สวัสดีครับ
กลับมาพบกับรีวิวซีรีย์ฤดูหนาวตอนที่ 5 ครับ ตอนนี้เป็นตอนจบแล้วนะครับ
ยาวหน่อยนะครับ เพราะรวบวันเดินทางวันที่ 11-12-13 ไปพร้อมกันเลย
วันนี้จะพาไปเที่ยวคาวากุจิโกะ แล้วกลับมาหาอะไรกินที่โตเกียวก่อนบินกลับไทยครับ
ถ้าพร้อมแล้ว ตามผมมาเลยครับ
คนที่เข้ามาอ่านรีวิวผมครั้งแรก ก่อนจะเข้ามาดูรีวิวของผม รบกวนอ่านใน Spoil ก่อนนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รสนิยมการกิน การเที่ยว และความเห็นต่างๆ เป็นรสนิยม และความเห็นส่วนตัวนะครับ
รู้สึกยังไงก็บอกไปอย่างนั้น อันไหนอร่อยก็บอกอร่อย อันไหนเฉยๆ ก็บอกเฉยๆ อันไหนไม่อร่อยก็บอกไม่อร่อย
ไม่เกี่ยวกับราคาแพงหรือถูก เพราะเคยมีคนว่ามา ว่าคุณจ่ายเงินแค่นี้แล้วคุณจะคาดหวังให้มันอร่อยได้ยังไง
แล้วบางทีรูปเยอะ เพราะอยากเอามาลงให้ได้ดูน่ะครับ ถ้าใครไม่ชอบรูปเยอะก็ขออภัยนะครับ
*****************************************************************
รีวิวตอนที่แล้ว
Winter in Japan ตอนที่ 1 : Kushiro ดูนกกระเรียน ที่ Tsurui-Ito Tancho Sanctuary :
http://pantip.com/topic/35307803
Winter in Japan ตอนที่ 2 : Abashiri ล่องเรือตัดน้ำแข็ง, Winter Festival ที่ Sounkyo และ Asahikawa :
http://pantip.com/topic/35307917
Winter in Japan ตอนที่ 3 : Sapporo Snow Festival, กินซูชิร้าน Nemuro Hanamaru เดินเล่น Otaru กิน Masa Sushi :
http://pantip.com/topic/35307951
Winter in Japan ตอนที่ 4 : เที่ยว Hakodate ไป Zao Onsen แล้วเข้าโตเกียวหาของกิน :
http://pantip.com/topic/35308004
*****************************************************************
Winter in Japan ตอนที่ 5 - Day 11-12-13
*วันที่ 11*
ที่ย้ายที่พักมานอน Sandronyx เพราะว่า จะได้ฝากกระเป๋าไว้ แล้วคืนนี้จะไปนอนที่คาวากุจิโกะ 1 คืน แล้วกลับมานอนที่ Sandronyx อีก 1 คืน
เราก็ออกเดินทางแต่เช้าเลยครับ
กินข้าวเช้าไม่ทัน ซื้อไปกินบนรถไฟ ซื้อข้าวกล่องตอนเช้าทีไร ได้ของกินแบบเย็นชื่นใจทุกที
เสียดายไม่ได้ขึ้นขบวนนี้
ไปลงที่สถานี Shimoyoshida ก่อนครับ
ไปเจดีย์แดงกันครับ
ป้ายบอกทางมีตลอด แต่ก็แอบมีเดินเลยบ้าง จนคนญี่ปุ่นแถวนั้นตะโกนบอก (คือบางแยกก็ไม่มีป้ายงะ ได้โปรดอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น)
