[Movie Review] Independence Day: Resurgence - พระเอกนี่ดับก่อนโลกอีก by ตั๋วหนังมันแพง


[หนังโรงเรื่องที่ 143] Independence Day: Resurgence - วายป่วงแบบไม่มีพระเอก ; ( Roland Emmerich, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง

คะแนนความชอบ : B+ (จากสเกล D-A)

**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ

เรื่องย่อ : 20 ปีหลังจากสงครามเอเลี่ยนบุกโลกครั้งล่าสุด มนุษย์ชาติก็ได้ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับหยิบเอาเทคโนโลยีต่างดาวมาประยุกต์ใช้จนมีวิทยาการก้าวไกลแบบก้าวกระโดด พร้อมร่วมกันก่อตั้ง

'หน่วยต่อต้านการรุกรานต่างดาว' ขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมเผื่อสงครามจากผู้มาเยือนในภายภาคหน้า ... ซึ่งงานนี้โลกก็โดนรุกรานอีกครั้ง ด้วยของใหญ่ของอลังกว่าเดิม สงครามแห่งมนุษยชาติจึงอุบัติขึ้นอีกครั้งถือเป็นหนังภาคต่ออีกเรื่องที่ทิ้งช่วงนานถึง 20 ปีกว่าจะได้ปัดฝุ่นมาทำต่อ ซึ่งสำหรับ ID4 ภาคแรกนั้นก็ได้สร้างผลงานระดับ 'ตำนาน' ไว้จากเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ล้ำสมัย บวกกับการแบ่งบทให้ตัวละครได้สมดุลน่าดูชม ซึ่งสำหรับภาคนี้ก็เรียกได้ว่า 'ยังไว้ลาย' ไม่เสียชื่อของเก่าเลยแหละ

แน่นอนด้วยความที่คนไทยอย่างเราๆมีจริตที่ชอบหนังเอเลี่ยนอยู่แล้ว (ไม่รู้มันสืบทอดทางพันธุกรรมหรือยังไง) ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยในแง่ของความวินาศสันตะโรจากการรุกรานของมนุษย์ต่างดาวที่เราคาดหวังกันไว้ หนังยังสอบผ่านด้วยลีลาที่เราคุ้นเคยบวกกับเทคนิค CG ยุคโมเดิร์นที่ช่วยเพิ่มความสมจริงเข้าไปอีก จึงเรียกได้ว่าในช่วงเปิดตัวจานบินนั้นถือว่ามันส์ใช้ได้เลยทีเดียว (ถึงแม้ช่วงหลังๆสเกลมันจะแคบลงมาแบบน่าใจหายก็เถอะ) เชื่อว่าคอระเบิดภูเขาเผากระท่อมทั้งหลายคงฟินไปก่อนแล้ว

สิ่งที่หนังเพิ่มเติมขึ้นมาแล้วเราชอบก็คือ 'กลิ่น' ความเป็น neo-scifi ในเรื่องที่มันเด่นชัดมากจนสังเกตได้จนเกือบจะคล้าย Star Trek เลยแหละ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการที่โลกได้พัฒนามาก้าวไกลทั้งเครื่องบินต้านแรงโน้มถ่วง, ยานอวกาศที่สามารถเหาะเข้า-ออกชั้นบรรยากาศได้ และอาวุธอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ไม่รู้สิ มันทำให้หนังมันมีเสน่ห์ไปอีกทางผิดจากภาคแรกที่เน้นการรบแบบบ้านๆ เรียลๆหน่อยมาเป็น modern warfare โดยสมบูรณ์ ในหัวข้อนี้ขอยกนิ้วให้เลย

ถ้าถามว่าอะไรเป็นข้อด้อยในหนังเรื่องนี้ ก็คงต้องชี้ไปทาง 'นักแสดงนำ' ที่เอาหนังไม่อยู่เอาเสียเลย โดยเฉพาะพระเอกของเรื่องอย่าง 'เจค' (Liam Hemsworth) ที่ไม่มีราศีความเป็นพระเอกเอาซะเลย (ส่วนตัวก็คิดจริงๆนะว่าค่ายหนังจะดันพ่อหนุ่มคนนี้หนักไปรึเปล่า) ซึ่งในทางกลับกันเรากลับไปอินกับคู่หนุ่มเนิร์ดกับนักบินสาวจีนที่มีความน่ารักเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ก็โชคดีที่หนังยังได้นักแสดงชุดเก่าแทบจะทั้งชุดกลับมาช่วยแบกหนังเอาไว้ได้อยู่หมัดในฐานะนักแสดงสมทบไม่งั้นมันคงไปในทิศทางที่แย่กว่านี้ ซึ่งในประเด็นนี้ก็เข้าใจในแง่ของทุนสร้างที่หมดเกลี้ยงไปกับ CG หมดแล้วจะให้ควักกระเป๋าจ่ายค่านักแสดงดีๆอีกก็นะ..

ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่ค่อยมีประเด็นให้วิเคราะห์ต่อมากหรอก เอาเป็นว่าหนังมันสอบผ่านในความเป็นตัวของตัวเองสูง ที่ยังสามารถรักษาตีมความเป็นทหารๆแบบ patriotic ไว้ได้ คือมันทห๊าร..ทหารจริงๆนั่นแหละ ทั้งเพลงประกอบทั้งบรรยากาศ มันเลยให้ความรู้สึกเดิมๆที่คล้ายกับภาคแรก แต่ต่อยอดออกมาให้มีความยิ่งใหญ่อลังการขึ้น รวมๆแล้วถือว่าสอบผ่านเลย

ยังไงถ้าหาโรง IMAX ได้ก็ลองดูนะ คิดว่าจะน่าจะฟินกว่าโรงธรรมดาแบบผู้เขียน

หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่