สวัสดีคะ วันนี้พิชจะมาเล่าประสบการณ์โดนเพื่อนหลอกไปเดินป่า (trekking) ที่ MT Batur, Bali, Indonesiaaaaaaa
ปล.
-โพสแรก ขออภัยนะคะถ้าผิดพลาดตรงไหน (ด่าได้ แต่อย่าแรง พิชเซนซิทีฟ)

-ใครจะไปเที่ยวมีคำถาม ถามได้นะคะ แต่พิชอาจจะตอบไม่ได้

เพราะโดนเพื่อนลากมาอีกที
พร้อมแล้ว...งั้นไปกันเลย
เรื่องมีอยู่ว่า โดนเจ้านายคนสวยถีบไปทำงานที่บาหลี ดังนั้นตั๋วเครื่องบินจึงฟรี แอร์เย็น เพลงเพราะ (อ๋อไม่เกี่ยว ผิดๆ)

เพื่อนสาวเลยชวนอยู่ต่อเพื่อไปเดินป่า ตอนแรกงอแงจะไม่ไป คิดมาเสมอว่าบาหลีไม่มีอะไร คงเหมือนภูเก็ตในเมืองอินโด (ค.คิดในกะลามากๆ) เพื่อนเลยเสนอว่าคุน

ไม่ต้องทำไรเลยนะคะ ตามมันไปแล้วนั่งหายใจนิ่งๆ เดี๋ยวเพื่อนจัดการทั้งหมดเองไม่ว่าจะหาโรงแรม วางแผน หารถ พิชแค่รอกินกับจ่ายเงินพอ(สบายและพิช อิอิ) ไปซิครับ รออะไร!!!
ภาพตัดมาที่บ่ายวันเสาร์ เช็คอินเข้าโรงแรม โรงแรมไม่เล็ก ไม่ใหญ่ เป็นวิลล่าไม่กี่ห้อง อยู่ที่Ubud
ขออภัยที่ภาพอาจจะไม่สวย ปกติแค่ถ่ายให้ชัดก็ดีใจจะแย่แล้ว
ป่ะ เข้าห้องกัน
ทางเดินไปวิลล่า

วิลล่าเป็นแบบ2ห้องนอน 1 ห้องรับแขก แยกกัน
สระส่วนตัว ใส่บิกินี่ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ใครตกใจ

หลังจากเช็คอินบ่ายสอง ตบตีแย่งเตียงกันเสร็จ พิชเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ได้เตียงใหญ่ แอร์เย็น นอนสบาย วิวห้องน้ำ(เสรดดดดด) ส่วนเพื่อนก็ได้วิวสระว่ายน้ำไปครอบครอง (ความยุติธรรมอยู่ตรงหนายยยย)
ตอนนี้เพื่อนๆอาจจะคิดว่าเราJet lag หรืออย่างไร นอนกันทำไมตั้งแต่บ่าย? ความจิงคือ ขี้เกียด ฮ่าๆๆ อ๋อ ไม่ใช่....คือการเดินป่าที่ MT Batur จะเริ่มเดินกันตอนกลางคืน เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นให้ทันในตอนเช้า ด้วนความที่ร่างกายล้าจากการใช้แรงงาน(ทำงาน)ก่อนหน้านี้เลยต้องชาต์จแบตกันหน่อย
ในการเดินป่า... สาบานว่าไม่ง่วงเท่าไหร่ แค่โดนผีถีบลงมาจากเตียงตอนตี1.45 เพราะเพื่อนต้องมาแต่งหน้าและออกจากโรงแรมตอนตี2.45 ช่ายค่ะ อ่านไม่ผิด เพื่อนคนสวยของพิชต้องตื่นมาแต่งหน้าเพราะนางไม่มีคิ้ววววววว (เม้าได้ เพราะเพื่อนไม่ใช่คนไทย นางไม่เข้าใจ555) แต่นางCuteนะคะ
นัดพี่คนขับรถมารับ ขึ้นรถปุ๊บ

