▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
จังหวัดกาญจนบุรี
โรงแรมรีสอร์ทไทย
เที่ยวไทย
ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์
[CR] สองพี่น้อง ตามรอยรีวิว เต้นท์ติดแอร์ เที่ยวเมืองกาญ ที่ "Mida Resort"
จุดเริ่มต้นของการรีวิวนี้เกิดมาจากการได้อ่านกระทู้หนึ่งใน Pantip รีวิวการท่องเที่ยว "เต้นท์แบบติดแอร์"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก็รู้สึกว่า เห้ยยย แปลกดี โดยส่วนตัวแล้วเคยเที่ยวแบบ นอนกางเต้นท์อยู่บ่อยครั้ง เพราะครอบครัวชอบเที่ยวแนวนี้อยู่แล้ว เราเองก็ชอบนะ รู้สึกสนุก ตื่นเต้นดี แต่ก็แอบเบื่อๆบ้าง เพราะเวลาไปเราไม่สามารถกะเกณฑ์อะไรในสิ่งที่จะเกิดได้เลย ทั้งสภาพอากาศ จะหนาวไหม ฝนตกรึเปล่า หรือร้อน หรือ ที่ที่ไปนั้นเต็มรึเปล่า มีที่กางไหม ซึ่งการไปในแต่ละครั้งของครอบครัวเรา คือการวัดดวง (แต่นั่นก็คงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเที่ยวแบบนั้น) การเที่ยวแบบนอนเต้นท์ หลายคนคงทราบดีว่าในบางที่ ก็จะไม่มีกิจกรรมทำ มีแค่ กิน นอน คุยกัน กิน นอน แล้วลุกมากิน (สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี T^T) ไฟฟ้าก็แทบจะหาไม่เจอแต่มันก็ธรรมชาติดี
สำหรับการไปเที่ยวเต้นท์ของเราครั้งนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากที่เราเคยสัมผัสมา เป็นการนอนเต้นท์ ที่เหมาะสำหรับ คนอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ลองเที่ยวแบบเต้นท์ ใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ยังไม่กล้าท้าทายกับความลำบาก มันตอบโจทย์มาก หยุดทุกความกังวล เป็นการนอนเต้นท์ครั้งแรกที่สบายที่สุดตั้งแต่เคยพบมา ก็แน่ละสิ มันมีทั้ง ที่นอน ทีวี ตู้เย็น และที่สำคัญมีแอร์ ใช่....อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ มันเป็นเต้นท์ เต้นท์แบบที่เราเคยเห็นเค้าไปกางนอนตามป่าอุทยานนั้นละค่ะ แต่ในนั้นมันมีแอร์ บรรยายจนมาถึงบรรทัดนี้ หลายคนคงนึกออกแล้วว่าคือที่ไหน
(ก็น่าจะรู้นานแล้วตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วอ่ะเนอะ)
เนื่องจากรีวิวในพันทิปกระทู้นั้นทำให้เรา ตัดสินใจไปในครั้งนี้ ที่ ไมด้า รีสอร์ท กาญจนบุรี โดยครั้งนี้เราเดินทางไปกับพี่สาวแค่ 2 คน เท่านั้น อ่านรีวิวจบปุ๊บ รีบ copy link ส่ง LINE ให้พี่สาวดูทันที และก็ตัดสินใจจองที่พักผ่าน Agoda ด้วยเวลาเพียง 5 นาที เหมือนโดนสะกดจิต รู้ตัวอีกทีจองห้องเสียตังเรียบร้อย(ค่าที่พักสำหรับ 2 คน วิวแม่น้ำ + อาหารเช้า ในราคา 1728 บาท) หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยนัดแนะและพูดคุยอะไรกับพี่สาวอีกเลย
ภาพตัดมาถึงวันเดินทาง เราไม่มีการแพลนอะไรไว้ล่วงหน้า เรา 2 คน รู้แค่ว่าวันนี้ เราจะไป ไมด้า รีสอร์ท กัน เท่านั้น (เห้ยยยย ชิลไปรึเปล่าย๊ะหล่อน) เราออกเดินทางเวลา เกือบเที่ยง โดยใช้รถส่วนตัว วิ่งเส้นนครปฐม (รู้แค่นั้นละ นอกนั้นให้อากู๋ Google Map นำพาเราไป) ก่อนจะขับไปต่างจังหวัด ก็แวะเติมน้ำมัน (เต็มถัง 800 บาท) เช็คลมยางสักหน่อยแล้วกัน พื้นฐานการขับรถพี่เราบอก
