
สวัสดีครับ ขอออกตัวก่อนนะครับว่ากระทู้นี้เป็นเรื่องราวที่ผมได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเองเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเก็บไว้เองมานาน ตอนนี้อยากนำมาแชร์แล้วครับ
เนื้อหาบางส่วนเช่น ตำแหน่ง สถานที่ ราคา อาจขาดๆเกินๆ ไปบ้างตามประสา ... แต่ความทรงจำที่ได้ไปสัมผัสกับวังเวียงมาของผมเองยังรู้สึกราวกับเพิ่งผ่านไปเมื่อวานและยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้กลับมาดูภาพที่ได้ถ่ายเก็บไว้ เสมือนเราอยู่ ณ โมเม้นท์นั้น เลยตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวที่ได้ไปพบเจอออกมาในกระทู้นี้ เผื่อเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆ ในพันทิปครับ
ปฐมบทแห่งการเดินทาง
แรกเริ่มเดิมทีผมก็รู้จักเมืองแห่งนี้จากกระทู้ในพันทิปนี่เอง อ่านๆ ไปมากเข้าๆ ก็อยากจะไปเองบ้าง ว่าจะเป็นยังไง ช่วงแลก็ลังเลอยู่หน้า เพราะตอนนั้นใจนึงก็อยากได้กล้องถ่ายรูป แต่อีกใจก็อยากจะออกไปเที่ยว งบก็มีจำกัด..เอาไงดีๆ สุดท้าย ได้เพื่อนที่เป็นช่างภาพแนะนำกล้องดีๆ มือสอง เลยซื้อมาหัดใช้ดู ราคาโอเครเลย เหลืองบไปเที่ยว ...ทริปนี้ ดีล!! ....เพราะมีกล้องจึงอยากไปเที่ยว เพราะจะไปเที่ยวเลยต้องมีกล้อง..
ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็พยายามอ่านเก็บข้อมูลจากหลายๆ กระทู้มาโดยตลอด พอตอนนี้เราคิดว่าพร้อมแล้ว ก็จัดการจองตั๋ว วางแผนการเดินทางให้เรียบร้อย ...และยังพอมีเวลาให้ฝึกใช้กล้องอีกประมาณ สองอาทิตย์ ก็ได้เพื่อนคนเดิมช่วยสอนสั่ง

ส่วนภาพถ่ายประกอบก็เป็นทั้งจากกล้องในโทรศัพท์และกล้องจริงๆ นะครับ
ลองก้าวขาออกไปตามใจตัวเอง
ผมตื่นขึ้นเช้าตรู่ในวันหยุดกลางเดือน พ.ค. เมื่อปีที่แล้ว (13-16 พ.ค. 2558) พร้อมเป้เดินทาง โบก Taxi เพื่อไปสนามบินให้ทันขึ้นเครื่องไฟล์ทแรก (05.50 น.) เพื่อมุ่งหน้า สู่สนามบินอุดรธานี ระหว่างนั้นผมก็ถามตัวเองตลอด ... เห้ยย คิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะไปเที่ยวเองคนเดียว ต่างประเทศด้วยนะ (ถึงจะเพื่อนบ้านก็เอาเถอะ) ...
การเดินทาง - สะพานเชื่อมแผ่นดิน

ผ่านพ้นท้องฟ้าทะมึนจากเมืองกรุง มุ่งนอร์ทอิสต์.. เครื่องสิงโตน้อย B737-900 พาผมทะยานมาเห็นแสงตะวันแรกเหนือน่านฟ้าอิสาน และเป็นครั้งแรกที่มาเยือนดินแดนนี้ ระหว่างทางก็มองวิวภูมิประเทศเพลินเลยล่ะครับ .... เครื่องบินถึงสนามบินอุดรประมาณ 07.00 น. โดยประมาณ ลงเครื่องมาเดินเข้าอาคาร เอาล่ะ ไปไงต่อล่ะทีนี้... คิดๆๆ แวะฉี่ห้องน้ำแปบ…Ok เดินออกมาที่โถงสนามบิน จะมีเค้าท์เตอร์ขายตั๋วรถตู้ครับ ไปไหนก็ว่ากันไป เห็นคนมุงๆ ซื้อกันอยู่เลยเดินเข้าไปเซอร์เวย์ เลยได้ตั๋วรถตู้ลิมูซีนมา 80 บาท จะลงไหนบอกคนขับได้เลยครับ ... คันนี้ไป บขส. อุดรป่าวพี่ ? เพื่อความแน่ใจว่าเราจะไปถูกที่ ผมก็ถามเอาจากคนรถแถวๆ นั้น ... ระหว่างที่พี่คนขับขับๆ ไปผมได้นั่งหน้าก็คุยกันนิดหน่อยๆ ...ไปไหนล่ะน้อง ช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อยนะ หน้าฝนเริ่มจะมาแล้ว เมื่อคืนฝนก็ตก ทางอุดรนี่ฝนแรงเลย. .. รถตู้แล่นลัดเลาะซอกซอยส่ง ผดส. ตามรายทางไม่นานผมก็มาถึง บขส. อุดร ครับ ตั้งอยู่กลางเมืองใกล้ๆ กับเซ็นทรัลอุดรฯ

ตัดมาที่ช่องจำหน่ายตั๋วครับ อย่างที่ทราบกันว่า มีรถบัสไทย-ลาว วิ่ง อุดร-หนองคาย-วังเวียง ทีแรกก็กังวลอยู่บ้างว่าจะมาไม่ทัน ตั๋วหมดก่อน( จากที่เห็นรีวิวในหลายๆ กระทู้) แต่คงเป็นเพราะด้วยวันที่ผมไป เป็นวันหยุดที่ไม่ใช่หยุดยาว พอๆกับไม่ใช่วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เลยมีคนมาซื้อตั๋วไม่มากนัก จัดไป 1 ใบ 320 รถออก 08.30 นะจ้า อย่าสายล่ะ ... นั่งไปยาวๆ ไม่ต้องไปแวะต่อรถหารถที่ไหนอีก ซื้อตั๋วติดสนับก้นไว้เดี๋ยวถึงวังเวียงเอง..
ระหว่างนั้นก็ออกไปเดิน หาข้าวเช้ากิน ซึ่งรอบๆ บสข. มีร้านอาหารที่เปิดแต่เช้าอยู่หลายร้านครับ เติมพลังกันก่อนเดินทางได้เลย พร้อมซื้อน้ำ ซื้อเสบียง เผื่อระหว่างเดินทางด้วย ...
ประมาณ ปริ่มๆ 8 โมง สุดหล่อของเราจะมาจอดรอรับที่ชานชลา พวงมาลัยซ้ายด้วย เท่ห์ชะมัด !! ..รอบนี้เป็นรถของทางลาว ...ป่ะ โดดขึ้นรถกันเลยครับ ... ขึ้นไปบนรถแทบไม่มีที่นั่งเหลือเลยครับ .... มีแต่ที่นอน ผมลองนับๆ หัวดูรวมคนขับรถ + เด็กรถชาวลาว มีกันอยู่ทั้งคันประมาณ 13-14 คน ... ออกจาก บสข. อุดร ไปแวะจอดรับ ผดส. ที่หนองคาย ประมาณ 10 นาที ไม่มีคนขึ้นเพิ่ม ... รถโล่ง ไม่วุ่นวาย สบายแฮ ยาวปายๆ ... ผดส. บนเที่ยวนี้มีอาน้าชาวญี่ปุ่นคู่ หนุ่มสาวเกาหลีอีกคู่ ที่เหลือก็ชาวไทยครับ ทั้งมากันเป็นหมู่กับเพื่อน .... และมาคนเดียว (แบบผม แต่ไม่ใช่ผม เอ๊ะ !?) ....

