PS : ชื่อสถานที่เค้าขอพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษนะคะทุกคน คือมันย๊ากยาก ไปนู่นยังถามทางด้วยการพูดว่า "How can I go to... (และเอานิ้วจิ้มในแผนที่ค่ะ ไม่ได้กลัวอ่านผิดนะแต่กลัวเค้าฟังไม่รู้เรื่อง 555)
มันคือที่ช็อปปิ้งค่ะทุกคนนนน ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าไรแหละ แต่มันทำเรากับเพื่อนพัง พังในวันแรก กระเป๋าแบนเลยทีเดียว บอกแล้วว่าเที่ยวแบบ Lady ไง ผู้หญิงกับการช็อปปิ้งมันเป็นของคู่กัน เหมือนตะเกียบแหละค่ะ 😆 แต่ร้านรูปล่างน่ะ Joe and The Juice นั้นนน คือร้านพ่อค้าแซ่ป! แต่เราไม่เอารูปเค้ามาลงให้ดูเพราะเกรงใจเค้า แต่เราคิดว่าคนพันทิพต้องตามไปดูแน่ๆ เลยเอามาฝาก 555
[CR]~ Lady Go ~ ตอน Lady Go in Seoul เที่ยวโซล 5 วัน สำหรับผู้หญิงอย่างเรามันจะพอได้ยังไง!
สวัสดีค่ะ ก่อนจะเริ่ม เราขอเกริ่นก่อนสักสองหน้ากระดาษเอสี่ แหะ ล้อเล่นค่ะ จะขอแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักพวกเราก่อนนะคะ เราและเพื่อนเราอีกหนึ่งคน เป็นเพื่อนสนิทกันค่ะ เป็นผู้หญิงทั้งคู่ โดยส่วนใหญ่เราจะไปไหนมาไหนกันสองคนอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่มีใครคบนะคะ 55 แต่เพราะคิดว่าปัญหาที่พวกเราเจอ หลายๆ คนก็น่าจะเจอนั่นคือ การนัดเพื่อนตั้งแต่สองคนขึ้นไปน้าน เป็นเรื่องยากมากกกก ดังนั้นเลยไปกันสองคนซะส่วนใหญ่ นี่แหละค่ะ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ถามว่าชวนคนอื่นมั้ย? ชวนค่ะ และมันไปกันมั้ย???? ไม่ค่ะ! ทั้งเกลี่ยวัน ย้ายเดือนก็แล้ว ยังไม่ลงตัว เลยคุยกันว่าสองคน ไปมะ คำตอบคือไป!!! ไปเด้! ไปหมด อย่าไปกลัว 55 สิ่งที่คิดต่อมาคือ การที่เราเป็นผู้หญิงสองคนและไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกด้วยกัน ข้อจำกัดเลยบังเกิดค่ะ เรียกง่ายๆ คือความเรื่องมากนั่นเอง 555 ดีที่เราคิดเหมือนกันคือ เที่ยวคือเที่ยว เที่ยวให้สนุก ไม่ลำบากดิ เหนื่อยพักงี้ ตารางไม่แน่น เดินทางสะดวก และปลอดภัย ช็อปกระจาย ตอนแรกนี่เลือกประเทศกันเยอะมาก เรียกได้ว่าฟุ้งนั่นเอง อยากไปหมดทุกที่ จนเราตบฟุ้งกันเอง บวกกับความเรื่องมากตามที่กล่าวมา เลยสรุปว่าเป็นเกาหลี ดินแดนสามีมโนของชะนีไทย 😝 เราก็เริ่มวางแผนการเดินทางกันค่ะ ทำเหมือนคนอื่นๆแหละ วางแผนทริป แต่ทริปของเราไม่เป๊ะเรื่องเวลาค่ะ สโลวไลฟ์ให้ถึงที่สุด เลยระบุแค่ย่านไว้ อยากแวะอะไรแวะงี้ แต่จะบอกเลยว่าตอนตัดสินใจไปตอนนั้น ไม่อินกับเกาหลีง่ะ มีไรอ่ะ? เที่ยวไรอะ? มีไรให้ดูอ่ะ? ดูซีรีย์ก็ดูนะ ตอนนั้นจุงกิกำลังดังเป็นสามีแห่งชาติเลยค่ะ เพื่อนอยากไปเกาหลีเพราะจุงกิด้วย แต่เราก็ดูนะ และส่วนตัวดันไม่อินอีก เพลงก็ฟังบ้าง เข้าไม่ถึงแต่ก็ฟัง ส่วนผู้ชายเกาหลี ก็กรี๊ดอยู่แล้วปะ?! ช็อปปิ้งก็ไม่ค่อยช็อปง่ะ สรุป ไปและมีอะไรล่ะ แต่เมื่อพอเราเดินทางจริงๆ ไปถึงจริงๆ ได้เที่ยวจริงๆ และยิ่งกลับมาดูรูป ยิ่งคิดถึง ยังคงประทับใจ นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่เราอยากทำรีวิวให้ทุกคนได้ดูค่ะ อยากแบ่งภาพที่เราถ่ายเองกับมือ แม้มันอาจจะไม่สวยเหมือนของคนอื่น แต่เราอยากแบ่ง อยากแชร์ประสบการณ์ที่เราไปเจอมา มันคือความสนุกที่เราอยากอวดบ้างเท่านั้นเองงงงง 555 😁 Lady Go จึงบังเกิดค่ะ เราไปเที่ยวแบบผู้หญิงกันเนอะ ขอเริ่มเลยนะคะ ลงรูปรัวๆ รายละเอียดน้อยๆ สงสัยตรงไหนถามได้เลยนะคะ หรือไม่ก็หลังไมค์ก็ได้ค่ะ ยินดี
PS : ชื่อสถานที่เค้าขอพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษนะคะทุกคน คือมันย๊ากยาก ไปนู่นยังถามทางด้วยการพูดว่า "How can I go to... (และเอานิ้วจิ้มในแผนที่ค่ะ ไม่ได้กลัวอ่านผิดนะแต่กลัวเค้าฟังไม่รู้เรื่อง 555)
~ Day 1 - วันแรก ~
เราเดินทางด้วยสายการบิน แอร์เอเชียเอ็กซ์ค่ะ บินตอน 01.55 ถึงสนามบินอินชอนเวลา 09.10 ค่ะ ไปถึงก็ตื่นเต้นกันก่อนเลย เพราะตม.ในตำนานนั้นเอง ก่อนเข้าตม.งี้ คิดในใจกัน ผ่านมั้ยล่า นั่งเครื่องกลับนะไม่โอนะ ยังไม่ได้เที่ยวเลย เวิ่นทั้งคู่ แต่ก็ไม่กลัวมากหรอกค่ะ เราเคยไปต่างประเทศกันมาแล้ว เอกสารพร้อมปริ้นเตรียมให้ดูหมด เคยได้ยินความยากมา แต่พอถึงคิวเรานั้น นางใจดีม๊ากค่ะ ไม่ถามด้วย ไม่ถามไม่ว่า ยิ้มให้อีกตะหาก ดีใจ ตีปีก รอดตม.แอบกรี๊ดกันทั้งคู่ กรี๊ดเพราะ "ได้ เที่ยว แล๊ววววว" แต่กว่าจะออกจากสนามบินก็ปาไปเกือบเที่ยงค่ะ บอกแล้วสโลวไลฟ์ นั่งกินกาแฟเพราะติดกาแฟ ถ่ายรูป วางแผนเที่ยว ดูสถานีรถไฟนู่นนี่นั้น
เราตัดสินใจไปเก็บของที่โรงแรมก่อนค่ะ โรงแรมที่เราพักคือ Maker Hotel สถานี Jongno 3-ga มันดีงามมมม ใกล้สถานีแบบ ออกมาปุ๊บเจอปั๊บ มันดีชริงงงงชริง
