สวัสดีทุกท่าน กระทู้นี้เป็นภาคต่อนะคะ หลายๆคนอาจได้อ่านภาคแรกมาบ้างแล้ว ถ้าใครที่อยากอ่านภาคก่อนก็สามารถติดตามได้ตามลิ้งค์นี้นะคะ
http://m.pantip.com/topic/35224536? เอาล่ะๆๆเกริ่นมาเยอะแล้วเรามาต่อกันเลยดีกว่าเนอะ
หลังจากที่เราผ่านการสอบผ่านข้อเขียน ผ่านสัมภาษณ์ ผ่านการอนุมัติลาเรียน และยังได้ทุนค่าเทอมมาอีกเด้งหนึ่ง นี่คือหนทางเริ่มต้นของการที่เราจะได้เดินตามฝันแล้ว วันแรกของการเข้าเรียนมหาลัยเป็นการเข้าค่ายสามวันแรกพบของคณะค่ะ ถ้าถามถึงความรู้สึกในตอนนั้นคือแบบว่า กูมาทำเ-ี้ยไรที่นี่ มาให้เด็กด่า เด็กว๊ากใส่งั้นหรอ คือเราแบบว่าเป็นที่แบบไม่ชอบทำตามใคร แนวฮาดคอร์ ใครแรงมากูแรงกลับไรงี้ คือด้วยนิสัยเดิมก็พร้อมชนอยู่แล้ว ยิ่งรุ่นพี่ทั้งหลายก็เด็กกว่าเราอยู่แล้ว เพราะเรามาจากโควต้าผู้ช่วยพยาบาล แต่ตามธรรมเนียมที่นี่(จริงๆเราว่าทุกที่แหละ) มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน อีกอย่างคือแบบเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนหมู่มากต้องมาถูกลงโทษเพราะตัวเอง ก็เลยกัดฟันทนต่อไปจนครบสามวัน (แต่ถ้าความรู้สึกตอนนี้น่ะหรอ มันคิดถึงตอนนั้นมากๆ คิดถึงเพื่อนๆ) คือจริงๆมันก็แปลกๆนะกับการเข้ามาเป็นปี 1 ทั้งๆที่ตัวเองแบบแก่แล้วอ่ะ ทำงานมาแล้ว คือฟิลแบบว่ามันเล่นอะไรกับเด็กๆพวกนี้ไรประมาณนี้ รุ่นพี่ก็เด็กมากกกก แต่ก็นะเข้าใจว่าอีกมุมของชีวิตเรา ครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยเต็มตัว เรียนรามก็ไม่ได้เข้าห้องเรียน คอยดูนะ ช้านจะตั้งใจเรียนเอาเกียรตินิยม 55555 หึหึ
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตนิสิตเต็มตัว เรียนค่าาาาา สมองนี่จะระเบิด ต้องมาเรียนพื้นฐานวิทย์ใหม่หมด เดี๋ยวๆๆๆๆๆเราจบ ม.6 มา 5 ปี ขอบอกเลยว่าตามเพื่อนๆไม่ทันค้าาา เรียนแต่ละคาบเรานี่เข้าไปหลับ วิชาเลคเชอร์โดดค่ะ เป็นอย่างนี้ตลอด เรียนก็หนัก ตกเย็นก็ซ้อมเชียร์จนดึก มันเหนื่อยมากกกก จนวันนึงฉุกคิดได้ว่ารามชั้นล่ะ เหลือ2เล่มเองนะ จะทิ้งหรอ จะทำตัวเกเรแบบนี้หรอ คือด้วยความที่เราชอบเที่ยว ชอบดื่ม ชอบกิน ทุกวันหยุดเรากลับเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพตลอด เพราะมหาลัยอยู่นอกเมือง ร้านเหล้าน่ะมีแต่กฎห้ามปี 1 ไปไง เลยเข้ามาเที่ยวในเมืองเอา เพราะไม่อยากทำผิดกฎให้เพื่อนๆเดือดร้อน ก็อยู่ได้ไม่เดือดร้อนนะ แต่รามนี่สิเมื่อไหร่จะจบ เพื่อนๆที่มาเรียนด้วยกันมันจบหมดแล้วอ่ะ เราก็ 5 ปีแล้วนะ เรียนพยาบาลก็หนัก กิจกรรมก็เยอะ อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าปีสูงยิ่งหนักนะ เราเลยฮึดเก็บแรงเฮือกสุดท้าย คือเหลือ 2 เล่มมาปีนึง ไม่จบสักที สุดท้ายค่ะ เรียนจบรามตอนมาเรียนพยาบาล ใช้เวลาไป 5 ปีครึ่ง ภูมิใจมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้นะ บังคับตัวเองจนจบได้ แต่เราย้ายจากเอกบัญชีมาเอกการตลาดนะ ก็ยังถือว่าโชคดีที่เอาตัวรอดมาได้ เพราะช่วงนั้นทำงานช่วง ส-อา ด้วย ไปรับขึ้นเวรที่ รพ เอกชนไง เรียนหนัก เที่ยวหนัก ทำงานเยอะ ร่างแทบพัง ผลสุดท้ายเกรดของเทอมแรกออกมานี่โคตรห่วย ยังดีที่ไม่ติดโปร แต่ถูกหัวหน้าเรียกไปอบรมความประพฤติค่ะ จ๋อยกันเลยทีนี้ เพราะถ้าเกรดไม่ถึงเกณฑ์จะต้องชดใช้ทุนคืนพร้อมดอกเบี้ย ทำไงดีล่ะทีนี้ T_T
ด้วยความที่เป็นคนไม่รู้จักพอในชีวิต อยากได้นู่นนี่นั่น ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีเงิน ถึงจะเที่ยวก็จริงแต่ก็รับขึ้นเวรหาเงินตลอด ร่างแทบพังจนเก็บเงินได้อยู่ก้อนนึง ก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย ที่จริงตอนนั้นก็มีแฟน เลยให้แฟนเอาไปปล่อยเงินกู้ โหหหหหห ชีวิตตอนนั้นนะดีมากกกกค่า คือตอนนั้นทำงานเยอะ มหาลัยก็อยู่ไกล ต้องเดินทางโดยรถตู้คือมันก็เหนื่อย มีความคิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าต้องมีรถสิ จะได้เดินทางสบาย โก้ด้วยนะ เรียนมหาลัยมีรถขับไปเรียน นั่นนนนนไง หารู้ไม่ว่านั่นแหละคือนรกชัดๆ พอคุยกับแม่ แม่ก็ช่วยออกค่าดาวน์ให้ส่วนหนึ่งเป็นของขวัญเรียนจบ งวดส่งรถแต่ละเดือนก็หาเอง สุดท้ายก็ได้รถมือสองสภาพเอี่ยมอ่องมาคันนึง แรกๆก็ไม่ลำบากนะ เก็บดอกเงินกู้แต่ละเดือนก็เยอะ ไหนจะค่าเวรอีก เงินเยอะค่ะ เที่ยวหนักเลยทีนี้ แต่เรื่องเรียนจริงจังมากกว่าเดิม เพราะรามจบแล้วเหลือพยาบาลอย่างเดียว แต่ก็สไตล์เดิม เรียนๆหลับๆ เพราะทำงานไปด้วย ต้องขึ้นเวรดึกตลอด เลยเป็นคนโหยหาการนอนมาก แต่สุดท้ายก็จบเทอมสองด้วยเกรดที่พุ่งกระฉูดจนอาจารย์ที่ปรึกษายังตกใจ คือตัวเองก็ตกใจนะว่าทำไปได้ไง แต่ไม่มีทางได้หรอกเกียรตินิยมอ่ะ เลี้ยงหมาตั้งแต่เทอมแรกแล้ว แง้ๆๆๆๆๆๆ
พอเข้าปีที่สองก็เป็นช่วงรับน้อง ต้องดูแลน้องปี1 เราสายกิจกรรมอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นคนหน้านิ่งอยู่ทุนเดิม ไม่ต้องพูดก็ดูดุมากอยู่แล้ว เพราะเป็นคนเสียงแข็งมากกก แล้วเป็นพี่วินัยอีกต่างหาก น้องๆนี่ไม่กล้าคุยด้วยกันเลยทีเดียว แต่จริงๆแล้วเราเป็นคนใจดีนะ 55555 ก็มีกิจกรรมตลอด เราก็ทำกิจกรรมจนไม่ค่อยได้ไปทำงานเท่าแต่ก่อน เงินก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ แล้วปีนั้นก็เป็นปีที่มีกีฬาพยาบาล เราก็เล่นวอลเล่ย์จนไม่ได้ไปขึ้นเวรเลย คนเราก็มักจะเลือกในสิ่งที่ตัวเองรักอยู่แล้วมั้ย จริงๆแล้วข้ออ้างค่ะ ขี้เกียจต่างหาก 55555 หลังจากนี้แหละความบรรลัยเริ่มบังเกิด เวรไม่ได้ไปขึ้น กินบุญเก่าของดอกเงินกู้ แต่ทีนี้โดนแฟนตัวเองนี่แหละค่ะโกง มันบอกว่าคนที่กู้หนีหนี้ แต่มาจับได้ทีหลังว่ามันติดบอล ยิ่งกว่านั้นเอาทองเราไปจำตั้งนานจนทองหลุดจำนำอีกต่างหาก ชีวิตนรกมากตอนนั้น ยังดีที่มันเหลือสร้อยคอที่ตาเคยให้ตั้งแต่เด็กไว้ให้เราเส้นนึง
