'พร้อมเพย์' เขย่าวงการแบงก์พร้อมเปิดศึก..งัดโปรฯ ชิงฐานลูกค้า
มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ขณะนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบการทำธุรกรรมการเงินโอนและรับเงินแบบเดิมที่ใช้เลขบัญชีธนาคาร ไปเป็นระบบการโอนเงินและรับเงินรูปแบบใหม่ ที่สามารถใช้หมายเลขบัตรประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์มือถือโอนเงินและรับเงินได้ ซึ่งจะสะดวกสบายมากขึ้น เนื่องจากทั้งสองหมายเลขดังกล่าวเป็นหมายเลขที่แต่ละคนคุ้นเคยและใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
โดยระบบดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ที่เรียกชื่อระบบนี้ว่า "พร้อมเพย์" หรือ "PromPay" เพื่อให้เกิดความสะดวกทั้งรัฐโอนเงินสวัสดิการให้ประชาชน และโอนเงินระหว่างบุคคล ซึ่งพร้อมเพย์เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีเพย์เมนต์) ที่ต้องการลดการใช้เงินสดลง เพราะมีต้นทุนในการบริหารจัดการสูง ตั้งแต่กระบวนการพิมพ์ การดูแลและจัดเก็บ การแจกจ่าย จนกระทั่งการทำลาย
เริ่มให้บริการ 31ต.ค.
ย้ำกันอีกรอบ สำหรับผู้ใช้บริการพร้อมเพย์ จะต้องมีการลงทะเบียนเพื่อผูกหมายเลขบัตรประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์มือถือเข้ากับบัญชีธนาคารที่จะใช้โอนเงินหรือรับเงิน โดยสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อลงทะเบียน ได้แก่ 1.หมายเลขบัญชีธนาคารที่จะใช้โอนเงินหรือรับเงิน จะเป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันก็ได้ 2.หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และ 3.หมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งให้ผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของได้ 3 หมายเลข เมื่อผูกหมายเลขทั้งสองกับบัญชีธนาคารใดบัญชีหนึ่งแล้ว จะไม่สามารถนำหมายเลขทั้งสองไปผูกซ้ำกับบัญชีธนาคารอื่นได้อีก
ดังนั้น 1 บัญชีเงินฝาก จะสามารถผูกได้กับ 1 หมายเลขบัตรประชาชน และ 3 หมายเลขโทรศัพท์ ต่อไปหากไปกินก๋วยเตี๋ยวราคา 40 บาท แต่ไม่มีเงินสด เพียงแค่หยิบโทรศัพท์มือถือที่มีโมบาย แบงกิ้งหรือเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ก็สามารถโอนเงินให้กับแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวได้ เพียงแค่ใช้หมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ทั้งยังสามารถใช้ได้กับการโอนเงินให้พ่อแม่ เพื่อน หรือโอนเงินจ่ายค่าแท็กซี่ก็ได้ โดยพร้อมเพย์จะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมนี้ ด้วยการโอนเงินระหว่างบุคคลก่อน ส่วนบริการอื่นๆ เช่น การจ่ายค่าสาธารณูปโภค ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ บัตรเครดิต จะเริ่มใช้ช่วงเดือนธันวาคม 2559
ค่าธรรมเนียมบริการถูกลง