พออาบน้ำแต่งตัว นอนพักเสร็จแล้ว ไปค่ะ ไปต่อกัน! กองทัพต้องเดินด้วยท้องใช่ม่ะ เรามีสองคนก็นับว่าเป็นกองทัพค่ะ เดินหาอะไรกินแถวโรงแรม นังคนข้างๆ พูดตั้งแต่ลงเครื่องว่า "ไก่ตุ๋นโสม จะกินไก่ตุ๋มโสม อยากลองไก่ตุ๋นโสมมมมม" โอเค! พอ ชั้นรู้แล้ว เราเลยต้องไปกินไก่ตุ๋นโสมกันค่ะ
พออิ่มเราก็ไปทงแดมุน (Dongdaemun) ตั้งใจไป Dongdaemun Gate หรือ Heunginjinmun Gate คือประตูเมืองโบราณงี้ ใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงประตูท่าแพค่ะ นั่น ภาพมาใช่มั้ยคะ 555 แม้มันไม่เหมือน แต่หน้าที่เดียวกันไง
หลังจากนั้นก็ไปที่ Dongdaemun Design Plaza (DDP) ค่ะ พอเห็นและก็อึ้ง เพราะมันใหญ่มากค่ะคุณ! ที่นี่แยกเป็นสองส่วนค่ะ คือเป็นสวนข้างนอกและข้างในก็เป็นที่แสดงสินค้า จัดแฟชั่นโชว์ คอนเสิร์ตอะไรแบบนี้ แล้วที่นี่ก็เป็นที่จัด Seoul Fashion Week ด้วยน้า และแน่นอนว่าเราไปที่นี่เพื่อไปดูทุ่งดอกไม้สีขาวในตำนาน มันจะรื้อ 30 มิถุนายนนี้แล้วด้วย ใครยังไม่ไป ดูในนี้ค่ะ ใครอยากดูภาพกลางคืน ดูรีวิวคนอื่นเลยค่ะ 555 คือมันรอไม่ไหวไง ฝั่งตรงข้ามมันเรียกร้องมากเลย เดี๋ยวให้ดูว่าฝั่งตรงข้ามคืออะไร 😝
อันนี้คือขากลับค่ะ เดินไปขึ้นรถไฟเลยมีมาให้ดูนิดหน่อย
และนี่ค่ะ ฝั่งตรงข้าม DDP น่านก็คืออออ
มันคือที่ช็อปปิ้งค่ะทุกคนนนน ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าไรแหละ แต่มันทำเรากับเพื่อนพัง พังในวันแรก กระเป๋าแบนเลยทีเดียว บอกแล้วว่าเที่ยวแบบ Lady ไง ผู้หญิงกับการช็อปปิ้งมันเป็นของคู่กัน เหมือนตะเกียบแหละค่ะ 😆 แต่ร้านรูปล่างน่ะ Joe and The Juice นั้นนน คือร้านพ่อค้าแซ่ป! แต่เราไม่เอารูปเค้ามาลงให้ดูเพราะเกรงใจเค้า แต่เราคิดว่าคนพันทิพต้องตามไปดูแน่ๆ เลยเอามาฝาก 555
วันแรกจบแล้ว จบไปแบบพังๆ ถือของพะรุงพะรังและกลับไปนอนค่ะ
~ Day 2 - วันที่สอง ~
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ และก็ขอโทษด้วยค่ะที่มาช้า เค้าติดงานนนนน 🙏🏻
มา.. เริ่มค่ะ! วันที่สองเราเริ่มที่วังค่ะ เราเรียกวันนี้ว่าวังเดย์ เพราะอยู่ในวังล่อไปครึ่งวัน เป็นความต้องการของเราเอง เราชอบโบราณสถาน พิพิธภัณฑ์อะไรแบบนี้ เลยบอกเพื่อนว่าขอให้ชั้นวันนึงนะเธอ เราเลือกไปวัง Gyeongbokgung Palace ค่ะ เราว่ามันได้ฟีลเหมือนเวลาคนมาเมืองไทยต้องไปวัดพระแก้วไง เราก็ไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรกก็ทำแบบนั้นเช่นกัน 