จากกระทู้ที่แล้วนะคะ
http://pantip.com/topic/35321530
มาเริ่ม step 1 กันดีกว่า
การจะเริ่มทักษะการฟังหรือการพูดที่ดี เราควรจะมี พื้นฐานแน่นๆกันก่อน
แต่เรื่อง การออกเสียง A-Z เนี่ย มันน่าจะมีทั่วไป หาได้มากมายตามเวปต่างๆนะคะ เราจะไม่เจาะเรื่องนั้นนะคะ
ตัวอย่างเช่น
https://www.youtube.com/watch?v=b08tyfNfL7M
เราเลยจะมาใส่ใจเรื่องที่ “อาจจะ” มีคนไม่รู้นะคะ ใครที่รู้แล้วอาจจะข้ามๆไปก็ได้นะคะ
สาเหตุที่เราเริ่มจากเรื่องนี้ก่อนเพราะมันจะเป็นพื้นฐานของการออกเสียงเริ่มต้นเลยค่ะ คือเสียงที่เปล่งออกมาในแต่ละตัวมันมาจากส่วนไหน
และการที่แยกเสียง voiced & unvoiced ได้เนี่ย มันจะมีผลกับกฏบางอย่างที่เราควรรู้ในอนาคตต่อไปเช่น เรื่องการออกเสียงคำลงท้าย –ed, การออกเสียงคำลงท้าย –s , -es
เสียง voiced คือเสียง อะไร
คือเสียงที่ถูกกักไว้ที่ เส้นเสียง (vocal cord) นิดนึงก่อนจะออกมาข้างนอก
ลองนึกถึงเวลาเราเลี้ยงหมานะคะ เวลาอยากจะออกไปเที่ยวแล้วเรากั้นประตูไว้มันจะดิ้นๆอยู่ตรงประตูใช่ป่ะค่ะ ประตูก็จะสั่นๆ แล้วพอเราเปิดประตูมันก็จะกระโจนพรวดออกไป
เพราะฉะนั้น การออกเสียงที่เป็นเสียง voiced คือ เสียงจะมีการสั่นของเส้นเสียงค่ะ
ส่วน unvoiced ง่ายๆ ก็ไม่สั่นนั่นเอง
เปรียบเสมือนแมวที่จะออกจากบ้านไปเที่ยว ประตูหน้าต่างเปิดโล่งๆแล้วเดินออกไปสวยๆ สะบัดบ๊อบเบาๆ หน่ะค่ะ
ทีนี้เราลองมาดูดีกว่าว่า แล้วตัวไหนบ้างเป็น voiced ตัวไหนเป็น unvoiced
เวลาเราจำ ส่วนใหญ่ จำเป็นคู่จะง่ายค่ะ เพราะเสียงคู่พวกนี้ ตอนออกจากปากออกมาเหมือนๆกันเลย แค่ตัวนึงเส้นเสียงสั่น ตัวนึงไม่สั่นค่ะ
มีทั้งหมด 8 คู่ และหนึ่งตัวเดี่ยว ที่ควรรู้นะคะ
คู่แรกค่ะ
เราเริ่มจาก S, Z จะง่ายที่สุด เพราะคนไทยส่วนใหญ่จะรู้อยู่แล้วว่า เสียงสองเสียงนี้ออกเสียงต่างกันอย่างไร
Z voiced
S unvoiced
ทีนี้พอคู่ต่อไปก็จะง่ายแล้วเพราะ เราเอาสองตัวนี้เป็นตัวอย่างได้เลย เสียง Z คือเสียงสั่นๆ ตัวไหนเสียงสั่นก็ออกคล้ายๆกันนะคะ
B voiced
P unvoiced
B กับ P คงรู้กันอยู่แล้วว่าเกิดจากริมฝีกปาก บน ล่าง ตอนออกเสียง เราก็ออกเสียง B ให้เส้นเสียงสั่นเท่านั้นเองค่ะ
V voiced
F unvoiced
V สั่น F ไม่สั่นนะคะ เสียงออกมาสบายๆ มาโดนกักตอนฟันหน้าเจอกับริมฝีกปากล่างเท่านั้นเอง
เสียง V ต้องระวังนิดนึงไม่ให้มันเป็นเสียงเดียวกับ W นะคะ หรือจะให้ง่าย ก็ใช้ เคล็ดลับ ของอาจารย์ อดัมก็ได้ค่ะ คือ V ให้ออกเสียงเป็น F แต่มีการสั่นของเส้นเสียงค่ะ
