ยางเข้าฤดูฝนทีไร ผู้คนมักถามไถ่กันว่า จะมีน้ำท่วมใหญ่รุนแรงมหาศาลเหมือนเมื่อปี 2554 หรือไม่ เพราะมหาอุทกภัยหนนั้นยังเป็นฝันร้ายที่สร้างความหวาดผวามาจนถึงบัดนี้ แถมเพิ่งผ่านมาเพียง 5 ปี จึงยังไม่มีใครลืมเลือน
ถามขึ้นมาทุกครั้งก็จะได้รับคำตอบว่า อุทกภัยประวัติ ศาสตร์หนนั้น มีปัจจัยมากมายหลายประการ ซึ่งยากจะเกิดขึ้นได้อีกง่ายๆ
แต่มาเมื่อค่ำวันจันทร์ต่อเนื่องถึงเช้าวันอังคาร ที่ผ่านมา หลายคนตื่นนอนขึ้นมาแทบช็อก
สภาพราวกับปี 2554 หวนคืนมาอีกแล้ว
สภาพถนนหลายสาย ตรอกซอกซอยหลายแห่ง มีน้ำท่วมขังชนิดรถเก๋งจมไปครึ่งคัน
เช่นถนนรามอินทรา บรรดาบ้านเรือนในซอยต่างๆ ต้องเอารถมาจอดกันริมถนนตลอดแนวยาวเหยียด เพราะขืนจอดในบ้านก็จมหมด!
ยังดีที่ไม่ต้องเอาไปจอดกันเต็มสะพานยกระดับข้ามแยกต่างๆ หรือ 2 ข้างบนทางด่วน แบบคราวมหาอุทกภัย
นี่แค่เริ่มต้นหน้าฝนของปีนี้
แค่ฝนถล่มต่อเนื่องในคืนเดียว กทม.บางส่วนก็จมในทันตา แถมท่วมสูงอย่างน่ากลัว ถ้าใช้ศัพท์ของผู้บริหารกทม.ก็ต้องว่า แค่น้ำท่วมขังรอระบาย
แต่นี่น้ำที่รอระบายมันท่วมขังสูงและระบายนานมาก!
แล้วเมื่อเข้าหน้าฝนเช่นนี้แล้ว ก็เป็นไปได้มากที่จะเกิด ฝนตกหนักทุกวันต่อเนื่องหลายเดือน เราจะไว้วางใจกันได้หรือ
หากย้อนไปทบทวนประวัติศาสตร์เมื่อ 5 ปีก่อน จะพบว่าปัจจัยที่นำมาสู่เหตุการณ์มหาอุทกภัยนั้น มีหลายประการ
ได้แก่ ปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้ฝนมาเร็วสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม ต่อเนื่องถึงตุลาคม
มีพายุที่เคลื่อนตัวมาจากทะเลจีนใต้เข้าเยือนประเทศไทย ถึง 5 ลูก ไหหม่า นกเตน ไห่ถาง เนสาด และนาลแก
เกิดร่องมรสุมพาดผ่านอย่างต่อเนื่อง ศัพท์ของนักวิชาการระบุว่า เป็นร่องมรสุมที่ไม่เคลื่อนตัว จึงทำให้ ฝนตกซ้ำๆ จนน้ำท่วมขังหนัก
ยังมีกรณีน้ำสะสมในเขื่อนสูงมาก น้ำทะเลหนุนบริเวณอ่าวไทยทำให้การระบายออกล่าช้า
นอกจากนี้ยังมีปัญหาลำน้ำคูคลองต่างๆ ที่ควรเป็นทางระบายหรือช่วยรับน้ำ ล้วนตื้นเขินหรือโดนรุกล้ำ
ทั้งหลายทั้งปวง ปัญหาเหล่านี้ได้มีการเร่งแก้ไขไปแล้วบางส่วน ภายหลังอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ผ่านพ้นไป
แต่เหตุใดเพิ่งเข้าฤดูฝนในปี 2559 ยังไม่ได้มีปัจจัยอะไรมากมายมาประเดประดังอย่างปี 2554
แค่ตกต่อเนื่องข้ามคืนก็จมกันไปเกือบครึ่งเมืองกรุงกันแล้ว!?
