง  จับได้ว่า สามี หรือ ภรรยาแอบกิ๊ก  แอบคุย มีชู้ จะทำอย่างไรดี ?

    แน่นอนว่า เสียงส่วนใหญ่ (ดิฉันว่า ตัวดิฉันเองก็น่าจะเคยแสดงความเห็นประมาณนี้ด้วย) มักจะบอกว่า “เลิกไปเลย  ฟ้องหย่า ฟ้องชู้ เรียกค่าเสียหาย  เก็บไว้ทำไมผู้ชายแบบนี้ ผู้หญิงแบบนี้   ถือว่าทิ้ง หางแดง ไปสักตัวนึง” อะไรทำนองนี้ วีไอกับเทคนิคเม่าโกรธ

    ช่วงปีที่ผ่านมา ฟังเรื่องราว 2 เรื่อง 2 ฉาก 2 ครอบครัว (จะเรียกว่า 2 ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องมันอีรุงตุงนัง ไปเป็น 3 ถึง 4 ครอบครัว)  กับการตัดสินใจที่ต่างกัน และผลลัพธ์ที่ต่างกัน  เลยอยากมาขอแชร์ให้ฟัง  

    เรื่อง 2 เรื่องนี้ มีธีมเดียวกันค่ะ คือ “คุณพ่อบ้านแบ่งใจ”

เรื่องแรก  เป็นเรื่องของครอบครัวพี่อ๊อด

    พี่อ๊อดเป็นแฟนกับพี่สวย ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมอยู่ต่างจังหวัด  เรียนเก่งทั้งคู่ แต่พี่สวยเรียนเก่งกว่า    พี่ผู้ชายเป็นลูกคหบดีต่างจังหวัด  สอบเรียนต่อได้ที่มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของเมืองไทย พร้อมกับพี่สวย  ทรีตกันดีมาก  รักกันมานานจนรุ่นน้องเพื่อนผองทั้งรู้ ทั้งอิจฉากันทั้งคุ้งน้ำเจ้าพระยา  รุ่นน้องที่เห็นต่างก็เล่ากันว่า คู่นี้เหมือนกิ่งทองใบหยก นานาเยี่ยมนานาเก่ง ค่าที่ พี่สวย เป็นคนสวยสมชื่อ  จมูกโด่ง  ผิวขาวผุดผ่อง นิสัยดี   ไม่ก้าวก่าย  อ่อนหวาน  เอ็นดูปรานีรุ่นน้องตลอดมา  

        ส่วนพี่อ๊อด  ถึงไม่หล่อจัด  ก็ถือว่าหน้าตาดีแบบกุมารจีนทั่วไป  เรียนดี (แม้ไม่เก่งเท่าพี่สวย)  แต่ทำงานเก่งมาก  สปอร์ต ใจกว้าง ใจถึงพึ่งได้  เป็นที่รักของน้อง ๆ บริหารงานได้ยอดเยี่ยม  วิสัยทัศน์ดี   ขึ้นเป็นผู้บริหารองค์กรใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย (น่าจะสักยี่สิบปลาย ๆ หรือ สามสิบต้น ๆ )    หลังจากเรียนจบ (คู่นี้ เรียนจบ ปริญญานับรวม ๆ กันได้ 5-6 ใบ  จากสถาบันชั้นนำทั้งนั้น)  ก็จัดงานแต่งงานกันใหญ่โตที่โรงแรมห้าดาวกลางเมือง

พี่คนที่เล่าเรื่องนี้ให้ดิฉันฟัง บอกว่า ตอนนั้นทุกคนต่างเห็นพี่คู่นี้เป็นคู่ในอุดมคติทั้งนั้น  ใคร ๆ ก็อิจฉาพี่สวยว่า โชคดี ได้สามีทั้งดี  ทั้งเก่ง  เป็นที่รักของใครต่อใคร  พี่อ๊อดเองก็ภูมิใจในตัวพี่สวยมาก  คุยอวดกับใครต่อใครถึงความเก่ง ความดีของพี่สวยไม่หยุดปาก  และพี่อ๊อดก็ดูจะภูมิใจใน ความเก่ง ความเป็นผู้หญิงทำงานอนาคตไกลของพี่สวยมาก ๆ

