Heloooooo~
ครั้งนี้คือครั้งที่ 3 สำหรับการ Review สถานที่ท่องเที่ยวของเรา ครั้งนี้ขอไปทัวร์แดนอีสานบ้างเด้อจ้าาา
มาแนะนำตัวกันก่อน สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักเรา เราแพร.
และผู้ร่วมเดินทางกับเราในครั้งนี้คือ พี่แจง.
ในตอนแรกเราตกลงกันว่า เราจะไปวังเวียงกัน พอดีกับเจอตั๋วโปรของAirAsia ราคาถูกไปลงอุดรก็เลยจองตั๋ว แต่...เราพึ่งมาหาข้อมูลก่อนการเดินทาง3วันและพบว่า ถ้าจะไปต้องมี Passport และไหนPassport?? โปรแกรมการเดินทางครั้งนี้จึงโดนเปลี่ยนแปลงกระทันหันโดยไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า แต่โปรแกรมนั่งรถไฟไปลงอุบลยังคงเดิม ที่เหลือตายเอาดาบหน้าโล๊ดดดด
คืนวันที่ 22 เรานัดเจอกันที่หัวลำโพงรอจะขึ้นรถไฟรอบ 2 ทุ่มครึ่ง เพื่อมุ่งหน้าสู่อุบลราชธานีกันจ้าา
หลังจากได้ตั๋วเสร็จ ก็รีบไปขึ้นรถไฟกันเถอะพวกเรา!!
เราเป็นคนไม่เคยขึ้นรถไฟ เราค่อนข้างมีความคิดติดลบกับรถไฟแต่ในใจก็อยากนั่งแต่ไม่เคยคิดจะนั่งไกลขนาดนี้ พอได้ขึ้นมาในใจคิดเลยว่าอื้อหือ แพรไม่โอเค..... แต่พอได้นั่งไปซักพักก็มารู้สึกว่าจิงๆมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ แต่ที่ไม่โอเคคือคนเมาบนรถไฟ พระเจ้าาาา!!! และซักพักคนคุมรถไฟก็มาไล่ลงไป~
และรถไฟก็ออกเดินทาง ฉึกฉักๆ ปู๊นๆ
ด้วยความที่เบาะนั่งสบาย ด้วยความที่ลมโกรกหน้า ด้วยความที่เที่ยงคืนแล้วก็รู้สึกง่วง ตาก็เริ่มจะปิด แต่!!! แพรจะหลับไม่ได้ แพรห้ามหลับ รถไฟมีข่าวโดนข่มขืน แล้วในใจก็รู้สึกไม่โอเคอีกครั้ง ก็ถ่างตานั่งต่อไป zzzZZ
เช้าวันที่ 23
เห๊ย!! ที่นี่ที่ไหน ใช่ที่รักรึป่าว? เห๊ย!!! ไม่ใช่ ที่นี่ที่ไหนนนนน
จะหันไปถามพี่แจงก็เจอสภาพเงี้ย..5555
ก็เลยเอาหัวออกไปนอกหน้าต่าง หาป้ายที่พอจะบอกเราได้ว่าตอนนี้เราอยู่ไหนกันแล้ว และจัดการเซิดอากู๋ดู อ๋อออออ ใกล้แล้วเว้ยยยยย
และในที่สุด!! แท้แด่ๆ อุบลของฉัน ฉันมาถึงแล้วเว้ยแกรรร แถมปลอดภัยดีด้วย
เรามาถึงสถานนีอุบลเวลาประมาณ 7 โมงครึ่ง และหลังจากนี้แหละคือความมั่วล้วนๆ555 เซิดอากู๋ได้ใจความว่า เราต้องไปร้านเช่ามอไซด์ตรงวัดแจ้ง แล้ววัดแจ้งอยู่ไหนวะแกรรร 5555
ซักพักมีลุงมาถามว่า ไปไหนๆกันสาว เราก็เลยถามกันว่าวัดแจ้งเดินไปทางไหนคะ?
