วันนี้เห็นดร่ามาเรื่องนี้ผ่านตา บวกกับว่างๆเลยเข้าไปอ่าน ส่วนตัวผมก็คิดว่าการที่สาวๆคอมเม้นน้าแมนก็ออกจะมากไปหน่อยนั้นเหละครับ แต่พอมามองในรายละเอียดอีกทีก็เอ๊ะใจในเรื่องของตัวเลขของคนที่ปิดกับเปิดไฟ มี 29 คน ที่ปิดไฟเหลือ 1 คน เปิดไฟใช้ไหมครับ ถ้าคำนวนเป็นเปอร์เซนดู 1ใน30 นั้นเท่ากับ 3% ของกลุ่มตัวอย่างเองนะครับ (ถึงกลุ่มตัวอย่างมันจะน้อยแต่นี้ก็ไม่ใช้ตัวเลขที่น่ามองข้ามเลยใช้ไหมครับ?) ก็เลยสงสัยนะครับว่าถ้าเราไปอยู่ในสถานการณ์นั้นจริงๆ เราจะอยู่ใน 3% นั้นได้จริงหรือป่าว? เพราะสิ่งเร่าที่เราได้รับหลังรายการออกอากาศกับสิ่งเร่าภายในรายการที่สาวๆได้รับมันก็ไม่เหมือนกันใช้ไหมครับ?
ข้อสังเกตุบวกสงสัยอีกอย่างก็คือ ผมคิดว่าดราม่านี้อาจจะไม่เกิดเลยถ้าน้าแมนแกไม่รวย สังเกตุได้จากปฏิกิริยาของคนส่วนมากหลังจากประกาศว่างานอดิเรกแกคือขับเครื่องบิน ก็ร้องเสียดายกันทั้งห้องส่งแถมประเด็นที่เอามาชูต่อว่าสาวๆที่ปิดไฟก็เกิดหลังจากได้รับข้อมูลเรื่องนี้ อันนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่สะทอนถึงค่านิยมลึกๆในสังคมที่นิยมคู่ครองกับฐานะทางการเงินที่ดี มากกว่าคู่ครองกับสิ่งที่เขาเป็นจริงๆได้ด้วยหรือป่าวครับ?
ปล.ส่วนตัวผมปกติไม่ดูรายนี้อยู่แล้วเพราะคิดว่ามัน ฉาบฉวย ในตัวมันเองอยู่แล้วและคิดว่าการตัดสินคนจาก First impression ก็เป็นจุดอ่อนของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร แต่ในเรื่องปฏิกิริยาหลังจาก First impression นั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง
คุณคิดว่าตัวเองจะไม่อยู่ใน 29 คนที่ปิดไฟจริงๆหรออครับ? ดราม่า น้าแมน Take me out.
ข้อสังเกตุบวกสงสัยอีกอย่างก็คือ ผมคิดว่าดราม่านี้อาจจะไม่เกิดเลยถ้าน้าแมนแกไม่รวย สังเกตุได้จากปฏิกิริยาของคนส่วนมากหลังจากประกาศว่างานอดิเรกแกคือขับเครื่องบิน ก็ร้องเสียดายกันทั้งห้องส่งแถมประเด็นที่เอามาชูต่อว่าสาวๆที่ปิดไฟก็เกิดหลังจากได้รับข้อมูลเรื่องนี้ อันนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่สะทอนถึงค่านิยมลึกๆในสังคมที่นิยมคู่ครองกับฐานะทางการเงินที่ดี มากกว่าคู่ครองกับสิ่งที่เขาเป็นจริงๆได้ด้วยหรือป่าวครับ?
ปล.ส่วนตัวผมปกติไม่ดูรายนี้อยู่แล้วเพราะคิดว่ามัน ฉาบฉวย ในตัวมันเองอยู่แล้วและคิดว่าการตัดสินคนจาก First impression ก็เป็นจุดอ่อนของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร แต่ในเรื่องปฏิกิริยาหลังจาก First impression นั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง