“พรเพชร” ชี้ผลวินิจฉัยของศาลรธน.เป็นเรื่องดี ปูทางสู่ความเรียบร้อยวันประชามติได้ เชื่อ คสช.ยังไม่เปิดพรรคการเมืองประชุมพรรค หวั่นปลุกปั่น-วุ่นวาย
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ไม่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญว่า เป็นข่าวที่น่ายินดี เพราะจะทำให้การดำเนินการเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย สมความมุ่งหมาย และเจตนารมณ์ การเดินหน้าที่จะทำประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม จะเป็นไปด้วยความสงบและเรียบร้อย ส่วนเรื่องสิทธิเสรีภาพยืนยันว่า ยังมีตามกฎหมาย ความคิดเห็นของประชาชนเป็นสิ่งที่ทุกคนเคารพไม่ว่าจะเห็นอย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อมีการยื่นคำร้องนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตนบอกตรงๆ ว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะหลักของกฎหมายก็ยืนยันหลักสิทธิเสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว อย่ามองว่ากฎหมายนี้ปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพ การแสดงความคิดเห็น
นายพรเพชร กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีมาตรการบางอย่างที่ไม่ใช่การแสดงสิทธิเสรีภาพ เป็นเรื่องของกระบวนการ เช่น บิดเบือนด้วยคำกล่าวคำเท็จ ข่มขู่ ขู่เข็ญ ซึ่งเพียงเท่านั้นก็ไม่ผิด แต่จะผิดก็ต่อเมื่อมีเจตนาพิเศษในการจูงใจให้รับหรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ อย่างตนไม่ค่อยพูด เพราะในฐานะประธานสนช. แต่ถ้าในฐานะประชาชนตนก็สามารถวิจารณ์ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีหรือไม่ดี
แต่ไม่ใช่ไปดำเนินการในส่วนที่เขาห้าม โดยเฉพาะการชักจูงให้เกิดความวุ่นวาย คงจำบทเรียนได้การปลุกปั่นเดินขบวน ไปปิดหน่วยเลือกตั้ง พูดความเท็จจนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองเรียกร้องให้เปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ นายพรเพชร กล่าวว่า เรื่องนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเป็นผู้พิจารณาว่าสมควรหรือไม่ควรอย่างไร แต่ตนเข้าใจว่าคสช.คงมองว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะให้พรรคการเมืองแสดงออกโดยการประชุมพรรค เพราะอาจจะเข้าลักษณะถูกบิดเบือนได้ง่าย เนื่องจากคนหมู่มากมาร่วมประชุมและมีมติอย่างหนึ่งอย่างใด ก็จะเป็นเรื่องของเสียงพรรคการเมืองไป ไม่ใช่เสียงของประชาชนที่เขาได้ศึกษาได้ฟังคนอื่นพูด ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งจะได้ประชามติตามความต้องการของประชาชน แต่เมื่อถึงคราวที่พรรคการเมืองจะต้องมีบทบาท อย่างการเลือกตั้ง นักการเมืองก็จะมาแสดงนโยบายของตัวเอง เพราะฉะนั้นเป็นคนละประเด็นกัน ตนเห็นว่า ที่คสช.ยังไม่เปิดโอกาสในเรื่องของประชามติก็เพราะเหตุนี้ ตอนนี้เรามองว่าเขาเป็นนักการเมือง แต่ถ้ามีการเคลื่อนไหวในลักษณะของกลุ่มการเมืองก็จะเข้าข่ายของการรวมตัวกันเพื่อปลุกปั่นยุยง ส่วนที่พรรคการเมืองต้องการเวลาในการปฏิรูปองค์กรตัวเองนั้น เรื่องนี้ตนคิดว่าสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)ดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการมาออกเสียงการทำประชามติ แต่ถ้าถึงวาระที่ต้องปรับปรุงพรรคการเมืองก็ต้องฟังเสียงพรรคการเมือง
เมื่อถามว่า ประชาชนยังไม่เข้าใจคำถามพ่วงประชามติ จะทำอย่างไร นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่เข้าใจต้องถาม เรามีวิทยากรออกไปชี้แจง ซึ่งจะอธิบายให้เข้าใจอย่างชัดเจน แต่เท่าที่ตนลงพื้นที่ก็เข้าใจ ซึ่งบางคนก็เห็นด้วย บางคนก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
http://www.matichon.co.th/news/196163
...............................................................................
ผมว่า...
ท่านพรเพชร น่าจะเปิดเผยชื่อมาเสียเลยว่าใครทำอย่างนั้น
ใครเป็นผู้ปิดหน่วยหรือตั้ง จนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ??
ใครเป็นคนพูดความเท็จ จนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ???
ประชาชนตาแดงๆหน้าดำๆอย่างผม
จะได้รู้ว่า มันผู้นั้น เป็นใคร Who is he ??
เป็นคนหน้าดำๆ แขนคดๆหรือเปล่า ??
เป็นคนที่เคยพูดว่า "ผมไม่เคยโกงเลยสักบาทเดียว"หรือไม่ ??
แบบมาพูดคลุมเครืออย่างงี้
จะทำให้ผมเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคุณทักษิณเอานะครับ
บอกมาเถอะครับ
ไอ้คน หรือกลุ่มคนที่ทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะที่ผ่านมาน่ะ
มันเป็นใคร มันเป็นพวกไหน หน้าตามันเป็นยังไง..ได้โปรด Please tell me !!!
