1998 ปีแห่งหนังคู่เหมือน

แต่ละปีมีหนังนับร้อยๆเรื่องที่ถูกสร้างให้เราได้ดู

แต่ในหนังนับร้อยนั้นดันมีไอเดียการสร้างสรรค์ที่บังเอิญคล้ายกัน

มันก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า เรื่องไหนดีกว่าหรือเรื่องไหนสนุกกว่ากัน

หนังคู่เหมือนอาจมีในแต่ละปี เช่น ปี 1997 มีเรื่อง Dante’s Peak ปะทะเรื่อง Volcano

ปี 2006 เรื่อง The Illusionist ปะทะเรื่อง The Prestige

หรือปี 2012 เรื่อง Snow White and the Huntsman ปะทะเรื่อง Mirror Mirror

แต่ในปี 1998 จากการสำรวจพบว่ามีหนังคู่เหมือนถึง 5 คู่

และแต่ละเรื่องก็เป็นที่รู้จักของคอหนัง เรามาดูกันเถอะว่าปีนั้นมีเรื่องอะไรบ้าง และผลของการปะทะเป็นยังไง








คู่ที่ 1 Shakespeare in Love ปะทะ Elizabeth


จริงๆหนัง 2 เรื่องนี้อาจไม่เหมือนกันทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้หนังโยงถึงกันได้ คือตัวละครอย่าง ควีน อลิซาเบธ

ผลการปะทะ

อาจเป็น อลิซาเบธ คนละช่วงเวลา หรือหนังคนละสไตล์ แต่บท ควีน อลิซาเบธ ก็ทำให้ เคท บลานเซ็ทท์(Elizabeth) ได้ชิงออสก้าร์สาขานำหญิงยอดเยี่ยม และแจ้งเกิดในฐานะนักแสดงหญิงขายฝีมือ แต่ ควีน อลิซาเบธ ของ จูดี้ เดนช์(Shakespeare in Love) บทนี้ทำให้เธอเป็นผู้ชนะออสก้าร์สาขาสมบทหญิงในปีนั้น

  

ความสำเร็จในเวทีรางวัลโดยรวม Shakespeare in Love ประสบความสำเร็จมากกว่า โดยสามารถคว้าออสก้าร์ได้ถึง 7 รางวัล รวมถึงสาขาหนังยอดเยี่ยมในปีนั้นชนิดที่ว่าเป็นการพลิกล็อคแห่งปี

จากอานิสงส์ในเวทีรางวัล ก็ทำให้ Shakespeare in Love กวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 289 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างแค่เพียง 25 ล้านเหรียญสหรัฐ เรียกได้ว่ากำไรเห็นๆ

ส่วน Elizabeth จากการเข้าชิงรางวัล ก็ทำรายได้ทั่วโลก 82 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังพอได้กำไรที่พอทำให
้เราได้ชมภาคต่อในปี 2007 กับ Elizabeth:The Golden Age

**ด้วยเป็นหนังคนละแนวกัน ผลที่ได้ถือว่าหนังประสบความสำเร็จทั้งคู่**









คู่ที่ 2 Saving Private Ryan ปะทะ The Thin Red Line


นิยามของการปะทะนี้คือ หนังสงครามมหาชน(สตีเว่น สปีลเบิร์ก) เจอกับ หนังสงครามสายศิลป์(เทอร์เร้นท์ มาลิค)
คนละแนวอีกเช่นกัน แต่ผู้กำกับชั้นครูทั้งสองก็ทำให้เราอดฮือฮากับฉากสู้รบในหนังไม่ได้

  

ผลการปะทะ

ด้วยความที่ Saving Private Ryan เป็นหนังมหาชนจึงถูกวางให้ฉายในช่วง เดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หนังทุนใหญ่ฟอร์มโตออกฉาย แต่หนังได้รับคำวิจารณ์ที่ดีจากนักวิจารณ์และคนดูจนเป็นตัวเก็งออสก้าร์ในปีนั้น จึงถูกนำมาฉายอีกครั้งในช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงเวลาของหนังล่ารางวัล ส่วน The Thin Red Line หนังสายศิลป์ถูกวางโปรแกรมฉายในช่วงปลายปี หวังผลเรื่องรางวัลให้ต่อยอดรายได้ โดยไฮไลท์ของหนังคือการกลับมากำกับหนังอีกครั้งในรอบ 20 ปี ของผู้กำกับ เทอร์เร้นท์ มาลิค และมีนักแสดงชั้นนำร่วมแสดงในหนังอย่างคับคั่ง

ในเรื่องของรางวัล Saving Private Ryan พลาดรางวัลหนังยอดเยี่ยมออสก้าร์ไปแบบงงๆ แต่ก็กวาดรางวัลในสาขาอื่นๆได้ถึง 5 รางวัล รวมถึงทำให้ผู้กำกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก คว้าออสก้าร์ตัวที่สองในชีวิตไปครอง

แต่ The Thin Red Line ก็ไม่น้อยหน้าเรื่องรางวัล โดยสามารถเข้าชิงออสก้าร์ถึง 7 สาขา รวมถึงสาขาหนังยอดเยี่ยม แม้สุดท้ายจะพลาดไม่ได้ซักรางวัลก็ตาม

