สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เขียนอย่างจริงจังครั้งแรก ก่อนหน้านี้เราสมัครไว้เล่นๆแล้วก็เคยโพสแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้นค่ะ
แต่เพราะแรงผลักดันจากเรื่องนี้ จึงทำให้เรารีบดำเนินการยืนยันตัวตนทันที เรื่องเกิดเมื่อปีที่แล้ว กระทู้เลยยาวหน่อยนะค่ะ
เพราะฉะนั้น... หากกระทู้นี้ผิดพลาดประการใด ขอให้ทุกท่านได้โปรดอภัยให้ด้วยนะค่ะ #กราบบบบบค่ะ


จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2558 ตอนนั้นทีวีที่บ้านของเราเสีย ประกอบกับรัฐบาลกำลังปรับระบบทีวีเป็นระบบดิจิตอล เรากับแม่จึงพากันไปเดินฉุยฉายที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อเลือกซื้อทีวีเครื่องใหม่ เลือกอยู่นานค่ะ หลายชั่วโมงเลย ตอนนั้นโปรโมชั่นแข่งกันเยอะมากๆ ล่อตาล่อใจสุดๆเลย แต่สุดท้ายเรากับแม่ก็ตกลงปลงใจกับยี่ห้อ
“โออิ๊อ๊า” เพราะพนักงานขายที่เป็นผู้หญิงดูแลเทคแคร์และสามารถให้ข้อมูลเรื่องระบบทีวีแบบใหม่ได้เป็นอย่างดีค่ะ เรากับแม่จึงเลือกรุ่นหนึ่งราคาก็ 12,390 บาท รับประกันจอ 1 ปี และรับประกันเครื่อง 3 ปี ซื้อเสร็จก็หิ้วแบกขึ้นแท็กซี่กลับบ้านด้วยความปลื้มปิติมากค่ะ แหม่.... ก็ของใหม่เนอะ มีตั้งหลายช่อง ต่อไวไฟดูหนังฟังเพลงอะไรก็ได้ แต่.... ความปลื้มปิตินั้นอยู่กับครอบครัวเราได้แค่ 4 วันค่ะ TT_TT



ภาพที่ 1-3 เอกสารการซื้อขายและใบรับประกันค่ะ
ใช่ค่ะ ทีวีที่พึ่งจะแกะกล่องออกมาใหม่นั้น สร้างความบันเทิงได้แค่ 4 วันเท่านั้นค่ะ ในวันเกิดเหตุระหว่างที่เรากับแม่กำลังดูทีวีอย่างเพลิดเพลิน ปรากฏว่าภาพกระตุก (เหมือนเวลาเราดูหนังแล้วแผ่นสะดุดเลยค่ะ) เสียงขาดๆหายๆ พอกระตุกมากๆเข้าก็ดับเป็นจอดำ แล้วก็กลับมาเป็นปกติแล้วก็จอดับลงไปอีกค่ะ เรากับแม่เงิบมากจ้า หันมองหน้ากันตาปริบๆ ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่คิดว่าของใหม่จะมีปัญหา และถึงจะมีปัญหาจริงๆก็ไม่ควรเร็วขนาดนี้ ถูกไหม??? เราเลยรีบติดต่อไปยังเบอร์ที่ พนง. เขียนไว้ในใบรับประกัน (เพราะยังอยู่ในประกันนี่นา) ทางศูนย์ใหญ่รับเรื่องแล้วบอกกับเราว่าจะประสานงานกับศูนย์ที่อยู่ใกล้บ้านเราให้มาดูแล แล้วจะมีช่างติดต่อกลับไป เราก็โอเค... รอ....