ในอนาคตเมื่อลูกค้าทำธุรกรรมได้เอง ธนาคารลดต้นทุนในการบริหารจัดการสาขาได้ สิ่งที่ตามมา คือ ค่าธรรมเนียมที่ถูกลงอย่างมาก โดยค่าธรรมเนียมพร้อมเพย์ผ่านอีเพย์เมนต์ จะคิดค่าธรรมเนียมตามจำนวนเงินเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินธนาคารเดียวกันหรือต่างธนาคาร และโอนในเขตจังหวัดหรือโอนไปต่างจังหวัด โดยวงเงินไม่เกิน 5,000 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียมทุกรายการ ขณะที่วงเงิน 5,000-30,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 2 บาทต่อรายการ วงเงิน 30,000-100,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 5 บาทต่อรายการ และวงเงินมากกว่า 100,000 บาทขึ้นไป คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาทต่อรายการ ส่วนการใช้บริการพร้อมเพย์ผ่านสาขาจะยังมีค่าธรรมเนียมตามปกติ เนื่องจากการดำเนินงานสาขาธนาคารมีต้นทุนบริหารจัดการสูง
จากการสอบถามไปยังธนาคารต่างๆ ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการลงทะเบียนพร้อมเพย์แล้ว โดยมีการเตรียม ความพร้อมทั้งช่องทางสาขาธนาคาร เอทีเอ็ม โมบายแบงกิ้ง และอินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง ซึ่งแต่ละธนาคารจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ล่วงหน้า หรือพรีรีจิสเตอร์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป และเปิดลงทะเบียนได้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 15 กรกฎาคมเป็นต้นไป ไม่มีกำหนดระยะเวลา และผู้ลงทะเบียนสามารถยกเลิกและปรับเปลี่ยนการผูกหมายเลขบัตรประชาชนและโทรศัพท์กับบัญชีธนาคารใดก็ได้ตามต้องการ
แบงก์พร้อมชิงฐานลูกค้า
จากข้อมูล ธปท. เดือนเมษายน 2559 พบว่า รวมทุกธนาคารมีบัญชีเงินรับฝากทั้งสิ้น 88,030,993 บัญชี ซึ่งแต่ละธนาคารต่างเตรียมการประชาสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้า และเตรียมโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า อีกนัยหนึ่งอาจเปรียบได้ว่า ทุกธนาคารต่างเตรียมความพร้อมเปิดศึกชิงเค้กส่วนแบ่งลูกค้าระลอกใหม่ ยิ่งมีฐานลูกค้าที่มาผูกบัญชีกับธนาคารจำนวนมากเท่าไร ก็เท่ากับว่ามีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น สามารถจะเสนอขายผลิตภัณฑ์อื่นให้กับฐานลูกค้าเหล่านี้ได้ ซึ่งจะนำมาซึ่งรายได้และกำไรของธนาคารในอนาคต
เชื่อว่ากลุ่มเป้าหมายแรกของแต่ละธนาคารในการลงทะเบียน คือ กลุ่มลูกค้าของธนาคารที่มีการใช้บัญชีธนาคารเป็นหลัก และกลุ่มลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีเงินฝากของธนาคาร ซึ่งแต่ละธนาคารก็มีฐานลูกค้าแตกต่างกันไป อย่าง ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก จะเน้นกลุ่มลูกค้าเก่า โดยได้เริ่มเปิดให้ลูกค้ามาลงทะเบียนแบบออฟไลน์เพื่อผู้บัญชีแล้ว และในวันที่ 1 กรกฎาคมข้อมูลที่ลงทะเบียนก็จะเข้าระบบทันที ทั้งนี้ยังเตรียมช่องทางการลงทะเบียน โดยขณะนี้บนตู้เอทีเอ็มมีตัวเลือกพร้อมเพย์ให้สามารถลงทะเบียนได้ ซึ่งจะเปิดระบบในวันที่ 1 กรกรฎาคมเป็นต้นไป
ทุกธนาคารเตรียมลงทะเบียน
ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย เตรียมความพร้อมลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆ และภายในเว็บไซต์ของธนาคารมีข้อมูลและวิธีการลงทะเบียนพร้อมรูปภาพประกอบทุกช่องทางการลงทะเบียน พร้อมลงทะเบียนตั้งแต่ 1 กรกฎาคม คาดว่าจะสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่ามาลงทะเบียนปีนี้อย่างน้อย 5 ล้านบัญชี และคาดว่าจะสามารถรักษาฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านบัญชีไว้ได้โดยฐานลูกค้าหลัก คือ กลุ่มพนักงานของรัฐจำนวนมาก และลูกค้าสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ปัจจุบันสามารถใช้บริการสหกรณ์ผ่านระบบตู้เอทีเอ็มของกรุงไทยตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นอีกกลุ่มฐานลูกค้าหนึ่ง และมีส่วนแบ่งจากการลงทะเบียนคนจนเพื่อรับสวัสดิการจากภาครัฐด้วย ซึ่งจะมีการลงทะเบียนในช่วง 15 กรกฎาคม-15 สิงหาคมนี้ ซึ่งกรุงไทย รวมทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จะแบ่งฐานลูกค้ากลุ่มนี้ไป