ขึ้นบันไดจ้า เหนื่อยมากมาย ณ จุดนี้
คือจะบอกว่าต่อจากอีบันไดข้างบนแล้ว ยังมีบันไดนี้รอดักอยู่อีก //ทรุดตัวร้องไห้
วันนี้ยังพอมีโชคบ้าง วิวยอดนิยม
ระหว่างที่อยู่ข้างบน เจอคนไทยเยอะมากมายครับ ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมจุดนึงเลย
กลับไปสถานีครับ นั่งกินไอติมรอรถไปคาวากุจิโกะ
รถไฟสายโทมัส
ถึงละครับสถานีคาวากุชิโกะ ผู้คนล้นหลาม เดาซิ ประเทศไหน
ถูกต้อง คนจีน
+10 คะแนนให้บ้านกริฟฟินดอร์
หาอะไรทานก่อนครับ เดินวนหาร้านอาหารอยู่นาน ก็ไม่เจอร้านใดๆ เลย
ร้านอาหารไปซ่อนอยู่ตรงไหนนะ
มาเจอร้านนึง ร้านอยู่แถวหน้าสถานี เดินไปเลี้ยวขวา เห็นคนกลุ่มนึงกำลังเข้าไป ก็เลยเดินตามเข้าไปครับ
โซบะเทมปุระ ไม่ได้คาดหวัง แต่อร่อยมากๆ ครับ
เสร็จแล้วเดินกลับไปที่สถานี นั่ง Retro Bus ครับ
จริงๆ อยากเอาของไปเก็บไว้ที่ห้องพักก่อน แต่เหมือนฟ้าจะปิดแล้ว เลยรีบขึ้น Ropeway ไปชมวิว
ขึ้นมาเจอเมฆเลย ดวงเราเริ่มส่งผลกับสภาพอากาศที่นี่ละ
กระต่ายยังเซ็ง
ไม่มีคนสั่นระฆังด้วย T.T
รออยู่นาน เมฆก็ไม่ยอมเคลื่อนไปไหนครับ เลยลงดีกว่า ไปที่อื่นต่อ
นั่ง Retro Bus ต่อครับ จุดหมายคือ Music Forest
ซึ่งผมโง่ หรือผมงง ก็ไม่รู้นะ คืออีรถบัสนี่มันไม่จอดทุกป้ายเหรอ
ก็พยายามฟังนะ ว่าถึงสถานีไรแล้ว สรุปคือ ถ้าไม่กดกริ่ง รถก็ไม่จอด ดีนะที่ป้าย Music Forest คนลงกันเยอะ
Music Forest ครับ สวยดีครับข้างใน มีการแสดงดนตรี เป็นรอบๆ ด้วยนะครับ
เค้าจะแจกตารางเวลามาให้เราด้วย
ในนี้มี Creamia ด้วยครับ จัดไป
เข้าไปชมด้านในบ้าง
มีกล่องดนตรีขายด้วย
เสร็จแล้ว ก็ไปที่พักครับ
ที่พักในครั้งนี้จองไว้ที่ Sunnide Resort ครับ (ที่พักยอดนิยมอีกแล้ว)
คือตอนจองมันไม่มีห้องคนเดียวเหลือครับ เลยต้องจองห้องสองคน ก็โทรบอกเค้าว่า คือไปคนเดียวนะ แต่อาหารขอกินของสองคน
เค้าก็โอเค 555
ในห้องดีงามมาก
มาจ่ะ ตรงระเบียงมีเก้าอี้ไว้นั่งชมวิวฟูจิ
แต่ไหนล่ะ ฟูจิ!!!
มีอ่างอาบน้ำส่วนตัวสำหรับแช่น้ำร้อนแล้วดูวิวฟูจิด้วย
แต่สิ่งที่เราคิด

(credit อยู่ในรูปนะครับ)
กับสิ่งที่เราเห็น มักจะสวนทางกันเสมอ
ฟูจิ๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อุตสาห์กัดฟันยอมพักที่นี่เพราะอยากได้วิวฟูจินะเฮ้ย
แล้วไหนละฟูจิ!!!!