ช่วงนั้นเป็นช่วงปัญหาไม่พอ ยังมามีเรื่องกับรุ่นพี่ที่คณะค่ะ เรื่องไม่เป็นเรื่อง ด้วยความที่เราเองเป็นคนไม่ยอมคน ไม่ชอบหาเรื่องใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาหาเรื่อง ถ้าเจอใครหาเรื่องนี่พร้อมลุยมาก เรื่องมีอยู่ว่าเราพาน้องเทคไปเลี้ยง แล้วในชั้นปีน้องก็ซ้อมเชียร์ คือจริงๆมันก็เป็นเรื่องธรรมดานะ ที่รุ่นพี่ปี 3,4 พาน้องไปเลี้ยง แต่ดันมาเหน็บเราต่อหน้ารุ่นน้องไง อันนี้มีคนมาเล่าให้ฟัง ไม่ได้ยินกับหูหรอกค่ะ อารมณ์เราคือพวกคุณพาน้องไปเลี้ยงกันได้ แล้วทำไมเราพาไปไม่ได้ล่ะ ของขึ้นสิคะงานนี้ มีเคลียร์แน่นอน พอเรารู้เรื่องเราก็เลยหาเบอร์สิคะงานนี้ โทรค่ะโทรเคลียร์ เราเองคุยคนเดียวนะคะ แต่พวกนางรุมเราทางโทรศัพท์ 4 คนค่ะ คือเราอ่ะนะไม่อยากให้เพื่อนๆมีเรื่องกับรุ่นพี่เพราะเราไง เพราะเวลาทำผิดต้องรับผิดทั้งรุ่น แล้วอีกอย่างคือแบบว่ารุ่นพี่ถูกเสมอ เลยอยากเคลียร์คุยกันแบบว่าให้จบๆทีเดียว 4 คนที่ว่าเนี่ยเป็นผู้ชายนะคะ คือแบบต่อให้ชายรึหญิงเราก็ไม่ได้กลัวไง เรายอมรับนะว่าด่าคนไม่เป็น เถียงคนไม่สู้ พวกนางก็รุมใหญ่ค่ะ เราเลยบอกพวกนางว่าให้ลงมาคุยกันข้างล่างจะได้รู้เรื่อง เราจะรออยู่ข้างล่าง ไปคนเดียวด้วยค่ะ ไม่หาพวกด้วย สรุปพวกนางไม่ยอมลงมาค่ะ เราก็เลยกลับห้อง ตอนนั้นมีเพื่อนรู้เรื่องนี้อยู่ 3 คน แล้วเราก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังอีกเลย ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าหาพวกพ้องด้วย
เช้าวันต่อมาอาจารย์ที่คณะเรียกเราไปคุยเรื่องนี้ ถามว่าเรามีปัญหาอะไรรึป่าวถึงมีเรื่องกับรุ่นพี่ เรานี่ของขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีก คือแบบทำอะไรเราไม่ได้ถึงขนาดต้องมาฟ้องอาจารย์กันเลยหรอ กลายเป็นเรื่องใหญ่ในคณะเลยค่ะ ชื่อเราติดโผความแรงกันเลยทีเดียว เราเองยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังเล้ยยยยย แม่มมมมม เชื่อมั้ยว่าอยู่ดีๆพี่กุ้งเป็นพี่รหัสเราที่จบไปทำงานอยู่ รพ.ใกล้ๆ มาหาเราแล้วถามเราว่ามีเรื่องอะไรกับรุ่นพี่ เรางี้อึ้งมากอ่ะ ไม่อยากเล่าให้ฟังนะไม่อยากให้คนมองว่าขี้ฟ้อง แต่พี่กุ้งเราบอกว่า "กูรู้เรื่องหมดแหละ แค่อยากรู้จากปากน้องรหัสกูแค่นั้นแหละ กูเป็นพี่ทำไมไม่คิดจะเล่าให้กูฟังบ้าง" ผมนี่จุกเลยฮ่ะ "หนูไม่อยากให้ใครมองว่าหาพวก เข้าใจหนูนะ" จริงๆพี่กุ้งนี่ถ้านับอายุก็รุ่นเดียวกับเรานะ หลังๆมาเลยเที่ยวด้วยกัน ไปไหนมาไหนกันบ่อย เพราะวัยเดียวกันคุยกันรู้เรื่อง ขาโหดด้วยนะคนนี้ 55555 ยังๆไม่พอ พี่รหัสปี 4 ชื่อพี่เขียว มีงอลเราด้วยนะ คนนี้เป็นประธานสโมสรนิสิตด้วย พี่เขียวพูดว่า "ทำไมน้องรหัสกูไม่เล่าให้ฟัง ทำไมกูต้องรู้จากปากคนอื่น คนอื่นเค้านินทากันชิ-หาย นี่นะ" สรุปปปปปป ตรูผิดอีกกระทง 55555