เวลาก็ผ่านมา ผ่านไป จนกระทั่งวันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2558 แม่เจ้า!!!! ช่างโทรมาหาเราแล้ว (ล่อไปเกือบเดือนเลยนะเว้ย) เขาโทรมาสอบถามอาการของเจ้าทีวี (ซึ่งก็ยังเป็นอาการเดิม เพิ่มเติมคือช่อง MONO 29 ที่วันดีคืนดีก็ดูไม่ได้เลย วันดีคืนดีเปิดมาก็ดูได้ปกติ วันดีคืนดีดูได้แปบเดียวแล้วก็เริ่มกระตุกอย่างบ้าคลั่ง หนักๆเข้าก็ขึ้นว่า “ไม่มีสัญญาณ” ซึ่งเราโทรไปถามเพื่อน เพื่อสอบถามว่าช่อง MONO ดูได้รึเปล่า ซึ่งเพื่อนก็บอกว่าสามารถดูได้ปกติ เอิ่ม... แต่บ้านตรูดูมิได้อยู่บ้านนึงเนี่ย!!!) พอช่างทราบอาการเสียช่างจึงขอให้เราถ่ายรูปใบรับประกันส่งให้เขาทางไลน์ เพื่อจะดำเนินการเบิกอะไหล่มาเปลี่ยนให้ เราก็จัดการถ่ายแล้วส่งให้ตามขั้นตอน ^_^



ภาพแคปหน้าจอที่เราถ่ายรูปส่งใบรับประกันให้กับช่างค่ะ
ออกจากเนื้อเรื่องหลักแป๊บนึงนะ เราไม่ค่อยพอใจกับช่างที่ดูแลเราเท่าไหร่ค่ะ ประเด็นแรกเลย เมื่อช่างโทรมาหาเรา ฟังจากน้ำเสียงนี่น่าจะอายุประมาณ 50 ได้แล้ว แต่เรียกเราว่า “พี่” ทุกครั้ง ซึ่งเราเนี่ยอายุ 26 ค่ะ แล้วเราก็บอกไปอย่างสุภาพแล้วว่า “ไม่ต้องเรียกพี่หรอกค่ะ เรียกคุณจะสุภาพกว่านะค่ะ” ซึ่งเขาก็ คับๆ แต่สุดท้ายก็เรียกพี่เหมือนเดิม แล้วพอได้แอดไลน์กัน เห็นรูปช่างแล้ว เราก็เดาอายุเขาไม่ผิดจริงๆจ้า เฮ้อ... โดนคุณลุงเรียกพี่ อยากจะร้องไห้ค่ะ
(ดอกที่ 1) (ไอ้เรื่องนี้ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ค่อยๆอ่านต่อไปเรื่อยๆก่อนน่า)
จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558 และแล้วเสียงไลน์เราก็ดัง เราพบว่าเป็นข้อความจากช่าง ดีใจจัง สงสัยจะได้อะไหล่แล้ว (คิดในใจ) เปิดอ่านปุ๊บ สตั้นปั้บ แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นความปรี๊ดเล็กๆ เพราะมันเป็นการส่งสติ๊กเกอร์อย่างบ้าคลั่ง แถมถามอะไรก็ไม่ตอบ จนเราโมโห เลยโทรกลับไปทันทีว่าเบอร์ใคร ใช่ช่างไหม เขาก็บอกว่าเบอร์ช่างเอง แต่เมื่อกี้ ลูกเอาโทรศัพท์ไปเล่น
(ดอกที่ 2) ก็.... ดูรูปเอาจ๊ะ เราเลยถือโอกาสนี้ ถามถึงเรื่องอะไหล่ด้วยเลย ซึ่งเขาบอกว่า “ทางศูนย์ใหญ่ยังเบิกอะไหล่ไม่ได้เลยคับ รบกวนรอก่อนนะคับ” ซึ่งเราก็โอเค ไม่ได้ติดใจอะไรทั้งเขาและลูกของเขา
เวลาก็ผ่านไปแล้ววววว ผ่านไปอีกกกกก ก็เงี๊ยบเงียบไร้การติดต่อเป็นเดือน เลยคุยกับแม่ว่า เห้ยยย!!! เราซื้อทีวีมาเดือน เมษา นี่ล่อไปเดือน มิถุนาแล้ว อะไรจะนานเบอร์นั้นฟร่ะ โทรถามทีไรก็ “รอก่อนนะคับๆ” สรุปคือต้องรอจนหมดประกันงั้นเหรอ??????????????????????????????????????? เราเลยโทรไปที่ศูนย์ เพื่อถามว่าจะได้อะไหล่เมื่อไหร่ (วันนั้นเราเริ่มโมโหที่ได้อะไหล่ช้าค่ะ ไม่ได้จดวันที่เอาไว้ จำไม่ได้จริงๆ ว่าโทรเข้าไปตามเรื่องวันที่เท่าไหร่ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะวันที่ 10 มิถุนายน ) พนง.