นี่ถ้าฟูจิเป็นคน คงต้องนัดเคลียร์หลังห้องน้ำละ เล่นตัวนักนะ
ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ คาดหวังว่า วันพรุ่งนี้อาจจะมีโชคบ้าง
จริงๆ การมาดูฟูจิ ควรจะดูพยากรณ์ล่วงหน้านะครับ ถ้าเห็นแดดออก รีบมาเลย
แต่ผมทำไม่ได้ เพราะจองที่พักนี้ต้องจองแต่เนิ่นๆ ไม่งั้นจะเต็ม
แล้วมันบังคับวันโดยวันนี้จะมีการจุดดอกไม้ไฟด้วย เลยเลี่ยงไม่ได้เลย
ทำไรไม่ได้ นอนเล่นดีกว่า ซึ่งก็เล่นจริงๆ เพราะก็หลับไปเลย 555
ตื่นมาอีกทีตอนอาหารเย็น
ได้เข้ามานั่งในห้องส่วนตัวคนเดียวเลย
มีคนมาดูแลเราคนนึง เป็นป้านิสัยดีมากๆ เลย ตอนบอกว่ากินคนเดียวแต่ 2 สำรับนะ ป้าก็หัวเราะไปด้วย
ไม่รู้ว่าป้าหัวเราะเพราะความใสซื่อของเรา หรือเพราะความตะกละของเรากันแน่
เอาเมนูมาให้ดูก่อน ว่าวันนี้มีอะไรบ้าง
เสริฟจานแรกของกินเล่น มาพร้อมกุ้งมังกร จัดแต่งสวยงาม
ศิลปะจริงๆ
บนจานถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นทำเป็นลายซากุระด้วยนะครับ
ถ้ามาคนเดียวรู้สึกจะไม่ได้กุ้งมังกรนะครับ
ปลาหั่นหนามาก อร่อยมาก
ซักพักก็เอาหมูมาเสิร์ฟ
นึ่งซักพักก็เริ่มสุกครับกินได้ละ หมูอร่อยดี แต่ข้างล่างผักเยอะไปหน่อย //เขี่ยทิ้ง
ซุปจะน้ำข้นหน่อยๆ เต้าหู้อร่อยดีครับ
ซุปมันฝรั่ง แต่ผมว่าเหมือนกราแตงนะ
อันนี้กุ้งจะเปรี้ยวๆ เหมือนของเอามาล้างปากละ
ณ จุดนี้คืออิ่มมากแล้วครับ พอได้ข้าวมาสองถ้วยนี่กรี๊ดเลยครับ ก็บอกว่าไม่ไหวละครับ ขอของหวานเลย
คือสารภาพว่า เกลียดอาหาร Kaiseki ตรงที่ว่า เรามีความสุขมาตั้งแต่จานแรกๆ ทั้งอาหารตา อาหารปาก
เดินทางมาจนจะถึงจุดหมาย เพื่อจะพบว่า ท้ายที่สุดเราจะเจอ ข้าวเปล่ากับผักดอง!!!
ห้องส่วนตัวข้างๆ ก็เป็นกรุ๊ปครอบครัวคนไทย อยากจะเอาข้าวไปให้เค้าจัง เผื่อเค้าไม่อิ่ม
คุณป้าเสิร์ฟของหวาน แล้วก็บอกว่า ใกล้เวลาจะจุดดอกไม้ไฟละนะ
ผมก็มัวแต่กิน ก็เลยไม่ได้ดูเวลาเลย ไม่คิดว่าการกินอาหารขนาดสองคนจะใช้เวลามากขนาดนี้
เลยรีบกวาดของหวานอย่างรวดเร็ว
สรุป อาหารดีมากๆ ครับ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่เลือกพักที่นี่ ชอบมากครับ แต่ถ้ามีอีกคนมาช่วยกินด้วยจะดีกว่านี้ 555
ใกล้สองทุ่มแล้วครับ ก็เลยกะว่าจะเดินไปถ่ายรูปดอกไม้ไฟที่ริมน้ำครับ
แต่...โชคดีมากครับ ฝนตก!!!