ธนาคารทหารไทย มีการเตรียมความพร้อมการลงทะเบียนและประชาสัมพันธ์ข้อมูล โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนการใช้งานล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ได้ 4 ช่องทาง คือ ทีเอ็มบี ทัช โมบายแบงก์กิ้ง, ทีเอ็มบี อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง, ตู้เอทีเอ็มหรือเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติของทีเอ็มบี และเอสเอ็มเอส หมายเลข 08-1558-1558 คาดว่าช่วงพรีรีจิสเตอร์จะมียอดลูกค้ามาลงทะเบียนไม่ต่ำกว่าแสนบัญชี
ส่วน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเช่นกัน มีแผนจะโปรโมตและสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้ามีความเข้าใจในการบริการ ทั้งนี้จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นฐานลูกค้าเก่าเป็นหลัก ตั้งเป้าหมายที่จะมีลูกค้ามาลงทะเบียนราว 2 ล้านบัญชี คาดว่าจะให้สิทธิประโยชน์กับลูกค้าด้านค่าธรรมเนียมและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ด้วย รวมทั้งอาจจะมีสัดส่วนจากลูกค้าที่เข้ามาเปิดบัญชีใหม่ส่วนหนึ่ง ซึ่งแต่ละปีอยู่ที่ราว 8-9 แสนบัญชี
ส่วนธนาคารต่างชาติอย่าง ซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่าปีนี้จะมีการลงทะเบียนลูกค้าราว 20% ของฐานลูกค้าที่มีอยู่ จะเปิด พรีรีจิสเตอร์ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ผ่านช่องทางคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย หมายเลข 0-2626-7777 กด 01 และตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม เปิดลงทะเบียนผ่านทั้งช่องทางสาขาคอลเซ็นเตอร์และอินเตอร์เน็ตแบงกิ้งของธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารมีฐานลูกค้าภายใต้บีท แบงกิ้ง ซึ่งมีลูกค้าจากทั้งสามเครือข่ายโทรศัพท์ คาดว่าจะสามารถดึงมาเป็นลูกค้าได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ลูกค้าใหม่สามารถมาเปิดบัญชีได้ผ่านช่องทางสาขาพร้อมกับลงทะเบียนได้ทันที
ขณะที่ธนาคารอื่นๆ ทั้งธนาคาร กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ธนชาติ เป็นต้น ต่างก็มีความพร้อมอย่างเต็มที่เช่นกัน ช่วงเวลาที่เหลือต่อจากนี้ต้องติดตามกันว่าแต่ละธนาคารจะปล่อยหมัดเด็ดออกมาอย่างไร เพื่อดึงลูกค้าให้มาลงทะเบียนและผูกบัญชี แต่ที่สำคัญต้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลและสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้ามีความเข้าใจอย่างแท้จริง เพื่อให้พร้อมเพย์เกิดประโยชน์มากที่สุด
หากแบงก์ไหนไม่ขยับตัวให้ทันกระแสโลกดิจิตอล บริการไม่ถูกใจเมื่อไร ลูกค้าก็พร้อมเพย์กับธนาคารใหม่ได้ตลอดเวลา
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559 (หน้า 6)