รับสายคนแรกเป็น ผู้หญิง พอเขาเข็ครายการแจ้งเสียเขายังอุทานเลย ว่า “อ่าว แจ้งเสียมาตั้งนานแล้วนี่ค่ะ” (เออค่ะ แจ้งไปตั้งกะก่อนสงกรานต์ จนจะวันออกพรรษาแล้วอิฉันก็ยังมิได้รับการซ่อมเรยค่ะ!!! / คิดในใจ) หลังจากนั้นเขาเลยโอนสายไปอีกแผนก ซึ่งเป็นผู้ชายรับ เมื่อเช็คแล้ว พนง.ผู้ชาย บอกเราว่า “อ่าว อะไหล่เบิกไปตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนา แล้วนะคับ ช่างยังไม่ไปซ่อมให้คุณอีกเหรอคับ” หะ? อะไรนะ? เบิกมาแล้ว? เหรอ? แล้วทำไมช่างไม่ติดต่อมา? งงค่ะงง ในหัวมีแต่คำถามจ้า เราเริ่มปรี๊ดอีกแล้วค่ะ เลยขอเบอร์ศูนย์ย่อยที่ดูแลเรา เราไม่อยากรอสวรรค์วิมานนรกอะไรแล้วค่ะ ถ้าไม่ตามไม่จิกเอง ก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า


และก่อนที่จะวางสาย เราก็ได้พูด พนง. ฟัง ว่าด้วยเรื่อง
“ภาพลักษณ์องค์กร” เราบอกเขานะ ว่า
เราไม่ได้ตำหนิเขา แต่เราอยากให้การบริการหลังการขายมันดีกว่านี้ รวดเร็วกว่านี้ นี่รอเป็นเดือน แถมยังต้องตามเรื่องเอง ทั้งๆ ที่สินค้ายังอยู่ในประกันและมันน่าตกใจนะที่ของใหม่ที่พึ่งซื้อนั้น สามารถใช้งานได้เพียง 4 วัน!!! ฝ่ายที่เสียหายคือองค์กรคุณนะ สมัยนี้สื่อมันเร็วมาก โดยเฉพาะสื่อที่เรียกว่า
Viral Marketing หรือบางท่านอาจจะคุ้นชินกับคำว่า
Word of Mouth หรือการบอกต่อแบบปากต่อปาก สอดคล้องกับสุภาษิตที่ว่า “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งฝูง” (โอวว นี่ฉันกำลังพิมพ์งานวิจัยอะไรอยู่ 555+) แต่ผลที่ได้รับกลับมาในวันนั้นคือ ผนง.ผู้ชาย ทำน้ำเสียงเบื่อหน่ายจ้า คับแบบส่งๆ ไปที ก็อย่างว่าเน๊อะ เขาก็แค่พนักงาน ถ้าลาออกไปก็เป็นคนอื่น แต่องค์กรยังต้องอยู่ผงาดง้ำค้ำโลกต่อไป เพราะฉะนั้นใครจะด่าจะว่าองค์กรยังไงก็คง ชั่ง- ละมั่ง (อันนี้เราคิดเองว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้ละมั้งโน๊ะ เขาถึงได้ไม่สนใจ
“เสียงของผู้บริโภค”)

พอเราเห็นถึงความไม่ใส่ใจที่ พนง.มีต่อองค์กร เราเลยไม่พูดต่อค่ะ พูดไปกะเปลืองน้ำลายเปล่าๆ เขาไม่เข้าใจหรอก เราเลยวางแล้วรีบโทรไปที่ศูนย์ย่อยเพื่อตามเรื่องทันที เราขอคุยกับช่าง เราบอกว่าเราตามเรื่องที่ศูนย์ใหญ่แล้ว เขาบอกว่าเบิกอะไหล่มาให้ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมาแล้ว แล้วยังไง ทำไมถึงไม่มาเปลี่ยนให้ ช่างกลับโวยวายค่ะ “อะไร ผมยังไม่ได้อะไหล่เลย ศูนย์ใหญ่พูดแบบนี้ได้ยังไง ใครรับโทรศัพท์ คนรับชื่ออะไร” เอ้า!! โวยวายใส่เราที่เป็นลูกค้า บอกว่าไม่รู้เรื่องเลยว่าอะไหล่เบิกมาแล้ว แถมมาคาดคั้นถามชื่อคนที่ศูนย์ใหญ่อีก มันถูกเหรอ?