เวลาประมาณ 09.40 น. บัสสุดหล่อก็พาผมมาถึงด่านหนองคายครับ

ถึงจุดนี้รถบัสจะจอดให้เราลงไปทำตามกระบวนการผ่านด่านออกจากเมืองครับ ..ไอ่เราก็ไม่เคย ออกไปไหนด้วยสิ ทำไงดีล่ะ ... อาศัยสังเกตเอาละกัน เค้าเดินไปไหนก็สังเกตเดินตาม ทำตามโล้ดด... ถึงตรงนี้สำหรับใครที่ไม่เคยไปเองหรือไม่รู้ว่าต้องทำยังไง อยากแนะนำให้หมายตาเพื่อนร่วมคันรถไว้ครับ เพื่อ 1. รู้ว่าเราต้องทำขั้นตอนอะไรบ้าง ไปหยิบเอกสารอะไรตรงไหนเพื่อมากรอก 2.เพื่อดูว่าเราเอ้อระเหยไปรึป่าว เกิดคนอื่นขึ้นรถกันไปหมดแล้ว เราเงอะงะๆ อยู่ที่ด่านคน เดียว โดนรถทิ้งไม่รู้เน้ออ 555 ล้อเล่นครับ จริงๆแล้วเด็กรถจะคอยตรวจดูและนับ ผดส. อยู่ว่าขึ้นมากันครบหรือยัง จึงจะออกรถต่อ ... ส่วนผมก็เล็งๆ ผู้ชายเสื้อเขียวอ่อนตามภาพไว้ (จริงๆ ที่ด่านจะห้ามถ่ายภาพนะครับ แต่ผมถ่ายมาด้วยความไม่รู้) เพราะว่า เห็นนั่งบนบัสที่นั่งข้างกัน แต่คนละฝั่งหน้าต่าง เป็นชายหนุ่มผู้สันโดษ (รึป่าว) มาคนเดียวเหมือนกัน (ซึ่งตอนหลังเราก็จะได้มาร่วมทริปกันโดยบังเอิญอีกครั้ง) และตัวสูงพอให้สังเกตเห็นได้ง่าย ... แต่เอาเข้าจริง พี่แกเองก็ดูงงๆ ไม่ต่างจากผม ตอนทำเรื่องผ่านด่าน 555
เอาล่ะ เม้าท์มายาว มาถึงจุดนี้ ผมจะสรุปให้ อย่างนี้ รถบัสจะจอดให้เราลงไปทำเรื่องผ่านด่านหนองคาย เสร็จแล้วกลับขึ้นมาบนรถ รถจะขับข้ามสะพานมาจอดอีกครั้งที่ด่านลาว ให้เราลงไปทำเรื่องผ่านเข้าเมือง ซึ่งก็มีค่าธรรมเนียม 5 บาท (ถ้าเป็นวันธรรมดา) และ 40 บาท ถ้าเป็นวันหยุดนะครับ ..อ้อ ตรงนี้แนะนำให้พกปากกามาเองด้วย เพราะที่ด่านลาวไม่มีปากกาให้ เค้าจะขายให้เรา ส่วนผมเตรียมมาพร้อมเพราะอ่านกระทู้พันทิปนี้ละครับ.. เจ๋งป่ะหละ

... ที่ด่านทั้งก่อนผ่านประตูและหลังผ่านประตูมีจุดให้แลกเงินได้ตามสะดวกครับ ตัวผมเองไปคนเดียวก็แลกเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ก่อนอุ่นใจกว่า เพราะไม่รู้จะไปเจออะไรบ้าง .. ได้เงินกีบมาหลักล้าน 5555 ปึกหนาทีเดียว ตอนอยู่ในแบงค์นี่บอกเลยว่า พี่ยืดมากก!! แล้วก็เอามาแบ่งเป็นสองกระเป๋าแยกเก็บ เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคง + พกเงินไทยไปอีกนิดหน่อย เพราะว่าที่นั่นเราสามารถใช้เงินไทยได้เหมือนกัน ... อ้อ ส่วนเวลาจะจับจ่ายอะไร ผมคำนวณเอาง่าย ด้วยการตัด เลข 000 ตัวหลังทิ้ง แล้วคูณ 4 เป็นการคำนวณโดยประมาณ เช่น 10,000 กีบ ก็ เท่ากับ 40 บาท เป็นต้น (แต่ ณ วันนี้ก็เช็คค่าเงินเอานะครับ)
จากพื้นราบ สู่ ขุนเขา