555 การเดินทางที่นี่สะดวกมากกกก หลายที่ที่เราเลือกไป อาจจะเป็นเพราะสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เลยทำให้มีสถานีรถไฟใต้ดินตลอด ไม่ใกล้มาก ก็ถึงเลย ที่นี่เป็นที่นึงที่โผล่มาปุ๊บ ถึงเลย ก่อนจะไปถึงวังจะบอกว่า สถานีที่เราลงเนี่ยนะคะเป็นสถานีที่มีงานศิลปะจัดแสดงไว้ แม้เราจะเห็นนิดเดียวเพราะไม่ได้ตั้งใจเดินดู แต่ก็รู้สึกว่า เค้าทำได้ดี มันดูมีอะไรมากกว่าสถานีรถไฟใต้ดิน ใครมีเวลาและชอบงานศิลปะลองดูค่ะ อาจจะสนุกค่ะ มันชื่อ Seoul Metro Art Center ค่ะ อ่ะ มาที่วังต่อ พอเราเดินผ่านประตูเข้ามาในวัง แอบกรี๊ดเบาๆ ใหญ่ม๊ากกกกกกก
นึกภาพสมัยก่อนดิคะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นทงอีเดินเข้าวัง (หรอ 🙄) คือจะบอกว่ามันดูยิ่งใหญ่มีพลัง พอเดินเข้ามาข้างใน ตะลึงหนักกว่าเดิมค่ะ เพราะคนเยอะมาก 555 ส่วนมากจะเป็นเด็กเกาหลีนี่แหละค่ะ เค้ามามาทัศนศึกษา แอบดีใจนะ เค้าดูให้ความสำคัญกับเด็กๆ เรียนประวัติศาสตร์มากๆ แบ่งเด็กเป็นกลุ่มเล็กๆ และมีไกด์นำทัวร์ เด็กมีตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมเลยค่ะ
และอีกทีมนึงแน่นอนค่ะ เราหนีเค้าไม่พ้น ที่ท่องเที่ยวดังๆ แบบนี้ คนเยอะๆแบบนี้ ต้องเจอพี่จีนค่าาา พี่จีนเต็มเลย พี่จีนแย่งที่ถ่ายรูปหมดเลย ในเมื่อเราทำไรเค้าไม่ได้! มีอย่างเดียวที่ทำได้คือ เดินหนีค่ะ!!! 555 ตรงไหนคนน้อยๆ ไปถ่ายรูปก่อน พอได้ยินเสียงพี่จีนเรากับเพื่อนจะหันมาบอกว่า หนีเร็ว!!!! (เสียงสอง) เดินหนีค่ะ หนีๆ จนเดินเข้าไปลึกๆ แบบไม่ตั้งใจ ง่ายๆ คือมั่วนั่นเอง คือหลังจากพระราชวังส่วนหน้าเดินเข้าได้ด้านในคนเริ่มน้อยลง เพิ่มเติมคือความสวยและความสงบค่ะ ซึ่งคือดีมาก เราเดินถ่ายรูปได้เรื่อย ๆ จนเจอกับศาลา Gyeonghoeru เป็นศาลาเอาไว้จัดงานเลี้ยงค่ะ อันนี้สวย สวยจริง อยู่กลางน้ำ ตรงนี้เป็นจุดถ่ายรูปอีกจุดที่เห็นเค้าถ่ายกันเยอะ และศาลานี้รู้สึกเค้าจะให้ดูข้างในได้นะคะ แต่ต้องจองล่วงหน้านะคะ
และเราก็เดินมั่วไปเรื่อยๆค่ะ จนเจอศาลาหกเหลี่ยม Hyangwonjeong เท่าที่อ่านคำอธิบายที่นั่น ด้วยภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆ ของเรานั้น คิดว่ามันคือที่พักผ่อนของพระมหากษัตริย์และพระราชินีค่ะ บางวันอยากนอนชมจันทร์ 360 องศาบ้างอะไรแบบนี้
มีต่อตรงคอมเม้นนะคะ 👇🏻