(ดอกที่ 3) เราตอบไปว่า “ดิฉันไม่ได้จำหรอกค่ะ สนใจแต่เรื่องอะไหล่ ชื่อพนักงานยังไม่อยากสนใจค่ะ คุณมีปัญหาอะไรคุณไปคุยกับศูนย์ใหญ่เอา ไม่ใช่เรื่องของดิฉัน ฉันต้องการทราบแค่ว่า เมื่อไหร่ทีวีที่ซื้อมาตั้งแต่เดือนเมษาจะได้รับการซ่อม!!!” ช่างก็ยังหัวเสียแล้วยังโวยวายอยู่ บอกว่าจะคุยกับศูนย์ใหญ่แล้วจะติดต่อกลับ วินาทีนั้น บอกตรงๆ ว่าความรู้สึกต่อยี่ห้อและต่อช่างคนนี้.... มันพังย่อยยับมากค่ะ พัง พังมากกกกกกกก กับแบรนด์นี้ พังสุดๆ อะ
ผ่านไปสักพักช่างก็ติดต่อกลับมาค่ะว่าพรุ่งนี้ (วันพฤหัสที่ 11 มิถุนายน 2558) จะเข้ามาเปลี่ยนอะไหล่ให้ เราถามว่าจะเข้ามากี่โมง ช่างตอบว่า ไม่รู้ (กวนประสาทมาก) เราพยายามอดทนอย่างที่สุด ไม่อยากมีปัญหาค่ะ แค่นี้ก็เสียความรู้สึกมากพอแล้ว ตัดสินใจว่าลางาน 1 วันเต็ม เพื่อมานั่งรอช่าง ปัญหาไร้สาระนี่จะได้จบสักที (โวยยยยยย!!!! เสียงตะโกนจากซอกหลืบในหัวใจ) แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ... มันก็ยังไม่จบค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นพฤหัสที่ 11 มิถุนายน 2558 รอ ร๊อ รอ รอ แล้ว รอ อีก รอ แต่ เช้า ... แล้ว ก็ รอ จน บ่าย ... ไม่มีการติดต่ออะไรใดๆทั้งสิ้น เรารอจนบ่าย 2 ช่างก็ไม่มา ไร้การติดต่อ จึงโทรไปเพื่อจะถามว่าตกลงจะมากี่โมง คุณพระ!!! ช่างตัดสายโทรศัพท์เราทิ้งจ้า 5555+
(ดอกที่ 4) โอ้ย.... ยิ่งกว่าคำว่าติดลบละค่ะกับแบรนด์นี้ ปรี๊ดค่ะปรี๊ด โทรจิกสิค่ะ รออะไร พอช่างรับช่างบอกเราว่าเปลี่ยนอะไหล่ลูกค้าบ้านอื่นอยู่ จะเข้ามาบ้านเราประมาณ 4 โมงเย็น โอ้โห!!! อิฉันนี่ปรอทแตกเลยเลย วีนไปเต็มเหนี่ยวว่า “ฉันก็มีงานมีการทำ นี่หยุดงาน รอตั้งกะเช้า เพราะคุณบอกว่าไม่รู้จะเข้ามากี่โมง นี่เช้าจนบ่ายสอง จะโทรถามคุณๆ ตัดสายทิ้ง พอคุณรับคุณกะยังจะให้รอจนสี่โมงเย็น งานการนี่ดิฉันมะต้องทำช่ะมะ??? เสียเวลามากอะ แล้วสรุปจะยังไง” เพราะช่างยืนยันว่าจะสะดวกเข้ามาตอนสี่โมงเย็น เราโมโหมากค่ะ เราเลยบอกวันนี้ไม่ต้องมาแล้ว ให้มาวันเสาร์ที่ 13 เลย พอวันที่ 13 มิถุนายน ช่างก็มาบ้านเรา ไม่มีการต้อนรับ ไม่ยกมือไหว้ ไม่เอาน้ำให้ ไม่มีการพูดจาอะไรทั้งสิ้น (แล้วก็ยังเรียกเราว่า พี่ เหมือนเดิม ทั้งๆที่ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วสามารถแยกแยะได้ทันทีค่ะว่าใครเกิดก่อนใคร / ตรูละเพลีย) แต่ก็ช่างมันเถอะ ซ่อมๆ ไปสะให้มันจบๆ !! หมดปัญหาสักที!! โอ้ยยยย เสียเวลาไปกี่เดือนเนื่ยยยยยย ต่อไปนี้เรากับแม่จะได้ดูทีวีดีๆสักที อยากจะดูหนัง ดูละคร บ้าบอคอแตกกะสบายใจละ (ยิ้มอ่อน)