ภาพตัดมาที่ตีนเขาเลยค่ะ พอมาถึงMT Batur ลงรถมาแบบเมาขี้ตา เจอไกด์สองคน ชาย1 หญิง1 เหย่ามือกันคนละสอง สามที แจกไฟฉาย แล้วก็เริ่มเดินเลย (ขออภัยไม่มีภาพตอนขาขึ้น คือมืดมากจริงๆ)
อากาศหนาวค่ะ อย่าคาดหวังว่าพิชจะบอกว่าองศา เพราะบอกแล้วว่ายังเมาขี้ตาอยู่ แต่พูดแล้วมีไอออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เริ่มเดินแรกๆ ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ แค่ร้อนจนต้องถอดเสื้อกันหนาวออก ทั้งๆ ที่เมื่อมีกี่นาทีที่แล้ว ยังยืนคุยกันเป็นไออยู่เลย….ทางเดินแรกๆไม่ชันมาก แต่ทางเดินเป็นทรายนิ่มๆ ซึ่งเดินๆไปเริ่มเหนื่อย ประกอบกับทางเริ่มชัน จากที่พิชเดินพูดมาตลอดทาง ล้อเพื่อนว่าอ่อน! เดินแค่นี้เหนื่อย ฮึๆ หลังๆกลายเป็นพิชเงียบสนิท

ได้ยินเพียงเสียงหายใจทางปากแทน และคิดในใจตลอดทางว่า พิชมาแป๊ะอารายคะเนี่ย
เดินไปทางเริ่มชันมากขึ้น กล้ามขาเริ่มมา น่องเริ่มแน่น แลดูเป็นผู้หญิงที่มีแรงสามารถปกป้องผู้ชายได้ชั่วชีวิต ตอนนั้นแหละถึงเริ่มคิดว่า อย่าใช้คำว่าเดินป่าเลย ใช้ว่าปีนเขาดีกว่า
วิวข้างทางอย่าหวังจะได้เห็น คือมันมืดมากกกก และเราต้องเดินมองพื้นตลอด พอทางชันมากๆ ทางเดินเป็นหินก้อนเล็กๆใหญ่ๆ ผสมกันไป และลื่นมาก ต้องคอยระวังเพราะถ้าคนข้างบนลื่น หินซึ่งแข็งมากจะตกมาโดนเรา ซึ่งพิชโดนไปสองดอก เจ็บมาก บอกเลย แข็งไม่พอ ดันคมอีกต่างหาก
เดินมองพื้นไปซักพัก น่าแปลกมาก เห็นดาว อ๋อ...พิชจะเป็นลม

ไกด์เลยมาเดินจับมือขี้นเขา
ขอโชว์ความชัน ขาขึ้นไม่มีภาพนะคะ เพราะเหนื่อยและมืดมาก
ขอตัดภาพมาที่ยอดเขาเลยนะ คือที่ที่พิชหยุดดูพระอาทิตย์ขึ้นเนี่ยยังไม่ใช่ยอดเขาแบบจุดสุดยอดนะคะ แต่เป็นจุดที่มีคนตั้งหลักปักฐานรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งเราจะไปต่อก็ได้ แต่พอเถอะ เกรงใจขาสั้นๆของพิชนิดนึง
งานภาพพาโนรามา ต้องมา
ระหว่างรอพระอาทิตย์ ไกด์ก็เอาอาหารเช้ามาเสริฟ ด้วยความเหนื่อยระดับ10 ทำให้ขนมปังธรรมดา ที่ไกด์เอากล้วยมาหันเป็นชิ้นเล็กๆแปะๆไว้ + ไข่ต้มอีกฟอง มันอร่อยเท่าระดับอาหารมิชลิน 5ดาวเลยทีเดียว (ไม่มีภาพประกอบ หิวมือสั่น ลืมถ่ายค่ะ)
ระหว่างรอชักภาพกับพระอาทิตย์ มันก็เริ่มสว่าง เห็นวิวมากขึ้น