รถบัสจะพาเราวิ่งผ่านกรุงเวียงจันทร์ซึ่งตอนนี้ มือถือเราจะเริ่มรับสัญญาณฝั่งไทยไม่ได้แล้วครับ จะโผล่มาเป็นบางช่วงบางพื้นที่เท่านั้น พอเริ่มออกห่างริมน้ำโขงก็จะรับสัญญาณไม่ได้แล้วครับ

ตลอดทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือห่างจากกรุงเวียงจันทร์มาเป็นระยะ จนกระทั่งเกือบบ่ายโมง รถบัสจะแวะจอดร้านอาหารข้างทาง ประมาณ 20 นาที ให้เราได้ลงไปพักรับประทานอาหาร และดื่มน้ำปัสสาวะ ... อาหารจะมีพวกข้าวเปียก ก๋วยเตี๋ยว ขนมปังลาวใส่ไส้ต่างๆ กินพอแก้หิวได้ครับ ผสด. บางท่านก็เดินลงมา ด่อมๆมองๆ ก่อนตัดสินใจไม่กินอะไรและกลับขึ้นไปนั่งรอบนรถ บางท่านก็มุ่งเข้าหาตู้แช่ ที่มี เบยลาวเย็นๆ รออยู่ จัดให้พอกรึ่มๆ เอาเสียแต่หัววัน อย่างไม่แยแสต่อหนทางที่คดเคี้ยวข้างหน้า... ส่วนผมยังไม่ทันเคี้ยวขนมปังเหนียวๆ แข็งๆ ได้หมดก้อนดี ผดส. ก็ขึ้นรถกันจนเกือบหมดแล้ว ต้องรีบทำเวลาครับ ..
คำตอบ

บนเส้นทางที่คดเคี้ยว และภูมิประเทศที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป รถบัสฮุนไดไต่ชันไปตามไหล่เขาผ่านโค้งแล้วก็โค้งอีก ..ทำให้ผมได้เห็นภาพที่แปลกตา เส้นทางที่ไม่เคยมา บ้านเรือน ภูเขาที่ไม่เคยเห็น ผมเองนั่งมองภาพผ่านหน้าต่างบัสฮุนไดที่ยังคงวิ่งฝ่าเปลวแดดไปอย่างไม่ลดละ พร้อมเริ่มยิ้มให้กับตัวเองที่ตัดสินใจเดินทางมาครั้งนี้ ... ตอนนี้ผมได้ตอบคำถามให้กับตัวเองแล้วครับ ... นี่ถ้าเมิงไม่ออกมา เมิงจะได้เห็นอะไรอย่างนี้มั้ย? ถ้าเมิงไม่ออกมา ป่านนี้ เมิงก็คงเพิ่งลุกจากที่นอนตอนสายๆ นั่งกินข้าวเช้าตอนเกือบเที่ยง นั่งกดรีโมททีวีวนช่องไปมาแบบไร้จุดหมาย อีกมือก็ปัดหน้าจอมือถือเล่นไปมาอยู่อย่างนั้น นั่งแช่อยู่ในคอนโดเล็กๆ ก่อนที่จะต้องตื่นไปทำงานในวันรุ่งขึ้น... ตื่นเต้นว้อยยย!!

ยิ่งใกล้ถึง วังเวียงเท่าไหร่ก็ยิ่งห่างจากเวียงจันทร์เท่านั้น ....แป๋ววว... รถบัสพาเราวิ่งลัดเลาะไปตามถนนที่ตัดผ่านท้ายเขื่อนน้ำงึม เราจะสามารถสังเกตได้ว่าบางช่วงถนนจะตัดผ่านไปตามเกาะแก่งไหล่เขา เขื่อนน้ำงึมมีทะลสาบขนาดใหญ่ อีกทั้งยังสามารถผลิตไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าส่วนหนึ่งยังส่งขายให้ไทยผ่าน กฟผ. อีกด้วยนะครับ ... บริเวณนี้เราจะเห็นเพิงมุงตับตามข้างทางนำปลาน้ำจืดสดๆ ใหญ่ๆ จากเขื่อนมาขายเรียงราย และขึ้นเหนือไปอีกซักพักภาพภูเขาหินปูนอันเป็นเอกลักษณ์ของวังเวียงทอดให้เห็นอยู่ไกลๆ ...เราใกล้มาถึงวังเวียงแล้วครับ
Vang Vieng ... A year Ago A story ...
