สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ฝากบทความน่าสนใจครับก่อนไปเที่ยว 😄😄

【ลบxลบ = บวก ...บทเรียนจากดีไซเนอร์ผู้พลิกฟื้นสินค้าท้องถิ่นญี่ปุ่น】
...
อดีตดีไซเนอร์ชื่อดัง
ผู้ออกจากวงการมาพลิกโฉมสินค้าท้องถิ่น
จากยอดขายร้อย...ให้กลายเป็นล้านเยน
เงื่อนไขการรับงานของ Umebara ง่ายมาก
1. ไม่รับงานบริษัทใหญ่ ๆ
เขาเลือกช่วยแต่เจ้าของกิจการเล็กๆ
2. รับแค่สินค้าเกษตร
เพราะเห็นว่า หากภาคเกษตรไม่แข็งแกร่ง
ภาคอุตสาหกรรมหรือบริการ
ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
3. รับแค่ลูกค้าที่มีความตั้งใจจริง
มีสินค้าดีจริงเท่านั้น
หากลูกค้าบอกว่า ทำธุรกิจเพราะอยากรวย
Umebara จะกล่าวปฏิเสธดีลนั้น
แต่หากเป็นคนที่บอกว่า ต้องการพลิกฟื้นหมู่บ้าน
หรือทำให้ของท้องถิ่นเป็นที่รู้จัก
เขาทุ่มสุดตัวและหัวใจ
+++
ปรัชญาการทำงานของ Umebara คือ
“ลบ คูณ ลบ ... ได้บวก”
สินค้าท้องถิ่นเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก
ไม่มีช่องทางการขายที่ดี
ไม่มีงบทำโฆษณา มีแต่ลบกับลบ
แต่ Umebara ก็สามารถ "คูณ"
คุณสมบัติดังกล่าวให้กลายเป็นบวกได้
เช่น เมืองอุมะจิโร่ เมืองเล็กๆในจังหวัดโคจิ
ที่คนทั้งเมืองปลูกแต่ส้มยูซุ
แต่ผลิตภัณฑ์ยูซุแปรรูปขายไม่ค่อยดีเท่าไร
คนในเมืองก็กลัวว่า
ตนเองผลิตแต่ส้มยูซุ
ไม่ขายอย่างอื่นเลย จะเสี่ยงเกินไป
Umebara จัดการปรับฟ้อนท์สินค้าใหม่
ดีไซน์แพ็คเกจจิ้งใหม่
ขณะเดียวกัน ดึงจุดเด่นที่เมืองปลูกแต่ส้มพันธุ์นี้
มาตั้งชื่อแบรนด์ใหม่ว่า
แบรนด์ "หมู่บ้านส้มยูซุ”
ดึงจุดที่เหมือนด้อย ให้เป็นจุดเด่น
ฟังดูอบอุ่นน่ารักขึ้นทันที
หรือร้านขายเนื้อปลาย่างเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ยอดขายตกต่ำลงเรื่อยๆ
เพราะแพ้ปลาราคาถูกที่นำเข้าจากต่างประเทศ
Umebara ก็จัดการปรับแพ็คเกจจิ้ง
และทำเซ็ทปลาย่าง
ขายปลาย่างคู่กับน้ำจิ้ม บวกกระเทียมและขิง
พร้อมเขียนที่กล่องว่า
“ตกเอง ย่างเอง...โดยชาวประมงเมืองโคจิ”
ทำให้ปลาย่างธรรมดาๆ
ดูมีเสน่ห์และความเป็นโฮมเม้ดขึ้นทันตา
ภายในระยะเวลาเพียง 8 ปี
สินค้าตัวนี้ทำเงินได้ถึง 700 ล้านบาท
+++
“ผมอยากคง"ทิวทัศน์" ของญี่ปุ่นไว้”
Umebara ผู้ทิ้งชีวิตในกรุง
มาอยู่ที่โคจิ บ้านเกิดของตัวเองกล่าว
ทิวทัศน์ที่เขากล่าว
ไม่ใช่ทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงามเพียงอย่างเดียว
แต่รวมถึงภาพเกษตรกรที่ตั้งอกตั้งใจทำสินค้าดีๆ
เพื่อผู้บริโภค
บรรยากาศการทำงานอย่างแข่งขัน
และร่วมมือร่วมใจกันของคนท้องถิ่น