>>>> อ่านต่อในคอมเม้นนะค่ะ <<<< เรื่องมันยาวมากจริงๆ เค๊าขอโทษน่า
เมื่อฉันและแม่ไม่ได้ดูหนังดูละครอย่างที่ควรจะได้ดู กระทู้นี้จึงบังเกิด
แต่เพราะแรงผลักดันจากเรื่องนี้ จึงทำให้เรารีบดำเนินการยืนยันตัวตนทันที เรื่องเกิดเมื่อปีที่แล้ว กระทู้เลยยาวหน่อยนะค่ะ
เพราะฉะนั้น... หากกระทู้นี้ผิดพลาดประการใด ขอให้ทุกท่านได้โปรดอภัยให้ด้วยนะค่ะ #กราบบบบบค่ะ
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2558 ตอนนั้นทีวีที่บ้านของเราเสีย ประกอบกับรัฐบาลกำลังปรับระบบทีวีเป็นระบบดิจิตอล เรากับแม่จึงพากันไปเดินฉุยฉายที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อเลือกซื้อทีวีเครื่องใหม่ เลือกอยู่นานค่ะ หลายชั่วโมงเลย ตอนนั้นโปรโมชั่นแข่งกันเยอะมากๆ ล่อตาล่อใจสุดๆเลย แต่สุดท้ายเรากับแม่ก็ตกลงปลงใจกับยี่ห้อ “โออิ๊อ๊า” เพราะพนักงานขายที่เป็นผู้หญิงดูแลเทคแคร์และสามารถให้ข้อมูลเรื่องระบบทีวีแบบใหม่ได้เป็นอย่างดีค่ะ เรากับแม่จึงเลือกรุ่นหนึ่งราคาก็ 12,390 บาท รับประกันจอ 1 ปี และรับประกันเครื่อง 3 ปี ซื้อเสร็จก็หิ้วแบกขึ้นแท็กซี่กลับบ้านด้วยความปลื้มปิติมากค่ะ แหม่.... ก็ของใหม่เนอะ มีตั้งหลายช่อง ต่อไวไฟดูหนังฟังเพลงอะไรก็ได้ แต่.... ความปลื้มปิตินั้นอยู่กับครอบครัวเราได้แค่ 4 วันค่ะ TT_TT
ภาพที่ 1-3 เอกสารการซื้อขายและใบรับประกันค่ะ
ใช่ค่ะ ทีวีที่พึ่งจะแกะกล่องออกมาใหม่นั้น สร้างความบันเทิงได้แค่ 4 วันเท่านั้นค่ะ ในวันเกิดเหตุระหว่างที่เรากับแม่กำลังดูทีวีอย่างเพลิดเพลิน ปรากฏว่าภาพกระตุก (เหมือนเวลาเราดูหนังแล้วแผ่นสะดุดเลยค่ะ) เสียงขาดๆหายๆ พอกระตุกมากๆเข้าก็ดับเป็นจอดำ แล้วก็กลับมาเป็นปกติแล้วก็จอดับลงไปอีกค่ะ เรากับแม่เงิบมากจ้า หันมองหน้ากันตาปริบๆ ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่คิดว่าของใหม่จะมีปัญหา และถึงจะมีปัญหาจริงๆก็ไม่ควรเร็วขนาดนี้ ถูกไหม??? เราเลยรีบติดต่อไปยังเบอร์ที่ พนง. เขียนไว้ในใบรับประกัน (เพราะยังอยู่ในประกันนี่นา) ทางศูนย์ใหญ่รับเรื่องแล้วบอกกับเราว่าจะประสานงานกับศูนย์ที่อยู่ใกล้บ้านเราให้มาดูแล แล้วจะมีช่างติดต่อกลับไป เราก็โอเค... รอ....