สวัสดีครับ ขอออกตัวก่อนนะครับว่ากระทู้นี้เป็นเรื่องราวที่ผมได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเองเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเก็บไว้เองมานาน ตอนนี้อยากนำมาแชร์แล้วครับ
เนื้อหาบางส่วนเช่น ตำแหน่ง สถานที่ ราคา อาจขาดๆเกินๆ ไปบ้างตามประสา ... แต่ความทรงจำที่ได้ไปสัมผัสกับวังเวียงมาของผมเองยังรู้สึกราวกับเพิ่งผ่านไปเมื่อวานและยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้กลับมาดูภาพที่ได้ถ่ายเก็บไว้ เสมือนเราอยู่ ณ โมเม้นท์นั้น เลยตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวที่ได้ไปพบเจอออกมาในกระทู้นี้ เผื่อเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆ ในพันทิปครับ
ปฐมบทแห่งการเดินทาง
แรกเริ่มเดิมทีผมก็รู้จักเมืองแห่งนี้จากกระทู้ในพันทิปนี่เอง อ่านๆ ไปมากเข้าๆ ก็อยากจะไปเองบ้าง ว่าจะเป็นยังไง ช่วงแลก็ลังเลอยู่หน้า เพราะตอนนั้นใจนึงก็อยากได้กล้องถ่ายรูป แต่อีกใจก็อยากจะออกไปเที่ยว งบก็มีจำกัด..เอาไงดีๆ สุดท้าย ได้เพื่อนที่เป็นช่างภาพแนะนำกล้องดีๆ มือสอง เลยซื้อมาหัดใช้ดู ราคาโอเครเลย เหลืองบไปเที่ยว ...ทริปนี้ ดีล!! ....เพราะมีกล้องจึงอยากไปเที่ยว เพราะจะไปเที่ยวเลยต้องมีกล้อง..
ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็พยายามอ่านเก็บข้อมูลจากหลายๆ กระทู้มาโดยตลอด พอตอนนี้เราคิดว่าพร้อมแล้ว ก็จัดการจองตั๋ว วางแผนการเดินทางให้เรียบร้อย ...และยังพอมีเวลาให้ฝึกใช้กล้องอีกประมาณ สองอาทิตย์ ก็ได้เพื่อนคนเดิมช่วยสอนสั่ง
ลองก้าวขาออกไปตามใจตัวเอง
ผมตื่นขึ้นเช้าตรู่ในวันหยุดกลางเดือน พ.ค. เมื่อปีที่แล้ว (13-16 พ.ค. 2558) พร้อมเป้เดินทาง โบก Taxi เพื่อไปสนามบินให้ทันขึ้นเครื่องไฟล์ทแรก (05.50 น.) เพื่อมุ่งหน้า สู่สนามบินอุดรธานี ระหว่างนั้นผมก็ถามตัวเองตลอด ... เห้ยย คิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะไปเที่ยวเองคนเดียว ต่างประเทศด้วยนะ (ถึงจะเพื่อนบ้านก็เอาเถอะ) ...