เราถึง กาญจนบุรี ประมาณ เวลา บ่ายสองโมง เริ่มหิว ก็ดูรีวิวร้านอาหาร หลักเกณฑ์การตัดสินใจของเรา ง่ายนิดเดียว อร่อยใช่ไหม? เปล่าเอาวิวเข้าว่ารสชาติไว้ทีหลัง (ก็มันเห็นแค่รูปจะไปรู้ได้ยังไงละว่าที่ไหนอร่อยจริงไหม) ก็เลือกจากบรรยากาศแล้วกัน ได้ร้านเสร็จก็พิมพ์หาพิกัด ใน Google Map เหมือนเดิม มุ่งตรงไปสู่ ครัวต้นแม่กลอง ภาพในหัวของเราหลังจากเห็นภาพแล้ว คือเดี๋ยวจะไปกินข้าง นั่งห้อยขาแกว่งน้ำโบกสะบัด วักน้ำไปมา โอ้ยยย ถ่ายรูปสวยๆ ไปถึงปุ๊บ หืมมมมม...ร้อนวะเห้ยยย (ควรไปช่วงเย็น บรรยากาศริมน้ำ นะคะ โรแมนติกมากกก) ไปถึงเราเลยนั่งด้านในแพ กินข้าวแล้วค่อยไปถ่ายรูปสักใบ สองใบไหนๆก็มาแล้ว เมนูที่เราสั่งคือ ปลากดทอดราดน้ำปลา แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง ยำถั่วพลู และข้าวเปล่า คนละจาน โค้ก สองขวด (ราคา 640 บาท) อาหารรสชาติดี ปลาสดไม่มีกลิ่นคาว เสียดายที่ทำไมถึงไม่มาตอนเย็นละจะได้ฟินกว่านี้ T^T
เติมพลังเสร็จ ก็ต้องขอเดินทางต่อไปยังที่พัก
ยู้ฮู้ ไมด้า พี่มาหล่าววววววว ระหว่างทางเข้า กับตัวรีสอร์ท ค่อนข้างตื่นตาพอสมควร ระหว่างทาง มีบ้านทรงสวยๆ คล้ายแบบฝรั่งๆอยู่ระหว่างทาง หลายหลังที่เราชอบ แต่มีหลังนึงเราเห็นที่เค้ารีวิวถ่ายมา เราก็แอบเลียนแบบเค้าบ้าง บางหลังถ้าเดินตอนกลางคืนนี่ก็วิ่งเถอะน่ากลัวชะมัด (ฮ่าฮ่า)
มาถึงก็เดินเข้าไปเช็คอิน ยื่นใบจองที่ปริ้นท์มาพร้อมบัตรประชาชน ระหว่างรอก็มีพนักงานมาเสริฟ์ น้ำส้ม (หูยยย บริการดีอ่ะ มีน้ำส้มเย็นๆให้ด้วย) เช็คอินเสร็จ น้องพนักงานก็อธิบายแจ้งเบอร์ติดต่อ แจ้งรายละเอียดเล็กน้อย พร้อมให้บัตรทานอาหารเช้า และ รหัส Wifi หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะพาไปยังเต้นท์ที่พักของเรา ระหว่างทาง พนักงานก็จะแนะนำจุดต่างๆไปด้วย เต้นท์เรา หมายเลข 13 เข้าสู่ดินแดนเวิ้งว้างอันไกลโพ้น อยู่ริมสุดเลยแหะ(แอบลุ้นว่าจะได้เต้นท์เดียวกับเจ้าของที่เราไปอ่านรีวิวเค้าไหมนะ สุดท้ายก็ไม่ใช้เสียดายจัง) เต้นท์เราอยู่ติดกับเต้นท์ในรีวิวเลย ดีไม่แพ้กันทีเดียว ก่อนมาที่บ้านแอบกังวลอยู่เล็กๆว่าเป็นผู้หญิง ไปกันแค่ 2 คน นอนเต้นท์ด้วยจะอันตราย ก็เป็นห่วง เราเองก็แอบคิดเหมือนกันเนอะ สถานที่เปิดคนเดินผ่านไปมาได้ พอเห็นก็โอเคสบายใจได้นิดนึง เพราะ ที่เต้นท์มีกุญแจตัวเล็กไว้คล้องซิปที่สามารถล็อคเต้นจากด้านในได้ ก็ LINE บอกที่บ้านก็สบายหายห่วงจ้า
เปิดประตูเต้นท์(รูดซิป...ฟีดดดดดดดด!) ตู้วววหู้ววว สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ประกอบไปด้วย ทีวีเอย ตู้เย็นมินิเอย(น้ำฟรีสองขวด) ตู้เซฟ แอร์ เตียงนอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม ชุดคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ ที่แขวนเสื้อ สบู่ หมวกอาบน้ำ ไดร์เป่าผม กระจกบานเบ้อเริ่ม เรากับพี่สาวก็เลยขอตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัว นอนอยู่บนทิ้งนอนสักพักนึง ถ่ายรูปเล่นบ้างเล็กน้อย แล้วก็นอนจนมืด