พระอาทิตย์มาแล้ว

งานนางแบบต้องมา
ไฮไลท์แสงแรงของวันจบลง เราก็เดินไปดูอาโวคาโด้.....(ผิดๆ พอดีหิวข้าว) ไปดู Volcano
เดินๆไปก็ไปเจอถ้ำ คนเค้าจะขึ้นมานั่งสมาธิ ประมาณนี้อ่าค่ะ ขออภัยถ่ายติดหมีพู
สำรวจโดยรอบ
หลังจากนั้นก็เดินลงเขากลับ ตอนนี้แหละที่เพิ่งจะได้เห็นวิวข้างทาง ว่าที่เราเดินขึ้นมามืดๆ จิงๆแล้วข้างทางเป็นเหมือนเหว เริ่ด!! นึกถึงตอนขาขึ้น มีบางช่วงพิชยืนพัก ถ้าถอยหลังไปก้าวเดียว อาจไม่มีพิชอยู่ในโลกนี้และนำมาซึ่งความโศกเศร้าให้ชายไทยและต่างชาติอีกหลายชีวิต หรา.....
ขาลงก็ใช้เวลาประมาณ3 ชั่วโมง และลงค่อนข้างลำบาก ลืนไปหลายครั้ง กลับมาถึงโรงแรมก็ค้นพบว่าที่เราล้มก้นจูบหิน นั้นจิงๆแล้วเราล้มทับโทรศัพท์ Samsung คู่ใจ หน้าจอดับสนิท (ยืนไว้อาลัย2วิ)นอกจากเจ็บก้นแล้ว ยังมีความเจ็บปวดรอบสองคือ ค่าเปลี่ยนหน้าจอที่สิงคโปร์เกือบ 8พัน
หลังจากนั้นเราก็ว๊าบกลับมาที่โรงแรม...อาบน้ำ....กินข้าว...นอนตอน 11โมง

ขอพูดถึงความไม่มีสตินิสสสสนึง ด้วยความที่กลางคืนก่อนไปเดินป่านอนไม่กี่ชั่วโมง เพราะมัวแต่เม้ามอย เพื่อนสาวก็แต่งหน้าและPack กระเป๋าเป้อย่างไม่มีสติตอนตี2 โดยนางไม่ได้ดูว่าในเป้มีอะไร เอาแต่ยัดน้ำเกลือแร่กับช็อคโกแลตใส่เป้ไปเพราะกลัวจะหิว
ภาพตัดกลับมาที่โรงแรมระหว่างกินข้าวเช้ากันอยู่ที่โรงแรม นางก็สลัดช้อนซ้อมทิ้ง พร้อมกับอุทานว่า "Laptop ชั้นอยู่ไหน อย่าบอกนะว่า!!!!!" และนางรีบวิ่งไปที่ห้อง แล้วตะโกนออกมาว่า “ชั้นแบก Laptopขึ้นMt Batur”.....