ลุง : ไกลๆ เดินไปไม่ได้ ต้องไปสามล้อนี่แหละ เดี๋ยวไปส่งๆ
เรา : เท่าไหร่ลุง
ลุง : 100
เรา : 80 ละกัน
ลุง : อะ ไปๆ เดี๋ยวให้หลานไปส่ง พร้อมชี้ไปที่หลาน
เราก็หันไปที่หลาน ซึ่งน่าจะอายุประมาณไม่เกิน20 แล้วหลานลุงก็ทำหน้างงๆๆ ฟังลุงอธิบายเส้นทาง ซึ่ีงเราก็ว่าจะอธิบายทำไมวะ ก็บ้านอยู่นี่ไม่ใช่หรอ555 อะไปปป~
แล้วน้องก็พาไปพอเข้าไปเขตตลาด น้องก็หันมาถามว่า ไปทางไหนต่ออะพี่? เอ๊าาาาาาาาาาา555 คือน้องคนที่นี่ไม่ใช่หรอ วัดแจ้งอยู่ไหนหล่ะลูก? แล้วน้องก็บอกว่า ไม่รู้อะผมไม่ใช่คนที่นี่ นี่ผมปิดเทิม พ่อเลยให้มาอยู่นี่ เอ๊าาาาาาาาา! นี่ฝึกงานขับตุ๊กๆหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม โธ่ววววววว เลยต้องพึ่งพี่Map ให้พี่Mapนำทาง --* และก็วนรอบๆโซนนั้นอยู่ประมาณ 10 นาที และแล้วก็เจออ
แต่..เรามาเช้าไป ร้านยังไม่เปิดจ้าาา ก็กินข้าวแกงร้านข้างๆรอ ราคาถูกแถมอร่อย เจ้าของร้านเป็นลุงกะป้าใจดีด้วยย
และหลังจากที่นั่งรอไปซักพัก พี่เจ้าของร้านก้มาและตกลงราคาค่าเช่าอยู่ที่ 250บาท ได้หมวกพร้อมแล้วก็ ออกแว๊นโล๊ดดด~
สถานที่แรกที่คิดว่าจะพุ่งไปก็คือออ ผาแต้ม จ๊าาาาา ไปจ๊าาาาา
ก็ขี่หลงเมือง ชมวิว ดูโน่นนี่นั่น ไปซักพักใหญ่ๆ อยู่ๆตำรวจก็โบก จอดๆๆๆ เราก็ขี่เข้าด่านไปอย่างใจเย็นเพราะรู้ว่าไม่โดนอยู่แล้วฉันใส่หมวกจ่ะ แต่ปล่าวเลย เค้าขอใบขับขี่ แล้วพี่แจงก็ให้ใบขับขี่รถยนต์ไป เค้าบอกไม่ๆ ใบขับขี่มไซด์ เอิ่มมมม... แล้วใบสั่งก็มาอยู่ในมือบวกกับน้ำตาแห่งความปลื้มใจ อี

ดดดดดดดดดดดดดดด!!!! 200บาทไทยกับค่าผ่านทาง เป็นการเปิดการท่องเที่ยวที่สวยงามมากจิมๆ
หลังจากที่จ่ายค่าผ่านทางจนสบายใจแล้วก็ออกเดินทางได้
ระหว่างทางไปผาแต้ม ก็ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำมูล ตรง อ.พิบูลมังสาหาร ก็แวะถ่ายรูปซะหน่อย
อะ ไปต่อกันเถอะะะ ตลอดทางที่ขับกันมา ฝนก็ตกเป็นระยะๆตลอดทาง แถมเจอด่านอีกด้วยแต่มีใบผ่านทางละ โอเครอด 555
ขับกันมาซักพักเราก็มาเจอเขื่อนปากมูล ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมที่ต้องแวะถ่ายรูปอีกครั้ง555
อะ ไปต่อได้ จะถึงมั้ยเนี่ยผาแต้มอะ5555
ขับกันมาซักพัก ก็มาเจอป้ายบอกทางไปแก่งตะนะ แก่งตะนะคือไรพี่แจง เอาไงดี ไปมั้ย และคำตอบที่ได้คือ ไปเซ้!!!