'พร้อมเพย์' เขย่าวงการแบงก์พร้อมเปิดศึก..งัดโปรฯ ชิงฐานลูกค้า
'พร้อมเพย์' เขย่าวงการแบงก์พร้อมเปิดศึก..งัดโปรฯ ชิงฐานลูกค้า
มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ขณะนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบการทำธุรกรรมการเงินโอนและรับเงินแบบเดิมที่ใช้เลขบัญชีธนาคาร ไปเป็นระบบการโอนเงินและรับเงินรูปแบบใหม่ ที่สามารถใช้หมายเลขบัตรประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์มือถือโอนเงินและรับเงินได้ ซึ่งจะสะดวกสบายมากขึ้น เนื่องจากทั้งสองหมายเลขดังกล่าวเป็นหมายเลขที่แต่ละคนคุ้นเคยและใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
โดยระบบดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ที่เรียกชื่อระบบนี้ว่า "พร้อมเพย์" หรือ "PromPay" เพื่อให้เกิดความสะดวกทั้งรัฐโอนเงินสวัสดิการให้ประชาชน และโอนเงินระหว่างบุคคล ซึ่งพร้อมเพย์เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีเพย์เมนต์) ที่ต้องการลดการใช้เงินสดลง เพราะมีต้นทุนในการบริหารจัดการสูง ตั้งแต่กระบวนการพิมพ์ การดูแลและจัดเก็บ การแจกจ่าย จนกระทั่งการทำลาย
เริ่มให้บริการ 31ต.ค.
ย้ำกันอีกรอบ สำหรับผู้ใช้บริการพร้อมเพย์ จะต้องมีการลงทะเบียนเพื่อผูกหมายเลขบัตรประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์มือถือเข้ากับบัญชีธนาคารที่จะใช้โอนเงินหรือรับเงิน โดยสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อลงทะเบียน ได้แก่ 1.หมายเลขบัญชีธนาคารที่จะใช้โอนเงินหรือรับเงิน จะเป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันก็ได้ 2.หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และ 3.หมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งให้ผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของได้ 3 หมายเลข เมื่อผูกหมายเลขทั้งสองกับบัญชีธนาคารใดบัญชีหนึ่งแล้ว จะไม่สามารถนำหมายเลขทั้งสองไปผูกซ้ำกับบัญชีธนาคารอื่นได้อีก
ดังนั้น 1 บัญชีเงินฝาก จะสามารถผูกได้กับ 1 หมายเลขบัตรประชาชน และ 3 หมายเลขโทรศัพท์ ต่อไปหากไปกินก๋วยเตี๋ยวราคา 40 บาท แต่ไม่มีเงินสด เพียงแค่หยิบโทรศัพท์มือถือที่มีโมบาย แบงกิ้งหรือเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ก็สามารถโอนเงินให้กับแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวได้ เพียงแค่ใช้หมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ทั้งยังสามารถใช้ได้กับการโอนเงินให้พ่อแม่ เพื่อน หรือโอนเงินจ่ายค่าแท็กซี่ก็ได้ โดยพร้อมเพย์จะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมนี้ ด้วยการโอนเงินระหว่างบุคคลก่อน ส่วนบริการอื่นๆ เช่น การจ่ายค่าสาธารณูปโภค ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ บัตรเครดิต จะเริ่มใช้ช่วงเดือนธันวาคม 2559
ค่าธรรมเนียมบริการถูกลง