เลยวิ่งไปยืมร่มของโรงแรม กำลังจะวิ่งข้ามถนนไปละ พนักงานโรงแรมวิ่งมาตาม
ผมก็ เฮ้ย ทำไรผิดป่าววะ
แต่เค้ามาบอกว่า ห้องคุณอ่ะ ยืนตรงระเบียงก็เห็นดอกไม้ไฟได้นะ ไม่ต้องไปดูกลางฝนหรอก
ผม

เอ้อว่ะ จะตากฝนทำไมเนี่ย
ก็ขอบคุณเค้า แล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องตัวเองทันที
มาดูดอกไม้ไฟกันครับ
จุดที่จุดดอกไม้ไฟ จะมี 3 จุดนะครับ แต่กล้องผมเก็บได้แค่ 2 จุด
แต่มันก็จะจุดไล่เป็นจุดๆ ไปอ่ะครับ แต่ก็มีบางครั้งที่จุดพร้อมๆ กัน
ถือว่าจุดนานหลายลูกเหมือนกันครับ
คืนนี้ก็นอนหลับด้วยความอิ่มใจ (และอิ่มท้อง) หวังว่าวันพรุ่งนี้อากาศจะดี เห็นฟูจินะ
[CR] Winter in Japan ตอนที่ 4 (จบ) : Kawaguchiko นอน Sunnide Resort กลับโตเกียวกิน Midori Sushi กับ Silkream (Creamia Cafe)
กลับมาพบกับรีวิวซีรีย์ฤดูหนาวตอนที่ 5 ครับ ตอนนี้เป็นตอนจบแล้วนะครับ
ยาวหน่อยนะครับ เพราะรวบวันเดินทางวันที่ 11-12-13 ไปพร้อมกันเลย
วันนี้จะพาไปเที่ยวคาวากุจิโกะ แล้วกลับมาหาอะไรกินที่โตเกียวก่อนบินกลับไทยครับ
ถ้าพร้อมแล้ว ตามผมมาเลยครับ
คนที่เข้ามาอ่านรีวิวผมครั้งแรก ก่อนจะเข้ามาดูรีวิวของผม รบกวนอ่านใน Spoil ก่อนนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*****************************************************************
รีวิวตอนที่แล้ว
Winter in Japan ตอนที่ 1 : Kushiro ดูนกกระเรียน ที่ Tsurui-Ito Tancho Sanctuary : http://pantip.com/topic/35307803
Winter in Japan ตอนที่ 2 : Abashiri ล่องเรือตัดน้ำแข็ง, Winter Festival ที่ Sounkyo และ Asahikawa : http://pantip.com/topic/35307917
Winter in Japan ตอนที่ 3 : Sapporo Snow Festival, กินซูชิร้าน Nemuro Hanamaru เดินเล่น Otaru กิน Masa Sushi : http://pantip.com/topic/35307951
Winter in Japan ตอนที่ 4 : เที่ยว Hakodate ไป Zao Onsen แล้วเข้าโตเกียวหาของกิน : http://pantip.com/topic/35308004
*****************************************************************
Winter in Japan ตอนที่ 5 - Day 11-12-13
*วันที่ 11*
ที่ย้ายที่พักมานอน Sandronyx เพราะว่า จะได้ฝากกระเป๋าไว้ แล้วคืนนี้จะไปนอนที่คาวากุจิโกะ 1 คืน แล้วกลับมานอนที่ Sandronyx อีก 1 คืน
เราก็ออกเดินทางแต่เช้าเลยครับ
กินข้าวเช้าไม่ทัน ซื้อไปกินบนรถไฟ ซื้อข้าวกล่องตอนเช้าทีไร ได้ของกินแบบเย็นชื่นใจทุกที
เสียดายไม่ได้ขึ้นขบวนนี้
ไปลงที่สถานี Shimoyoshida ก่อนครับ