D voiced
T unvoiced
D สั่น T ไม่สั่นค่ะ
G voiced
K unvoiced
K ไม่สั่น G สั่นค่ะ (เกอะ) คือเสียงที่เป็น hard G นะคะ
TH, TH
คือเสียงนี้ ออกได้ทั้งแบบสั่นและไม่สั่นค่ะ สะกดเหมือนกันแต่สัญลักษณ์ใน dictionary จะไม่เหมือนกันนะคะ
เคล็ดลับที่พอจะช่วยเรื่องนี้ได้คือ
Th จะเป็นเสียงสั่นเมื่อขึ้นต้นใน function word ประมาณ the, then, these, those, that
และจะเป็นเสียง unvoiced ในคำอื่นๆ เช่น thumb, third, theory , thing
Thr และ Thw เมื่อขึ้นต้นคำใดๆ จะเป็น เสียง unvoiced เสมอ เช่น through, thwart
Th ตอนเป็นคำลงท้ายส่วนใหญ่จะเป็น unvoiced ยกเว้นบางคำ ซึ่งบางคำนั้นส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วย the
เช่น bathe , breathe, clothe แต่มีสองคำที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย the แต่เป็นเสียง voice นั่นคือ mouth (V.), smooth
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เค้าเชื่อกันว่าเมื่อนานมาแล้ว สองคำนี้สะกดด้วย the นั่นเองค่ะ
ถ้าสงสัยคำไหน เปิด พจนานุกรมได้เลยค่ะ แล้วดูสัญลักษณ์ตามนี้นะคะ
The 'voiced th' /ð/ and 'unvoiced th' /θ/
GE voiced
SH unvoiced
เสียง sh หรือเสียง ชู่ๆ อ่ะค่ะ เป็น unvoiced คู่กับเสียง Soft G หรือเสียง เจอะ ซึ่งเป็น voiced
J voiced
CH unvoiced
Ch เป็น unvoiced นะคะ ส่วน J เป็น voiced
หมดไปแปดคู่นะคะ ที่การออกเสียง ปาก ลิ้น เหมือนกันหมด แค่ต่างที่เส้นเสียงสั่นหรือไม่สั่นเท่านั้นเอง
เวลาจำ ถ้าเอาแบบสิ้นคิดหน่อย ก็จำเสียงที่เป็น unvoiced หรือ บางที่เรียก voiceless นะคะ
ที่เหลือ เป็น voiced หมด รวมถึงพวกสระทุกตัวค่ะ จบ ปี๊ง
อ้อ ลืม นอกจาก เสียงทั้งแปดในแปดคู่แล้ว อีกตัวที่เป็น voiceless คือ H ค่ะ รวม 9 ตัวนะคะ
เข้าใจกันคร่าวๆแล้วก็ไปอ่านและฟังเพิ่มเติมตามนี้เลยค่ะ
http://www.elearnenglishlanguage.com/blog/learn-english/pronunciation/consonants-voiced-unvoiced/
http://phonemicchart.com/what/index3.html
https://www.youtube.com/watch?v=LMWANRylE9w
https://www.youtube.com/watch?v=4V_dFYkGxnU
https://www.youtube.com/watch?v=uAPxZwrxGWw
ปล มีขั้น advance มาฝากเผื่อใครอยากรู้ แต่ถ้าไม่ได้ทำตามนี้ก็ไม่ได้ผิดใดๆทั้งสิ้นนะคะ