เวลาก็ผ่านมา ผ่านไป จนกระทั่งวันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2558 แม่เจ้า!!!! ช่างโทรมาหาเราแล้ว (ล่อไปเกือบเดือนเลยนะเว้ย) เขาโทรมาสอบถามอาการของเจ้าทีวี (ซึ่งก็ยังเป็นอาการเดิม เพิ่มเติมคือช่อง MONO 29 ที่วันดีคืนดีก็ดูไม่ได้เลย วันดีคืนดีเปิดมาก็ดูได้ปกติ วันดีคืนดีดูได้แปบเดียวแล้วก็เริ่มกระตุกอย่างบ้าคลั่ง หนักๆเข้าก็ขึ้นว่า “ไม่มีสัญญาณ” ซึ่งเราโทรไปถามเพื่อน เพื่อสอบถามว่าช่อง MONO ดูได้รึเปล่า ซึ่งเพื่อนก็บอกว่าสามารถดูได้ปกติ เอิ่ม... แต่บ้านตรูดูมิได้อยู่บ้านนึงเนี่ย!!!) พอช่างทราบอาการเสียช่างจึงขอให้เราถ่ายรูปใบรับประกันส่งให้เขาทางไลน์ เพื่อจะดำเนินการเบิกอะไหล่มาเปลี่ยนให้ เราก็จัดการถ่ายแล้วส่งให้ตามขั้นตอน ^_^
ภาพแคปหน้าจอที่เราถ่ายรูปส่งใบรับประกันให้กับช่างค่ะ
ออกจากเนื้อเรื่องหลักแป๊บนึงนะ เราไม่ค่อยพอใจกับช่างที่ดูแลเราเท่าไหร่ค่ะ ประเด็นแรกเลย เมื่อช่างโทรมาหาเรา ฟังจากน้ำเสียงนี่น่าจะอายุประมาณ 50 ได้แล้ว แต่เรียกเราว่า “พี่” ทุกครั้ง ซึ่งเราเนี่ยอายุ 26 ค่ะ แล้วเราก็บอกไปอย่างสุภาพแล้วว่า “ไม่ต้องเรียกพี่หรอกค่ะ เรียกคุณจะสุภาพกว่านะค่ะ” ซึ่งเขาก็ คับๆ แต่สุดท้ายก็เรียกพี่เหมือนเดิม แล้วพอได้แอดไลน์กัน เห็นรูปช่างแล้ว เราก็เดาอายุเขาไม่ผิดจริงๆจ้า เฮ้อ... โดนคุณลุงเรียกพี่ อยากจะร้องไห้ค่ะ (ดอกที่ 1) (ไอ้เรื่องนี้ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ค่อยๆอ่านต่อไปเรื่อยๆก่อนน่า)
จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558 และแล้วเสียงไลน์เราก็ดัง เราพบว่าเป็นข้อความจากช่าง ดีใจจัง สงสัยจะได้อะไหล่แล้ว (คิดในใจ) เปิดอ่านปุ๊บ สตั้นปั้บ แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นความปรี๊ดเล็กๆ เพราะมันเป็นการส่งสติ๊กเกอร์อย่างบ้าคลั่ง แถมถามอะไรก็ไม่ตอบ จนเราโมโห เลยโทรกลับไปทันทีว่าเบอร์ใคร ใช่ช่างไหม เขาก็บอกว่าเบอร์ช่างเอง แต่เมื่อกี้ ลูกเอาโทรศัพท์ไปเล่น (ดอกที่ 2) ก็.... ดูรูปเอาจ๊ะ เราเลยถือโอกาสนี้ ถามถึงเรื่องอะไหล่ด้วยเลย ซึ่งเขาบอกว่า “ทางศูนย์ใหญ่ยังเบิกอะไหล่ไม่ได้เลยคับ รบกวนรอก่อนนะคับ” ซึ่งเราก็โอเค ไม่ได้ติดใจอะไรทั้งเขาและลูกของเขา
เวลาก็ผ่านไปแล้ววววว ผ่านไปอีกกกกก ก็เงี๊ยบเงียบไร้การติดต่อเป็นเดือน เลยคุยกับแม่ว่า เห้ยยย!!! เราซื้อทีวีมาเดือน เมษา นี่ล่อไปเดือน มิถุนาแล้ว อะไรจะนานเบอร์นั้นฟร่ะ โทรถามทีไรก็ “รอก่อนนะคับๆ” สรุปคือต้องรอจนหมดประกันงั้นเหรอ??????????????????????????????????????? เราเลยโทรไปที่ศูนย์ เพื่อถามว่าจะได้อะไหล่เมื่อไหร่ (วันนั้นเราเริ่มโมโหที่ได้อะไหล่ช้าค่ะ ไม่ได้จดวันที่เอาไว้ จำไม่ได้จริงๆ ว่าโทรเข้าไปตามเรื่องวันที่เท่าไหร่ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะวันที่ 10 มิถุนายน ) พนง.