การเดินทาง - สะพานเชื่อมแผ่นดิน
ผ่านพ้นท้องฟ้าทะมึนจากเมืองกรุง มุ่งนอร์ทอิสต์.. เครื่องสิงโตน้อย B737-900 พาผมทะยานมาเห็นแสงตะวันแรกเหนือน่านฟ้าอิสาน และเป็นครั้งแรกที่มาเยือนดินแดนนี้ ระหว่างทางก็มองวิวภูมิประเทศเพลินเลยล่ะครับ .... เครื่องบินถึงสนามบินอุดรประมาณ 07.00 น. โดยประมาณ ลงเครื่องมาเดินเข้าอาคาร เอาล่ะ ไปไงต่อล่ะทีนี้... คิดๆๆ แวะฉี่ห้องน้ำแปบ…Ok เดินออกมาที่โถงสนามบิน จะมีเค้าท์เตอร์ขายตั๋วรถตู้ครับ ไปไหนก็ว่ากันไป เห็นคนมุงๆ ซื้อกันอยู่เลยเดินเข้าไปเซอร์เวย์ เลยได้ตั๋วรถตู้ลิมูซีนมา 80 บาท จะลงไหนบอกคนขับได้เลยครับ ... คันนี้ไป บขส. อุดรป่าวพี่ ? เพื่อความแน่ใจว่าเราจะไปถูกที่ ผมก็ถามเอาจากคนรถแถวๆ นั้น ... ระหว่างที่พี่คนขับขับๆ ไปผมได้นั่งหน้าก็คุยกันนิดหน่อยๆ ...ไปไหนล่ะน้อง ช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อยนะ หน้าฝนเริ่มจะมาแล้ว เมื่อคืนฝนก็ตก ทางอุดรนี่ฝนแรงเลย. .. รถตู้แล่นลัดเลาะซอกซอยส่ง ผดส. ตามรายทางไม่นานผมก็มาถึง บขส. อุดร ครับ ตั้งอยู่กลางเมืองใกล้ๆ กับเซ็นทรัลอุดรฯ
ตัดมาที่ช่องจำหน่ายตั๋วครับ อย่างที่ทราบกันว่า มีรถบัสไทย-ลาว วิ่ง อุดร-หนองคาย-วังเวียง ทีแรกก็กังวลอยู่บ้างว่าจะมาไม่ทัน ตั๋วหมดก่อน( จากที่เห็นรีวิวในหลายๆ กระทู้) แต่คงเป็นเพราะด้วยวันที่ผมไป เป็นวันหยุดที่ไม่ใช่หยุดยาว พอๆกับไม่ใช่วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เลยมีคนมาซื้อตั๋วไม่มากนัก จัดไป 1 ใบ 320 รถออก 08.30 นะจ้า อย่าสายล่ะ ... นั่งไปยาวๆ ไม่ต้องไปแวะต่อรถหารถที่ไหนอีก ซื้อตั๋วติดสนับก้นไว้เดี๋ยวถึงวังเวียงเอง..
ระหว่างนั้นก็ออกไปเดิน หาข้าวเช้ากิน ซึ่งรอบๆ บสข. มีร้านอาหารที่เปิดแต่เช้าอยู่หลายร้านครับ เติมพลังกันก่อนเดินทางได้เลย พร้อมซื้อน้ำ ซื้อเสบียง เผื่อระหว่างเดินทางด้วย ...
ประมาณ ปริ่มๆ 8 โมง สุดหล่อของเราจะมาจอดรอรับที่ชานชลา พวงมาลัยซ้ายด้วย เท่ห์ชะมัด !! ..รอบนี้เป็นรถของทางลาว ...ป่ะ โดดขึ้นรถกันเลยครับ ... ขึ้นไปบนรถแทบไม่มีที่นั่งเหลือเลยครับ .... มีแต่ที่นอน ผมลองนับๆ หัวดูรวมคนขับรถ + เด็กรถชาวลาว มีกันอยู่ทั้งคันประมาณ 13-14 คน ... ออกจาก บสข. อุดร ไปแวะจอดรับ ผดส. ที่หนองคาย ประมาณ 10 นาที ไม่มีคนขึ้นเพิ่ม ... รถโล่ง ไม่วุ่นวาย สบายแฮ ยาวปายๆ ... ผดส. บนเที่ยวนี้มีอาน้าชาวญี่ปุ่นคู่ หนุ่มสาวเกาหลีอีกคู่ ที่เหลือก็ชาวไทยครับ ทั้งมากันเป็นหมู่กับเพื่อน .... และมาคนเดียว (แบบผม แต่ไม่ใช่ผม เอ๊ะ !?) ....
เวลาประมาณ 09.40 น. บัสสุดหล่อก็พาผมมาถึงด่านหนองคายครับ
ถึงจุดนี้รถบัสจะจอดให้เราลงไปทำตามกระบวนการผ่านด่านออกจากเมืองครับ ..ไอ่เราก็ไม่เคย ออกไปไหนด้วยสิ ทำไงดีล่ะ ... อาศัยสังเกตเอาละกัน เค้าเดินไปไหนก็สังเกตเดินตาม ทำตามโล้ดด... ถึงตรงนี้สำหรับใครที่ไม่เคยไปเองหรือไม่รู้ว่าต้องทำยังไง อยากแนะนำให้หมายตาเพื่อนร่วมคันรถไว้ครับ เพื่อ 1. รู้ว่าเราต้องทำขั้นตอนอะไรบ้าง ไปหยิบเอกสารอะไรตรงไหนเพื่อมากรอก 2.เพื่อดูว่าเราเอ้อระเหยไปรึป่าว เกิดคนอื่นขึ้นรถกันไปหมดแล้ว เราเงอะงะๆ อยู่ที่ด่านคน เดียว โดนรถทิ้งไม่รู้เน้ออ 555 ล้อเล่นครับ จริงๆแล้วเด็กรถจะคอยตรวจดูและนับ ผดส. อยู่ว่าขึ้นมากันครบหรือยัง จึงจะออกรถต่อ ... ส่วนผมก็เล็งๆ ผู้ชายเสื้อเขียวอ่อนตามภาพไว้ (จริงๆ ที่ด่านจะห้ามถ่ายภาพนะครับ แต่ผมถ่ายมาด้วยความไม่รู้) เพราะว่า เห็นนั่งบนบัสที่นั่งข้างกัน แต่คนละฝั่งหน้าต่าง เป็นชายหนุ่มผู้สันโดษ (รึป่าว) มาคนเดียวเหมือนกัน (ซึ่งตอนหลังเราก็จะได้มาร่วมทริปกันโดยบังเอิญอีกครั้ง) และตัวสูงพอให้สังเกตเห็นได้ง่าย ... แต่เอาเข้าจริง พี่แกเองก็ดูงงๆ ไม่ต่างจากผม ตอนทำเรื่องผ่านด่าน 555
เอาล่ะ เม้าท์มายาว มาถึงจุดนี้ ผมจะสรุปให้ อย่างนี้ รถบัสจะจอดให้เราลงไปทำเรื่องผ่านด่านหนองคาย เสร็จแล้วกลับขึ้นมาบนรถ รถจะขับข้ามสะพานมาจอดอีกครั้งที่ด่านลาว ให้เราลงไปทำเรื่องผ่านเข้าเมือง ซึ่งก็มีค่าธรรมเนียม 5 บาท (ถ้าเป็นวันธรรมดา) และ 40 บาท ถ้าเป็นวันหยุดนะครับ ..อ้อ ตรงนี้แนะนำให้พกปากกามาเองด้วย เพราะที่ด่านลาวไม่มีปากกาให้ เค้าจะขายให้เรา ส่วนผมเตรียมมาพร้อมเพราะอ่านกระทู้พันทิปนี้ละครับ.. เจ๋งป่ะหละ
... ที่ด่านทั้งก่อนผ่านประตูและหลังผ่านประตูมีจุดให้แลกเงินได้ตามสะดวกครับ ตัวผมเองไปคนเดียวก็แลกเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ก่อนอุ่นใจกว่า เพราะไม่รู้จะไปเจออะไรบ้าง .. ได้เงินกีบมาหลักล้าน 5555 ปึกหนาทีเดียว ตอนอยู่ในแบงค์นี่บอกเลยว่า พี่ยืดมากก!! แล้วก็เอามาแบ่งเป็นสองกระเป๋าแยกเก็บ เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคง + พกเงินไทยไปอีกนิดหน่อย เพราะว่าที่นั่นเราสามารถใช้เงินไทยได้เหมือนกัน ... อ้อ ส่วนเวลาจะจับจ่ายอะไร ผมคำนวณเอาง่าย ด้วยการตัด เลข 000 ตัวหลังทิ้ง แล้วคูณ 4 เป็นการคำนวณโดยประมาณ เช่น 10,000 กีบ ก็ เท่ากับ 40 บาท เป็นต้น (แต่ ณ วันนี้ก็เช็คค่าเงินเอานะครับ)