    ชีวิตของทั้งคู่เหมือนเทพนิยาย  

    วันหนึ่ง  ทั้งคู่ก็เลิกกัน  พี่อ๊อดจดทะเบียนใหม่กับคนใหม่หลังจากจดทะเบียนหย่ากับพี่สวยไม่นานแบบหมึกไม่ทันแห้ง  ครั้งนี้  ไม่มีงานใหญ่โตที่โรงแรมเหมือนครั้งแรก แต่มีทะเบียนสมรส

    พี่คนเล่าเรื่องบอกดิฉันว่า  คนใหม่ที่พี่อ๊อดจดทะเบียนด้วย  เป็นรุ่นน้องมหาลัย เดียวกัน  แต่งงานมีสามีแล้ว เลิกกับสามีเพื่อมาจดทะเบียนกับพี่อ๊อด  ขอเรียกคนใหม่ว่าพี่กิ๊กก็แล้วกันนะคะ  
    เล่ากันว่า พี่กิ๊ก มาของานพี่อ๊อดทำ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ    เพราะคนกว้างขวางอย่างพี่อ๊อดหางาน ฝากงาน refer งานให้น้อง ๆ ประจำอยู่แล้ว    เริ่มจากตำแหน่งประมาณธุรการทั่วไป จะด้วยโอกาส ความสนิทสนม หรือ อะไรก็แล้วแต่  ก็ค่อย ๆ เขยิบเข้ามาเป็นเลขานุการส่วนตัวของพี่อ๊อด
    วันหนึ่ง ทั้งคู่จำเป็นต้องไป business trip ร่วมกันที่ต่างประเทศ  พี่กิ๊ก เลขาฯ กลับมาทำเรื่องเบิกค่าห้อง แต่จุดที่เป็นประเด็นคือ เธอทำเรื่องเบิกค่าห้องแค่ห้องเดียว
    เท่านั้นล่ะค่ะ  เป็นข่าวหึ่งไปทั้งบริษัท  ข่าวข้ามห้วยไปถึงพี่สวยเอง จนพี่สวยก็อดรนทนไม่ไหว  ถึงขั้นมาเฝ้าพี่อ๊อดที่ทำงานตอนเย็น       บรรยากาศมาคุกันไปทั้งตึก

    เรื่องราวย่อ ๆ จบลงที่พี่อ๊อดจดทะเบียนหย่ากับพี่สวย  จากนั้น จึงได้จดทะเบียนแต่งกับพี่กิ๊ก  ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันสืบมาถึงบัดนี้ มีลูกมีเต้าด้วยกัน  ลูกก็หน้าตาดี และเรียนเก่ง  
    เวลาผ่านไปเกือบสามสิบปี ทุกคนเข้าใจตามที่พี่กิ๊กเล่าว่า พี่อ๊อดกับพี่กิ๊กรักกันมาตั้งแต่มหาลัย  

    พี่อ๊อดยังคงพุ่งแรงในหน้าที่การงาน  เป็นที่รักของลูกน้อง   ประสบความสำเร็จ มีผลงานและไปได้ดีในทุกองค์กรที่ร่วมงานด้วย  high-profile เจิดจรัสฉายแสงสู่ตำแหน่งสูงสุดในองค์กร
    เฟซบุ๊คพี่อ๊อดนอกจากเรื่องงาน งาน งาน แล้วก็ยังมีเรื่องศิลปวัฒนธรรมที่พี่อ๊อดสนใจ   รูปที่ลงกับพี่กิ๊กจะลงเฉพาะรูปที่มีลูกร่วมเฟรมอยู่ด้วยทุกครั้ง
    ส่วนพี่กิ๊กไม่ได้ทำงานอะไรอีกต่อไป  เป็นแม่บ้านเฉย ๆ และคอยอัพเฟซบุ๊คตัวเองในชุดผ้าไหมไทย  ใส่สร้อยร้อยอุบะ  เต็มยศเวลาออกงานใหญ่ประจำปี


เกิดอะไรขึ้นกับพี่สวย  

    พี่สวยภายหลัง  เข้ารับราชการอยู่กระทรวงใหญ่กระทรวงหนึ่ง อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณในตำแหน่งข้าราชการธรรมดา        
เรื่องหน้าที่การงานของพี่สวยนี้   สร้างความแปลกใจให้กับคนรู้จักเป็นอย่างมาก  เพราะ profile อย่างพี่สวย  ว่ากันว่า จะขึ้นไปถึงตำแหน่ง ผอ. หรือ รองอธิบดี ก็ไม่ใช่เรื่องเกินฝันเลย  แต่ทำไมถึงมาจับเจ่าอยู่เพียงแค่ตำแหน่งธรรมดาเท่านั้น

