คลังเล็งจูงใจคนใช้พร้อมเพย์ สุ่มชิงโชคเดือนละ 7 ล้านบาทเป็นเวลา 1 ปี รางวัลใหญ่อาจรับ 1 ล้านบาท


คลังเล็งจูงใจคนใช้พร้อมเพย์ สุ่มชิงโชคเดือนละ7ล้านบาทเป็นเวลา1ปี รางวัลใหญ่อาจรับ 1ล้านบาท
ประชาชาตุรกิจออนไลน์ 29 มิถุนายน 2559

          วันนี้ (29 มิ.ย.) นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ Nationa e-Payment ครั้งที่ 4/2559 ว่า ขณะนี้การดำเนินการเกี่ยวกับ e-Payment มีความคืบหน้าที่เห็นชัดเจนที่สุด เรื่องแรก ได้แก่ การลงทะเบียนพร้อมเพย์ หรือ AnyID เดิม ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ 15 ก.ค.นี้ แต่ธนาคารที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ก่อน ตั้งแต่ 1 ก.ค. ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการโอนผ่านพร้อมเพย์ที่ค่อนข้างต่ำ อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้

          สอง การวางเครื่อง EDC จะเริ่มได้ในเดือน ก.ย.2559 ไปจนถึง ก.ย.2560 เป็นเวลา 1 ปี โดยจะกำหนดจุดให้วางเครื่องทุกแห่ง ตั้งแต่ร้านค้าขนาดใหญ่กระทั่งร้านขนาดเล็ก หรือ โชห่วย ซึ่งทางจะไปกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่มาจดทะเบียนทางการค้า จะต้องมีการติดตั้งเครื่อง EDC อย่างน้อย 1 เครื่อง รวมถึงต่อไปจะขยายถึงร้านก๋วยเตี๋ยว รถแท็กซี่ด้วย

          "EDC นี้ จะทำให้การชำระเงินด้วยอิเล็กทรอนิกส์ทำได้ง่ายขึ้น จากการทำพร้อมเพย์ก็จะมี e-Money ออกมา ซึ่งก็จะนำมาใช้กับ EDC ที่วางทั่วประเทศได้เลย ร้านเล็กร้อนน้อยก็จะสามารถรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยจะกำหนดค่าฟีที่ต่ำมากออกมาเช่นเดียวกัน ซึ่งจะได้เห็นต่อไป" นายอภิศักดิ์กล่าว

          นายอภิศักดิ์ กล่าวอีกว่า การจะโปรโมทให้คนมาใช้ e-Payment กันมากขึ้น ก็จะมีการสุ่มชิงโชคผู้ใช้บริการทุกเดือน เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่ ม.ค.2560 เป็นต้นไป โดยรางวัลแต่ละเดือนจะตกราว 7 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่ง 2 ส่วน คือ 1.5 ล้านบาท จะเป็นรางวัลของร้านค้าที่เป็นร้านขนาดเล็กที่ไม่เคยติดตั้ง EDC มาก่อน ส่วนอีก 5.5 ล้านบาท จะเป็นรางวัลของผู้ใช้บริการ โดยการจ่ายรางวัลก็จะจ่ายเป็น e-Money

          "จะมีมาตรการจูงใจทั้งผู้ใช้ และร้านค้า เพราะไม่อย่างนั้นเวลาจะไปใช้บริการที่ร้านค้า ถึงเขามีเครื่องอยู่ เขาก็อาจจะไม่อยากให้ใช้ อยากรับเงินสดอย่างเดียว แต่ต่อไปเมื่อมีรางวัลแบบนี้ ซึ่งคุยกันว่ารางวัลจะใหญ่พอสมควร รางวัลที่ 1 อาจจะ 1 ล้านบาท ก็จะช่วยให้สามารถดึงคนมาใช้ได้มากขึ้น" นายอภิศักดิ์กล่าว

          สาม กรมสรรพากรกำลังร่างกฎหมายที่จะมารองรับระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ e-Tax Invoice ซึ่งต่อไปผู้เสียภาษีจะสามารถใช้ยื่นภาษีได้เลย โดยจะเสร็จภายในเดือน ก.ค. และเสนอ ครม.ได้ ขณะที่ระยะยาวจะพัฒนาเป็นระบบ e-Tax Accout หรือบัญชีภาษี ซึ่งจะรวมทุกภาษีที่คนจะต้องเสียไว้ในบัญชีเดียว
    
