ผมเสียใจนะ ที่ Ensogo จากไป เพราะสำหรับผม Ensogo ถือเป็นอีก 1 จุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจของผม เติบโตแบบก้าวกระโดด(สถิติสูงสุด 3 วันเคยขายได้ 150k++)และเป็นที่รู้จักมาขึ้น ทีนี้ผมจะมาแชร์ข้อมูลในส่วนที่ผมรู้และวิเคราะห์ถึงสาเหตุการจากไปของเพื่อนผมคนนี้นะครับ...
1.วิสัยทัศน์ ของ Ensogo ถูกทำขึ้นมาเพื่อ"ขาย"
ในทีนี้ผมหมายถึงขายกิจการให้นายทุนซื้อไปบริหารต่อ ไม่ได้ต้องการที่จะเติบโตแบบยั่งยืนตั้งแต่ต้น(คล้ายๆ Lazada ซึ่งก็ขาดทุนอยู่เหมือนกัน แต่ Lazada สายป่านยาวกว่า)
ต้องการให้เห้นผลที่ชัดเจนและรุนแรงในระยะสั้น เพื่อดึงดูดนักลงทุน เพราะการที่ Ensogo สร้าง Network ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง เหมือนเป็นน้ำหวานชั้นดีที่ดึงดูดให้นักลงทุนต่างๆสนใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้*สังเกตว่าช่วงแรกกระแสแรงมากๆ อย่างผมลงดีลครั้งแรก 3 วันขายได้เป้นแสนๆ แล้วก็เริ่มถอยหลังๆ จนล่าสุดเมื่อปีที่แล้วที่ผมลงดีลครั้งสุดท้าย ทั้งเดือนขายได้แค่ 30k เองงงง - -*
ด้วยเหตุนี้เอง โครงสร้างธุรกิจของมัน ถูกออกแบบมาแบบนั้น ซึ่งค่อนข้างฉาบฉวย เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีดับ ขึ้นอยุ่กับว่าจะช้าจะเร็ว ก็เท่านั้นเอง
2.มีการเปลี่ยนมือมากถึง 3 บริษัท ภายในระยะเวลา 3-4 ปี
ตามที่กล่าวในข้อแรก Ensogo ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งมีการเปลี่ยนมือในการบริหารอยู่สม่ำเสมอ และมักจะมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง จนสร้างความสับสนให้แก่กลุ่มลูกค้าอยู่ไม่น้อย
เพราะด้วยอุปนิสัยลูกค้าในไทย มักจะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หากเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ และสื่อสารกับลูกค้าได้ไม่ดี จะถูกมองว่า"หลวกลวง"และไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค สร้างภายในแง่ลบแก่ธุรกิจไปในที่สุด
เช่นตอนแรกมาเป็นเว็บดีลลดราคากันจริงๆ พอมาเป็น Living Social ก็เริ่มปรับเป็น Distributor แล้วก้เริ่มรับของมาขายเอง ฯลฯ
3.Supplier ไม่เข้าใจคอนเซ็ปของ Ensogo
สืบเนื่องมาจากคอนเซ็ปลดราคาของเว็บไซต์ ซึ่งทำให้ Supplier หรือคนขายดีลของ Ensogo ต้องลดราคากันจริงๆ แถมยังต้องเสียค่าคอมฯให้กับ Ensogo ในเรทที่ค่อนข้างสูง(35%++)
แน่นอนว่าถ้า sup ที่ขายดีลใน Ensogo อย่างถูกต้อง มักจะ"ขาดทุน" (ซึ่งรวมถึงผมด้วย TT) เพราะคอนเซ็ปมันเหมือนเราจ้าง Ensogo ไปแจกสินค้าทดลองให้ลูกค้าใช้ มันคือ 1 ในกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งทางผู้ประกอบการเอง ต้องควักต้นทุนออกมา...แต่ Sup คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจแบบนั้น
Sup ต่างๆเข้าใจว่า Ensogo เหมือนห้าง/Dealer เมื่อได้ขายในนี้แล้ว ต้องทำให้เกิด"กำไร" จึงทำให้ต้องดิ้นรนกันอย่างสูง เพื่อที่จะทำให้ดีลที่ขายนั้นเกิดกำไรขึ้นมาบ้าง งัดกลยุทธและวิธีการต่างๆ ไม่ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล เพื่อผลกำไร โดยไม่ได้คำนึงถึงผู้บริโภค ทำให้เกิดเหตุการ์ร้องเรียนตามหน้าหนึ่งพันทิปอยู่บ่อยๆ
สื่อถึงความไม่ซื่อสัตย์ บ้างก็หลอกลวง หมกเม็ด บลาๆๆ จริงอยู่ที่สาเหตุมาจาก Sup แต่เมื่อลูกค้าซื้อจาก Ensogo ก็แน่นอน ย่อมโดยด่าไปด้วยตามๆกัน สร้างภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่ต่อไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ยอดขายดีลจึงตกลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเหตุผลข้ออื่นๆ ผมไม่ขอพูดถึงละกัน เพระาผมมองว่าปัญหาหลักๆคือเหตุผล 3 ข้อนี้ ที่เป้นสาเหตุใหญ่ ทำให้ Ensogo จากไป
แต่ก็ต้องยอมรับว่า Ensogo มีระบบหลังร้าน ที่ดูแล Supplier ได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับผมนะ ดีกว่าทุกๆเจ้าที่ผมเคยดีลกันมาเลย ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ Sup ต่างๆ เลือกดีลกับ Ensogo เหมือนกัน
แต่สุดท้ายก็ไม่รอด...โบกมือลาตาม Groupon ไปติดๆ หรือธุรกิจประเภทนี้ อาจจะไม่เหมาะสำหรับกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา? ก็เป็นด้าย....