    พี่สวยไม่ได้แต่งงานใหม่อยู่คนเดียวกับน้องหรือพี่ไม่แน่ใจนะคะ ที่เป็นโสดเช่นกัน     และจากการพูดคุย ยังคงมีบาดแผลทางใจจากเรื่องการหย่าร้างที่ไม่สามารถทำใจได้  เฝ้าวนเวียนพูดถึงเรื่องเดิมและไม่เข้าใจว่า ตัวเองทำผิดอะไร

ถอดบทเรียนจากเรื่องนี้

    ทุกครั้งที่ดิฉัน ได้ยินได้ฟังเรื่องราวอะไรต่าง ๆ มักจะชอบสมมติตัวเองนะคะ  ว่า ถ้าเราเป็นเค้า เราจะทำอย่างไร  จะมีตัวเลือกอะไรไหม  เราจะแก้ไขสิ่งที่ทำไปแล้ว (ถ้าแก้ได้) หรือ ชดเชย ได้อย่างไร ? และเราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง

1.    ประเมินกำลัง ความเข้มแข็งทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และ จิตใจ ก่อนตัดสินใจ
        อย่าตัดสินใจ “หย่า” ง่ายเกินไปค่ะ  คิดให้รอบคอบก่อน  ให้โอกาสตัวเอง และคู่ของตัวเองว่า ลองค่อยๆแยกกันอยู่สักพักนึงก่อนตัดสินใจจะดีไหม ?  เพราะเวลาที่ห่างกัน จะทำให้เราประเมินความเข้มแข็งทางจิตใจ และเศรษฐกิจของเราได้อย่างชัดเจน  ว่า เราจะอยู่ไหวไหม  เงินพอใช้รึเปล่า   เพื่อที่ว่า ท้ายที่สุด ก่อนหย่ากันจะได้ตกลงกันได้อย่างยุติธรรมว่า ควรเรียกร้องค่าเลี้ยงดู หรือ เงื่อนไขการหย่าอย่างไรจึงจะเหมาะสม


2.    เรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และ จิตใจ เม่าออม
        ผู้หญิงหลายคน อยากหย่า อยากเลิกแทบแย่  แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจว่า ตัวเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูก ๆ จะสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างที่สามีเคยสนับสนุนหรือไม่   ดังนั้น  ผู้หญิงเราควรเรียนรู้ที่จะฝึกอาชีพ หรือ มีทักษะความชำนาญที่ทำให้ออกไปหางานได้ อยู่ด้วยตัวเองให้ได้  รวมถึง ต้องรู้จักวิธี “ทำใจ” ที่จะอดทนเข้มแข็ง และรับมือกับคำถาม คำวิจารณ์ ทั้งด้วยความปรารถนาดี และด้วยความอยากรู้จากคนรอบข้างให้ได้

3.    เฝ้าระวังอย่างมีชั้นเชิง
        อันนี้ สำคัญนะคะ  หลายคู่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก  อาจจะติดภาพผู้ชายของตัวเอง เป็นเพื่อนที่หน้าตาก็งั้น ๆ ไว้ใจ รักใคร่ ว่า nerd เนิร์ด  แว่น ๆ แบบนี้ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนจะสนใจหรอก

        ผู้ชายที่หน้าตามาตรฐานปานกลางทั่วไป  ไม่ได้หล่อเฟี้ยวฟ้าว  ไม่สูงสมาร์ท 6 ฟุตอัพ   ตอนอายุน้อย ๆ อาจจะไม่เตะตาเท่าไร   แต่พอเริ่มทำงาน  ปัญหา ความรับผิดชอบ ที่ต้องแบกรับ  จะค่อย ๆ เกลาบุคลิกที่อาจจะดูเก้อเขิน  เก้งก้าง วางตัวไม่ถูก   ให้ดูเข้มแข็ง สง่า กล้าพูดคุย และมีความเป็นผู้นำชัดเจนขึ้น  ลักษณะแบบนี้ล่ะค่ะ  ที่ ถึงไม่หล่อ แต่ก็ดึงดูดใจ ผู้หญิงนัก   อันนี้ ยังไม่ต้องพูดถึง รายได้ที่มากขึ้นด้วยนะคะ  
แล้วผู้ชายที่ไม่เคยเป็นที่สนใจของสาว ๆ มาก่อน  มาวันหนึ่ง มีสาว ๆ มาสนใจ  การจะเตลิดไปก็เกิดขึ้นได้ง่ายมาก