...พรเพชร ยัน "คนวิจารณ์รธน.ได้ แต่ห้ามทำแบบอดีต ปลุกปั่น-ปิดหน่วยจนเลือกตั้งโมฆะ" อุ๊ย แย่จัง ใครทำแบบน๊านน !...
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ไม่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญว่า เป็นข่าวที่น่ายินดี เพราะจะทำให้การดำเนินการเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย สมความมุ่งหมาย และเจตนารมณ์ การเดินหน้าที่จะทำประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม จะเป็นไปด้วยความสงบและเรียบร้อย ส่วนเรื่องสิทธิเสรีภาพยืนยันว่า ยังมีตามกฎหมาย ความคิดเห็นของประชาชนเป็นสิ่งที่ทุกคนเคารพไม่ว่าจะเห็นอย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อมีการยื่นคำร้องนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตนบอกตรงๆ ว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะหลักของกฎหมายก็ยืนยันหลักสิทธิเสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว อย่ามองว่ากฎหมายนี้ปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพ การแสดงความคิดเห็น
นายพรเพชร กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีมาตรการบางอย่างที่ไม่ใช่การแสดงสิทธิเสรีภาพ เป็นเรื่องของกระบวนการ เช่น บิดเบือนด้วยคำกล่าวคำเท็จ ข่มขู่ ขู่เข็ญ ซึ่งเพียงเท่านั้นก็ไม่ผิด แต่จะผิดก็ต่อเมื่อมีเจตนาพิเศษในการจูงใจให้รับหรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ อย่างตนไม่ค่อยพูด เพราะในฐานะประธานสนช. แต่ถ้าในฐานะประชาชนตนก็สามารถวิจารณ์ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีหรือไม่ดี แต่ไม่ใช่ไปดำเนินการในส่วนที่เขาห้าม โดยเฉพาะการชักจูงให้เกิดความวุ่นวาย คงจำบทเรียนได้การปลุกปั่นเดินขบวน ไปปิดหน่วยเลือกตั้ง พูดความเท็จจนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองเรียกร้องให้เปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ นายพรเพชร กล่าวว่า เรื่องนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเป็นผู้พิจารณาว่าสมควรหรือไม่ควรอย่างไร แต่ตนเข้าใจว่าคสช.คงมองว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะให้พรรคการเมืองแสดงออกโดยการประชุมพรรค เพราะอาจจะเข้าลักษณะถูกบิดเบือนได้ง่าย เนื่องจากคนหมู่มากมาร่วมประชุมและมีมติอย่างหนึ่งอย่างใด ก็จะเป็นเรื่องของเสียงพรรคการเมืองไป ไม่ใช่เสียงของประชาชนที่เขาได้ศึกษาได้ฟังคนอื่นพูด ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งจะได้ประชามติตามความต้องการของประชาชน แต่เมื่อถึงคราวที่พรรคการเมืองจะต้องมีบทบาท อย่างการเลือกตั้ง นักการเมืองก็จะมาแสดงนโยบายของตัวเอง เพราะฉะนั้นเป็นคนละประเด็นกัน ตนเห็นว่า ที่คสช.ยังไม่เปิดโอกาสในเรื่องของประชามติก็เพราะเหตุนี้ ตอนนี้เรามองว่าเขาเป็นนักการเมือง แต่ถ้ามีการเคลื่อนไหวในลักษณะของกลุ่มการเมืองก็จะเข้าข่ายของการรวมตัวกันเพื่อปลุกปั่นยุยง ส่วนที่พรรคการเมืองต้องการเวลาในการปฏิรูปองค์กรตัวเองนั้น เรื่องนี้ตนคิดว่าสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)ดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการมาออกเสียงการทำประชามติ แต่ถ้าถึงวาระที่ต้องปรับปรุงพรรคการเมืองก็ต้องฟังเสียงพรรคการเมือง
เมื่อถามว่า ประชาชนยังไม่เข้าใจคำถามพ่วงประชามติ จะทำอย่างไร นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่เข้าใจต้องถาม เรามีวิทยากรออกไปชี้แจง ซึ่งจะอธิบายให้เข้าใจอย่างชัดเจน แต่เท่าที่ตนลงพื้นที่ก็เข้าใจ ซึ่งบางคนก็เห็นด้วย บางคนก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
http://www.matichon.co.th/news/196163
...............................................................................
ผมว่า...
ท่านพรเพชร น่าจะเปิดเผยชื่อมาเสียเลยว่าใครทำอย่างนั้น
ใครเป็นผู้ปิดหน่วยหรือตั้ง จนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ??
ใครเป็นคนพูดความเท็จ จนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ???
ประชาชนตาแดงๆหน้าดำๆอย่างผม
จะได้รู้ว่า มันผู้นั้น เป็นใคร Who is he ??
เป็นคนหน้าดำๆ แขนคดๆหรือเปล่า ??
เป็นคนที่เคยพูดว่า "ผมไม่เคยโกงเลยสักบาทเดียว"หรือไม่ ??
แบบมาพูดคลุมเครืออย่างงี้
จะทำให้ผมเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคุณทักษิณเอานะครับ
บอกมาเถอะครับ
ไอ้คน หรือกลุ่มคนที่ทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะที่ผ่านมาน่ะ
มันเป็นใคร มันเป็นพวกไหน หน้าตามันเป็นยังไง..ได้โปรด Please tell me !!!