ไปเจดีย์แดงกันครับ
ป้ายบอกทางมีตลอด แต่ก็แอบมีเดินเลยบ้าง จนคนญี่ปุ่นแถวนั้นตะโกนบอก (คือบางแยกก็ไม่มีป้ายงะ ได้โปรดอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น)
ขึ้นบันไดจ้า เหนื่อยมากมาย ณ จุดนี้
คือจะบอกว่าต่อจากอีบันไดข้างบนแล้ว ยังมีบันไดนี้รอดักอยู่อีก //ทรุดตัวร้องไห้
วันนี้ยังพอมีโชคบ้าง วิวยอดนิยม
ระหว่างที่อยู่ข้างบน เจอคนไทยเยอะมากมายครับ ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมจุดนึงเลย
กลับไปสถานีครับ นั่งกินไอติมรอรถไปคาวากุจิโกะ
รถไฟสายโทมัส
ถึงละครับสถานีคาวากุชิโกะ ผู้คนล้นหลาม เดาซิ ประเทศไหน
ถูกต้อง คนจีน
+10 คะแนนให้บ้านกริฟฟินดอร์
หาอะไรทานก่อนครับ เดินวนหาร้านอาหารอยู่นาน ก็ไม่เจอร้านใดๆ เลย
ร้านอาหารไปซ่อนอยู่ตรงไหนนะ
มาเจอร้านนึง ร้านอยู่แถวหน้าสถานี เดินไปเลี้ยวขวา เห็นคนกลุ่มนึงกำลังเข้าไป ก็เลยเดินตามเข้าไปครับ
โซบะเทมปุระ ไม่ได้คาดหวัง แต่อร่อยมากๆ ครับ
เสร็จแล้วเดินกลับไปที่สถานี นั่ง Retro Bus ครับ
จริงๆ อยากเอาของไปเก็บไว้ที่ห้องพักก่อน แต่เหมือนฟ้าจะปิดแล้ว เลยรีบขึ้น Ropeway ไปชมวิว
ขึ้นมาเจอเมฆเลย ดวงเราเริ่มส่งผลกับสภาพอากาศที่นี่ละ
กระต่ายยังเซ็ง
ไม่มีคนสั่นระฆังด้วย T.T
รออยู่นาน เมฆก็ไม่ยอมเคลื่อนไปไหนครับ เลยลงดีกว่า ไปที่อื่นต่อ
นั่ง Retro Bus ต่อครับ จุดหมายคือ Music Forest
ซึ่งผมโง่ หรือผมงง ก็ไม่รู้นะ คืออีรถบัสนี่มันไม่จอดทุกป้ายเหรอ
ก็พยายามฟังนะ ว่าถึงสถานีไรแล้ว สรุปคือ ถ้าไม่กดกริ่ง รถก็ไม่จอด ดีนะที่ป้าย Music Forest คนลงกันเยอะ
Music Forest ครับ สวยดีครับข้างใน มีการแสดงดนตรี เป็นรอบๆ ด้วยนะครับ
เค้าจะแจกตารางเวลามาให้เราด้วย
ในนี้มี Creamia ด้วยครับ จัดไป
เข้าไปชมด้านในบ้าง
มีกล่องดนตรีขายด้วย
เสร็จแล้ว ก็ไปที่พักครับ
ที่พักในครั้งนี้จองไว้ที่ Sunnide Resort ครับ (ที่พักยอดนิยมอีกแล้ว)
คือตอนจองมันไม่มีห้องคนเดียวเหลือครับ เลยต้องจองห้องสองคน ก็โทรบอกเค้าว่า คือไปคนเดียวนะ แต่อาหารขอกินของสองคน
เค้าก็โอเค 555
ในห้องดีงามมาก
มาจ่ะ ตรงระเบียงมีเก้าอี้ไว้นั่งชมวิวฟูจิ
แต่ไหนล่ะ ฟูจิ!!!
มีอ่างอาบน้ำส่วนตัวสำหรับแช่น้ำร้อนแล้วดูวิวฟูจิด้วย
แต่สิ่งที่เราคิด
(credit อยู่ในรูปนะครับ)
กับสิ่งที่เราเห็น มักจะสวนทางกันเสมอ
ฟูจิ๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อุตสาห์กัดฟันยอมพักที่นี่เพราะอยากได้วิวฟูจินะเฮ้ย
แล้วไหนละฟูจิ!!!!