รับสายคนแรกเป็น ผู้หญิง พอเขาเข็ครายการแจ้งเสียเขายังอุทานเลย ว่า “อ่าว แจ้งเสียมาตั้งนานแล้วนี่ค่ะ” (เออค่ะ แจ้งไปตั้งกะก่อนสงกรานต์ จนจะวันออกพรรษาแล้วอิฉันก็ยังมิได้รับการซ่อมเรยค่ะ!!! / คิดในใจ) หลังจากนั้นเขาเลยโอนสายไปอีกแผนก ซึ่งเป็นผู้ชายรับ เมื่อเช็คแล้ว พนง.ผู้ชาย บอกเราว่า “อ่าว อะไหล่เบิกไปตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนา แล้วนะคับ ช่างยังไม่ไปซ่อมให้คุณอีกเหรอคับ” หะ? อะไรนะ? เบิกมาแล้ว? เหรอ? แล้วทำไมช่างไม่ติดต่อมา? งงค่ะงง ในหัวมีแต่คำถามจ้า เราเริ่มปรี๊ดอีกแล้วค่ะ เลยขอเบอร์ศูนย์ย่อยที่ดูแลเรา เราไม่อยากรอสวรรค์วิมานนรกอะไรแล้วค่ะ ถ้าไม่ตามไม่จิกเอง ก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า
และก่อนที่จะวางสาย เราก็ได้พูด พนง. ฟัง ว่าด้วยเรื่อง “ภาพลักษณ์องค์กร” เราบอกเขานะ ว่าเราไม่ได้ตำหนิเขา แต่เราอยากให้การบริการหลังการขายมันดีกว่านี้ รวดเร็วกว่านี้ นี่รอเป็นเดือน แถมยังต้องตามเรื่องเอง ทั้งๆ ที่สินค้ายังอยู่ในประกันและมันน่าตกใจนะที่ของใหม่ที่พึ่งซื้อนั้น สามารถใช้งานได้เพียง 4 วัน!!! ฝ่ายที่เสียหายคือองค์กรคุณนะ สมัยนี้สื่อมันเร็วมาก โดยเฉพาะสื่อที่เรียกว่า Viral Marketing หรือบางท่านอาจจะคุ้นชินกับคำว่า Word of Mouth หรือการบอกต่อแบบปากต่อปาก สอดคล้องกับสุภาษิตที่ว่า “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งฝูง” (โอวว นี่ฉันกำลังพิมพ์งานวิจัยอะไรอยู่ 555+) แต่ผลที่ได้รับกลับมาในวันนั้นคือ ผนง.ผู้ชาย ทำน้ำเสียงเบื่อหน่ายจ้า คับแบบส่งๆ ไปที ก็อย่างว่าเน๊อะ เขาก็แค่พนักงาน ถ้าลาออกไปก็เป็นคนอื่น แต่องค์กรยังต้องอยู่ผงาดง้ำค้ำโลกต่อไป เพราะฉะนั้นใครจะด่าจะว่าองค์กรยังไงก็คง ชั่ง- ละมั่ง (อันนี้เราคิดเองว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้ละมั้งโน๊ะ เขาถึงได้ไม่สนใจ “เสียงของผู้บริโภค”)
พอเราเห็นถึงความไม่ใส่ใจที่ พนง.มีต่อองค์กร เราเลยไม่พูดต่อค่ะ พูดไปกะเปลืองน้ำลายเปล่าๆ เขาไม่เข้าใจหรอก เราเลยวางแล้วรีบโทรไปที่ศูนย์ย่อยเพื่อตามเรื่องทันที เราขอคุยกับช่าง เราบอกว่าเราตามเรื่องที่ศูนย์ใหญ่แล้ว เขาบอกว่าเบิกอะไหล่มาให้ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมาแล้ว แล้วยังไง ทำไมถึงไม่มาเปลี่ยนให้ ช่างกลับโวยวายค่ะ “อะไร ผมยังไม่ได้อะไหล่เลย ศูนย์ใหญ่พูดแบบนี้ได้ยังไง ใครรับโทรศัพท์ คนรับชื่ออะไร” เอ้า!! โวยวายใส่เราที่เป็นลูกค้า บอกว่าไม่รู้เรื่องเลยว่าอะไหล่เบิกมาแล้ว