มาดูในส่วนของรายได้ Saving Private Ryan ทำรายได้ทั่วโลกสูงถึง 481 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 70 ล้านเหรียญสหรัฐ คงจะเกินไปหากจะเทียบกับรายได้ทั่วโลก 98 ล้านเหรียญสหรัฐ ของ The Thin Red Line จากทุนสร้าง 52 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ด้วย The Thin Red Line เป็นหนังที่ให้เรื่องรางวัลโปรโมตตัวหนัง ก็ถือว่าไม่ได้เจ็บตัวอะไรมากกับส่วนนี้

** 2 เรื่องนี้ ประสบความสำเร็จมากคือ Saving Private Ryan ประสบความสำเร็จน้อยคือ The Thin Red Line แต่ทั้งคู่ก็เป็นหนังสงครามขึ้นหิ้งระดับตำนาน**









คู่ที่ 3 A Bug’s Life ปะทะ Antz


เป็นหนังอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์ที่ว่าด้วยเรื่องของแมลงตัวเล็กๆ โดยมีมดเป็นตัวเอกเหมือนกัน

A Bug’s Life คือหนังอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์เรื่องที่ 2 ของ พิกซ่าร์ ต่อจาก Toy Story (1995) และ Antz คือหนังอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์เรื่องแรกจากค่ายคู่แข่งที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานอย่างดรีมเวิร์ค

และเรื่องดราม่ามีอยู่ว่าผู้ก่อตั้งร่วมของ ดรีมเวิร์ค อย่าง เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก เคยเป็นถึงประธานของ วอลต์ ดีสนี่ย์ แต่ตอนนี้เป็นค่ายคู่แข่ง โดยเขายังเขย่าบัลลังก์ดีสนี่ย์ ด้วย The Prince of Egypt (1998) ซึ่งเป็นอนิเมชั่นวาดมือมาแล้ว

  

ผลการปะทะ

ด้วยงานด้านภาพและเนื้อเรื่อง รวมถึงคำวิจารณ์ที่ดีกว่าของ A Bug’s Life ทำให้หนังเรื่องนี้ทำรายได้ทั่วโลกถึง 363 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 120 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน Antz ทั่วโลกทำไป 171 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 105 ล้านเหรียญสหรัฐ

**การปะทะนี้ A Bug’s Life ชนะเห็นๆ**









คู่ที่ 4 Meet Joe Black ปะทะ City of Angels


อาจกล่าวได้ว่า แบรด พิตต์ ปะทะ นิโคลัส เคจ ก็ยังได้  โดยในยุค 90s ทั้งคู่คือซุปเปอร์สตาร์ของฮอลลีวู้ด

และด้วยเนื้อหาของหนังที่คล้ายๆกัน ประมาณว่าบุรุษจากโลกอื่นมาพบกับความรักในโลกมนุษย์ มันน่าสนใจตรงที่ว่าการปะทะกันครั้งนี้จะเป็นเช่นไร

ผลของการปะทะ

ทั้งสองเรื่องได้รับคำวิจารณ์ไม่ค่อยดีนักจากนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ ที่เหลือตอนนี้คือวัดกันด้วยความเป็นนักแสดงขวัญใจผู้ชม แบรด พิตต์ ประกบ แอนโทนี ฮอปกิ้นส์ ใน Meet Joe Black ทำรายได้ทั่วโลกไป 142 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 90 ล้านเหรียญฯ ส่วน นิโคลัส เคจ ประกบ เม็ก ไรอัน ใน City of Angels ทำรายได้ทั่วโลกไป 198 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 55 ล้านเหรียญฯ

  

**จากงานดราม่าโรแมนซ์เหมือนกัน วัดด้วยรายได้ City of Angels ชนะขาดลอย**









คู่ที่ 5 Armageddon ปะทะ Deep Impact


นอกจาก ดีสนี่ย์ ปะทะ ดรีมเวิร์ค จากคู่ที่ 3 ไปแล้ว สองค่ายนี้ยังมีหนังอุกกาบาตถล่มโลกมาเจอกันอีก

ผลของการปะทะ

ทั้งสองเรื่องมาด้วยความบันเทิงเต็มเหนี่ยว Armageddon จากดีสนี่ย์ นำโดย บรู๊ซ วิลลิส พร้อมด้วยบารมีเล็กๆ(ณ ตอนนั้น)ของ เบน แอฟแฟล็ค ในงานกำกับของผู้กำกับจอมระเบิดอย่าง ไมเคิล เบย์ ทำรายได้ทั่วโลกไป 553 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 140 ล้านเหรียญฯ

  

ส่วน Deep Impact ของผู้กำกับหญิงลูกหม้อดรีมเวิร์คอย่าง มีมี่ เลเดอร์ พร้อมด้วยนักแสดงที่บารมีน้อยกว่าเห็นๆ ทำรายได้ทั่วโลกไป 349 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 75 ล้านเหรียญฯ

**วิน-วิน ทั้งสองเรื่อง**
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่