นั่นคือภาพทิวทัศน์ที่งดงามในสายตาของ Umebara
และเขาก็พยายามรักษาภาพนั้นไว้ ด้วยพลังแห่งการดีไซน์
Japan Gossip by เกตุวดี Marumura
+++++BUSINESS INSIGHT+++++
เทคนิคการเขียน copy สินค้า
1.ใช้คำกระชับ แต่เห็นภาพ
เช่น "ตกเอง ปิ้งเอง โดยชาวประมง"
2. ใช้คำสื่ออารมณ์
เช่น "ตกเอง ปิ้งเอง"
ก็สื่ออารมณ์มุ่งมั่น ตั้งใจ authentic
แบบคนท้องถิ่นทำ
3. สะท้อน Identity
เนื่องจากแบรนด์ทั้งหมด
เป็นแบรนด์ท้องถิ่น
เสน่ห์คือความเรียบง่าย บ้านๆ
ภาษาที่ Umeharaใช้ จึงเป็นคำง่ายๆ ทั้งหมด
เขาเคยช่วยหมู่บ้านแห่งหนึ่งทำการตลาด
ส้ม "จาบาร่า" ซึ่งเป็นส้มที่ไม่มีใครรู้จัก
มีที่หมู่บ้านนี้เพียงแห่งเดียว
Umebara ตั้งสโลแกนสินค้านี้ว่า
"ไม่ใช่ส้มยูซุ ไม่ใช่มะนาว
แต่เป็นส้มหายาก ชื่อจาบาร่า
มีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น"
กระชับ เห็นภาพ สื่ออารมณ์
และเจือความเป็นแบรนด์ท้องถิ่น
ง่ายๆ ...จริงใจ...

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ : https://web.facebook.com/japangossip
เครดิตเนื้อหาและภาพ : Japan Gossip by เกตุวดี Marumura
- เป็นแนวคิดทางการตลาดที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ยิ่งในยุคปัจจุบันช่องทางการโปรโมทสินค้ามีต้นทุนที่ไม่สูงให้เลือกไม่น้อย
และจริงๆเราเองก็มีสินค้าที่ดังชั่วข้ามคืนด้วย viral ใน facebook บ่อยๆ แต่ไม่ค่อยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพจริงๆ
กลายเป็นแค่กระแสวูบเดียว ยังไงก็อยากเห็น otop sme ไทยเข้มแข็งเป็น asean brand ให้ได้ แค่กินตลาดพม่า ลาว กัมพูชา ก็แจ๋วแล้วครับ

【ลบxลบ = บวก ...บทเรียนจากดีไซเนอร์ผู้พลิกฟื้นสินค้าท้องถิ่นญี่ปุ่น】
...
อดีตดีไซเนอร์ชื่อดัง
ผู้ออกจากวงการมาพลิกโฉมสินค้าท้องถิ่น
จากยอดขายร้อย...ให้กลายเป็นล้านเยน
เงื่อนไขการรับงานของ Umebara ง่ายมาก
1. ไม่รับงานบริษัทใหญ่ ๆ
เขาเลือกช่วยแต่เจ้าของกิจการเล็กๆ
2. รับแค่สินค้าเกษตร
เพราะเห็นว่า หากภาคเกษตรไม่แข็งแกร่ง
ภาคอุตสาหกรรมหรือบริการ
ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
3. รับแค่ลูกค้าที่มีความตั้งใจจริง
มีสินค้าดีจริงเท่านั้น
หากลูกค้าบอกว่า ทำธุรกิจเพราะอยากรวย
Umebara จะกล่าวปฏิเสธดีลนั้น
แต่หากเป็นคนที่บอกว่า ต้องการพลิกฟื้นหมู่บ้าน
หรือทำให้ของท้องถิ่นเป็นที่รู้จัก
เขาทุ่มสุดตัวและหัวใจ
+++
ปรัชญาการทำงานของ Umebara คือ
“ลบ คูณ ลบ ... ได้บวก”