ฉลาดจุง เพื่อนพิช
เนื่องจากโทรศัพท์พัง จึงต้องไปเอารูปของเพื่อของมา
credit รูป: พิช และ Taylor
[CR] ประสบการณ์เพื่อนหลอกไปเดินป่าที่ MT batur บาหลี อินโดนีเซีย
ปล.
-โพสแรก ขออภัยนะคะถ้าผิดพลาดตรงไหน (ด่าได้ แต่อย่าแรง พิชเซนซิทีฟ)
-ใครจะไปเที่ยวมีคำถาม ถามได้นะคะ แต่พิชอาจจะตอบไม่ได้
พร้อมแล้ว...งั้นไปกันเลย
เรื่องมีอยู่ว่า โดนเจ้านายคนสวยถีบไปทำงานที่บาหลี ดังนั้นตั๋วเครื่องบินจึงฟรี แอร์เย็น เพลงเพราะ (อ๋อไม่เกี่ยว ผิดๆ)
เพื่อนสาวเลยชวนอยู่ต่อเพื่อไปเดินป่า ตอนแรกงอแงจะไม่ไป คิดมาเสมอว่าบาหลีไม่มีอะไร คงเหมือนภูเก็ตในเมืองอินโด (ค.คิดในกะลามากๆ) เพื่อนเลยเสนอว่าคุน
ภาพตัดมาที่บ่ายวันเสาร์ เช็คอินเข้าโรงแรม โรงแรมไม่เล็ก ไม่ใหญ่ เป็นวิลล่าไม่กี่ห้อง อยู่ที่Ubud
ขออภัยที่ภาพอาจจะไม่สวย ปกติแค่ถ่ายให้ชัดก็ดีใจจะแย่แล้ว
ป่ะ เข้าห้องกัน
ทางเดินไปวิลล่า
วิลล่าเป็นแบบ2ห้องนอน 1 ห้องรับแขก แยกกัน
สระส่วนตัว ใส่บิกินี่ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ใครตกใจ
หลังจากเช็คอินบ่ายสอง ตบตีแย่งเตียงกันเสร็จ พิชเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ได้เตียงใหญ่ แอร์เย็น นอนสบาย วิวห้องน้ำ(เสรดดดดด) ส่วนเพื่อนก็ได้วิวสระว่ายน้ำไปครอบครอง (ความยุติธรรมอยู่ตรงหนายยยย)
ตอนนี้เพื่อนๆอาจจะคิดว่าเราJet lag หรืออย่างไร นอนกันทำไมตั้งแต่บ่าย? ความจิงคือ ขี้เกียด ฮ่าๆๆ อ๋อ ไม่ใช่....คือการเดินป่าที่ MT Batur จะเริ่มเดินกันตอนกลางคืน เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นให้ทันในตอนเช้า ด้วนความที่ร่างกายล้าจากการใช้แรงงาน(ทำงาน)ก่อนหน้านี้เลยต้องชาต์จแบตกันหน่อย
ในการเดินป่า... สาบานว่าไม่ง่วงเท่าไหร่ แค่โดนผีถีบลงมาจากเตียงตอนตี1.45 เพราะเพื่อนต้องมาแต่งหน้าและออกจากโรงแรมตอนตี2.45 ช่ายค่ะ อ่านไม่ผิด เพื่อนคนสวยของพิชต้องตื่นมาแต่งหน้าเพราะนางไม่มีคิ้ววววววว (เม้าได้ เพราะเพื่อนไม่ใช่คนไทย นางไม่เข้าใจ555) แต่นางCuteนะคะ
นัดพี่คนขับรถมารับ ขึ้นรถปุ๊บ
อากาศหนาวค่ะ อย่าคาดหวังว่าพิชจะบอกว่าองศา เพราะบอกแล้วว่ายังเมาขี้ตาอยู่ แต่พูดแล้วมีไอออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เริ่มเดินแรกๆ ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ แค่ร้อนจนต้องถอดเสื้อกันหนาวออก ทั้งๆ ที่เมื่อมีกี่นาทีที่แล้ว ยังยืนคุยกันเป็นไออยู่เลย….ทางเดินแรกๆไม่ชันมาก แต่ทางเดินเป็นทรายนิ่มๆ ซึ่งเดินๆไปเริ่มเหนื่อย ประกอบกับทางเริ่มชัน จากที่พิชเดินพูดมาตลอดทาง ล้อเพื่อนว่าอ่อน! เดินแค่นี้เหนื่อย ฮึๆ หลังๆกลายเป็นพิชเงียบสนิท
เดินไปทางเริ่มชันมากขึ้น กล้ามขาเริ่มมา น่องเริ่มแน่น แลดูเป็นผู้หญิงที่มีแรงสามารถปกป้องผู้ชายได้ชั่วชีวิต ตอนนั้นแหละถึงเริ่มคิดว่า อย่าใช้คำว่าเดินป่าเลย ใช้ว่าปีนเขาดีกว่า