        ไม่ได้บอกว่า ควรระแวง แต่การเฝ้าระวังอย่างมีชั้นเชิง ถือเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม


4.    อย่าใช้ทิฐินำเหตุผล  จนเกินไป
        อย่าเอาแต่คิดว่า “ชั้นไม่ผิด  ทำไมชั้นจะต้องลงให้”    ในชีวิตครอบครัว มีการผลัดกันถูก ผลัดกันผิดเสมอค่ะ  อย่าเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง  ถ้าคุณรักคู่ของคุณมากพอ  อย่าให้ความโกรธสะสม  และอย่าให้ความโกรธในเรื่องบางเรื่องที่พออภัยกันได้  เป็นจุดเริ่มต้นของการแตกหัก  

        รอยร้าวนิดเดียว ถ้ามีลิ่มตอกลงไปทีละน้อยในที่สุด ของชิ้นนั้นก็แตกหักเสียหายได้นะคะ  อย่าเอาความสะใจเป็นตัวตั้ง ...  ในหลาย ๆ สถานการณ์  ความสะใจเป็นรางวัลของคนโง่นะคะ


5.    เมตตามาก ๆ รู้จักให้อภัยและให้โอกาส
        คนเรามีแนวโน้ม จะไปติดอะไรใหม่ ๆ ติดไลน์ ติดเกมส์ ติดเฟซ  ชาย ไปติดหญิงอื่น  หญิงไปติดชายอื่น  ถ้าคุณยังรักกันมากพอ  และเรื่องที่เกิดขึ้น คุณคิดว่าพออภัยให้กันได้ ... คิดแก้ไข และ อภัยอย่างมีชั้นเชิงนะคะ  ละวางทิฐิลง  ไม่ต้องรีบสาวว่า ใครผิดใครถูก  มองอย่างกลาง ๆ และหาวิธีแก้ไข  จะปรึกษาจิตแพทย์ หรือ จับเข่าคุยกันก็ขอให้ลองทำดูก่อน


6.    เรียนรู้ที่จะ let go ไม่ยึดติด และเริ่มต้นใหม่
    ถ้าท้ายที่สุดแล้ว  ทุกอย่างพังทลาย เลยจุดที่จะไปแก้ไขทำอะไรได้แล้ว  ขอให้ปล่อยวาง และเริ่มต้นใหม่เถิดนะคะ  อย่าหลงวนอยู่กับ “ลมหายใจของเมื่อวาน” แบบเพลงของลิปตาว่า
    ความเสียใจ  ความชอกช้ำ  ความรู้สึกผิด  ละอาย  อยากสารภาพบาป หรือ อะไรทั้งหลายทั้งมวลก็ตาม ที่เกิดขึ้น หากทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว  ให้ค่อย ๆ ปล่อยวางแล้วก้าวเดินต่อไป

    พี่สวยเธอยังคงตั้งคำถามกับเรื่องเมื่อวานที่ผ่านไปแล้วเกือบสามสิบปี  ขณะที่พี่อ๊อด เลือกที่จะตัดขาดและก้าวเดินต่อไปบนทางชีวิต  พวกเราไม่มีใครรู้หรอกว่า ลึก ๆ ในใจพี่อ๊อดอาจจะเจ็บช้ำ รู้สึกผิด รู้สึกละอายใจ  และปวดร้าวมากมายขนาดไหน   แต่ถ้าจะนับว่า พี่อ๊อดมีคุณธรรมในเรื่องนี้อยู่บ้าง ก็เห็นจะเป็นเรื่อง ความเด็ดขาด นี่แหละค่ะ  ถ้าพี่อ๊อดไม่เด็ดขาด  อาจจะมีผู้หญิงเจ็บปวดถึง 2 คน  แทนที่จะเป็นคนเดียว
    เคยมีคนใจกล้าแหย่ไปถามพี่อ๊อดถึงเรื่องนี้ว่า เกิดอะไรขึ้น พี่อ๊อดสะดุดกึกไป แล้วตอบสั้น ๆ ตัดบทไปว่า “ตอนนั้น สับสน”

ขอทำงานแป๊บนึง  เดี๋ยวสักพักจะมาเล่าของอีกบ้านหนึ่งให้ฟังค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่