จากพื้นราบ สู่ ขุนเขา
รถบัสจะพาเราวิ่งผ่านกรุงเวียงจันทร์ซึ่งตอนนี้ มือถือเราจะเริ่มรับสัญญาณฝั่งไทยไม่ได้แล้วครับ จะโผล่มาเป็นบางช่วงบางพื้นที่เท่านั้น พอเริ่มออกห่างริมน้ำโขงก็จะรับสัญญาณไม่ได้แล้วครับ
ตลอดทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือห่างจากกรุงเวียงจันทร์มาเป็นระยะ จนกระทั่งเกือบบ่ายโมง รถบัสจะแวะจอดร้านอาหารข้างทาง ประมาณ 20 นาที ให้เราได้ลงไปพักรับประทานอาหาร และดื่มน้ำปัสสาวะ ... อาหารจะมีพวกข้าวเปียก ก๋วยเตี๋ยว ขนมปังลาวใส่ไส้ต่างๆ กินพอแก้หิวได้ครับ ผสด. บางท่านก็เดินลงมา ด่อมๆมองๆ ก่อนตัดสินใจไม่กินอะไรและกลับขึ้นไปนั่งรอบนรถ บางท่านก็มุ่งเข้าหาตู้แช่ ที่มี เบยลาวเย็นๆ รออยู่ จัดให้พอกรึ่มๆ เอาเสียแต่หัววัน อย่างไม่แยแสต่อหนทางที่คดเคี้ยวข้างหน้า... ส่วนผมยังไม่ทันเคี้ยวขนมปังเหนียวๆ แข็งๆ ได้หมดก้อนดี ผดส. ก็ขึ้นรถกันจนเกือบหมดแล้ว ต้องรีบทำเวลาครับ ..
คำตอบ
บนเส้นทางที่คดเคี้ยว และภูมิประเทศที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป รถบัสฮุนไดไต่ชันไปตามไหล่เขาผ่านโค้งแล้วก็โค้งอีก ..ทำให้ผมได้เห็นภาพที่แปลกตา เส้นทางที่ไม่เคยมา บ้านเรือน ภูเขาที่ไม่เคยเห็น ผมเองนั่งมองภาพผ่านหน้าต่างบัสฮุนไดที่ยังคงวิ่งฝ่าเปลวแดดไปอย่างไม่ลดละ พร้อมเริ่มยิ้มให้กับตัวเองที่ตัดสินใจเดินทางมาครั้งนี้ ... ตอนนี้ผมได้ตอบคำถามให้กับตัวเองแล้วครับ ... นี่ถ้าเมิงไม่ออกมา เมิงจะได้เห็นอะไรอย่างนี้มั้ย? ถ้าเมิงไม่ออกมา ป่านนี้ เมิงก็คงเพิ่งลุกจากที่นอนตอนสายๆ นั่งกินข้าวเช้าตอนเกือบเที่ยง นั่งกดรีโมททีวีวนช่องไปมาแบบไร้จุดหมาย อีกมือก็ปัดหน้าจอมือถือเล่นไปมาอยู่อย่างนั้น นั่งแช่อยู่ในคอนโดเล็กๆ ก่อนที่จะต้องตื่นไปทำงานในวันรุ่งขึ้น... ตื่นเต้นว้อยยย!!
ยิ่งใกล้ถึง วังเวียงเท่าไหร่ก็ยิ่งห่างจากเวียงจันทร์เท่านั้น ....แป๋ววว... รถบัสพาเราวิ่งลัดเลาะไปตามถนนที่ตัดผ่านท้ายเขื่อนน้ำงึม เราจะสามารถสังเกตได้ว่าบางช่วงถนนจะตัดผ่านไปตามเกาะแก่งไหล่เขา เขื่อนน้ำงึมมีทะลสาบขนาดใหญ่ อีกทั้งยังสามารถผลิตไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าส่วนหนึ่งยังส่งขายให้ไทยผ่าน กฟผ. อีกด้วยนะครับ ... บริเวณนี้เราจะเห็นเพิงมุงตับตามข้างทางนำปลาน้ำจืดสดๆ ใหญ่ๆ จากเขื่อนมาขายเรียงราย และขึ้นเหนือไปอีกซักพักภาพภูเขาหินปูนอันเป็นเอกลักษณ์ของวังเวียงทอดให้เห็นอยู่ไกลๆ ...เราใกล้มาถึงวังเวียงแล้วครับ