มันเป็นแค่ความรู้ที่เพิ่มเติมให้เก๋กู้ดขึ้นมาอีกนิดเท่านั้น และก็จะออกเสียงได้คล้ายเจ้าของภาษามากขึ้นค่ะ
Ending voiced sound
1 หากคำไหน จบด้วย voiced sound จะทำให้สระในคำนั้นยาวขึ้นค่ะ ทั้งๆที่เป็นสระเดียวกัน
ดูตัวอย่างตามนี้นะคะ คลิกไปดูในนาทีที่บอกเลยค่ะ ถ้าไม่อยากฟังยาวๆ
https://www.youtube.com/watch?v=u0sdVIb5fpE
นาทีที่ 3.05
https://www.youtube.com/watch?v=IG95Nc_KV5g
นาทีที่ 4.35
2 หนังสือบางเล่มหรืออาจารย์บางท่านก็บอกว่า หากคำไหน จบด้วย voiced sound ให้ออกเสียง ให้ เบาลง คือไม่ต้องสั่นใหญ่รัชดาลัยเทียเตอร์นะคะหรือแทบจะไม่ต้องสั่นเลย
3 เวลาเป็น ภาษาพูด หรือ connected speech บางทีเสียง voiced sound ในตัวท้ายของคำ จะถูกเปลี่ยนเป็นเสียง unvoiced sound ในคู่เดียวกันค่ะ
เช่น he went to the club__ to meet some friends.
เสียง voiced B ท้ายคำว่า club จะเปลี่ยนเป็น เสียง unvoiced P เพื่อ ไปต่อ กับ เสียง voiced D ที่แปลงจาก unvoiced T ในคำว่า to นะคะ
We played__ tennis yesterday afternoon
เสียง voiced D ท้ายคำว่า played ถูกเปลี่ยนเป็น unvoiced T และ เชื่อมไปกับ T ในคำว่า tennis จะกลายเป็นเสียง T ยาว แทนค่ะ
Voiced & unvoiced sound in English
http://pantip.com/topic/35321530
มาเริ่ม step 1 กันดีกว่า
การจะเริ่มทักษะการฟังหรือการพูดที่ดี เราควรจะมี พื้นฐานแน่นๆกันก่อน
แต่เรื่อง การออกเสียง A-Z เนี่ย มันน่าจะมีทั่วไป หาได้มากมายตามเวปต่างๆนะคะ เราจะไม่เจาะเรื่องนั้นนะคะ
ตัวอย่างเช่น
https://www.youtube.com/watch?v=b08tyfNfL7M
เราเลยจะมาใส่ใจเรื่องที่ “อาจจะ” มีคนไม่รู้นะคะ ใครที่รู้แล้วอาจจะข้ามๆไปก็ได้นะคะ
สาเหตุที่เราเริ่มจากเรื่องนี้ก่อนเพราะมันจะเป็นพื้นฐานของการออกเสียงเริ่มต้นเลยค่ะ คือเสียงที่เปล่งออกมาในแต่ละตัวมันมาจากส่วนไหน
และการที่แยกเสียง voiced & unvoiced ได้เนี่ย มันจะมีผลกับกฏบางอย่างที่เราควรรู้ในอนาคตต่อไปเช่น เรื่องการออกเสียงคำลงท้าย –ed, การออกเสียงคำลงท้าย –s , -es
เสียง voiced คือเสียง อะไร
คือเสียงที่ถูกกักไว้ที่ เส้นเสียง (vocal cord) นิดนึงก่อนจะออกมาข้างนอก
ลองนึกถึงเวลาเราเลี้ยงหมานะคะ เวลาอยากจะออกไปเที่ยวแล้วเรากั้นประตูไว้มันจะดิ้นๆอยู่ตรงประตูใช่ป่ะค่ะ ประตูก็จะสั่นๆ แล้วพอเราเปิดประตูมันก็จะกระโจนพรวดออกไป
เพราะฉะนั้น การออกเสียงที่เป็นเสียง voiced คือ เสียงจะมีการสั่นของเส้นเสียงค่ะ