และแล้วก็มาถึงง ฮาโหลลล แก่งตะนะ (อันนี้เสียค่าเข้านะคนละ40บาทมั้ง ถ้าจำไม่ผิด)
และที่นี่ก็จะมีสะพานแขวนข้ามแม่น้ำที่ยาวที่สุดในอีสานอีกด้วย
อะ ไปกันต่อเถอะ เดี๋ยวจะมึดค่ำกันซะก่อนถึงผาแต้ม Go Gooo
ขับมาเรื่อยๆ เอาอีกละ เจอป้ายที่เที่ยวน่าแวะอีกละ555 และเราก็ต้องแวะจ้าา
หลังจากไหว้พรขอพรเสร็จเรียบร้อย แพรว่า.... เราควรไปผาแต้มกันได้แล้วแหละนะพี่แจง555 ไปกันเถิดดดด
และระหว่างทางไปผาแต้ม ฟ้าก็ครึ้มอีกแล้วครับท่าน แต่ถนนร่มรื่นมากๆและก็เงียบมากๆเช่นกันอาจจะเป็นเพราะไม่ใช่ฤดูกาลของการท่องเที่ยวหรือไม่ก็เพราะไม่ใช่เสาร์-อาทิตย์ แต่ก็ดีนะไม่ต้องแย่งกันเที่ยวแย่งกันกิน
และในที่สุด เราก็มาถึงผาแต้มจนได้ เย้ๆๆๆ (เสียค่าเข้ารวมค่ารถไป100บาท)
มาถึงที่นี่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย ฝนก็ตกลงมาหนักมากๆ เลยได้เวลาหาอะไรกิน และสิ่งที่มีบนนั้นก็คือมาม่าค้างปีแสนหืน กับชาเขียวรสชาติกลางๆ แต่บรรยากาศและวิวรอบข้างไม่ต้องพูดถึง สวยงามมมมม
ตอนแรกเรากับพี่แจงกะไว้ว่าจะมานอนกางเต็นกันบนผาแต้มเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นบนนี้ แต่พอถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแล เค้าบอกว่าช่วงนี้ฤดูฝนไม่มีใครมากางเต็นกันหรอกแล้วก็ไม่มีเต็นให้เช่า ต้องเตรียมมากันเอง เลือกจุดกางเองตามที่มีเขียนว่าจุดกางเต็น แต่เรากับพี่แจงดูแล้วว่า ไม่น่ารอด555 เลยคิดว่า ไปหาที่พักเอาที่อื่นดีกว่า บนนี้แค่ขอถ่ายรูปก็พอ ผ่านไปซักประมาณชั่วโมงนึง ฝนก็ซาลง ออกไปถ่ายรูปได้จ้าาาาา
หลังจากฝนตกอย่างกระหน่ำก็มีหมอกจางๆ
ฝนหยุดแล้ว จะมึดแล้ว ข้างทางไม่มีไฟ เราต้องรีบไปหาที่นอนกันแล้ว ไปๆๆๆๆ
เรากับพี่แจงสรุปกันว่า เราต้องกลับไปแถววัดคูหาสวรรค์ที่เราผ่านมา เพื่อที่จะไปนอนริมแม่น้ำ2สีกัน รีบไปกันเถอะะ
และเราก้็แว๊นกันมาถึง และเราก็เสาะแสวงหาที่พักกันจนได้ในราคา 500 บาท เดินไปไม่ถึง10ก้าวก็เจอกับวิวแม่น้ำแล้ว เป็นที่พักของลุงกับป้า แถมใจดีด้วย
คืนนี้คงต้องนอนแล้ว หมดแรงกันมามากพอแล้วzzZ
เช้าวันที่ 24
ฮาโหย๋ววววว Good Morning
นี่คือที่พักของเราที่เมื่อคืนถ่ายไม่เห็น สีสันจี๊ดจ๊าด
2 สาวคู่ใจไปไหนไปกัน!!