สินค้าท้องถิ่นเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก
ไม่มีช่องทางการขายที่ดี
ไม่มีงบทำโฆษณา มีแต่ลบกับลบ
แต่ Umebara ก็สามารถ "คูณ"
คุณสมบัติดังกล่าวให้กลายเป็นบวกได้
เช่น เมืองอุมะจิโร่ เมืองเล็กๆในจังหวัดโคจิ
ที่คนทั้งเมืองปลูกแต่ส้มยูซุ
แต่ผลิตภัณฑ์ยูซุแปรรูปขายไม่ค่อยดีเท่าไร
คนในเมืองก็กลัวว่า
ตนเองผลิตแต่ส้มยูซุ
ไม่ขายอย่างอื่นเลย จะเสี่ยงเกินไป
Umebara จัดการปรับฟ้อนท์สินค้าใหม่
ดีไซน์แพ็คเกจจิ้งใหม่
ขณะเดียวกัน ดึงจุดเด่นที่เมืองปลูกแต่ส้มพันธุ์นี้
มาตั้งชื่อแบรนด์ใหม่ว่า
แบรนด์ "หมู่บ้านส้มยูซุ”
ดึงจุดที่เหมือนด้อย ให้เป็นจุดเด่น
ฟังดูอบอุ่นน่ารักขึ้นทันที
หรือร้านขายเนื้อปลาย่างเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ยอดขายตกต่ำลงเรื่อยๆ
เพราะแพ้ปลาราคาถูกที่นำเข้าจากต่างประเทศ
Umebara ก็จัดการปรับแพ็คเกจจิ้ง
และทำเซ็ทปลาย่าง
ขายปลาย่างคู่กับน้ำจิ้ม บวกกระเทียมและขิง
พร้อมเขียนที่กล่องว่า
“ตกเอง ย่างเอง...โดยชาวประมงเมืองโคจิ”
ทำให้ปลาย่างธรรมดาๆ
ดูมีเสน่ห์และความเป็นโฮมเม้ดขึ้นทันตา
ภายในระยะเวลาเพียง 8 ปี
สินค้าตัวนี้ทำเงินได้ถึง 700 ล้านบาท
+++
“ผมอยากคง"ทิวทัศน์" ของญี่ปุ่นไว้”
Umebara ผู้ทิ้งชีวิตในกรุง
มาอยู่ที่โคจิ บ้านเกิดของตัวเองกล่าว
ทิวทัศน์ที่เขากล่าว
ไม่ใช่ทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงามเพียงอย่างเดียว
แต่รวมถึงภาพเกษตรกรที่ตั้งอกตั้งใจทำสินค้าดีๆ
เพื่อผู้บริโภค
บรรยากาศการทำงานอย่างแข่งขัน
และร่วมมือร่วมใจกันของคนท้องถิ่น
นั่นคือภาพทิวทัศน์ที่งดงามในสายตาของ Umebara
และเขาก็พยายามรักษาภาพนั้นไว้ ด้วยพลังแห่งการดีไซน์
Japan Gossip by เกตุวดี Marumura
+++++BUSINESS INSIGHT+++++
เทคนิคการเขียน copy สินค้า
1.ใช้คำกระชับ แต่เห็นภาพ
เช่น "ตกเอง ปิ้งเอง โดยชาวประมง"
2. ใช้คำสื่ออารมณ์
เช่น "ตกเอง ปิ้งเอง"
ก็สื่ออารมณ์มุ่งมั่น ตั้งใจ authentic
แบบคนท้องถิ่นทำ
3. สะท้อน Identity
เนื่องจากแบรนด์ทั้งหมด
เป็นแบรนด์ท้องถิ่น
เสน่ห์คือความเรียบง่าย บ้านๆ
ภาษาที่ Umeharaใช้ จึงเป็นคำง่ายๆ ทั้งหมด
เขาเคยช่วยหมู่บ้านแห่งหนึ่งทำการตลาด
ส้ม "จาบาร่า" ซึ่งเป็นส้มที่ไม่มีใครรู้จัก
มีที่หมู่บ้านนี้เพียงแห่งเดียว
Umebara ตั้งสโลแกนสินค้านี้ว่า
"ไม่ใช่ส้มยูซุ ไม่ใช่มะนาว
แต่เป็นส้มหายาก ชื่อจาบาร่า
มีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น"
กระชับ เห็นภาพ สื่ออารมณ์
และเจือความเป็นแบรนด์ท้องถิ่น
ง่ายๆ ...จริงใจ...