ส่วน unvoiced ง่ายๆ ก็ไม่สั่นนั่นเอง
เปรียบเสมือนแมวที่จะออกจากบ้านไปเที่ยว ประตูหน้าต่างเปิดโล่งๆแล้วเดินออกไปสวยๆ สะบัดบ๊อบเบาๆ หน่ะค่ะ
ทีนี้เราลองมาดูดีกว่าว่า แล้วตัวไหนบ้างเป็น voiced ตัวไหนเป็น unvoiced
เวลาเราจำ ส่วนใหญ่ จำเป็นคู่จะง่ายค่ะ เพราะเสียงคู่พวกนี้ ตอนออกจากปากออกมาเหมือนๆกันเลย แค่ตัวนึงเส้นเสียงสั่น ตัวนึงไม่สั่นค่ะ
มีทั้งหมด 8 คู่ และหนึ่งตัวเดี่ยว ที่ควรรู้นะคะ
คู่แรกค่ะ
เราเริ่มจาก S, Z จะง่ายที่สุด เพราะคนไทยส่วนใหญ่จะรู้อยู่แล้วว่า เสียงสองเสียงนี้ออกเสียงต่างกันอย่างไร
Z voiced
S unvoiced
ทีนี้พอคู่ต่อไปก็จะง่ายแล้วเพราะ เราเอาสองตัวนี้เป็นตัวอย่างได้เลย เสียง Z คือเสียงสั่นๆ ตัวไหนเสียงสั่นก็ออกคล้ายๆกันนะคะ
B voiced
P unvoiced
B กับ P คงรู้กันอยู่แล้วว่าเกิดจากริมฝีกปาก บน ล่าง ตอนออกเสียง เราก็ออกเสียง B ให้เส้นเสียงสั่นเท่านั้นเองค่ะ
V voiced
F unvoiced
V สั่น F ไม่สั่นนะคะ เสียงออกมาสบายๆ มาโดนกักตอนฟันหน้าเจอกับริมฝีกปากล่างเท่านั้นเอง
เสียง V ต้องระวังนิดนึงไม่ให้มันเป็นเสียงเดียวกับ W นะคะ หรือจะให้ง่าย ก็ใช้ เคล็ดลับ ของอาจารย์ อดัมก็ได้ค่ะ คือ V ให้ออกเสียงเป็น F แต่มีการสั่นของเส้นเสียงค่ะ
D voiced
T unvoiced
D สั่น T ไม่สั่นค่ะ
G voiced
K unvoiced
K ไม่สั่น G สั่นค่ะ (เกอะ) คือเสียงที่เป็น hard G นะคะ
TH, TH
คือเสียงนี้ ออกได้ทั้งแบบสั่นและไม่สั่นค่ะ สะกดเหมือนกันแต่สัญลักษณ์ใน dictionary จะไม่เหมือนกันนะคะ
เคล็ดลับที่พอจะช่วยเรื่องนี้ได้คือ
Th จะเป็นเสียงสั่นเมื่อขึ้นต้นใน function word ประมาณ the, then, these, those, that
และจะเป็นเสียง unvoiced ในคำอื่นๆ เช่น thumb, third, theory , thing
Thr และ Thw เมื่อขึ้นต้นคำใดๆ จะเป็น เสียง unvoiced เสมอ เช่น through, thwart
Th ตอนเป็นคำลงท้ายส่วนใหญ่จะเป็น unvoiced ยกเว้นบางคำ ซึ่งบางคำนั้นส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วย the
เช่น bathe , breathe, clothe แต่มีสองคำที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย the แต่เป็นเสียง voice นั่นคือ mouth (V.), smooth
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เค้าเชื่อกันว่าเมื่อนานมาแล้ว สองคำนี้สะกดด้วย the นั่นเองค่ะ
ถ้าสงสัยคำไหน เปิด พจนานุกรมได้เลยค่ะ แล้วดูสัญลักษณ์ตามนี้นะคะ