          "คนที่จะต้องเสียภาษีจะมีบัญชีภาษี ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ทั้งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้ รวมอยู่ในบัญชีเดียว แล้วให้สามารถหักลบกันได้ คนก็จะมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีเหมือนกับถอนเงิน หรือได้รับภาษีคืนก็เหมือนเงินฝาก ฉะนั้นทุกคน ทุกบริษัทก็มีบัญชีภาษีนี่เป็นความหวังอีกขั้นที่เราอยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำตอนนี้ จะทำในปี 2560 หลังทำ e-Tax Accout ก่อน" นายอภิศักดิ์กล่าว

          นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า สี่ การรับจ่ายงบประมาณภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินเดือน จ่ายบำนาญ จ่ายสวัสดิการ จะให้ดำเนินการผ่านอิเล็กทรอนิกส์ 100% ในต้นปี 2560 เนื่องจากปัจจุบันการใช้เงินสดมีการรั่วไหลอยู่พอสมควร ซึ่งขณะนี้ก็มีการจ่ายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ 75% แล้ว แต่การรับยังเป็นอิเล็กทรอนิกส์ไม่มาก

          "ในส่วนภาครับ เราอยากให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์หมด ไม่ว่าจะเรื่องค่าปรับ หรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟที่รัฐวิสาหกิจดำเนินการ ก็จะขอให้เขาทำไปพร้อมกันด้วย โดยทำหนังสือขอความร่วมมือไป" นายอภิศักดิ์กล่าว

          รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า วานนี้ (28 มิ.ย.) ครม. ได้มีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่นวางเครื่อง EDC ได้ ซึ่งจะทำพร้อมกันทุกหน่วยงานนอกจากนี้ ห้า การสร้างความรับรู้ก็จะมีการประชาสัมพันธ์ออกมาเรื่อย ๆ
    
          รมว.คลัง ย้ำว่า การลงทะเบียนในวันที่ 15 ก.ค. จะมี 2 ส่วนคือ ลงทะเบียนพร้อมเพย์ผ่านทุกธนาคาร กับอีกส่วนคือ ลงทะเบียนสวัสดิการภาครัฐ ที่จะผ่าน 3 ธนาคารรัฐ คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
    
          "การลงทะเบียนจะไม่เหมือนกัน แต่ระยะยาวจะเชื่อมกัน เพราะการจ่ายเงินให้ผู้มีรายได้น้อยในระยะยาวก็จะเป็นพร้อมเพย์เหมือนกัน" รมว.คลังกล่าว
    
          นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ประเด็นของพร้อมเพย์ก็คือ ผู้รับโอนจะต้องเป็นผู้ลงทะเบียน ส่วนผู้โอนไม่มีปัญหา เพราะต้องระบุให้ชัดว่า เมื่อมีการโอนเงินมาแล้วเงินจะไปอยู่ส่วนไหน ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมที่กำหนดว่าโอนไม่เกิน 5,000 บาทจะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมนั้น เนื่องจากสถิติการโอนเงินส่วนใหญ่ 60-70% โอนเงินไม่เกิน 5,000 บาทอยู่แล้ว
    
          "ต่อไปก็แทบจะเรียกว่า ไม่ต้องมาติดต่อธนาคาร อาจจะมาครั้งเดียวตอนลงทะเบียน" นายปรีดีกล่าว
    
          นายปรีดี ยืนยันด้วยว่า สำหรับความกังวลเรื่องความปลอดภัยของระบบ ต้องบอกว่าทุกวันนี้ก่อนมีพร้อมเพย์ ก็มีการโอนเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแบงกิ้ง โมบายแบงกิ้ง อยู่แล้ว จึงไม่ใช่ระบบใหม่ แค่มีช่องทางเพิ่มขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ดี ได้มีการนำผู้ทำซอฟต์แวร์จากประเทศอังกฤษ ที่ระบบมีใช้ทั้งในอังกฤษ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์เข้ามา ดังนั้นจึงค่อ่นข้างมั่นใจว่าระบบมีความปลอดภัย
    
          "ระบบนี้เป็นระบบปิด ใช้ระหว่างกลุ่มของธนาคารพาณิชย์และผู้ใช้บัญชี จึงมีความปลอดภัย และได้ดำเนินการกันอย่างรอบคอบ" นายปรีดีกล่าว


แหล่งข่าว
ประชาชาตุรกิจออนไลน์ http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1467213993

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่