ตลาดวายรึยัง? บทความสุดท้ายถึง Ensogo จากอดีตเพื่อนร่วมธุรกิจคนสำคัญของผม
1.วิสัยทัศน์ ของ Ensogo ถูกทำขึ้นมาเพื่อ"ขาย"
ในทีนี้ผมหมายถึงขายกิจการให้นายทุนซื้อไปบริหารต่อ ไม่ได้ต้องการที่จะเติบโตแบบยั่งยืนตั้งแต่ต้น(คล้ายๆ Lazada ซึ่งก็ขาดทุนอยู่เหมือนกัน แต่ Lazada สายป่านยาวกว่า)
ต้องการให้เห้นผลที่ชัดเจนและรุนแรงในระยะสั้น เพื่อดึงดูดนักลงทุน เพราะการที่ Ensogo สร้าง Network ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง เหมือนเป็นน้ำหวานชั้นดีที่ดึงดูดให้นักลงทุนต่างๆสนใจ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้วยเหตุนี้เอง โครงสร้างธุรกิจของมัน ถูกออกแบบมาแบบนั้น ซึ่งค่อนข้างฉาบฉวย เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีดับ ขึ้นอยุ่กับว่าจะช้าจะเร็ว ก็เท่านั้นเอง
2.มีการเปลี่ยนมือมากถึง 3 บริษัท ภายในระยะเวลา 3-4 ปี
ตามที่กล่าวในข้อแรก Ensogo ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งมีการเปลี่ยนมือในการบริหารอยู่สม่ำเสมอ และมักจะมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง จนสร้างความสับสนให้แก่กลุ่มลูกค้าอยู่ไม่น้อย
เพราะด้วยอุปนิสัยลูกค้าในไทย มักจะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หากเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ และสื่อสารกับลูกค้าได้ไม่ดี จะถูกมองว่า"หลวกลวง"และไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค สร้างภายในแง่ลบแก่ธุรกิจไปในที่สุด
เช่นตอนแรกมาเป็นเว็บดีลลดราคากันจริงๆ พอมาเป็น Living Social ก็เริ่มปรับเป็น Distributor แล้วก้เริ่มรับของมาขายเอง ฯลฯ
3.Supplier ไม่เข้าใจคอนเซ็ปของ Ensogo
สืบเนื่องมาจากคอนเซ็ปลดราคาของเว็บไซต์ ซึ่งทำให้ Supplier หรือคนขายดีลของ Ensogo ต้องลดราคากันจริงๆ แถมยังต้องเสียค่าคอมฯให้กับ Ensogo ในเรทที่ค่อนข้างสูง(35%++)
แน่นอนว่าถ้า sup ที่ขายดีลใน Ensogo อย่างถูกต้อง มักจะ"ขาดทุน" (ซึ่งรวมถึงผมด้วย TT) เพราะคอนเซ็ปมันเหมือนเราจ้าง Ensogo ไปแจกสินค้าทดลองให้ลูกค้าใช้ มันคือ 1 ในกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งทางผู้ประกอบการเอง ต้องควักต้นทุนออกมา...แต่ Sup คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจแบบนั้น
Sup ต่างๆเข้าใจว่า Ensogo เหมือนห้าง/Dealer เมื่อได้ขายในนี้แล้ว ต้องทำให้เกิด"กำไร" จึงทำให้ต้องดิ้นรนกันอย่างสูง เพื่อที่จะทำให้ดีลที่ขายนั้นเกิดกำไรขึ้นมาบ้าง งัดกลยุทธและวิธีการต่างๆ ไม่ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล เพื่อผลกำไร โดยไม่ได้คำนึงถึงผู้บริโภค ทำให้เกิดเหตุการ์ร้องเรียนตามหน้าหนึ่งพันทิปอยู่บ่อยๆ
สื่อถึงความไม่ซื่อสัตย์ บ้างก็หลอกลวง หมกเม็ด บลาๆๆ จริงอยู่ที่สาเหตุมาจาก Sup แต่เมื่อลูกค้าซื้อจาก Ensogo ก็แน่นอน ย่อมโดยด่าไปด้วยตามๆกัน สร้างภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่ต่อไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ยอดขายดีลจึงตกลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเหตุผลข้ออื่นๆ ผมไม่ขอพูดถึงละกัน เพระาผมมองว่าปัญหาหลักๆคือเหตุผล 3 ข้อนี้ ที่เป้นสาเหตุใหญ่ ทำให้ Ensogo จากไป
แต่ก็ต้องยอมรับว่า Ensogo มีระบบหลังร้าน ที่ดูแล Supplier ได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับผมนะ ดีกว่าทุกๆเจ้าที่ผมเคยดีลกันมาเลย ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ Sup ต่างๆ เลือกดีลกับ Ensogo เหมือนกัน
แต่สุดท้ายก็ไม่รอด...โบกมือลาตาม Groupon ไปติดๆ หรือธุรกิจประเภทนี้ อาจจะไม่เหมาะสำหรับกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา? ก็เป็นด้าย....