แถมมาคาดคั้นถามชื่อคนที่ศูนย์ใหญ่อีก มันถูกเหรอ? (ดอกที่ 3) เราตอบไปว่า “ดิฉันไม่ได้จำหรอกค่ะ สนใจแต่เรื่องอะไหล่ ชื่อพนักงานยังไม่อยากสนใจค่ะ คุณมีปัญหาอะไรคุณไปคุยกับศูนย์ใหญ่เอา ไม่ใช่เรื่องของดิฉัน ฉันต้องการทราบแค่ว่า เมื่อไหร่ทีวีที่ซื้อมาตั้งแต่เดือนเมษาจะได้รับการซ่อม!!!” ช่างก็ยังหัวเสียแล้วยังโวยวายอยู่ บอกว่าจะคุยกับศูนย์ใหญ่แล้วจะติดต่อกลับ วินาทีนั้น บอกตรงๆ ว่าความรู้สึกต่อยี่ห้อและต่อช่างคนนี้.... มันพังย่อยยับมากค่ะ พัง พังมากกกกกกกก กับแบรนด์นี้ พังสุดๆ อะ
ผ่านไปสักพักช่างก็ติดต่อกลับมาค่ะว่าพรุ่งนี้ (วันพฤหัสที่ 11 มิถุนายน 2558) จะเข้ามาเปลี่ยนอะไหล่ให้ เราถามว่าจะเข้ามากี่โมง ช่างตอบว่า ไม่รู้ (กวนประสาทมาก) เราพยายามอดทนอย่างที่สุด ไม่อยากมีปัญหาค่ะ แค่นี้ก็เสียความรู้สึกมากพอแล้ว ตัดสินใจว่าลางาน 1 วันเต็ม เพื่อมานั่งรอช่าง ปัญหาไร้สาระนี่จะได้จบสักที (โวยยยยยย!!!! เสียงตะโกนจากซอกหลืบในหัวใจ) แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ... มันก็ยังไม่จบค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นพฤหัสที่ 11 มิถุนายน 2558 รอ ร๊อ รอ รอ แล้ว รอ อีก รอ แต่ เช้า ... แล้ว ก็ รอ จน บ่าย ... ไม่มีการติดต่ออะไรใดๆทั้งสิ้น เรารอจนบ่าย 2 ช่างก็ไม่มา ไร้การติดต่อ จึงโทรไปเพื่อจะถามว่าตกลงจะมากี่โมง คุณพระ!!! ช่างตัดสายโทรศัพท์เราทิ้งจ้า 5555+ (ดอกที่ 4) โอ้ย.... ยิ่งกว่าคำว่าติดลบละค่ะกับแบรนด์นี้ ปรี๊ดค่ะปรี๊ด โทรจิกสิค่ะ รออะไร พอช่างรับช่างบอกเราว่าเปลี่ยนอะไหล่ลูกค้าบ้านอื่นอยู่ จะเข้ามาบ้านเราประมาณ 4 โมงเย็น โอ้โห!!! อิฉันนี่ปรอทแตกเลยเลย วีนไปเต็มเหนี่ยวว่า “ฉันก็มีงานมีการทำ นี่หยุดงาน รอตั้งกะเช้า เพราะคุณบอกว่าไม่รู้จะเข้ามากี่โมง นี่เช้าจนบ่ายสอง จะโทรถามคุณๆ ตัดสายทิ้ง พอคุณรับคุณกะยังจะให้รอจนสี่โมงเย็น งานการนี่ดิฉันมะต้องทำช่ะมะ??? เสียเวลามากอะ แล้วสรุปจะยังไง” เพราะช่างยืนยันว่าจะสะดวกเข้ามาตอนสี่โมงเย็น เราโมโหมากค่ะ เราเลยบอกวันนี้ไม่ต้องมาแล้ว ให้มาวันเสาร์ที่ 13 เลย พอวันที่ 13 มิถุนายน ช่างก็มาบ้านเรา ไม่มีการต้อนรับ ไม่ยกมือไหว้ ไม่เอาน้ำให้ ไม่มีการพูดจาอะไรทั้งสิ้น (แล้วก็ยังเรียกเราว่า พี่ เหมือนเดิม ทั้งๆที่ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วสามารถแยกแยะได้ทันทีค่ะว่าใครเกิดก่อนใคร / ตรูละเพลีย) แต่ก็ช่างมันเถอะ ซ่อมๆ ไปสะให้มันจบๆ !! หมดปัญหาสักที!! โอ้ยยยย เสียเวลาไปกี่เดือนเนื่ยยยยยย ต่อไปนี้เรากับแม่จะได้ดูทีวีดีๆสักที อยากจะดูหนัง ดูละคร บ้าบอคอแตกกะสบายใจละ (ยิ้มอ่อน)
>>>> อ่านต่อในคอมเม้นนะค่ะ <<<< เรื่องมันยาวมากจริงๆ เค๊าขอโทษน่า