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ : https://web.facebook.com/japangossip
เครดิตเนื้อหาและภาพ : Japan Gossip by เกตุวดี Marumura
- เป็นแนวคิดทางการตลาดที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ยิ่งในยุคปัจจุบันช่องทางการโปรโมทสินค้ามีต้นทุนที่ไม่สูงให้เลือกไม่น้อย
และจริงๆเราเองก็มีสินค้าที่ดังชั่วข้ามคืนด้วย viral ใน facebook บ่อยๆ แต่ไม่ค่อยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพจริงๆ
กลายเป็นแค่กระแสวูบเดียว ยังไงก็อยากเห็น otop sme ไทยเข้มแข็งเป็น asean brand ให้ได้ แค่กินตลาดพม่า ลาว กัมพูชา ก็แจ๋วแล้วครับ

แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 28/6/2016
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
วันนี้พาไปฝึกวิทยายุทธกันค่ะ เพื่อไว้ป้องกันตัว
สมัยก่อนเสาหลักยุทธภพคือเส้าหลินกับบู๊ตึ๊ง ในหนังจีนมักจะเห็นสองสำนักนี้ประจำ
- มวยเส้าหลินมีต้นกำเนิดมาจากแถบอินเดีย คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นมีรากฐานมาจากโยคะ เน้นความแข็งกร้าว เป็นธาตุหยาง
- ส่วนบู๊ตึ๊งหรือมวยไท่เก็ก เป็นภูมิปัญญาแบบจีน เน้นความอ่อนหยุ่น เป็นธาตุหยิน เน้นความสงบสยบความเคลื่อนไหว
วัดเส้าหลิน หรือที่จีนแต้จิ๋วเรียก เสียวลิ้มยี่ เป็นวัดเก่าแก่กว่า 1,500 ปี มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของจีน
โดยเฉพาะศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว เส้าหลินจะเน้นกำลังและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป็นหลัก พวกแนวคงกระพัน
หรือตระกูลเหล็กต่างๆ แต่ก็ยังมีวิชาเฉพาะทางที่เสริมด้วยเรื่องของชี่ด้วยเช่นกัน อย่างเช่น วิชาดรรชนี
ฝึกกำลังแขนด้วยการยกถังน้ำ
ฝึกวิทยายุทธบนสะพานแขวนเลียบผา เป็นการฝึกสมาธิ
ฝึกความแข็งแกร่ง
วิชาตัวเบา
ศิษย์วัดเส้าหลินทุกคน หากสำเร็จวิชาแล้วต้องการออกสู่โลกภายนอก เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงวัดด้านฝีมือ
ก็ต้องผ่านด่านหลายๆ ด่าน สิ่งที่เรารู้จักกันดีคือ "18 อรหันต์ทองคำ"
ด่าน 18 อรหันต์มนุษย์ทองคำคือด่านสุดท้าย ถ้าไม่ผ่านก็ยังไปไหนไม่ได้ ต้องกลับไปฝึกฝนวิชามาทดสอบใหม่
หากผ่านด่านไปได้หมดแล้วจะได้ไปยกกระถางมังกรร้อนๆ ใช้แขนสองข้างยกซึ่งมันจะทำให้เกิดตราประทับ
เหมือนรอยสักรูปมังกรที่แขน เป็นสิ่งยืนยันว่าสำเร็จยุทธจากเส้าหลินแล้ว
แต่มีบ้างที่ไม่สามารถผ่านด่านได้ แต่ต้องการลงจากเขาก็ต้องไปใช้ตรอกสุนัข ซึ่งถือว่าเสียศักดิ์ศรีมาก
บางครั้งเราเปรียบเทียบการฝ่าด่าน 18 อรหันต์ หมายถึงฝ่าฟันภารกิจที่ยากลำเค็ญ ไม่เว้นแม้กระทั่งการปฏิบัติที่ต้องมีอุปสรรคมากมาย
