เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 75-76 (ยาวเนอะ)

กระทู้สนทนา
ยิ้ม ตอนที่แล้ว  ตอนที่ 74 http://pantip.com/topic/34855099
ติดตามความเดิมตอนเก่ากว่านี้ ได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose

ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ไปที่แฟนเพจในเฟซบุ๊คได้ค่ะ
https://www.facebook.com/icy.piccy/?ref=hl



ตอนที่ 75



                 ไส้เดือนตัวอวบใหญ่เต็มกำมือถูกชูมาตรงหน้า บางตัวรอดหว่างนิ้วออกมาดิ้นกระแด่วไปมา บางตัวขดตัวเลื้อยรัดกับนิ้วมือ อีกหลายคนตัวนั้นม้วนเป็นก้อนกลมปนอยู่กับขี้ดิน เจ้าของมือเป็นชายวัยกลางคนไม่มีทีท่ารังเกียจขยะแขยงสิ่งที่อยู่ในมือแต่อย่างใด เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในอาชีพของเขามาตลอด  ไส้เดือนพวกนี้เพิ่งถูกขุดมาจากไร่ของตนเอง แล้วนำมายังอโศกคยาที่ใกล้บ้านตนเองที่สุด  


                 เมื่อพบเจ้าคณะพราหมณ์ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่ยังเล็ก  ผิดกันแต่ชายในชุดพราหมณ์นั้นอยู่ในวรรณะพราหมณ์ตั้งแต่กำเนิด  เมื่อเติบใหญ่ก็มาดูแลเป็นที่พักพิงแก่ชาวบ้านยังอโศกคยาหมู่หงส์ เหตุที่เรียกอโคกยาแห่งนี้ว่าหมู่หงส์เพราะมีรูปปั้นหงส์รามัญอยู่หลายจุด เป็นศิลปะที่มาพร้อมกับการอพยพของชาวรามัญที่มาตั้งถิ่นฐาน ณ ที่นี้


                 “พระครู ท่านสังเกตเห็นหรือไม่มันพิกลๆ อยู่”


                 ชายชาวสวนกล่าวเมื่อยืนอยู่เคียงกันยังท่าน้ำข้างอโศกคยา ท่าด้านนี้สำหรับให้พราหมณ์น้อยหรือโขลนวัด [1]มาตักน้ำไปใช้ภายใน  ที่นี่ไม่มีจุดผูกแพหรือเรืออีกทั้งไม่นิยมถ่อแพมาด้วยเนื่องจากน้ำแรงและตลิ่งสูง   ตัวท่าจึงตีไม้แผ่นขนาดใหญ่ยื่นชานลงไปในแม่น้ำสะดวกนี้จะมาตักน้ำไปนั่งเสวนากันไปยิ่งนัก


                 ส่วนท่าสำหรับลอยศพอยู่ห่างไกลออกไปอีกหนึ่งกิโล  ตามปกติแล้วจะส่งศพด้วยเพลิง  เว้นแต่เป็นศพที่ตายอย่างผิดปกติวิสัย  หรือศพที่ฆ่าตัวตายศพเช่นนี้จะไม่ได้รับการฌาปนกิจ  แต่จะถูกล่องไปตามลำน้ำเพื่อส่งไปวิญญาณไปเป็นข้ารับใช้แด่จอมนาคราช  เช่นเดียวกับศพของกุสุมาลย์


                 “อย่างไร?”


                 “ก็ก่อนหน้านี้ไส้ดิน [2]พวกนี้มันหายหัวไปกันหมดเลย อยู่ๆ ก็ออกันมาเต็มไปหมด  แต่....”


                 กล่าวจบก็จัดการโปรยไส้เดือนเหล่านั้นลงในแม่น้ำที่ไหลเรียบผ่านอโศกคยา  ทั้งคู่เฝ้ามองไส้เดือนที่ลอยตัวเหนือน้ำอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพวกมันค่อยๆ จมหายลงไปในน้ำช้าๆ โดยปราศจากปลามาฮุบกิน


                “นี่แหละขอรับ  ประหลาดนัก  ไม่มีปลาใดมากินเหยื่อเหมือนว่าปลามันไปจากที่นี่หมดแล้ว” พระครูพยักหน้ารับแต่มิได้ออกความเห็นใด


                “เมื่อแรมก่อนจู่ๆ ก็มีปลามากมายตรงน้ำตื้น บางตัวก็ขึ้นมาเกยหาดให้จับง่ายๆ พอขึ้นค่ำปลากลับหายไปหมด” สิ่งที่ชายชาวสวนพูดนั้นเป็นเรื่องประหลาดในสายตาคุรุษมันต์พรามหณ์ผู้ดำรงค์ศักดิ์เป็นเจ้าคณะของอโศกคยานัก  ท่านรอบสังเกตความอปกตินี้มาได้ระยะหนึ่งแล้วแต่มิได้เอ่ยปากบอกกับผู้ใด