อีก 2 วันต่อมา รุ่นพี่ปี 4 นัดรวมเพื่อเคลียร์ทั้งรุ่น เรานี่รู้สึกผิดนะ พาเพื่อนโดนหรอ เพื่อนก็ดีนะพร้อมลุย บอกเราว่า "เจ้อย่าคิดมากเลย คนอื่นเค้าก็อึดอัด ดีแล้วเราจะได้พูดอะไรบ้าง" แต่จริงๆแล้วปัญหาระหว่างชั้นปีมันมีกันทุกรุ่นแหละ แต่มันก็มีแค่ตอนเรียนนะ พอจบมาก็รักกันเหมือนเดิม ด้วยความที่โตมาจากหม้อข้าวเดียวกันแหละเนอะ หลังจากเคลียร์กันเสร็จแต่จริงๆ ปี3 ไม่จบ มีนัดเคลียร์กันนอกรอบต่ออีกวันหลัง วันนั้นแทบจะตบกันค่ะ ยุ่งเหยิงกันไปหมด ต่างฝ่ายต่างอารมณ์ระเบิด แต่สำหรับเรานะ จบคือจบ ถ้าใครอยากนอกรอบก็ให้มาเคลียร์กันตัวต่อตัว เกลียดที่สุดคือเก่งเฉพาะเวลามีพวกพ้อง แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครยุ่งกับเราอีกนะ จริงๆพอมารู้ทีหลังนะรุ่นพี่เกลียดเราเยอะนะ เพราะเราดูเป็นคนตรงๆแรงๆ ถ้าใครไม่ได้สัมผัสจะคิดว่าเราหยิ่ง แต่ถ้าใครสนิทด้วยจะรู้ว่าคนล่ะเรื่องเลย
ช่วงปีนั้นเป็นช่วงเข้าเบญจเพสด้วยแหละ มีแต่เรื่อง มีแต่ปัญหา เกือบพาเพื่อนไปตาย ขับรถตกคลอง จำได้เลยว่าถ้าเหยียบคันเร่งช้ากว่านั้นนิดเดียว รถปีนขึ้นมาไม่ได้รถคว่ำแน่ๆ พอขึ้นจากคลองได้ก็มาตัดหน้ากับรถสิบล้อ นิดเดียวจริงๆเกือบจะโดนเหยียบ ถนนเส้นนั้นเป็นถนนเส้นพระราม2 แถวเลี้ยวเข้าบ้านแผ้ว คือนั่งกันไป 5 คนเต็มรถ ไปทำกิจกรรมอาสาที่ต่างหวัด เพราะเป็นคนชอบขับรถเร็ว และตอนนั้นฝนตกถนนเปียกกำลังลื่นด้วย กำลังค่ำๆ มองไม่เห็นทางเลี้ยว เพราะตัวเองอยู่เลนขวาสุด ซึ่งจะต้องเลี้ยวเข้าเลนซ้ายสุด วิ่งมาด้วยความเร็ว 120 กม/ชม หักพวงมาลัยแต่รถเสียหลักจนควบคุมรถไม่ได้ นาทีชีวิตจริงๆ ยังดีที่คนไม่เป็นอะไรเลย รถก็เป็นแค่ภายนอก จากนั้นเราเลยกลายเป็นคนใจเย็นเลยทีเดียว มันนาทีชีวิตจริงๆ ย้อนกลับไปนะถ้าเพื่อนเราเป็นอะไรเราคงเสียใจมาก เพราะความประมาทของเราแท้ๆ
หลังจากที่รู้ว่าแฟนติดบอล โกงเงินเรา เอาทองไปขาย เราก็เลิกเลยค่ะ เลิกแบบไม่มีเยื่อใยด้วย เพราะที่คบก็ด้วยความสงสารเห็นตามจีบเรามา 2 ปี คือคบแบบไม่ได้รักไง เราก็สงสารนางนะคอยทำนู่นทำนี่ให้ แต่เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวค่ะ แล้วตอนเลิกนางไปเที่ยวบอกใครต่อใครว่านางเป็นคนขอเลิกเราเอง เราต่างหากที่ไม่ยอมไป แถมยังบอกคนอื่นว่ารถที่เราซื้อคือรถนาง เป็นชื่อของนางเอง นางจ่ายเงินเองทุกอย่าง เรานี่กรอกตามองบนเบ้ปากเลยค่ะ จากนั้นก็หาเงินคนเดียว ยังดีนะที่เราเองเบิกค่าเทอมได้ แต่ไม่มีเงินจากค่าเวรแล้วไง ไหนดอกเบี้ยที่เคยได้จากเงินกู้ก็ไม่มีแล้ว ก็แค้นนะคะที่น้ำพักน้ำแรงเราหายวับไปกับตาแบบนี้ รวมๆแล้วก็เกือบแสนเหมือนกัน ทำไงได้ทำใจสิคะ TT_TT
เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะคะ ขอตัวไปนอนก่อน ง่วงมากกก zzzzzz
กว่าจะถึงวันนี้.....กว่าจะถึงฝัน.....กว่าจะเป็นพยาบาล......กว่าจะมีความสุขกับชีวิตโสด (ภาค 2)
หลังจากที่เราผ่านการสอบผ่านข้อเขียน ผ่านสัมภาษณ์ ผ่านการอนุมัติลาเรียน และยังได้ทุนค่าเทอมมาอีกเด้งหนึ่ง นี่คือหนทางเริ่มต้นของการที่เราจะได้เดินตามฝันแล้ว วันแรกของการเข้าเรียนมหาลัยเป็นการเข้าค่ายสามวันแรกพบของคณะค่ะ ถ้าถามถึงความรู้สึกในตอนนั้นคือแบบว่า กูมาทำเ-ี้ยไรที่นี่ มาให้เด็กด่า เด็กว๊ากใส่งั้นหรอ คือเราแบบว่าเป็นที่แบบไม่ชอบทำตามใคร แนวฮาดคอร์ ใครแรงมากูแรงกลับไรงี้ คือด้วยนิสัยเดิมก็พร้อมชนอยู่แล้ว ยิ่งรุ่นพี่ทั้งหลายก็เด็กกว่าเราอยู่แล้ว เพราะเรามาจากโควต้าผู้ช่วยพยาบาล แต่ตามธรรมเนียมที่นี่(จริงๆเราว่าทุกที่แหละ) มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน อีกอย่างคือแบบเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนหมู่มากต้องมาถูกลงโทษเพราะตัวเอง ก็เลยกัดฟันทนต่อไปจนครบสามวัน (แต่ถ้าความรู้สึกตอนนี้น่ะหรอ มันคิดถึงตอนนั้นมากๆ คิดถึงเพื่อนๆ) คือจริงๆมันก็แปลกๆนะกับการเข้ามาเป็นปี 1 ทั้งๆที่ตัวเองแบบแก่แล้วอ่ะ ทำงานมาแล้ว คือฟิลแบบว่ามันเล่นอะไรกับเด็กๆพวกนี้ไรประมาณนี้ รุ่นพี่ก็เด็กมากกกก แต่ก็นะเข้าใจว่าอีกมุมของชีวิตเรา ครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยเต็มตัว เรียนรามก็ไม่ได้เข้าห้องเรียน คอยดูนะ ช้านจะตั้งใจเรียนเอาเกียรตินิยม 55555 หึหึ
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตนิสิตเต็มตัว เรียนค่าาาาา สมองนี่จะระเบิด ต้องมาเรียนพื้นฐานวิทย์ใหม่หมด เดี๋ยวๆๆๆๆๆเราจบ ม.6 มา 5 ปี ขอบอกเลยว่าตามเพื่อนๆไม่ทันค้าาา เรียนแต่ละคาบเรานี่เข้าไปหลับ วิชาเลคเชอร์โดดค่ะ เป็นอย่างนี้ตลอด เรียนก็หนัก ตกเย็นก็ซ้อมเชียร์จนดึก มันเหนื่อยมากกกก จนวันนึงฉุกคิดได้ว่ารามชั้นล่ะ เหลือ2เล่มเองนะ จะทิ้งหรอ จะทำตัวเกเรแบบนี้หรอ คือด้วยความที่เราชอบเที่ยว ชอบดื่ม ชอบกิน ทุกวันหยุดเรากลับเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพตลอด เพราะมหาลัยอยู่นอกเมือง ร้านเหล้าน่ะมีแต่กฎห้ามปี 1 ไปไง เลยเข้ามาเที่ยวในเมืองเอา เพราะไม่อยากทำผิดกฎให้เพื่อนๆเดือดร้อน ก็อยู่ได้ไม่เดือดร้อนนะ แต่รามนี่สิเมื่อไหร่จะจบ เพื่อนๆที่มาเรียนด้วยกันมันจบหมดแล้วอ่ะ เราก็ 5 ปีแล้วนะ เรียนพยาบาลก็หนัก กิจกรรมก็เยอะ อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าปีสูงยิ่งหนักนะ เราเลยฮึดเก็บแรงเฮือกสุดท้าย คือเหลือ 2 เล่มมาปีนึง ไม่จบสักที สุดท้ายค่ะ เรียนจบรามตอนมาเรียนพยาบาล ใช้เวลาไป 5 ปีครึ่ง ภูมิใจมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้นะ บังคับตัวเองจนจบได้ แต่เราย้ายจากเอกบัญชีมาเอกการตลาดนะ ก็ยังถือว่าโชคดีที่เอาตัวรอดมาได้ เพราะช่วงนั้นทำงานช่วง ส-อา ด้วย ไปรับขึ้นเวรที่ รพ เอกชนไง เรียนหนัก เที่ยวหนัก ทำงานเยอะ ร่างแทบพัง ผลสุดท้ายเกรดของเทอมแรกออกมานี่โคตรห่วย ยังดีที่ไม่ติดโปร แต่ถูกหัวหน้าเรียกไปอบรมความประพฤติค่ะ จ๋อยกันเลยทีนี้ เพราะถ้าเกรดไม่ถึงเกณฑ์จะต้องชดใช้ทุนคืนพร้อมดอกเบี้ย ทำไงดีล่ะทีนี้ T_T
ด้วยความที่เป็นคนไม่รู้จักพอในชีวิต อยากได้นู่นนี่นั่น ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีเงิน ถึงจะเที่ยวก็จริงแต่ก็รับขึ้นเวรหาเงินตลอด ร่างแทบพังจนเก็บเงินได้อยู่ก้อนนึง ก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย ที่จริงตอนนั้นก็มีแฟน เลยให้แฟนเอาไปปล่อยเงินกู้ โหหหหหห ชีวิตตอนนั้นนะดีมากกกกค่า คือตอนนั้นทำงานเยอะ มหาลัยก็อยู่ไกล ต้องเดินทางโดยรถตู้คือมันก็เหนื่อย มีความคิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าต้องมีรถสิ จะได้เดินทางสบาย โก้ด้วยนะ เรียนมหาลัยมีรถขับไปเรียน นั่นนนนนไง หารู้ไม่ว่านั่นแหละคือนรกชัดๆ พอคุยกับแม่ แม่ก็ช่วยออกค่าดาวน์ให้ส่วนหนึ่งเป็นของขวัญเรียนจบ งวดส่งรถแต่ละเดือนก็หาเอง สุดท้ายก็ได้รถมือสองสภาพเอี่ยมอ่องมาคันนึง แรกๆก็ไม่ลำบากนะ เก็บดอกเงินกู้แต่ละเดือนก็เยอะ ไหนจะค่าเวรอีก เงินเยอะค่ะ เที่ยวหนักเลยทีนี้ แต่เรื่องเรียนจริงจังมากกว่าเดิม เพราะรามจบแล้วเหลือพยาบาลอย่างเดียว แต่ก็สไตล์เดิม เรียนๆหลับๆ เพราะทำงานไปด้วย ต้องขึ้นเวรดึกตลอด เลยเป็นคนโหยหาการนอนมาก แต่สุดท้ายก็จบเทอมสองด้วยเกรดที่พุ่งกระฉูดจนอาจารย์ที่ปรึกษายังตกใจ คือตัวเองก็ตกใจนะว่าทำไปได้ไง แต่ไม่มีทางได้หรอกเกียรตินิยมอ่ะ เลี้ยงหมาตั้งแต่เทอมแรกแล้ว แง้ๆๆๆๆๆๆ
พอเข้าปีที่สองก็เป็นช่วงรับน้อง ต้องดูแลน้องปี1 เราสายกิจกรรมอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นคนหน้านิ่งอยู่ทุนเดิม ไม่ต้องพูดก็ดูดุมากอยู่แล้ว เพราะเป็นคนเสียงแข็งมากกก แล้วเป็นพี่วินัยอีกต่างหาก น้องๆนี่ไม่กล้าคุยด้วยกันเลยทีเดียว แต่จริงๆแล้วเราเป็นคนใจดีนะ 55555 ก็มีกิจกรรมตลอด เราก็ทำกิจกรรมจนไม่ค่อยได้ไปทำงานเท่าแต่ก่อน เงินก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ แล้วปีนั้นก็เป็นปีที่มีกีฬาพยาบาล เราก็เล่นวอลเล่ย์จนไม่ได้ไปขึ้นเวรเลย คนเราก็มักจะเลือกในสิ่งที่ตัวเองรักอยู่แล้วมั้ย จริงๆแล้วข้ออ้างค่ะ ขี้เกียจต่างหาก 55555 หลังจากนี้แหละความบรรลัยเริ่มบังเกิด เวรไม่ได้ไปขึ้น กินบุญเก่าของดอกเงินกู้ แต่ทีนี้โดนแฟนตัวเองนี่แหละค่ะโกง มันบอกว่าคนที่กู้หนีหนี้ แต่มาจับได้ทีหลังว่ามันติดบอล ยิ่งกว่านั้นเอาทองเราไปจำตั้งนานจนทองหลุดจำนำอีกต่างหาก ชีวิตนรกมากตอนนั้น ยังดีที่มันเหลือสร้อยคอที่ตาเคยให้ตั้งแต่เด็กไว้ให้เราเส้นนึง