ผู้ใดผ่านด่าน 18 อรหันต์ได้ .... ผู้นั้นย่อมประสบความสำเร็จในชีวิต หรือค้นพบสัจธรรมแห่งความจริงแท้ในทางธรรม
บู๊ตึ๊ง จางซานฟง (แต้จิ๋วจะเรียก เตียซำฮง) สุดยอดปรมาจารย์แห่งเขาบู๊ตึ๊ง เดิมเฝ้าหอคัมภีร์อยู่เส้าหลิน
แต่เขาสังเกตธรรมชาติ แล้วนำแก่นมาปรับเป็นวิชาหมัดมวยทั้งสิ้น จนภายหลังตั้งสำนักบู๊ตึ๊งขึ้น
ปรัชญาที่มีชื่อเสียงคือ "หลักการสงบสยบเคลื่อนไหว หลักการอ่อนพิชิตแข็ง"
เช่น ดูนกกระเรียนสู้กับงู ก็ได้หมัดนกกระเรียน เรียนรู้หลักการอ่อนนุ่มรับแข็งกร้าวก็จากการฝึกรับเต้าหู้สดโดยไม่ให้แตกคามือ
ในหนังมีการตีนุ่นลอยฟ่อง โดยมีแนวคิดว่า นุ่นที่ว่าอ่อนนุ่ม แต่เอาเข้าจริงไม่มีหมัดไหนทำให้นุ่นเจ็บหรือทำลายนุ่นได้
เคล็ดวิชาอ่อนหยุ่นชนะแข็งกร้าว สงบสยบเคลื่อนไหว ถือเป็นปรัชญาวิชาใหม่และกลายเป็นหลักวิชาไทเก็ก นอกจากนั้นยังมี
วิชามวยสิงอี้ ที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ เช่น เสือ วานร มังกร เหยี่ยว นกนางแอ่น เป็นต้น และวิชาฝ่ามือแปดทิศ
หรือวิชาปากว้าจ่างที่ใช้การเคลื่อนไหวโดยการสืบเท้าเป็นรูปวงกลม แล้วแปรกระบวนท่าฝ่ามือเป็นท่าต่าง ๆ
ซึ่งทั้งสองวิชานี้ก็ได้กลายเป็นศิลปะการต่อสู้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของประเทศจีนที่โด่งดังและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกด้วย
ไท้เก๊กเน้นการกำหนดลมหายใจ และการออกท่วงท่าที่ช้าและนุ่มนวล แตกต่างจากศิลปะป้องกันตัวอื่นที่เน้นความว่องไว
ไท้เก๊กในปัจจุบันจึงคล้ายการบริหารดูแลสุขภาพ ไท้เก๊กยังช่วยป้องกันและรักษาโรคต่างๆ
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.yodyut.com/topic.php?topic=6139
http://www.manager.co.th/asp-bin/ViewNews.aspx?NewsID=9590000028440
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000154011
http://www.clipmass.com/story/92660
http://board.postjung.com/784919.html
http://static.you2play.com/2013/assets/uploads/movie/images/original/28365_tcz_5.jpg
...........................................................
แล้วหลักการใดดีกว่ากัน? หนักแน่น แข็งแกร่ง หรือสงบสยบเคลื่อนไหว ?
ไม่สามารถเปรียบเทียบเพื่อหาสิ่งที่ดีกว่ากันได้ เพราะสิ่งสำคัญคือ การเข้าใจในแก่นนั้น และนำมาประยุกต์ใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา
บางครั้งความอ่อนโยนย่อมชนะความแข็งกร้าว แต่บางคราจำต้องหนักแน่น ดุดัน เด็ดขาด
เพลงหมัดมวยไม่ว่าจะเส้าหลินและบู๊ตึ๊งนั้น วัตถุประสงค์สำคัญคือ ฝึกเพื่อสุขภาพ
เมื่อเชี่ยวชาญก็ใช้ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ให้ใช้ไปทำร้ายผู้อื่น
Kung Fu Fighting Cee Lo Green & Jack Black
https://www.youtube.com/watch?v=5I2MHj1iDIU