               “ไส้ดินนี่ก็เช่นกัน  ก่อนหน้านี้ดินแข็งนักเหมือนไม่มีไส้มาไชดินเลย  แต่จู่ๆ  มันก็โผล่มาล้นจากใต้ดินขึ้นมาบนหน้าดินเลย ยั้วะเยี้ยะไปหมด”


               “แต่ปลาหายไปแทนสินะ”


              “นั่นแหละขอรับข้าว่ามันประหลาดอยู่นา  ดินน้ำมันดูพิกลไปหมด”


               “คนอื่นเขาว่าอย่างไร?”


               “ก็บ่นคล้ายๆ กัน แต่ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องมาถามพระครูนี่แหละ  มันเป็นอย่างไรกัน?”


              “อืม...ก็ประหลาดอยู่  หมู่นี้นกบนฟ้าแทบไม่ได้เห็นกัน หริ่งหรีด เรไร ก็พากันเงียบเสียง ยามวิกาลสงัดจนน่าหดหู่”


              “ใช่ๆ ตกกลางคืนไม่มีเสียงแมลงร้องเลย จนกบเขียดมันจะผอมตายอยู่แล้ว”


               คุรุษมันต์พราหมณ์เดินนำหน้าลงไปยังท่าน้ำ  แล้วหย่อนน้ำถุ้ง [3]ตักน้ำลงไปแม่น้ำครู่หนึ่งก็สาวขึ้นมา


              “น้ำมันน้อยลงเห็นจะต้องต่อเชือกให้ยาวขึ้น” ว่าแล้วจึงชูเชือกให้คู่สนทนาดู


              “ได้ๆ เดี๋ยวข้าจัดการให้”


              “กระแสน้ำมันแรงขึ้น ทั้งที่น้ำน้อยลง...แปลกจริงดังว่า...”


              “ทุกอย่างรอบๆ ตัวมันดูพิกลไปหมด  ท่านช่วยตอบหน่อยมันเป็นด้วยเหตุใด?”


              “ข้ายังตอบมิได้ดอก  ดวงดาวก็ยังเดินปรกติมิได้เคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิม”


              “ถ้าอย่างนั้นแล้ว...?”


             “เอาไว้ข้าจะบูชาไฟถามองค์วิษณุเจ้า”


             “ดีๆ ”


             “แต่ตอนนี้หากมีสิ่งใดผิดปกติก็รีบมาบอก  คอยสังเกตสังกาเอาไว้  ส่วนข้าจะให้พราหมณ์หนุ่มถือสาส์นไปยังเมืองข้างๆ ถามเขาว่าสภาพการณ์เป็นเช่นนี้หรือไม่ หรือเกิดแต่ในจุมภะ”


              “ดียิ่ง! อ้อ..ถามเขาด้วยนะว่ากระแสน้ำเป็นเช่นไร  ที่อโศกคยานี่ว่าน้ำแรงแล้วยังไม่เท่าหน้าเวียงดอก  ที่หน้าเวียงนั่นน้ำซัดตลิ่งจนดินยวบ  หลวงเขาซ่อมตลิ่งเลยสั่งให้ย้ายตลาดล่างไปรวมกับตลาดท่าเกวียน..เฮ้อ ลำบากเลยไปอีกตั้งไกลโขจะไปตลาดทีต้องตื่นแต่มืดกันละทีนี้“


              ตลาดล่างนั้นเป็นตลาดที่อยู่ริมท่าน้ำตรงกันข้ามกับเขตพระราชฐาน ต่อมาพระบาทเจ้ารับสั่งให้ซ่อมแซมตลิ่งที่โดนน้ำกัดเซาะ  จึงมีคำสั่งให้ย้ายตลาดล่างไปรวมกับตลาดขนถ่ายสินค้าที่มาทางเกวียน เรียกว่าตลาดท่าเกวียนซึ่งห่างไกลออกไปอีก 16 กิโลเมตร


===================================
  โขลนวัด – เจ้าหน้าที่ในวัด ส่วนมากมีหน้าที่ถ่อแพตอนลอยศพ ต้องใช้คนเชียวชาญน้ำเชี่ยว คอยเขี่ยศพให้ลอยไปไม่ไปติดข้างทาง  จึงเป็นผู้ชายล้วนๆ ต้องมีพละกำลังแข็งแรง  

  ไส้ดิน – ไส้เดือน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่