ช่วงนั้นเป็นช่วงปัญหาไม่พอ ยังมามีเรื่องกับรุ่นพี่ที่คณะค่ะ เรื่องไม่เป็นเรื่อง ด้วยความที่เราเองเป็นคนไม่ยอมคน ไม่ชอบหาเรื่องใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาหาเรื่อง ถ้าเจอใครหาเรื่องนี่พร้อมลุยมาก เรื่องมีอยู่ว่าเราพาน้องเทคไปเลี้ยง แล้วในชั้นปีน้องก็ซ้อมเชียร์ คือจริงๆมันก็เป็นเรื่องธรรมดานะ ที่รุ่นพี่ปี 3,4 พาน้องไปเลี้ยง แต่ดันมาเหน็บเราต่อหน้ารุ่นน้องไง อันนี้มีคนมาเล่าให้ฟัง ไม่ได้ยินกับหูหรอกค่ะ อารมณ์เราคือพวกคุณพาน้องไปเลี้ยงกันได้ แล้วทำไมเราพาไปไม่ได้ล่ะ ของขึ้นสิคะงานนี้ มีเคลียร์แน่นอน พอเรารู้เรื่องเราก็เลยหาเบอร์สิคะงานนี้ โทรค่ะโทรเคลียร์ เราเองคุยคนเดียวนะคะ แต่พวกนางรุมเราทางโทรศัพท์ 4 คนค่ะ คือเราอ่ะนะไม่อยากให้เพื่อนๆมีเรื่องกับรุ่นพี่เพราะเราไง เพราะเวลาทำผิดต้องรับผิดทั้งรุ่น แล้วอีกอย่างคือแบบว่ารุ่นพี่ถูกเสมอ เลยอยากเคลียร์คุยกันแบบว่าให้จบๆทีเดียว 4 คนที่ว่าเนี่ยเป็นผู้ชายนะคะ คือแบบต่อให้ชายรึหญิงเราก็ไม่ได้กลัวไง เรายอมรับนะว่าด่าคนไม่เป็น เถียงคนไม่สู้ พวกนางก็รุมใหญ่ค่ะ เราเลยบอกพวกนางว่าให้ลงมาคุยกันข้างล่างจะได้รู้เรื่อง เราจะรออยู่ข้างล่าง ไปคนเดียวด้วยค่ะ ไม่หาพวกด้วย สรุปพวกนางไม่ยอมลงมาค่ะ เราก็เลยกลับห้อง ตอนนั้นมีเพื่อนรู้เรื่องนี้อยู่ 3 คน แล้วเราก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังอีกเลย ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าหาพวกพ้องด้วย
เช้าวันต่อมาอาจารย์ที่คณะเรียกเราไปคุยเรื่องนี้ ถามว่าเรามีปัญหาอะไรรึป่าวถึงมีเรื่องกับรุ่นพี่ เรานี่ของขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีก คือแบบทำอะไรเราไม่ได้ถึงขนาดต้องมาฟ้องอาจารย์กันเลยหรอ กลายเป็นเรื่องใหญ่ในคณะเลยค่ะ ชื่อเราติดโผความแรงกันเลยทีเดียว เราเองยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังเล้ยยยยย แม่มมมมม เชื่อมั้ยว่าอยู่ดีๆพี่กุ้งเป็นพี่รหัสเราที่จบไปทำงานอยู่ รพ.ใกล้ๆ มาหาเราแล้วถามเราว่ามีเรื่องอะไรกับรุ่นพี่ เรางี้อึ้งมากอ่ะ ไม่อยากเล่าให้ฟังนะไม่อยากให้คนมองว่าขี้ฟ้อง แต่พี่กุ้งเราบอกว่า "กูรู้เรื่องหมดแหละ แค่อยากรู้จากปากน้องรหัสกูแค่นั้นแหละ กูเป็นพี่ทำไมไม่คิดจะเล่าให้กูฟังบ้าง" ผมนี่จุกเลยฮ่ะ "หนูไม่อยากให้ใครมองว่าหาพวก เข้าใจหนูนะ" จริงๆพี่กุ้งนี่ถ้านับอายุก็รุ่นเดียวกับเรานะ หลังๆมาเลยเที่ยวด้วยกัน ไปไหนมาไหนกันบ่อย เพราะวัยเดียวกันคุยกันรู้เรื่อง ขาโหดด้วยนะคนนี้ 55555 ยังๆไม่พอ พี่รหัสปี 4 ชื่อพี่เขียว มีงอลเราด้วยนะ คนนี้เป็นประธานสโมสรนิสิตด้วย พี่เขียวพูดว่า "ทำไมน้องรหัสกูไม่เล่าให้ฟัง ทำไมกูต้องรู้จากปากคนอื่น คนอื่นเค้านินทากันชิ-หาย นี่นะ" สรุปปปปปป ตรูผิดอีกกระทง 55555