ในอนาคตเมื่อลูกค้าทำธุรกรรมได้เอง ธนาคารลดต้นทุนในการบริหารจัดการสาขาได้ สิ่งที่ตามมา คือ ค่าธรรมเนียมที่ถูกลงอย่างมาก โดยค่าธรรมเนียมพร้อมเพย์ผ่านอีเพย์เมนต์ จะคิดค่าธรรมเนียมตามจำนวนเงินเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินธนาคารเดียวกันหรือต่างธนาคาร และโอนในเขตจังหวัดหรือโอนไปต่างจังหวัด โดยวงเงินไม่เกิน 5,000 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียมทุกรายการ ขณะที่วงเงิน 5,000-30,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 2 บาทต่อรายการ วงเงิน 30,000-100,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 5 บาทต่อรายการ และวงเงินมากกว่า 100,000 บาทขึ้นไป คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาทต่อรายการ ส่วนการใช้บริการพร้อมเพย์ผ่านสาขาจะยังมีค่าธรรมเนียมตามปกติ เนื่องจากการดำเนินงานสาขาธนาคารมีต้นทุนบริหารจัดการสูง
จากการสอบถามไปยังธนาคารต่างๆ ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการลงทะเบียนพร้อมเพย์แล้ว โดยมีการเตรียม ความพร้อมทั้งช่องทางสาขาธนาคาร เอทีเอ็ม โมบายแบงกิ้ง และอินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง ซึ่งแต่ละธนาคารจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ล่วงหน้า หรือพรีรีจิสเตอร์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป และเปิดลงทะเบียนได้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 15 กรกฎาคมเป็นต้นไป ไม่มีกำหนดระยะเวลา และผู้ลงทะเบียนสามารถยกเลิกและปรับเปลี่ยนการผูกหมายเลขบัตรประชาชนและโทรศัพท์กับบัญชีธนาคารใดก็ได้ตามต้องการ
แบงก์พร้อมชิงฐานลูกค้า
จากข้อมูล ธปท. เดือนเมษายน 2559 พบว่า รวมทุกธนาคารมีบัญชีเงินรับฝากทั้งสิ้น 88,030,993 บัญชี ซึ่งแต่ละธนาคารต่างเตรียมการประชาสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้า และเตรียมโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า อีกนัยหนึ่งอาจเปรียบได้ว่า ทุกธนาคารต่างเตรียมความพร้อมเปิดศึกชิงเค้กส่วนแบ่งลูกค้าระลอกใหม่ ยิ่งมีฐานลูกค้าที่มาผูกบัญชีกับธนาคารจำนวนมากเท่าไร ก็เท่ากับว่ามีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น สามารถจะเสนอขายผลิตภัณฑ์อื่นให้กับฐานลูกค้าเหล่านี้ได้ ซึ่งจะนำมาซึ่งรายได้และกำไรของธนาคารในอนาคต
เชื่อว่ากลุ่มเป้าหมายแรกของแต่ละธนาคารในการลงทะเบียน คือ กลุ่มลูกค้าของธนาคารที่มีการใช้บัญชีธนาคารเป็นหลัก และกลุ่มลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีเงินฝากของธนาคาร ซึ่งแต่ละธนาคารก็มีฐานลูกค้าแตกต่างกันไป อย่าง ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก จะเน้นกลุ่มลูกค้าเก่า โดยได้เริ่มเปิดให้ลูกค้ามาลงทะเบียนแบบออฟไลน์เพื่อผู้บัญชีแล้ว และในวันที่ 1 กรกฎาคมข้อมูลที่ลงทะเบียนก็จะเข้าระบบทันที ทั้งนี้ยังเตรียมช่องทางการลงทะเบียน โดยขณะนี้บนตู้เอทีเอ็มมีตัวเลือกพร้อมเพย์ให้สามารถลงทะเบียนได้ ซึ่งจะเปิดระบบในวันที่ 1 กรกรฎาคมเป็นต้นไป
ทุกธนาคารเตรียมลงทะเบียน
ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย เตรียมความพร้อมลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆ และภายในเว็บไซต์ของธนาคารมีข้อมูลและวิธีการลงทะเบียนพร้อมรูปภาพประกอบทุกช่องทางการลงทะเบียน พร้อมลงทะเบียนตั้งแต่ 1 กรกฎาคม คาดว่าจะสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่ามาลงทะเบียนปีนี้อย่างน้อย 5 ล้านบัญชี และคาดว่าจะสามารถรักษาฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านบัญชีไว้ได้โดยฐานลูกค้าหลัก คือ กลุ่มพนักงานของรัฐจำนวนมาก