พอเริ่มมืดเราก็ชักชวนกันไปอาบน้ำ ห้องน้ำแยกชายหญิง คนละฝั่งแต่เข้าทางเดียวกัน ห้องน้ำสวยและสะอาด (ซึ่งเราชอบที่สุด) เพราะเวลาไปนอนเต้นท์เป็นเรื่องยากมากของห้องน้ำรวมที่มันจะเนี๊ยบขนาดนี้ พอเปิดประตูห้องอาบน้ำ ก็พบว่าเป็นแบบกึ่ง เปิดนิดหน่อย ภายใน มีให้เลือกสไตล์การอาบน้ำ ทั้งแบบตักตุ่ม จ้วงน้ำสาดโครม หรือจะแบบฝักบัวทำมิวสิควีดีโอ ฝักบัวมีทั้งแบบฝักบัวด้านข้างและฝักบัวด้านบนหัว เลือกเอาตามถนัด ระดับน้ำนี่รองรับทุกสภาพอากาศ เพราะ มีทั้งน้ำอุ่น น้ำเย็น แถมในห้องน้ำมี สบู่และ แชมพู ให้บริการอยู่แล้ว(โหยยย หยิบมาทำไมวะตู ถ้ารู้ว่ามีให้ นี่ไม่เอามาหรอก)
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเก็บของเสร็จ เรากับพี่สาวเลือกจะกินอาหารที่ลานอาหารของรีสอร์ท โดยที่รีสอร์ท มีให้เลือกระหว่างจะโทรศัพท์ (ตามเบอร์ที่ให้ไว้) มากินที่เต้นท์ หรือจะเดินมากินที่ลานอาหารส่วนกลางก็ได้ โดยเมนูที่เราสั่ง คือ ข้าวผัดหมู 1 จาน ข้าวผัดกุ้ง 1 จาน และ แกงป่าปลาคัง 1 ถ้วย (มาซดให้คล่องคอ) เป๊บซี่ และ เซเว่นอัพ คนละ 1 กระป๋อง และปิดท้ายเพื่อย่อยอาหาร เรากับพี่สาวจึงสั่ง มาการิต้า กับ บลูฮาวาย มาดื่มเบาๆ (ราคา 800 บาท) สำหรับเรากับพี่สาวก็ถือว่า ราคาปกติ ไม่ได้แพงจนเกินสมควร ซึ่งเวลาไปกินตามที่พักของที่เที่ยวนั้นๆก็ประมานนี้ (ทริปนี้การคำนวนราคาเราจะปัดเป็นเลขกลมบ้างในบางรายการเพื่อที่จะได้หารกันง่ายๆแบบไม่มีเศษมากนัก) คิดเงิน จ่ายตังเรียบร้อย เราก็สามารถถือเครื่องดื่มกลับมากินที่เต้นท์ได้ โดยเสียดายวันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ จึงอดกินข้าวนั่งชิวริมน้ำตามรีวิวที่เราเห็น ซึ่งโซนนี้จะเปิดเฉพาะ วันศุกร์ และ เสาร์ (โอยยย เศร้ามากเสียดายจัง) กลับมาถึงเต้นท์ สองสาวพี่น้องก็ชนแก้ว จิบเครื่อง ดื่ม คุยกันสักพัก ดูละคร จัดของ นัดแนะวางแผนการตื่นขึ้นมากินอาหารเช้า พร้อมทั้งการเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ และเข้านอน
เวลา 07.00 น. เราสองคนตื่นก่อนเสียงนาฬิกาปลุก และ ชวนกันไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนไปกินอาหารเช้า (เพื่อไม่ให้ผู้พบเห็นเราตกใจหากเราจะตื่นแล้วไปยังห้องอาหารเลย เราสงสารพวกเขาเหล่านั้น) แต่งตัวเสร็จก็มุ่งตรงไปยังที่กินข้าว อาหารเช้ามีให้เราเลือกเยอะพอสมควร ทั้งแบบ ไทย ข้าวสวย แกงจืด ข้าวผัด หรือแบบฝรั่ง ไข่ดาว แฮม แพนเค้ก ขนมปัง ซีเรียล สลัด ผลไม้ น้ำส้ม นม ชา กาแฟ น้ำเก๊กฮวย เยอะแยะมากมาย
หลังจากกินเสร็จเราก็กลับมาเก็บของ นั่งพักให้อาหารย่อย และ เดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ ไว้เป็นที่ระลึก