วิวข้างทางอย่าหวังจะได้เห็น คือมันมืดมากกกก และเราต้องเดินมองพื้นตลอด พอทางชันมากๆ ทางเดินเป็นหินก้อนเล็กๆใหญ่ๆ ผสมกันไป และลื่นมาก ต้องคอยระวังเพราะถ้าคนข้างบนลื่น หินซึ่งแข็งมากจะตกมาโดนเรา ซึ่งพิชโดนไปสองดอก เจ็บมาก บอกเลย แข็งไม่พอ ดันคมอีกต่างหาก
เดินมองพื้นไปซักพัก น่าแปลกมาก เห็นดาว อ๋อ...พิชจะเป็นลม
ขอโชว์ความชัน ขาขึ้นไม่มีภาพนะคะ เพราะเหนื่อยและมืดมาก
ขอตัดภาพมาที่ยอดเขาเลยนะ คือที่ที่พิชหยุดดูพระอาทิตย์ขึ้นเนี่ยยังไม่ใช่ยอดเขาแบบจุดสุดยอดนะคะ แต่เป็นจุดที่มีคนตั้งหลักปักฐานรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งเราจะไปต่อก็ได้ แต่พอเถอะ เกรงใจขาสั้นๆของพิชนิดนึง
งานภาพพาโนรามา ต้องมา
ระหว่างรอพระอาทิตย์ ไกด์ก็เอาอาหารเช้ามาเสริฟ ด้วยความเหนื่อยระดับ10 ทำให้ขนมปังธรรมดา ที่ไกด์เอากล้วยมาหันเป็นชิ้นเล็กๆแปะๆไว้ + ไข่ต้มอีกฟอง มันอร่อยเท่าระดับอาหารมิชลิน 5ดาวเลยทีเดียว (ไม่มีภาพประกอบ หิวมือสั่น ลืมถ่ายค่ะ)
ระหว่างรอชักภาพกับพระอาทิตย์ มันก็เริ่มสว่าง เห็นวิวมากขึ้น
พระอาทิตย์มาแล้ว
งานนางแบบต้องมา
ไฮไลท์แสงแรงของวันจบลง เราก็เดินไปดูอาโวคาโด้.....(ผิดๆ พอดีหิวข้าว) ไปดู Volcano
เดินๆไปก็ไปเจอถ้ำ คนเค้าจะขึ้นมานั่งสมาธิ ประมาณนี้อ่าค่ะ ขออภัยถ่ายติดหมีพู
สำรวจโดยรอบ
หลังจากนั้นก็เดินลงเขากลับ ตอนนี้แหละที่เพิ่งจะได้เห็นวิวข้างทาง ว่าที่เราเดินขึ้นมามืดๆ จิงๆแล้วข้างทางเป็นเหมือนเหว เริ่ด!! นึกถึงตอนขาขึ้น มีบางช่วงพิชยืนพัก ถ้าถอยหลังไปก้าวเดียว อาจไม่มีพิชอยู่ในโลกนี้และนำมาซึ่งความโศกเศร้าให้ชายไทยและต่างชาติอีกหลายชีวิต หรา.....
ขาลงก็ใช้เวลาประมาณ3 ชั่วโมง และลงค่อนข้างลำบาก ลืนไปหลายครั้ง กลับมาถึงโรงแรมก็ค้นพบว่าที่เราล้มก้นจูบหิน นั้นจิงๆแล้วเราล้มทับโทรศัพท์ Samsung คู่ใจ หน้าจอดับสนิท (ยืนไว้อาลัย2วิ)นอกจากเจ็บก้นแล้ว ยังมีความเจ็บปวดรอบสองคือ ค่าเปลี่ยนหน้าจอที่สิงคโปร์เกือบ 8พัน
หลังจากนั้นเราก็ว๊าบกลับมาที่โรงแรม...อาบน้ำ....กินข้าว...นอนตอน 11โมง
ขอพูดถึงความไม่มีสตินิสสสสนึง ด้วยความที่กลางคืนก่อนไปเดินป่านอนไม่กี่ชั่วโมง เพราะมัวแต่เม้ามอย เพื่อนสาวก็แต่งหน้าและPack กระเป๋าเป้อย่างไม่มีสติตอนตี2 โดยนางไม่ได้ดูว่าในเป้มีอะไร เอาแต่ยัดน้ำเกลือแร่กับช็อคโกแลตใส่เป้ไปเพราะกลัวจะหิว
ภาพตัดกลับมาที่โรงแรมระหว่างกินข้าวเช้ากันอยู่ที่โรงแรม นางก็สลัดช้อนซ้อมทิ้ง พร้อมกับอุทานว่า "Laptop ชั้นอยู่ไหน อย่าบอกนะว่า!!!!!" และนางรีบวิ่งไปที่ห้อง แล้วตะโกนออกมาว่า “ชั้นแบก Laptopขึ้นMt Batur”.....
ฉลาดจุง เพื่อนพิช
เนื่องจากโทรศัพท์พัง จึงต้องไปเอารูปของเพื่อของมา
credit รูป: พิช และ Taylor
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น