หลายคนอดไม่ได้ต้องนึกถึงตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หนสุดท้าย
ไปหลงกระแสหวาดกลัวเผาบ้านเผาเมือง เลยได้ท่วมบ้านท่วมเมืองแทน!
วงค์ ตาวัน ข่าวสด
คนกรุงฯหวาดกลัวเผาบ้านเผาเมือง เลยได้ท่วมบ้านท่วมเมืองแทน!
ถามขึ้นมาทุกครั้งก็จะได้รับคำตอบว่า อุทกภัยประวัติ ศาสตร์หนนั้น มีปัจจัยมากมายหลายประการ ซึ่งยากจะเกิดขึ้นได้อีกง่ายๆ
แต่มาเมื่อค่ำวันจันทร์ต่อเนื่องถึงเช้าวันอังคาร ที่ผ่านมา หลายคนตื่นนอนขึ้นมาแทบช็อก
สภาพราวกับปี 2554 หวนคืนมาอีกแล้ว
สภาพถนนหลายสาย ตรอกซอกซอยหลายแห่ง มีน้ำท่วมขังชนิดรถเก๋งจมไปครึ่งคัน
เช่นถนนรามอินทรา บรรดาบ้านเรือนในซอยต่างๆ ต้องเอารถมาจอดกันริมถนนตลอดแนวยาวเหยียด เพราะขืนจอดในบ้านก็จมหมด!
ยังดีที่ไม่ต้องเอาไปจอดกันเต็มสะพานยกระดับข้ามแยกต่างๆ หรือ 2 ข้างบนทางด่วน แบบคราวมหาอุทกภัย
นี่แค่เริ่มต้นหน้าฝนของปีนี้
แค่ฝนถล่มต่อเนื่องในคืนเดียว กทม.บางส่วนก็จมในทันตา แถมท่วมสูงอย่างน่ากลัว ถ้าใช้ศัพท์ของผู้บริหารกทม.ก็ต้องว่า แค่น้ำท่วมขังรอระบาย
แต่นี่น้ำที่รอระบายมันท่วมขังสูงและระบายนานมาก!
แล้วเมื่อเข้าหน้าฝนเช่นนี้แล้ว ก็เป็นไปได้มากที่จะเกิด ฝนตกหนักทุกวันต่อเนื่องหลายเดือน เราจะไว้วางใจกันได้หรือ
หากย้อนไปทบทวนประวัติศาสตร์เมื่อ 5 ปีก่อน จะพบว่าปัจจัยที่นำมาสู่เหตุการณ์มหาอุทกภัยนั้น มีหลายประการ
ได้แก่ ปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้ฝนมาเร็วสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม ต่อเนื่องถึงตุลาคม
มีพายุที่เคลื่อนตัวมาจากทะเลจีนใต้เข้าเยือนประเทศไทย ถึง 5 ลูก ไหหม่า นกเตน ไห่ถาง เนสาด และนาลแก
เกิดร่องมรสุมพาดผ่านอย่างต่อเนื่อง ศัพท์ของนักวิชาการระบุว่า เป็นร่องมรสุมที่ไม่เคลื่อนตัว จึงทำให้ ฝนตกซ้ำๆ จนน้ำท่วมขังหนัก
ยังมีกรณีน้ำสะสมในเขื่อนสูงมาก น้ำทะเลหนุนบริเวณอ่าวไทยทำให้การระบายออกล่าช้า
นอกจากนี้ยังมีปัญหาลำน้ำคูคลองต่างๆ ที่ควรเป็นทางระบายหรือช่วยรับน้ำ ล้วนตื้นเขินหรือโดนรุกล้ำ
ทั้งหลายทั้งปวง ปัญหาเหล่านี้ได้มีการเร่งแก้ไขไปแล้วบางส่วน ภายหลังอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ผ่านพ้นไป
แต่เหตุใดเพิ่งเข้าฤดูฝนในปี 2559 ยังไม่ได้มีปัจจัยอะไรมากมายมาประเดประดังอย่างปี 2554
แค่ตกต่อเนื่องข้ามคืนก็จมกันไปเกือบครึ่งเมืองกรุงกันแล้ว!?
หลายคนอดไม่ได้ต้องนึกถึงตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หนสุดท้าย
ไปหลงกระแสหวาดกลัวเผาบ้านเผาเมือง เลยได้ท่วมบ้านท่วมเมืองแทน!
วงค์ ตาวัน ข่าวสด