นี่ถ้าฟูจิเป็นคน คงต้องนัดเคลียร์หลังห้องน้ำละ เล่นตัวนักนะ
ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ คาดหวังว่า วันพรุ่งนี้อาจจะมีโชคบ้าง
จริงๆ การมาดูฟูจิ ควรจะดูพยากรณ์ล่วงหน้านะครับ ถ้าเห็นแดดออก รีบมาเลย
แต่ผมทำไม่ได้ เพราะจองที่พักนี้ต้องจองแต่เนิ่นๆ ไม่งั้นจะเต็ม
แล้วมันบังคับวันโดยวันนี้จะมีการจุดดอกไม้ไฟด้วย เลยเลี่ยงไม่ได้เลย
ทำไรไม่ได้ นอนเล่นดีกว่า ซึ่งก็เล่นจริงๆ เพราะก็หลับไปเลย 555
ตื่นมาอีกทีตอนอาหารเย็น
ได้เข้ามานั่งในห้องส่วนตัวคนเดียวเลย
มีคนมาดูแลเราคนนึง เป็นป้านิสัยดีมากๆ เลย ตอนบอกว่ากินคนเดียวแต่ 2 สำรับนะ ป้าก็หัวเราะไปด้วย
ไม่รู้ว่าป้าหัวเราะเพราะความใสซื่อของเรา หรือเพราะความตะกละของเรากันแน่
เอาเมนูมาให้ดูก่อน ว่าวันนี้มีอะไรบ้าง
เสริฟจานแรกของกินเล่น มาพร้อมกุ้งมังกร จัดแต่งสวยงาม
ศิลปะจริงๆ
บนจานถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นทำเป็นลายซากุระด้วยนะครับ
ถ้ามาคนเดียวรู้สึกจะไม่ได้กุ้งมังกรนะครับ
ปลาหั่นหนามาก อร่อยมาก
ซักพักก็เอาหมูมาเสิร์ฟ
นึ่งซักพักก็เริ่มสุกครับกินได้ละ หมูอร่อยดี แต่ข้างล่างผักเยอะไปหน่อย //เขี่ยทิ้ง
ซุปจะน้ำข้นหน่อยๆ เต้าหู้อร่อยดีครับ
ซุปมันฝรั่ง แต่ผมว่าเหมือนกราแตงนะ
อันนี้กุ้งจะเปรี้ยวๆ เหมือนของเอามาล้างปากละ
ณ จุดนี้คืออิ่มมากแล้วครับ พอได้ข้าวมาสองถ้วยนี่กรี๊ดเลยครับ ก็บอกว่าไม่ไหวละครับ ขอของหวานเลย
คือสารภาพว่า เกลียดอาหาร Kaiseki ตรงที่ว่า เรามีความสุขมาตั้งแต่จานแรกๆ ทั้งอาหารตา อาหารปาก
เดินทางมาจนจะถึงจุดหมาย เพื่อจะพบว่า ท้ายที่สุดเราจะเจอ ข้าวเปล่ากับผักดอง!!!
ห้องส่วนตัวข้างๆ ก็เป็นกรุ๊ปครอบครัวคนไทย อยากจะเอาข้าวไปให้เค้าจัง เผื่อเค้าไม่อิ่ม
คุณป้าเสิร์ฟของหวาน แล้วก็บอกว่า ใกล้เวลาจะจุดดอกไม้ไฟละนะ
ผมก็มัวแต่กิน ก็เลยไม่ได้ดูเวลาเลย ไม่คิดว่าการกินอาหารขนาดสองคนจะใช้เวลามากขนาดนี้
เลยรีบกวาดของหวานอย่างรวดเร็ว
สรุป อาหารดีมากๆ ครับ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่เลือกพักที่นี่ ชอบมากครับ แต่ถ้ามีอีกคนมาช่วยกินด้วยจะดีกว่านี้ 555
ใกล้สองทุ่มแล้วครับ ก็เลยกะว่าจะเดินไปถ่ายรูปดอกไม้ไฟที่ริมน้ำครับ
แต่...โชคดีมากครับ ฝนตก!!!
เลยวิ่งไปยืมร่มของโรงแรม กำลังจะวิ่งข้ามถนนไปละ พนักงานโรงแรมวิ่งมาตาม
ผมก็ เฮ้ย ทำไรผิดป่าววะ
แต่เค้ามาบอกว่า ห้องคุณอ่ะ ยืนตรงระเบียงก็เห็นดอกไม้ไฟได้นะ ไม่ต้องไปดูกลางฝนหรอก
ผม
เอ้อว่ะ จะตากฝนทำไมเนี่ย
ก็ขอบคุณเค้า แล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องตัวเองทันที
มาดูดอกไม้ไฟกันครับ
จุดที่จุดดอกไม้ไฟ จะมี 3 จุดนะครับ แต่กล้องผมเก็บได้แค่ 2 จุด
แต่มันก็จะจุดไล่เป็นจุดๆ ไปอ่ะครับ แต่ก็มีบางครั้งที่จุดพร้อมๆ กัน
ถือว่าจุดนานหลายลูกเหมือนกันครับ
คืนนี้ก็นอนหลับด้วยความอิ่มใจ (และอิ่มท้อง) หวังว่าวันพรุ่งนี้อากาศจะดี เห็นฟูจินะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น