The 'voiced th' /ð/ and 'unvoiced th' /θ/
GE voiced
SH unvoiced
เสียง sh หรือเสียง ชู่ๆ อ่ะค่ะ เป็น unvoiced คู่กับเสียง Soft G หรือเสียง เจอะ ซึ่งเป็น voiced
J voiced
CH unvoiced
Ch เป็น unvoiced นะคะ ส่วน J เป็น voiced
หมดไปแปดคู่นะคะ ที่การออกเสียง ปาก ลิ้น เหมือนกันหมด แค่ต่างที่เส้นเสียงสั่นหรือไม่สั่นเท่านั้นเอง
เวลาจำ ถ้าเอาแบบสิ้นคิดหน่อย ก็จำเสียงที่เป็น unvoiced หรือ บางที่เรียก voiceless นะคะ
ที่เหลือ เป็น voiced หมด รวมถึงพวกสระทุกตัวค่ะ จบ ปี๊ง
อ้อ ลืม นอกจาก เสียงทั้งแปดในแปดคู่แล้ว อีกตัวที่เป็น voiceless คือ H ค่ะ รวม 9 ตัวนะคะ
เข้าใจกันคร่าวๆแล้วก็ไปอ่านและฟังเพิ่มเติมตามนี้เลยค่ะ
http://www.elearnenglishlanguage.com/blog/learn-english/pronunciation/consonants-voiced-unvoiced/
http://phonemicchart.com/what/index3.html
https://www.youtube.com/watch?v=LMWANRylE9w
https://www.youtube.com/watch?v=4V_dFYkGxnU
https://www.youtube.com/watch?v=uAPxZwrxGWw
ปล มีขั้น advance มาฝากเผื่อใครอยากรู้ แต่ถ้าไม่ได้ทำตามนี้ก็ไม่ได้ผิดใดๆทั้งสิ้นนะคะ
มันเป็นแค่ความรู้ที่เพิ่มเติมให้เก๋กู้ดขึ้นมาอีกนิดเท่านั้น และก็จะออกเสียงได้คล้ายเจ้าของภาษามากขึ้นค่ะ
Ending voiced sound
1 หากคำไหน จบด้วย voiced sound จะทำให้สระในคำนั้นยาวขึ้นค่ะ ทั้งๆที่เป็นสระเดียวกัน
ดูตัวอย่างตามนี้นะคะ คลิกไปดูในนาทีที่บอกเลยค่ะ ถ้าไม่อยากฟังยาวๆ
https://www.youtube.com/watch?v=u0sdVIb5fpE
นาทีที่ 3.05
https://www.youtube.com/watch?v=IG95Nc_KV5g
นาทีที่ 4.35
2 หนังสือบางเล่มหรืออาจารย์บางท่านก็บอกว่า หากคำไหน จบด้วย voiced sound ให้ออกเสียง ให้ เบาลง คือไม่ต้องสั่นใหญ่รัชดาลัยเทียเตอร์นะคะหรือแทบจะไม่ต้องสั่นเลย
3 เวลาเป็น ภาษาพูด หรือ connected speech บางทีเสียง voiced sound ในตัวท้ายของคำ จะถูกเปลี่ยนเป็นเสียง unvoiced sound ในคู่เดียวกันค่ะ
เช่น he went to the club__ to meet some friends.
เสียง voiced B ท้ายคำว่า club จะเปลี่ยนเป็น เสียง unvoiced P เพื่อ ไปต่อ กับ เสียง voiced D ที่แปลงจาก unvoiced T ในคำว่า to นะคะ
We played__ tennis yesterday afternoon
เสียง voiced D ท้ายคำว่า played ถูกเปลี่ยนเป็น unvoiced T และ เชื่อมไปกับ T ในคำว่า tennis จะกลายเป็นเสียง T ยาว แทนค่ะ