อีก 2 วันต่อมา รุ่นพี่ปี 4 นัดรวมเพื่อเคลียร์ทั้งรุ่น เรานี่รู้สึกผิดนะ พาเพื่อนโดนหรอ เพื่อนก็ดีนะพร้อมลุย บอกเราว่า "เจ้อย่าคิดมากเลย คนอื่นเค้าก็อึดอัด ดีแล้วเราจะได้พูดอะไรบ้าง" แต่จริงๆแล้วปัญหาระหว่างชั้นปีมันมีกันทุกรุ่นแหละ แต่มันก็มีแค่ตอนเรียนนะ พอจบมาก็รักกันเหมือนเดิม ด้วยความที่โตมาจากหม้อข้าวเดียวกันแหละเนอะ หลังจากเคลียร์กันเสร็จแต่จริงๆ ปี3 ไม่จบ มีนัดเคลียร์กันนอกรอบต่ออีกวันหลัง วันนั้นแทบจะตบกันค่ะ ยุ่งเหยิงกันไปหมด ต่างฝ่ายต่างอารมณ์ระเบิด แต่สำหรับเรานะ จบคือจบ ถ้าใครอยากนอกรอบก็ให้มาเคลียร์กันตัวต่อตัว เกลียดที่สุดคือเก่งเฉพาะเวลามีพวกพ้อง แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครยุ่งกับเราอีกนะ จริงๆพอมารู้ทีหลังนะรุ่นพี่เกลียดเราเยอะนะ เพราะเราดูเป็นคนตรงๆแรงๆ ถ้าใครไม่ได้สัมผัสจะคิดว่าเราหยิ่ง แต่ถ้าใครสนิทด้วยจะรู้ว่าคนล่ะเรื่องเลย
ช่วงปีนั้นเป็นช่วงเข้าเบญจเพสด้วยแหละ มีแต่เรื่อง มีแต่ปัญหา เกือบพาเพื่อนไปตาย ขับรถตกคลอง จำได้เลยว่าถ้าเหยียบคันเร่งช้ากว่านั้นนิดเดียว รถปีนขึ้นมาไม่ได้รถคว่ำแน่ๆ พอขึ้นจากคลองได้ก็มาตัดหน้ากับรถสิบล้อ นิดเดียวจริงๆเกือบจะโดนเหยียบ ถนนเส้นนั้นเป็นถนนเส้นพระราม2 แถวเลี้ยวเข้าบ้านแผ้ว คือนั่งกันไป 5 คนเต็มรถ ไปทำกิจกรรมอาสาที่ต่างหวัด เพราะเป็นคนชอบขับรถเร็ว และตอนนั้นฝนตกถนนเปียกกำลังลื่นด้วย กำลังค่ำๆ มองไม่เห็นทางเลี้ยว เพราะตัวเองอยู่เลนขวาสุด ซึ่งจะต้องเลี้ยวเข้าเลนซ้ายสุด วิ่งมาด้วยความเร็ว 120 กม/ชม หักพวงมาลัยแต่รถเสียหลักจนควบคุมรถไม่ได้ นาทีชีวิตจริงๆ ยังดีที่คนไม่เป็นอะไรเลย รถก็เป็นแค่ภายนอก จากนั้นเราเลยกลายเป็นคนใจเย็นเลยทีเดียว มันนาทีชีวิตจริงๆ ย้อนกลับไปนะถ้าเพื่อนเราเป็นอะไรเราคงเสียใจมาก เพราะความประมาทของเราแท้ๆ
หลังจากที่รู้ว่าแฟนติดบอล โกงเงินเรา เอาทองไปขาย เราก็เลิกเลยค่ะ เลิกแบบไม่มีเยื่อใยด้วย เพราะที่คบก็ด้วยความสงสารเห็นตามจีบเรามา 2 ปี คือคบแบบไม่ได้รักไง เราก็สงสารนางนะคอยทำนู่นทำนี่ให้ แต่เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวค่ะ แล้วตอนเลิกนางไปเที่ยวบอกใครต่อใครว่านางเป็นคนขอเลิกเราเอง เราต่างหากที่ไม่ยอมไป แถมยังบอกคนอื่นว่ารถที่เราซื้อคือรถนาง เป็นชื่อของนางเอง นางจ่ายเงินเองทุกอย่าง เรานี่กรอกตามองบนเบ้ปากเลยค่ะ จากนั้นก็หาเงินคนเดียว ยังดีนะที่เราเองเบิกค่าเทอมได้ แต่ไม่มีเงินจากค่าเวรแล้วไง ไหนดอกเบี้ยที่เคยได้จากเงินกู้ก็ไม่มีแล้ว ก็แค้นนะคะที่น้ำพักน้ำแรงเราหายวับไปกับตาแบบนี้ รวมๆแล้วก็เกือบแสนเหมือนกัน ทำไงได้ทำใจสิคะ TT_TT
เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะคะ ขอตัวไปนอนก่อน ง่วงมากกก zzzzzz