และลูกค้าสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ปัจจุบันสามารถใช้บริการสหกรณ์ผ่านระบบตู้เอทีเอ็มของกรุงไทยตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นอีกกลุ่มฐานลูกค้าหนึ่ง และมีส่วนแบ่งจากการลงทะเบียนคนจนเพื่อรับสวัสดิการจากภาครัฐด้วย ซึ่งจะมีการลงทะเบียนในช่วง 15 กรกฎาคม-15 สิงหาคมนี้ ซึ่งกรุงไทย รวมทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จะแบ่งฐานลูกค้ากลุ่มนี้ไป
ธนาคารทหารไทย มีการเตรียมความพร้อมการลงทะเบียนและประชาสัมพันธ์ข้อมูล โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนการใช้งานล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ได้ 4 ช่องทาง คือ ทีเอ็มบี ทัช โมบายแบงก์กิ้ง, ทีเอ็มบี อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง, ตู้เอทีเอ็มหรือเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติของทีเอ็มบี และเอสเอ็มเอส หมายเลข 08-1558-1558 คาดว่าช่วงพรีรีจิสเตอร์จะมียอดลูกค้ามาลงทะเบียนไม่ต่ำกว่าแสนบัญชี
ส่วน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเช่นกัน มีแผนจะโปรโมตและสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้ามีความเข้าใจในการบริการ ทั้งนี้จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นฐานลูกค้าเก่าเป็นหลัก ตั้งเป้าหมายที่จะมีลูกค้ามาลงทะเบียนราว 2 ล้านบัญชี คาดว่าจะให้สิทธิประโยชน์กับลูกค้าด้านค่าธรรมเนียมและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ด้วย รวมทั้งอาจจะมีสัดส่วนจากลูกค้าที่เข้ามาเปิดบัญชีใหม่ส่วนหนึ่ง ซึ่งแต่ละปีอยู่ที่ราว 8-9 แสนบัญชี
ส่วนธนาคารต่างชาติอย่าง ซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่าปีนี้จะมีการลงทะเบียนลูกค้าราว 20% ของฐานลูกค้าที่มีอยู่ จะเปิด พรีรีจิสเตอร์ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ผ่านช่องทางคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย หมายเลข 0-2626-7777 กด 01 และตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม เปิดลงทะเบียนผ่านทั้งช่องทางสาขาคอลเซ็นเตอร์และอินเตอร์เน็ตแบงกิ้งของธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารมีฐานลูกค้าภายใต้บีท แบงกิ้ง ซึ่งมีลูกค้าจากทั้งสามเครือข่ายโทรศัพท์ คาดว่าจะสามารถดึงมาเป็นลูกค้าได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ลูกค้าใหม่สามารถมาเปิดบัญชีได้ผ่านช่องทางสาขาพร้อมกับลงทะเบียนได้ทันที
ขณะที่ธนาคารอื่นๆ ทั้งธนาคาร กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ธนชาติ เป็นต้น ต่างก็มีความพร้อมอย่างเต็มที่เช่นกัน ช่วงเวลาที่เหลือต่อจากนี้ต้องติดตามกันว่าแต่ละธนาคารจะปล่อยหมัดเด็ดออกมาอย่างไร เพื่อดึงลูกค้าให้มาลงทะเบียนและผูกบัญชี แต่ที่สำคัญต้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลและสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้ามีความเข้าใจอย่างแท้จริง เพื่อให้พร้อมเพย์เกิดประโยชน์มากที่สุด
หากแบงก์ไหนไม่ขยับตัวให้ทันกระแสโลกดิจิตอล บริการไม่ถูกใจเมื่อไร ลูกค้าก็พร้อมเพย์กับธนาคารใหม่ได้ตลอดเวลา
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559 (หน้า 6)